+゚○゚+ มาเป็น Animator กันไหม - แนะนำอุปกรณ์สำหรับผู้เริ่มต้น +゚○゚+
เชื่อว่าชาวไทยรุ่นใหม่หลายๆท่านที่เป็นคออนิเมน่าจะเคยมีความคิดบ้างนะคะ ว่า ดูอนิเมชาวบ้านเขามาก็เยอะแล้ว อยากมีอนิเมฝีมือตัวเองไว้เชยชมบ้างจัง รึไม่ก็อยากดูอนิเมไทยๆ ที่มันแหวกแนวละครพื้นบ้านบ้างจัง
หนูเองมีความคิดนี้มาเนิ่นนาน แต่ก็ได้แต่คิดไม่ได้ลงมือทำสักที จวบจนวัยเริ่มเลขสอง(มานาน)แล้วจึงเพิ่งมาคึกคักได้ ตรูจะทำแล้วนะ ก็เลยต้องอาศัยบล็อกเป็นตัวช่วยกระตุ้น(อีกแล้ว มาแนวกับภาษาญี่ปุ่น) อยากทำบล็อกที่แนะนำความรู้พื้นฐานในการสร้างอนิเมชั่น 2D แบบง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้ ให้คนที่มีความสนใจได้เข้ามาอ่านแลกเปลี่ยนความรู้กันนะคะ หนูเองก็ได้หาความรู้เพิ่มเติมไปด้วย
แน่นอน อนิเมชั่นสองมิติเป็นงานฝีมือที่ต้องอาศัยการวาด วาด และก็วาดเท่านั้น และเพื่อให้สามารถวาดได้อย่างราบรื่น มันต้องมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวก
- นี่คือรายการอุปกรณ์ที่อนิเมเตอร์ทั่วไปพึงมี -
1. ดินสอ HB - 2B : โดยทั่วไปนิยมใช้ดินสอกด โดยใช้ไส้ขนาด 0.5 มิล ไม่เกินกว่านี้ เพราะเส้นมันจะบางได้ที่ ส่วนความเข้มแนะนำเป็น HB มากกว่า 2B ฮ่ะ เพราะเส้นมันจะเนียนกว่า และลบง่ายไม่เลอะ หาซื้อได้ตามร้านเครื่องเขียนตามห้างฮ่า
รูปดินสอกด 0.5 มิล ไส้ดินสอกด 0.5 มิล
2. ดินสอสีไม้ : เอาไว้กั้นเงาในรูปที่วาดฮ่ะ ทั่วไปจะใช้ไม่เกิน 3 สี คือ น้ำเงิน แดง เหลือง (แม่สี) ยี่ห้อที่ใช้กันคือ mitsubishi ถ้าใช้ยี่ห้อไหนก็จะใช้ยี่ห้อนั้นไปเลยฮ่ะ เพราะสีพวกนี้เราต้องไปเซ็ตตอนสแกนเข้าเครื่องคอมฯ อีกที ถ้าเราเปลี่ยนยี่ห้อ พอสแกนรูปใหม่ก็อาจต้องเสียเวลาเซ็ตค่าสีใหม่ รายละเอียดเอาไว้อธิบายในเรื่องการสแกนรูปนะคะ รูปดินสอสี mitsubishi เคยเห็นมีขายที่ชั้นเครื่องเขียนเดอะมอลล์บางกะปินะคะ เป็นแยกสีขายแท่งละ 40 บาทค่ะ ความจริงน่าจะใช้ยี่ห้ออื่นได้นะคะ แต่เห็นงานญี่ปุ่นเขาใช้ยี่ห้อนี้กัน ก็เลยแนะนำค่ะ น่าจะมีมาตรฐานที่สุด
