...Welcome to 'CharVinFongLian' Club...
ขอต้อนรับสู่ Blog ChuengNgee (จูเลี่ยนจาง) Series Fan Fiction ค่ะ

Special Mission...Part I...

Special Mission !!
...ปฎิบัติการตามล่าหาหัวใจ...
กับ Trip 6 วัน 5 คืน ใน...
I AM ALIEN Concert Year 2011 @ Hong Kong Coliseum
Part I


จากมินิคอนเสิร์ตครั้งที่แล้ว กว่าจะถึงคอนเสิร์ตใหญ่ของพระเอกยอดขวัญใจอย่างชิแลมก็ต้องชะเง้อคอรอเป็นแรมปี และแล้วในที่สุดความฝันของสาวหื่นอย่างจางงี้แอนด์เดอะแก็งค์ก็มาถึงจนได้

ก่อนจะถึงช่วงเวลานั้นค่ายนิวเวย์ก็ต้องวางแผนกันเสียก่อน จะจัดทั้งทีทั้งๆ ที่งบก็น้อยแสนน้อย (คือว่าได้ยินมาว่าน้อยนะ อันนี้จริงป่าวก็ต้องไปถามที่ค่ายเอาเอง) ก็ต้องเอาให้มันดังตู๊มกันไปเลย ด้วยการยิงซีรี่ย์ The Rippling Blossom มาเรียกเรตติ้งกันสักหน่อย อันนี้มันจำเป็นจริงๆ คือถ้าไม่เรียกเรตติ้งเดี๋ยวเงินค่าตั๋วคอนเสิร์ตมันจะไม่มา ก็พ่อชิแลมน่ะสินานๆ ทีจะมีผลงานกับทีวีบีสักเรื่องหนึ่ง

หลังจากที่ออกฉายไปเพียงสัปดาห์เดียวก็เปิดขายบัตรคอนเสิร์ตทันที (อันที่จริงจองเวทีไว้ก่อนแล้วนั่นแหละ ยังไงก็ต้องจัดแต่จะกั๊กไว้ให้แม่ยกใจเปลี่ยวลุ้นหัวใจจะวายแซดทำไมก็ไม่รู้อ่ะ) ปรากฏว่าบัตรขายดีเป็นเทน้ำเททิ้ง...เอ้ยไม่ใช่...เป็นเทน้ำเทท่าต่างหากเล่า ในเมื่อบัตรรอบแรกเต็มเร็ว สองสัปดาห์ต่อมาจึงเปิดขายบัตรรอบสุดท้าย ส่วนจะขายหมดหรือเปล่าจางงี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน (เท่าที่สังเกตดูก็ยังมีคนไปซื้อบัตรหน้างานอยู่นะ...ก๊ากกกกก)

ขายบัตรหมดหรือไม่หมดพี่ไทยไม่สน เมื่อรู้ว่าเริ่มขายบัตรแล้ว หัวหน้าทีมอย่างเหมียวก็เริ่มปฎิบัติการติดต่อมิเชลทันที...พี่ไทยหัวใจเปลี่ยวจอง 6 ซีทค่ะ เอามันทั้ง 2 วันนั่นแหละ ไหนๆ จะไปทั้งทีดูทำไมแค่รอบเดียวให้มันเสียดายตั๋วเครื่องบินเล่นๆ ล่ะฟระ

พี่ไทยมักเตรียมพร้อมเสมอค่ะ หลังจากที่จองตั๋วและที่พักออนไลน์เสร็จ ก็เหลือการกำหนดวันเดินทาง จะไปทั้งทีก็ต้องเอาให้มันเป็นตำนาน คอนเสิร์ตเล่นวันเสาร์ เราก็ไปกันตั้งแต่วันพุธเลยดีกว่า ใช้เวลาก่อนหน้านั้นไปเที่ยว และอาจพอมีเวลาไปดักตีหัว...เอ้ยไม่ใช่...ไปดักชิแลมตัวเป็นๆ สักหน่อย

