....but poetry, beauty, romance, love. These are what we stay alive for. -Dead Poet Society-
Group Blog
 
 
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
9 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
MISS call

“เชียงใหม่เป็นไงบ้าง?”

เสียงปลายสายถามมายิ้มๆ ในตอนบ่ายที่แสนเงียบเหงาวันหนึ่ง

ทำไมถึงรู้ว่าเขายิ้มเหรอ? ไม่รู้สิ แต่ฉันแน่ใจว่าเขายิ้มนะ ฉันรู้สึกได้...

“ก็ดี เรื่อยๆ” ฉันตอบไปเสียงเนือยๆ...ตรงกันข้ามกับหัวใจลิบลับ

“ปรับตัวได้แล้วสิ?”

“ใครว่า ยังโฮมซิกอยู่เลย”

“อะไร? โฮมซิก บ้านอยู่เชียงใหม่ไม่ใช่รึไง?”

“แหม...อยู่เมืองกรุงมาเกือบ 10 ปี มันก็เหมือนบ้านนั่นแหล่ะ”

เขาหัวเราะ “จะคิดถึงมันทำไม๊ กทม. ไม่เห็นน่าอยู่ รถก็ติด อากาศก็เสีย ค่าครองชีพก็แพง เชียงใหม่น่าอยู่จะตาย ใครๆ ก็อยากไปอยู่”

“งั้นก็มาอยู่ที่นี่ด้วยกันสิ”

ปลายสายเงียบ ได้ยินเสียงเหมือน 'ฮึ' เบาๆ

“ที่พูดๆ กันว่าอยากมาอยู่น่ะ เอาเข้าจริงก็อยู่ไม่ได้หรอก มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าน่าอยู่หรือไม่น่าอยู่ มันอยู่ที่เราชอบวิถีชีวิตแบบไหนต่างหาก”

“โอ้โห คมนะวันนี้”

“จริงนะ ไม่เคยเห็น กทม. สวยเลย จนกระทั่งวันที่ต้องจากมันมานั่นแหล่ะ” ฉันพยักหน้ายืนยันกับตัวเองหงึกหงัก

“ถึงมันจะเป็นเมืองอัปลักษณ์ แต่มันก็มีเสน่ห์ในแบบของมัน”

“อืม จะจำไว้ แล้วจะลองไปมอง กทม แบบนั้นดูบ้าง”

ฉันว่าเขากำลังยิ้มกว้างขึ้นอีกแล้วล่ะ

“แล้วนั่นอยู่ไหนล่ะ?”

“บนถนน”

“จะไปไหน?”

“ไม่ได้ไปไหน ไปไหนไม่ได้ ฝนตก รถติด เนี่ยแหล่ะ กทม.”

“อื้ม คิดถึงนะ บรรยากาศแบบนั้น”

“บ้าหรือเปล่า?

ฉันหัวเราะเบาๆ เออ นั่นสินะ ฉันคงเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ แต่ว่าเวลาฝนตกแล้วรถติด มันก็เป็นโอกาสดีที่เราจะได้นั่งมองเม็ดฝน ฟังเพลงเบาๆ จากเครื่องเสียงชั้นดีที่เสียเงินตั้งแพงไปติด แต่ก็ไม่เคยตั้งใจฟังเสียงเพราะๆ ที่ว่า เพราะปกติเราก็มัวแต่มุ่งหาจุดหมายมากกว่าความรื่นรมย์ระหว่างทาง

“เหงาก็มาเที่ยวสิ นั่งเครื่องแป๊บเดียว เดี๋ยวก็ถึง”

“ไม่มีเงินหรอก”

“งั้นก็มารถทัวร์”

“ตั้งเก้าชั่วโมง ไม่เอาหรอก ขี้เกียจ”

“ถ้างั้นก็อยู่ที่นั่นต่อไป ไม่ต้องมาบ่น”

“ใจร้าย” ที่พูดนี่อยากให้มาหานะ ไม่รู้รึไง---สองประโยคหลัง ได้แต่คิด ไม่กล้าพูดหรอก

เงียบไปอีกอึดใจหนึ่ง ได้ยินปลายสายถอนหายใจยาว

“นี่ตกลงจะอยู่ที่นั่นตลอดไปเลยใช่ไหม?”

