ความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอน คติชีวิตฉันเมื่อเข้าสู่เลข 3

<<
มีนาคม 2552
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
12 มีนาคม 2552
 

ใจสุข

ตั้งแต่จำความได้ ฉันกับแม่ไม่เคยคุยกันได้เกิน 15 นาที เพราะเราสองคนมักมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันเสมอ ไม่มีใครถูก ไม่มีใครผิด ต่างคนต่างว่าเหตุผลของตนดี แต่เมื่อไม่นานมานี้ มีบางสิ่งที่ทำให้เราสองแม่ลูก ปรับความเข้าใจ เข้าหากันและกัน มันเริ่มมาจาก ตัวฉันที่ไม่มีความสุขกับสิ่งที่ต้องเป็นอยู่ ไม่ว่าชีวิตการงาน ชีวิตที่บ้าน หรือแม้กระทั่งกับคนที่รักกันมาหลายปี ส่วนแม่เอง ก็ทุกข์ใจกับมรสุมชีวิตที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อยามแก่ เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นแม่ต้องร้องไห้ เศร้าใจและดูแก่ลงเป็น 10 ปีในช่วงเวลา 1 เดือน เมื่อแรกเริ่มนั้น เราต่างพูดปรับทุกข์กันว่า ความทุกข์ของใครนั้นยิ่งใหญ่กว่ากัน ฉันหรือแม่ ฉันมีเหตุผลว่า ชีวิตของฉันเพิ่งเริ่ม และจะต้องทนทุกข์ไปอีกนาน จนกว่าลมหายใจจะหมดสิ้น และในขณะที่แม่เอง อยากได้ความสงบสุขในช่วงปลายของชีวิต ก่อนจากโลกนี้ไป เราจึงเริ่มพูดคุยกัน และหาทางออกให้กับตัวเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง แม่ก็ตั้งคำถาม ถามฉันว่า ลูกรู้มั้ย ความสุขของลูกอยู่ที่ไหน ฉันตอบว่าขึ้นอยู่กับอะไรหลายๆอย่าง รอบตัวเรา แล้วฉันก็ถามแม่กลับว่า แม่หล่ะคะ ความสุขของแม่อยู่ที่ไหน แม่บอกว่า หากเป็นแต่ก่อนคงตอบฉันว่า อยู่ที่พ่อ แต่เดี๋ยวนี้อะไรๆหลายๆอย่างเปลี่ยนไป แม่เองก็พยายามหาคำตอบนั้นให้กับตัวเองเช่นกัน เวลาผ่านไปเนิ่นนาน นานจนฉันลืมคำถามนี้ไป มาวันหนึ่งแม่ชวนฉันไปทานข้าวนอกบ้าน ฉันจำได้ว่าเราไปทานข้าวที่ร้านริมคลองเล็ก ที่ฝั่งตรงข้ามมีบ้านไม้พร้อมศาลาริมน้ำ มีหมาน้อยตัวมอมแมมนอนอยู่ เราทานข้าวไปคุยกันไป ฉันสังเกตุได้ว่า เดี๋ยวนี้แม่ใจเย็นกับฉันมากขึ้น รับฟังฉันมากขึ้น และฉันเองก็รู้สึกอยากคุย รับฟังความรู้สึกของแม่มากขึ้น อาจเป็นเพราะเรากำลังต้องผ่านพ้นวิกฤติชีวิตครอบครัวร่วมกัน เมื่ออิ่ม แม่ถามฉันว่า ลูกจำได้มั้ย แม่เคยถามว่าความสุขของลูกอยู่ที่ไหน แล้วลูกตอบแม่ว่า อยู่ที่ทุกสิ่งรอบตัวเรา เมื่อวานนี้ แม่นั่งคิดถึงคำถามนี้ แล้วก็ได้คำตอบว่า จริงๆแล้ว มันไม่ใช่ มันไม่ใช่ทุกสิ่งที่อยู่รอบข้าง มันไม่ใช่สิ่งที่เราสัมผัสได้ หรือ แม้กระทั่งรู้สึกได้ แต่เป็นสิ่งที่มีอยู่ในตัวเราต่างหากที่ทำให้เรามีความสุข ฉันงงและไม่เข้าใจ ความรู้สึกนั้นคงปรากฎบนหน้าฉัน แม่อมยิ้มแล้วบอกว่า หัวใจลูกไง ที่เป็นที่สร้างความสุข ถ้าลูกบอกกับแม่ สิ่งรอบข้างเป็นตัวกำหนดความสุข ถ้าอย่างนั้น หัวใจของลูกก็ผูกติดกับสิ่งเหล่านั้น เหมือนอย่างลูกอยากได้เสื้อตัวนึง อยากได้มาก ตอนไม่ได้ลูกก็ทุกข์ พอได้แล้วลูกก็สุข แต่สุขนานมั้ย แม่บอกได้เลยว่าไม่นาน รู้มั้ย ทำไมแม่ถึงรู้ เพราะลูกไม่เคยใส่เสื้อตัวเดียวตลอดกาล