ปลายเดือนกุมภาพันธ์เราก็นัดกันทำเรื่องตำนานอีกเรื่องคือตกลงสั่งทำป้ายไฟ จะไปทั้งทีต้องให้ชิแลมจดจำ (แล้วก็น่าปลื้มใจมากๆ ชิแลมขอบคุณเป็นภาษาไทยด้วย...สุดยอดดดดด) ที่น่าเจ็บใจก็คือ เจ้าที่เคยสั่งทำป้ายไฟคราวมินิคอนเสิร์ต ครั้งนี้มันทำไม่ได้เรื่องเอามากๆ ก็เลยต้องสั่งทำใหม่โดยที่เหมียวคุ้ยๆ เอาจากเน็ต แล้วก็ไม่ได้ทำให้เราผิดหวังเลยค่ะ ป้ายไฟสวยมากๆ เป็นคำว่า THAILAND หนึ่งป้ายและจื้อหลินภาษาจีนลงท้าย THAI FC อีก 1 ป้าย (อยากอวดป้ายไฟเหมือนกันแต่บังเอิญไม่ได้เก็บภาพมา)

สุดท้ายก็คือเรื่องลางานไปตามล่าผู้ชาย แฟนคลับแต่ละคนก็ต้องให้เหตุผลในการลางานกันไป แต่โดยรวมก็คือบอกเขาไปกันตรงๆ นี่แหละว่าไปดูคอนเสิร์ต หลังจากที่วางแผนลางานแล้วก็ถึงคราวเคลียร์งานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตอย่างจางงี้เนี้ย ก่อนเดินทางตลอดทั้งเดือนก็ไม่ได้ว่างเว้นแม้แต่วันหยุดสุดสัปดาห์เลย แต่ก็แปลกดีที่ไม่รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิดเดียว (แค่แอบบ่นเป็นสามีของหลินฮุ่ยนิดโหน่ยเท่านั้นเอง)

...วันที่ 22 มีนาคม 2554...

เข้าใจว่าเป็นวันที่แม่ยกทุกคนใจลอยไปถึงฮ่องกงกันเรียบร้อยแล้วเป็นถ้วนทั่ว ไม่เว้นแม้แต่จางงี้ที่ทั้งวันนั้นทำงานไปก็ใจลอยไปเรื่อย ยิ่งฟังเพลงชิแลมอยู่ทุกวันแล้วยิ่งเตลิดกันไปใหญ่ กว่าจะเคลียร์งานเสร็จก็ปาเข้าไปทุ่มครึ่งล่ะ กลับถึงบ้านสองทุ่มกว่า อาบน้ำอาบท่า กินข้าวและเตรียมจัดกระเป๋า เป็นครั้งที่จัดกระเป๋าอย่างขันแข็งมากๆ และกระเป๋าหนักเอามากๆ ด้วย เพราะนอกจากจะมีของใช้ส่วนตัวในทริป 6 วันแล้วยังรวมถึงของฝากให้อาอี้ที่ฮ่องกงกับพวกมิเชล โควี่และคิทอีกด้วย (3 คนนี้น่ารักมากๆ นะ พวกเขาทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจเพื่อชิแลมโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เราเห็นมากับตา)

หลังจากที่จัดกระเป๋าเสร็จก็ทิ้งตัวลงนอน ทีแรกคิดว่าอาจจะนอนไม่หลับ แต่เรื่องราวหาเป็นเช่นนั้นไม่ หลับค่ะ เพราะดันไม่หลับไปก่อนหน้านั้นแล้ว (มันจะตื่นเต้นอะไรกันล่วงหน้าขนาดนั้นก็ไม่รู้)

แต่แล้วพอตื่นมาก็เหมือนสวรรค์กลั่นแกล้ง จะเข้าหน้าร้อนชัดๆ แต่ดันฝนตกหนักซะงั้น !!!...

