FLUTD : โรคทางเดินปัสสาวะส่วนล่างในแมว
credit: น.สพ.กิติกร เกียรติยิ่งอังศุลี click2vet.comFLUTD : Feline Lower Urinary Tract Disease : โรคทางเดินปัสสาวะส่วนล่างในแมว โรคทางเดินปัสสาวะส่วนล่างในแมวหรือ FLUTD ประกอบด้วยกลุ่มอาการต่างๆซึ่งส่วนใหญ่ก่อให้เกิดการอักเสบของทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง แมวป่วยมักแสดงอาการเหมือนกระเพาะปัสสาวะอักเสบในคน เช่นการมีเลือดในปัสสาวะ อาการปัสสาวะไม่ออกหรือลำบาก ในแมวบางตัว การเกิดผลึกนิ่วในทางเดินปัสสาวะส่วนล่างสามารถทำให้เกิดการอุดตันทางเดินปัสสาวะได้ ซึ่งพบได้บ่อยในแมวเพศผู้เนื่องจาก ท่อปัสสาวะของแมวเพศผู้แคบกว่าท่อปัสสาวะของแมวเพศเมีย ในแมวที่ไม่สามารถถ่ายปัสสาวะได้ สามารถเสียชีวิตได้ภายใน 2-4 วัน เนื่องจากกรณีที่มีการอุดตันของท่อปัสสาวะนั้นจะทำให้น้ำปัสสาวะไหลย้อนกลับขึ้นไปทำลายไต และทำให้เกิดไตวายตามมาได้ สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง ไม่มีสาเหตุที่แน่นอนของโรคทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง แต่จากการศึกษาพบว่ามีปัจจัยเสี่ยงดังนี้ อาหาร : ระดับแร่ธาตุบางชนิดที่สูงเกินไปจะทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดผลึกนิ่วในปัสสาวะ แร่ธาตุแมกนีเซียมและฟอสฟอรัส เป็นส่วนประกอบสำคัญของในนิ่วสตรูไวท์ (struvite) ซึ่งเป็นนิ่วที่พบได้บ่อย ดังนั้นจึงควรีการควบคุมปริมาณแร่ธาตุเหล่านี้ในอาหารให้มีปริมาณน้อย นอกจากนี้อาหารแมวยังมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความเป็นกรด-ด่างในปัสสาวะ ซึ่งนิ่วแต่ล่ะชนิดจะมีการก่อตัวในสภาพความเป็นกรด-ด่างที่แตกต่างกัน เช่นนิ่วสตรูไวท์จะก่อตัวในปัสสาวะที่เป็นด่าง ในขณะที่นิ่วแคลเซี่ยมออกซาเลท (calcium oxalate) จะก่อตัวได้ดีในปัสสาวะที่เป็นกรด ดังนั้นการให้อาหารที่ปรับสมดุลความเป็นกรด-ด่างของปัสสาวะได้เหมาะสมก็จะช่วยลดโอกาสการเกิดผลึกนิ่ว พฤติกรรม : การขาดการออกกำลังกาย การถูกกักขัง การกินน้ำน้อย การอั้นปัสสาวะ เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง สภาพร่างกาย : แมวที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วนเนื่องจากอาหารและปัจจัยแวดล้อม มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง เพศ : แมวทั้งเพศผู้และเพศเมียมีความเสี่ยงในการเกิดโรคทางเดินปัสสาวะส่วนล่างเท่าๆกัน แต่แมวเพศผู้มีความเสี่ยงในการเกิดการอุดตันมากกว่าแมวเพศเมีย เนื่องจากลักษณะทางกายภาพของท่อทางเดินปัสสาวะที่เล็กกว่าแมวเพศเมีย ความเครียด : การเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม หรือการมีสัตว์เลี้ยงตัวใหม่*** จากการศึกษาในปัจจุบันพบว่าการทำหมันแมวเพศผู้ตั้งแต่อายุน้อย ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดนิ่ว หรือปัญหาท่อทางเดินปัสสาวะส่วนล่างอุดตันแต่อย่างใด *** อาการของแมวที่เป็นโรคทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง ปัสสาวะบ่อย แต่ปริมาณน้อย ปัสสาวะผิดที่ หรือปัสสาวะนอกกระบะทราย มีเลือดในปัสสาวะ เลียที่อวัยวะเพศบ่อยๆ โดยเฉพาะในแมวตัวผู้ แสดงอาการเจ็บปวด หรือเกร็งเวลาถ่ายปัสสาวะ*** ในแมวที่ไม่สามรถถ่ายปัสสาวะได้ เนื่องจากเกิดการอุดตันทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง จำเป็นต้องได้รับการรักษาทันที เพราะเป็นปัญหาที่อันตรายถึงชีวิต *** การวินิจฉัยโรคทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง จากประวัติและอาการ : ปัสสาวะเป็นเลือด หรือปัสสาวะไม่ออก จากการตรวจร่างกาย : เจ็บเกร็งเมื่อคลำช่องท้อง พบกระเพาะปัสสาวะมีขนาดใหญ่ในรายที่การอุดตันทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง การตรวจวิเคาะห์ปัสสาวะเพื่อดูผลึกที่ละลายอยู่ในปัสสาวะ (เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการระบุชนิดของนิ่ว) การ x-ray หรือ ultrasound ช่องท้อง เพื่อดูก้อนนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ อาจพบหรือไม่พบก้อนนิ่วก้ได้ เนื่องจากก้อนนิ่วมีหลายชนิด มีทั้งแบบที่มองเห็นและมองไม่เห็น*** ก้อนนิ่วที่ผ่าตัดเอาออกมาจากกระเพาะปัสสาวะ ไม่สามารถที่จะระบุชนิดของนิ่วจากรูปร่างของก้อนนิ่วได้ เนื่องจากก้อนนิ่วที่จับตัวเป็นก้อนนั้นมีแร่ธาตุหลายอย่างผสมกันอยู่ การจะระบุชนิดของนิ่วจากก้อนนิ่วที่ผ่าออกมานั้นปัจจุบันสามารถตรวจได้เพียงที่เดียวคือที่ Minnesota Urolith Center ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา (สอบถามรายละเอียดการส่งตรวจก้อนนิ่วเพื่อระบุชนิดนิ่วได้ที่สถานพยาบาลสัตว์ที่รักษาอยู่ โดยเป็นการส่งผ่านบริษัท เวท เรคคอมเมนด์ จำกัด : VET. RECOMMENDED CO., LTD. ซึ่งเป็นบริษัทตัวแทนจำหน่ายอาหารของ Hill's)การรักษาโรคทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง ขึ้นอยู่กับอาการ ลักษณะของปัญหา การอุดตัน และชนิดของก้อนนิ่ว การรักษาทางยา : ยาปฏิชีวนะในรายที่มีการติดเชื้อ ยาขับปัสสาวะ หรือกลุ่มยาที่มีฤทธิ์ขยายท่อปัสสาวะและช่วยละลายนิ่ว การปรับสมดุลกรดด่างของปัสสาวะ เพื่อให้นิ่วละลาย (ต้องทราบชนิดของนิ่วที่เป็นก่อน) การสอดท่อปัสสาวะในรายที่มีการอุดตัน การให้สารน้ำ เพื่อแก้ไขภาวะขาดน้ำ และการบรรเทาตามอาการอื่นๆ กรณีมีก้อนนิ่ว ขึ้นอยู่กับชนิดของนิ่วว่าจะผ่าตัด รักษาด้วยยา หรืออาหารสัตว์ป่วยเฉพาะโรค การผ่าตัดแปลงเพศในแมวเพศผู้ที่เกิดการอุดตันท่อทางเดินปัสสาวะส่วนล่างแบบแก้ไขไม่ได้ การดูแลระยะยาว เลือกใช้อาหารสัตว์ป่วยเฉพาะโรคที่เหมาะสมกับปัญหาที่เป็น ไม่ให้แมวกินของขบเคี้ยว อาหารปรุงเอง หรือวิตามินอาหารเสริมเองโดยเด็ดขาด จัดหาน้ำดื่มที่สะอาดให้แมว หากจำเป็นอาจต้องบังคับป้อนน้ำให้แมวเป็นระยะ หมั่นดูแลกระบะทราย ดูการขับถ่ายของแมวเป็นประจำ เมื่อแมวเริ่มแสดงอาการผิดปกติเกี่ยวกับปัญหาทางเดินปัสสาวะส่วนล่างรีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที ข้อแนะนำในการให้อาหารสัตว์ป่วยเฉพาะโรค อาการเบื่ออาหารหรือปฏิเสธอาหารสัตว์ป่วยเฉพาะโรคอาจพบได้ในแมวหลายๆตัว หากแมวของท่านปฏิเสธการกินอาหารให้ลองปฏิบัติดังนี้ เปลี่ยนแปลงอาหารอย่างช้าๆ โดยเริ่มจากการผสอาหารใหม่กับอาหารเก่า และค่อยๆเพิ่มสัดส่วนอาหารใหม่ทุกๆวันทีละน้อย จนกระทั่งเปลี่ยนเป็นอาหารใหม่ 100% หากเป็นอาหารเปียกสามารถอุ่นอาหาร ให้อุ่นๆ เพื่อเพิ่มความน่ากินของอาหาร ระวังอย่าให้อุณหภูมิสูงเกินไป หากแมวของท่านไม่ยอมกินอาหารเกินกว่า 48 ชั่วโมง รีบปรึกษาสัตวแพทย์ทันที*** ในบางกรณีอาจจำเป็นต้องใช้วิธีการบังคับป้อนอาหาร โดยใช้อาหารผสมน้ำและปั่นให้ละเอียด และบังคับป้อนด้วย Syringe หรืออาจผสมอาหารที่แมวชอบ แต่ต้องเป็นอาหารที่ไม่ปรุงรสลงไปในอาหารสัตว์ป่วยโดยอัตราส่วนไม่เกิน 10% ของปริมาณอาหารสัตว์ป่วยที่ต้องกิน เพื่อเพิ่มความน่ากินของอาหาร (อาหารสัตว์ป่วยเฉพาะโรคต่อให้ดีเลิศแค่ไหนก็ตาม ถ้าไม่สามารถทำให้สัตว์กินได้ก้ไม่มีประโยชน์)credit: น.สพ.กิติกร เกียรติยิ่งอังศุลี click2vet.com