ลูกซื้อเสื้อใหม่มาเรื่อยๆ ตามใจลูก ตามใจแฟน ตามแฟชั่นบ้าง ถ้าลูกมีความสุขจริงกับเสื้อที่ลูกซื้อ ลูกจะไม่ซื้อเสื้อใหม่มาเรื่อยๆ แต่ที่ลูกซื้อมาเรื่อยๆแบบนั้นสนองความอยาก เขาเรียกสุขสั้น สุขแป๊บเดียว พอมันได้มา อยู่กับเราไปเรื่อยๆ มันก็ไม่ได้สร้างความสุขอะไร เราถึงไขว่คว้าความสุขใหม่ๆมาเรื่อย แม่เองก็เป็น คาดหวังไปเรื่อยกับเรื่องในครอบครัวของเรา พอผิดหวังเข้าก็ทุกข์ เพราะแม่เอาความสุขไปไว้กับคนอื่น แล้วเราบังคับให้คนอื่นเป็นไปอย่างที่เราอยากให้เป็นได้มั้ย คำตอบก็คือไม่ได้ เราจึงทุกข์ เพราะเราคิดว่าความสุขของเราอยู่ที่คนอื่น ฉันนั่งอ้าปากฟังแม่พูดด้วยความแปลกใจ แอบคิดในใจว่าวันนี้ แม่มามาดใหม่ เท่ห์จริงๆ แล้วแม่ก็เล่าให้ฟังว่า เมื่อวานซืน แม่มาทานข้าวที่นี้กับเพื่อน แล้วก็มองเห็นหมาน้อยมอมแมมตัวนั้น แม่สงสัยว่าทำไม มันไม่เข้าไปนอนในบ้าน ค่ำแล้วก็ยังนอนตากยุงอยู่ที่ศาลา ในขณะเดียวกันก็แปลกใจ ที่ทำไมเจ้าของบ้าน ถึงไม่เรียกมันเข้าบ้าน หรือทำไมไม่อาบน้ำให้มันดูสะอาดกว่านี้ แม่บ่นกับเพื่อน แต่เผอิญเด็กเสิร์ฟได้ยิน จึงเล่าให้ฟังว่า หมาน้อยตัวนั้นสมัครใจนอนที่ศาลานี้เอง เพราะเจ้าของบ้าน เป็นยายแก่ๆที่เลี้ยงหมาไว้หลายตัว มันตัวเล็กกว่าใครเขา จึงถูกคนอื่นรังแกบ่อยๆ ผสมกับมันเป็นหมาข้างทาง ที่แม่มาคลอดทิ้งไว้ ยายจึงไม่ได้ให้เข้าบ้านเหมือนตัวอื่นๆ ที่ยายขอมาเลี้ยงเอง คนเสิร์ฟเล่าต่อว่า มันเป็นหมาเจียมตัวและเจียมใจ ไม่เคยแสดงท่าทีน้อยใจยาย แม้บางทียายจะลืมให้ข้าว ไม่เคยเห่าหอนให้รำคาญใจ ยายไล่ตะเพิดให้มันนอนข้างนอก มันก็เดินออกมานอนข้างนอก ยายไม่เคยใส่ใจในเรื่องเหาเห็บ มันก็กัดแทะกินเห็บด้วยตัวมันเอง ที่สำคัญ ครั้งนึง มันเคยช่วยยายไว้จากขโมย มันเห่าสู้ขู่โจร จนเจ้าของร้านที่ฉันนั่งอยู่นี้ ตื่นแล้วตะโกนโวยวายพร้อมส่องไฟ จนขโมยหนีไป ยายเองก็ยังไม่ให้เข้าบ้าน หมาน้อยไม่เคยอยู่ไกลยาย หายไปอย่างมากก็ 2-3 ชั่วโมง แล้วก็กลับมานอนที่ศาลาเช่นเดิม เป็นอย่างนี้มา 4-5 ปีแล้ว พวกคนเสิร์ฟเขาเลยเรียกมันว่าไอ้เพชร เพราะมันใจเพชรเหลือเกิน แม่เล่าไปก็ยิ้มไป ฉันเองก็หันไปมอง เห็นมันกำลังงับเห็บบนตัวอย่างสุขใจ คิดแล้วอดสะท้อนใจและนึกทึ่งไม่ได้ ที่หมามันคิดได้ขนาดนี้ ทั้งๆที่มันอยู่กับคนที่ไม่ค่อยเอาใจใส่ หรือรักใคร่อะไรมันมากมาย ไม่เคยได้ของขวัญ ไม่เคยได้อะไร แต่มันกลับมีความสุขใจที่ได้มีชีวิตอยู่ ฉันมองหน้าแม่ อดยิ้มให้แม่ไม่ได้ บอกกับแม่ว่า อย่างน้อยตอนนี้ฉันก้อรู้แล้วว่าตัวฉันมีความสุขได้ที่ไหน ก็ตอนที่ได้นั่งคุยกับแม่ไง ให้แม่พูดคุยเตือนสติฉันแบบวันนี้ แม้ว่าวันนี้อาจยังมีความสุขด้วยตนเองไม่ได้ แต่วันนึง ฉันจะมีหัวใจที่สุขได้ด้วยตัวเองได้ อย่างหมาน้อยตัวนี้ แม่ยิ้มน้อยใหญ่ ชวนฉันกินเฉาก๊วยถ้วยใหญ่ วันนี้คงเป็นวันดีๆอีกวันนึง ที่บัวใต้น้ำอย่างฉัน พอจะมีโอกาสได้สัมผัสกับอากาศบนผิวน้ำบ้าง ต้องขอบคุณแม่สำหรับข้อคิดดีๆนี้
อยากให้ทุกคนที่ได้อ่านเรื่องนี้ มีสติผ่านพ้นเรื่องไม่ดีที่เกิดขึ้นในช่วงนี้กันไปให้ได้นะคะ