...วันที่ 23 มีนาคม 2554....วันวุ่นวายแห่งชาติ

เดิมทีวางแผนไว้ว่าจะออกจากบ้านราวๆ 06.45 น. (คือว่านัดเจอกันที่สนามบินตอน 9.00 น.) ปรากฎว่าต้องเปลี่ยนแผนกะทันหัน (ไม่ใช่จางงี้คนเดียวที่ต้องเปลี่ยนแผน เหล่าเดอะแก็งค์ก็ต้องเปลี่ยนแผนเช่นเดียวกัน) ด้วยการอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ออกจากบ้านทันทีราวๆ 06.30 น. แล้วสรุปก็เป็นดั่งที่คิดเอาไว้จริงๆ ด้วยอ่ะ....

ฝนตกหนักราวกับสวรรค์กลั่นแกล้งให้สาวใจเปลี่ยวต้องฝันฝ่าอุปสรรคเพื่อไปเจอรักแท้จริงเชียว...รถติดอย่างกับอะไรดี ราวๆ 8 โมงเศษยังไม่ได้ขึ้นทางด่วนเลยพับผ่าสิ (ทำไมมันต้องมีเรื่องมาให้ลุ้นได้ตลอดสินะ)

สักพักหนึ่งเหมียวก็โทร. มา...เจี๊ยก!! (เออเหอะ...แมวร้องเป็นภาษาลิง) ยังไม่ได้ขึ้นรถเลย เรียกแท็กซี่ไม่ได้เลยอ่ะ ถ้างี้ไปถึงสนามบินช่วยดูด้วยว่าเครื่องมันจาดีเลย์อ่ะป่าว เราก็คิดอยู่ในใจโชคดีมากๆ ที่ทางบ้านมาส่ง

หลังจากเหมียวก็เป็นเชนโทร. มารอรถแท็กซี่มาครึ่งชั่วโมงกว่าแล้วเช่นกัน แต่เชนโชคดีหน่อยที่บ้านอยู่ไม่ไกลจากสนามบินมาก

สุดท้ายที่ต้องลุ้นคือแต๋มกับพี่เล็กเพราะว่าติดต่อไม่ได้ ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้างได้ขึ้นรถแล้วหรือยัง

สรุปคือจางงี้ถึงสนามบินก่อนราวๆ 09.15 น. แล้วก็ตรงดิ่งไปที่เช็คอินเลยดูว่าเครื่องมันจาดีเลย์ให้หรือเปล่า ปรากฎว่าเปล่าคือเครื่องออกตอนเที่ยงเหมือนเดิม ก็เลยต้องโทร. หาพรรคพวกแล้วว่าถึงไหนกันแล้วบ้าง

ต่อจากจางงี้ก็เป็นเชน, เหมียว, แต๋มกับพี่เล็ก (สรุปคือไม่ต่างกันรอรถแท็กซี่ทีเป็นชาติเศษ ฟ้าช่างกลั่นแกล้งสิ้นดี) และน้องใหม่ที่ยังไม่เคยมีใครได้พบตัวนอกจากเหมียวก็คือน้องแพม (แต่ปรากฎว่าชีเป็นผู้ที่รักเดียวใจเดียวกับชิแลมมาโดยตลอด ผลงานของฮีชีเก็บหมดตั้งแต่สมัยก่อนเก่า...น้องใหม่แน่มากๆ ค่ะ)

หลังจากที่มากันครบทีมก็รีบเช็คอินโหลดกระเป๋ากันทันที งานนี้ต้องขอชมเชยเหมียวที่เช็คอินออนไลน์มาก่อนหน้านี้ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาในการต่อแถวเช็คอินอันยาวเหยียด หลังจากโหลดกระเป๋าเสร็จจางงี้ก็ลาน้องชายกับแม่ที่มาส่งเพื่อเข้าสู่เกทสนามบิน