3. ยางลบ : เรื่องเล็กที่มองข้ามไม่ได้นะคะ จากประสบการณ์ที่ใช้ยางลบมาหลากยี่ห้อ แนะนำยี่ห้อ Sakura อันเดียวเลยค่ะ เพราะลบง่าย สะอาด ไม่กินเนื้อกระดาษ ราคาไม่แพงเกินไป หาซื้อได้ตามร้านเครื่องเขียนทั่วไปค่ะ แต่แนะนำให้ซื้อเป็นก้อนเล็ก หรือถ้าซื้อก้อนใหญ่ก็แนะนำให้ตัดแบ่งเป็นก้อนเล็กแบบ 10 บาท เพราะถ้าก้อนใหญ่เกินไปเวลาลบอาจหักได้ค่ะ ยางลบยี่ห้อ ซากุระ คิดว่าหลายคนน่าจะเคยใช้ ไม่ค่อยแนะนำเพนเทลที่ฮิตกันนะคะ เพราะเวลาลบเนื้อยางชอบแตกเป็นก้อนเล็กๆ ทำให้เปลืองเนื้อไปโดยเปล่าประโยชน์ ราคาก็พอๆกัน ส่วนยี่ห้ออื่น อย่าง เฟเบอร์คาสเทล ก็เนื้อเหนียวเกินไปลบไม่ค่อยออก และอื่นๆ ที่ราคาค่อนข้างถูก นอกจากจะลบไม่ค่อยสะอาดแล้ว ยังกินเนื้อกระดาษด้วย อาจจะเหมาะกับใช้แก้ขัดมากกว่า 4. แผ่นเพลต : เป็นแผ่นเพลตเอาไว้ลากรูปทรงต่างๆ อย่างพวกวงกลม เส้นโค้งต่างๆ น่าจะหาซื้อได้ตามร้านเครื่องเขียนตามห้างนะคะ เผอิญตัวเองยังไม่เคยไปเดินหาซื้อ ต้องขออภัย แต่เข้าใจว่าน่าจะมีทั้งแบบพลาสติก กับ สเตนเลส แนะนำสเตนเลสค่ะ เพราะขอบจะตัดได้เนียน ลากเส้นแล้วไม่สะดุด รูปแผ่นเพลตแบบที่ใช้กัน
5. กระดาษ : ทั่วไปใช้ เอ4 ค่ะ เพราะเป็นขนาดสากล สแกนได้ง่าย แนะนำสัก 70-80 แกรมพอนะคะ 100 แกรมอาจจะหนาไปหน่อย ไม่เหมาะกับการวาดเวลาทาบ ยี่ห้อนั้นเลือกเอาตามใจ เน้นให้เนื้อเนียนๆ สะอาดไม่มีไฝฝ้าละกันค่ะ 6. ไม้แท็บ : ไม่รู้ภาษาไทยจริงๆค่ะ เรียกทับศัพท์ไปละกัน ไม้แท็บจะมีลักษณะคล้ายไม้บรรทัด ดูจากรูปนะคะ จะเห็นว่ามีปุ่มยื่นๆ ออกมา เอาไว้ใส่กระดาษที่เจาะรูแล้วค่ะ เพื่อความสะดวกเวลาทาบวาดให้กระดาษอยู่นิ่งไม่ขยับค่ะ อันนี้ก็ยังไม่เคยเดินหาซื้อไม่แน่ใจว่ามีขายรึเปล่า แต่ถ้าไม่มีก็ไม่ใช่ปัญหาหรอกค่ะ ใ้ช้อย่างอื่นแทนได้ 7. โต๊ะไฟ : เห็นชื่อก็รู้แล้วค่ะ่ว่าเอาไว้ใช้เวลาดราฟท์รูป ใครเรียนสถาปัตย์น่าจะมีประจำกายกันคนละตัวอยู่แล้ว แต่ใครที่ไม่มีก็ลองหาซื้อได้ตามร้านเฟอร์นิเจอร์ น่าจะมี ราคาก็หลักพันฮ่า แต่ถ้าใครงบน้อยหนูมีวิธีทำโต๊ะไฟเอง ง่ายๆ ประหยัด ลงทุนไม่เกิน 200 บาทก็ถมถืดฮ่า อันนี้โต๊ะไฟทั่วไปราคาประมาณพันแปดฮ่า