 

Create Date : 12 มีนาคม 2552
2 comments
Last Update : 12 มีนาคม 2552 19:34:18 น.
Counter : 433 Pageviews.

 
 
 
 
ดีใจด้วยค่ะ ที่หันหน้ากลับมาคุยกับคุณแม่อีกครั้ง ที่ได้พบข้อคิดอะไรดีๆ ได้เจอหนทางไปสู่ความสุขแท้จริงค่ะ
 
 

โดย: แครอท วันที่: 12 มีนาคม 2552 เวลา:20:35:40 น.  

 
 
 
เป็นกำลงใจให้นะคะ

เรื่องนี้ สอนอะไรหลายๆอย่างในชีวิตค่ะ

เรื่องบางเรื่องอาจฟังมาจากคนอื่น

แต่เรื่องบางเรื่อง ต้องประสบด้วยตัวเอง

ถึงจะรู้ซึ้งค่ะ................

ยังไง ๆ แม่กับลูก ก็ตัดกันไม่ขาด
 
 

โดย: ~ เจ๊ล่ะเบื่อ!!!! ~ วันที่: 12 มีนาคม 2552 เวลา:22:01:47 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

หวานแพร
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




อนาคต คือ สิ่งที่ไม่แน่นอน เฉกเช่นตัวฉัน อนิจจัง มนุษย์เรา
[Add หวานแพร's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com