เฮ้อ...ลุ้นกันแทบตายในที่สุดเราก็สามารถเช็คอินและเข้าสู่เกทกันได้ทันเวลา มีเวลาเหลือเราก็แวะหาซื้อของฝากชิแลมกันหน่อย เพราะเหมียวบอกแล้วว่าทางมิเชลจะจัดเกทเตอร์ริงให้หลังคอนเสิร์ต พอดีผ่านร้านเอเชียบุ๊คส์ก็เลยเลือกหนังสือให้ชิแลมไปเล่มหนึ่ง (เห็นว่าพ่อชิแลมกำลังสนใจเกี่ยวกับเรื่องวัดหรือพระไทยนี่แหละ)...เล่มนี้ค่ะ





เดินเล่นกันสักพักพอได้เวลาแล้วเราก็ไปรอกันที่เกทค่ะ ประมาณ 11.30 น. เครื่องออกตอนเที่ยง แล้วก็แชะภาพกันสักหน่อย (ขออนุญาตไม่พาดพิงถึงบุคคลที่ 4-6 นะคะ แต่เชนกับแต๋มน่าจะแปะได้นะ)



และแล้วก็ตามฟอร์มค่ะ ในที่สุดเครื่องก็เลทเต็ดเหมือนเดิมเลย กว่าเครื่องจะออกจริงๆ ก็เกือบจะบ่ายโมง แต่สงสัยกัปตันซิ่งจัดค่ะถึง ‘ฮ่องกง’ (ประเทศที่ฝันถึงมาเป็นแรมปี) ในกำหนดการเดิมเป๊ะเรยยย...5555

หลังจากที่เอากระเป๋าเสร็จเราก็ไปซื้อบัตรแอร์พอร์ตกันก่อนเลยค่ะ แล้วค่อยเดินทางไปสถานที่พักกัน



ที่พักคือออส่วนเกสเฮ้าท์ค่ะ ห้องก็ไม่ได้แตกต่างจากครั้งที่ผ่านมาเท่าไหร่ แต่เรื่องมันมีอยู่ว่าเดิมทีจองไว้ 2 ห้องกะนอนห้องละ 3 คน เขาจองให้เรา 2 ห้องน่ะใช่ แต่ห้องหนึ่งคนที่พักอยู่ก่อนมันดันยังไม่ยอมเช็คเอ้าท์ อาแป๊ะ (คนที่ดูแลห้องอ่ะนะ) ก็เลยบอกว่าเปิดห้องสำรองให้ก่อน แล้วตอนเช้าค่อยย้ายกัน

อ่าวเฮ้ย !!... ทำงี้ได้ไงล่ะเฟ้ย พักแล้วก็พักเลยดิคงไม่อยากจะมานอนคืนหนึ่งแล้วก็ค่อยเก็บของย้ายไปอีกห้องหนึ่งอ่ะนะ คราวนี้ทำงัยดีล่ะ จริงๆ ทั้งตึกมันก็มีเกสเฮ้าท์หลายเจ้านะ แต่เราก็ไม่ค่อยไว้ใจเจ้าที่ไม่เคยพักสักเท่าไหร่ คราวนี้ก็เลยลองวิ่งไปตามเจ้าที่เหมียวรู้จักและเคยใช้บริการหน่อย ปรากฎว่าเต็มหมดเลย หรือถ้าหากไม่เต็มก็ไม่สามารถให้เราอยู่ยาวได้ถึง 5 คืน สุดท้ายก็เลยต้องเอาห้องที่อาแป๊ะจะให้อยู่ไปก่อนนั่นแหละ แต่มาดูอีกทีมันก็ไม่ได้เลวร้ายนะ ก็เลยพักยาวไปเลยก็แล้วกัน