ครั้นคนงบน้อยอย่างเราจะไปลงทุนซื้อโต๊ะตัวเป็นพันก็กระไร ก็เลยคิดประดิษฐ์โต๊ะไฟเอง แต่เนื่องจากกล้องไม่ได้อยู่กับตัวเลยไม่มีรูปมาให้ดูประกอบค่ะ ต้องขออภัย วิธีทำก็ง่ายๆ ลงทุนซื้อกระจกขนาดสัก 80x50 ซม. ราคาไม่น่าเกิน 150 บาทมา เสร็จแล้วก็หากล่องอะไรสูงๆ ที่แข็งแรงหน่อย 2 กล่องมาทำเป็นขาโต๊ะ เอากระจกวางด้านบน ให้แน่ใจว่ากระจกจะไม่หล่น เสร็จแล้วก็เอาโคมไฟมาวางไว้ใต้กระจก ก็จะกลายเป็นโต๊ะไฟในบัดดลฮ่า ถ้าใครไม่มีโคมไฟก็ลงหาโคมไฟตามโลตัส บิ๊กซี อันร้อยกว่าบาทก็ถมถืดแล้วฮ่า หลอดไฟก็ใช้วัตต์ต่ำก็เพียงพอ ไม่ต้องเสียเงินถึงพันแปดก็ได้โต๊ะไฟหนึ่งตัวที่มีประสิทธิภาพเท่าเทียมกัน รึใครไม่ชอบโคมไฟก็อาจซื้อเป็นชุดสตาร์ทเทอร์มาใส่หลอดไฟเอาก็ได้ค่ะ แต่ส่วนตัวชอบโคมไฟเพราะมันเปลี่ยนหลอดไฟได้หลายแบบ หน้าตาประมาณนี้ 8. คลิปหนีบกระดาษ : เอาไว้หนีบกระดาษสองแผ่นให้ซ้อนกันนิ่งๆ ใช้คู่กับไม้แท็บค่ะ แต่ถ้าไม่มีไม้ใช้แค่คลิปก็น่าจะโอเคค่ะ ถ้าไม่ขยับกระดาษบ่อย แนะให้ใช้คลิปแบนๆ แบบกิ๊ฟท์ติดผม เวลาหนีบกระดาษจะได้ไม่เป็นรอยค่ะ ตัวอย่างแบบคลิป 9. คอมพิวเตอร์ + เครื่องสแกน : ขาดสองอย่างนี้ไปก็เลิกเลยค่ะ 10. อื่นๆ เช่น ไม้่บรรทัด แปรงปัดขี้ยางลบ พวกนี้แล้วแต่คนจะใช้จ้ะ ฯลฯ
--ฮ่าฮะ เป็นไงบ้างคะ สำหรับอุปกรณ์ อาจจะดูเยอะไปนิด แต่มันก็ทำให้เราสามารถทำงานได้สะดวกขึ้น เร็วขึ้นเยอะเลยนะคะ ใครสนใจก็ลองไปด้อมๆหาแหล่งซื้อดูนะคะ--
**เอาไว้คราวหน้าจะอธิบายเรื่องขั้นตอนการทำค่ะ ส่วนตัวไม่ได้เรียนมาทางนี้แต่แค่สนใจก็เลยหาข้อมูลต่างๆ ดู ไว้มาเรียนรู้ไปพร้อมๆกันนะค้า**
Create Date : 03 กันยายน 2551 |
Last Update : 3 กันยายน 2551 6:18:11 น. |
|
2 comments
|
Counter : 2584 Pageviews. |
|
|
สนใจค่ะ แต่เป็นคนที่วาดรูปไม่เป็นเลย แต่เวลาเห็นรูปการ์ตูนสวย ๆ ก็อยากทำได้บ้าง
การ์ตูนของheise กับ feimo เนี่ยมันมีหลักเดียวกันหรือเปล่าค่ะ ชอบทุกภาพของเขา แต่ไม่ได้ซื้อสมุดภาพเพราะไม่รู้จะหาซื้อที่ไหน ฝันสูงอยากให้ตัวละครของเรามีชีวิตขึ้นมาตามที่เรานึกจริง ๆ น่ะคะ