ฉันยักไหล่กับตัวเอง “ทำไงได้ มันเป็นบ้าน”

“เออ นะ บ่นท่าโน้นท่านี้ แต่ก็ยังไม่ยอมไปไหนอยู่ดี”

ฉันหัวเราะหึหึ ไม่มีความหมาย แค่อยากให้บทสนทนายืดยาวต่อไปอีกหน่อย

“เถอะ เอาไว้ว่างๆ แล้วก็ขยันกว่านี้หน่อย จะลงไปเที่ยว”

“รอให้ขยัน คงต้องรออีกเป็นชาติ” เขาว่าเสียงกลั้วหัวเราะ

“อย่ามาดูถูกกันนะ อยู่ที่นี่แล้วขยันนะ ตื่นแต่เช้าทุกวันเลย”

“แล้วจะรอดู” เสียงกลั้วหัวเราะอีกแล้ว รู้สึกเหมือนถูกท้าทายหน่อยๆ แฮะ แต่ก็แปลกดี ฉันกลับชอบน้ำเสียงแบบนี้จัง

“อ้า รถเคลื่อนแล้วล่ะ ต้องวางก่อนนะ” เขาว่า ได้ยินเสียงขลุกขลัก นั่นคงเอาไหล่หนีบโทรศัพท์ไว้อีกตามเคย

“ขับรถดีๆ ล่ะ”

“อืม แค่นี้นะ...”

ได้ยินประโยคทำนองนี้แล้วใจหายนิดหน่อย ต้องวางซะแล้วเหรอเนี่ย อยากให้รถติดอีกซักพักจัง

“...แล้วเย็นนี้เจอกัน มารับด้วยนะ ไฟล์ทห้าโมง”

เอ๊ะ? อะไรนะ? นั่นแปลว่าอะไร?

ไม่ทันถามต่อ เพราะสัญญาณตัดไปแล้ว...ได้แต่เอียงคอมองโทรศัพท์

ฝนตก รถติด กรุงเทพฯ เสียงเพลงจากวิทยุคลอเบาๆ ?

ไม่มีความหมายแล้วมั้งตอนนี้ ไม่ต้องไปแล้วก็ได้ กทม.


เพราะต้นเหตุของความคิดถึงที่นั่น กำลังจะมาหาที่นี่แล้ว...ตอนนี้...



************************** จบ **************************



ไม่เจอกันนานนะคะ (ทักทายคนที่แวะมาอ่านบล็อกนี้เรื่อยๆ ซึ่งเข้าใจ (เอาเอง) ว่าน่าจะมีอยู่บ้าง 555)

เรื่องนี้เขียนไว้นานแล้วเหมือนกันค่ะ จำไม่ได้แล้ว แต่คิดว่าน่าจะเป็นตอนหน้าฝน มาแปะตอนหน้าร้อนแบบนี้ ไม่รู้จะเข้ากับอากาศหรือเปล่า ร้อนจะแย่แล้วตอนนี้ (หัวเราะ)

แต่วันนี้เหมือนจะมีพายุนะคะ ฟ้าที่นี่ครึ้มใช้ได้ อากาศอบอ้าวน่าดู (แถมแอร์ยังมาเสียอีกต่างหาก)

บทสนทนาไร้สาระนะคะ ว่ามั้ย? ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย
แต่เคยใช่ไหมล่ะคะ เคยคุยเรื่องไร้สาระกับใครได้เป็นนานสองนาน พอวางหูก็ต้องมานั่งทบทวนอีกว่า ไอ้ที่พูดๆ ไปน่ะ สรุปมันเรื่องอะไรกันแน่

แต่เรื่องอะไรก็ไม่สำคัญ เท่ากับว่ามันทำให้หัวใจเราพองโตขึ้นหรอก...จริงไหมล่ะคะ



Create Date : 09 เมษายน 2553
Last Update : 9 เมษายน 2553 18:51:00 น. 2 comments
Counter : 518 Pageviews.

 

มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

ผมชอบอ่านเรื่องสั้นที่เป็นบทสนทนาครับ ให้ความรู้สึกที่ดีไปอีกแบบครับ

อิอิ


โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 9 เมษายน 2553 เวลา:23:38:36 น.  

 
อ่านแล้วยิ้มเลยค่ะ..
ไม่ได้ยิ้มที่เรื่องสั้นสนธนาด้านบนนะคะ
แต่ยิ้มตรงข้อความด้านล่างต่างหาก..ที่ว่า
บางครั้ง คุยกับใครซักคน เออๆ อ่าๆ เพลินๆ
เหมือนรู้เรื่อง แต่จริงๆ ไม่รู้เรื่องหรอก..เพราะว่า
คุยกับใครบางคนแล้วมันหัวใจพองโต..อื้อๆ อึงๆ


โดย: nikanda วันที่: 19 เมษายน 2553 เวลา:5:33:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชญาลี
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




กวีนิพนธ์...ความงาม
ความใฝ่ฝัน ความอ่อนโยนอ่อนหวาน
และความรักต่างหากเล่า
คือเหตุผลหล่อเลี้ยงมนุษย์เรา
ดำรง "ชีวิต" อยู่บนโลกได้อย่างจริงแท้

-'ปราย พันแสง-

Photobucket



free counters
free counters
Friends' blogs
[Add ชญาลี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.