ห้องสภาพเป็นเงี้ยอ่ะค่ะ…ด้านหลังทีวีคือประตูทางเข้า ส่วนข้างทีวีเป็นเตียงจางงี้ค่ะ แล้วก็ด้านหน้าเตียงจางงี้เป็นอีกห้องหนึ่งที่เหมียวกับแพมนอนค่ะ (โชคดีเตียงใหญ่หน่อย 2 คนเลยนอนกันได้ แต่เตียงจางงี้ก็ใช่เล่น แบบว่านอนแล้วห้ามพลิกตัวเลยค่ะ)







เดิมทีเราวางแผนไว้ตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่องว่าเราจะแวะไปหาชิแลมกันวันพรุ่งนี้เช้าเผื่อว่าจะได้เจ๊อะกันโดยบังเอิญ ปรากฎว่าระหว่างที่เหมียวกับจางงี้กำลังวิ่งวุ่นเรื่องห้องอยู่ น้องแพมกับแต๋มก็อัพเดทข่าวชิแลมไปในตัว

พ่อชิแลมดันโพสต์ในบล็อกว่าพรุ่งนี้จะหยุดพักเสียงสักวัน อ่าวเฮ้ย !! …ต้องเปลี่ยนแผนกะทันหันล่ะ (เพราะเดิมทีตั้งใจไว้ว่ายังไงก็อยากจะได้มีโอกาสเอ็กคลูซีพกันสักครั้งก่อนถึงวันคอนฯ ด้วยการไปดักตีหัว...เอ้ย...ดักเจอตัว) เพราะงั้นหลังจากที่จัดการเรื่องห้องพักเสร็จสรรพก็เลยตรงดิ่งกันไปที่โคลีเซี่ยมกันเลย เราไปถึงนั่นกันประมาณเกือบสองทุ่มค่ะ

โล่งค่ะ...มืดด้วย เหลือแต่ซากเวที และเจ๊อะกับป้ายาม 1 คน ก็เลยตรงดิ่งเข้าไปถามถึงชิแลมซะเลย...แทบกรี๊ด ป้ายามบอกว่าชิแลมเพิ่งจะกลับไปตอนหกโมงครึ่ง พระเจ้า...รักแท้ช่างมีอุปสรรคจริงหนอ ปรากฎว่าแห้วกันไป วันพรุ่งนี้ (พฤหัส) ก็ไม่ได้มาอีก ก็คงเหลือแต่วันศุกร์ก่อนแสดงคอนฯ แล้วล่ะ

เสร็จจากภารกิจที่โคลีเซียมเราก็แวะกินฮอทพ็อตกันก่อนกลับบ้าน ปรากฎว่าสั่งกันไม่ค่อยเป็นหรอกดูรูปเอาแล้วก็จิ้มๆ ไป ให้เหมียวกับแพม (ที่พอจะได้ภาษาจีนอยู่บ้าง) จัดการกันไป ส่วนแต๋มไว้สะปีกอิงค์ลิสเอากรณีไม่รู้เรื่องกัน ปรากฎว่าผลเป็นไงรู้มั้ย

มันก็เหมือนถาดเอ็มเคบ้านเรานั่นแหละ แต่ปริมาณแยะกว่ากัน 3 เท่าตัว อาหารวางตุ๊บ วางตุ๊บเต็มโต๊ะเลย เห็นแล้วจาเป็นโลมมม....

อาหารบ้านเขารสจืดค่ะ น้ำจิ้มก็จืดตามไปด้วยแต่ก็อร่อยดี สรุปคือให้ยัดกันยังไงก็ยัดกันไม่หมดอยู่ดีค่ะ สุดท้ายก็เหลือ แต๋มใช้มุขขอกล่องโฟมเขามาใส่กะว่าจะเอาไปฝากให้อาอี้จางงี้สักหน่อย ปรากฎว่าสุดท้ายก็เน่าเสียอยู่ดีเพราะตู้เย็นในที่พักก็ดันเสียซะงั้น (มันจะมีตู้เย็นไว้ทำมัย เสียทุกตู้เลย ห้องจางงี้ก็มีตู้เย็นแต่ดันพัง ตู้เย็นรวมก็ช่องฟิตเจ้ง เอากะมันสิ)

กลับถึงที่พักอีกทีก็ราวๆ 5 ทุ่มได้มั้งคะ ก็หมดวันพอดีถึงคราวผลัดกันอาบน้ำและเข้านอน...จะบอกว่าห้องแต๋ม (มีแต๋ม, เชนและพี่เล็ก) นอนกันเร็วมากค่ะ แต่ห้องของจางงี้ไม่มีใครนอนเร็วสักคนทุกๆ คืนก็ราวๆ ตีหนึ่ง – ตีสามกว่าจะยอมหลับยอมนอนกัน

...บ๋ายบายคืนแรก@ฮ่องกง...

...วันที่ 24 มีนาคม 2554...วันแห่งการท่องเที่ยวและช๊อปปิ้ง

ไหนๆ วันนี้ก็ต้องเปลี่ยนแผนกะทันหันแล้วนิ ในเมื่อไม่ได้มีโปรแกรมไปดักตีหัวก็ไปเที่ยวกันเลยก็แล้วกัน

ที่แรกที่เราไปก็คือรีพลัสเบย์ ไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมกัน...ได้ข่าวว่าบ้านชิแลมก็อยู่แถวนี้นะ ก็ได้แต่พูดกันไปว่าจะบุกไปถึงที่บ้านซะเลย แต่เอาเข้าจริงก็ไม่มีใครกล้าทำกันร๊อก (นังพวกนี้ ดีแต่ปาก ชิ !!)

จางงี้เคยไปแล้วค่ะ เพราะงั้นก็เลยไม่ได้เก็บภาพมามาก แต่ก็มีภาพมาอวดกันเล็กน้อย



ถัดจากรีพลัสเบย์ เราก็ไปนองปิงกัน เพื่อจะไปสักการะพระใหญ่ คือว่าคราวที่แล้วจางงี้ก็เคยไปแล้วอีกนั่นแหละ แต่ไปอีกได้ค่ะสวยดี ส่วนเหมียวต้องไปแก้บนเพราะบนไว้ คนที่เหลือยกเว้นแต๋ม (แต๋มเคยไปหลายรอบแล้วก็เลยขอรออยู่ที่ห้างแถวๆ นั้น) ยังไม่เคยไปค่ะ เราก็ไปเก็บภาพสวยๆ กัน



ก่อนจะถึงพระใหญ่เราต้องนั่งรถกระเช้ากันขึ้นไปค่ะ ตอนนี้ฮามาก แบบว่าน้องแพมกลัวความสูง แต่ชีก็อยากจะไป เพราะงั้นภารกิจหลักของพี่งี้ตอนนั่งรถกระเช้าคือดึงความสนใจของน้องแพมไม่ให้มองไปที่ทิวทัศน์ด้านนอกอันเป็นบริเวณโล่งสูงที่อาจทำให้หัวใจน้องแพมหยุดเต้นได้ พี่งี้ก็เลยต้องเปิดเพลงและออกสเตปไปด้วยตลอดระยะเวลา 20 นาทีที่นั่งรถกระเช้า เชนก็ดีแอบอัดคลิปเอาไว้ด้วยดูแล้วอย่างฮา แต่ขอไม่เปิดเผยนะคะ



เสร็จจากนองปิงก็ราวๆ 4 โมงเย็นกว่าๆ แล้วค่ะ ออกจากนองปิงกลับมาหาแต๋มก็เกือบๆ 6 โมงเย็นแระ ก็แวะช๊อปปิ้งกันหน่อยเพราะจากการวางแผนแล้วเราคงไม่ได้กลับมาช๊อปปิ้งกันอีกค่ะ แล้วก็เพราะอย่างนี้แหละถึงได้สามารถกวาดของฝากให้ทุกคนได้หมดเลย (ของมิที่ไม่ได้กาแฟรอบ 2 เพราะมารู้ทีหลังว่าหมดโปรโมชั่นแล้วค่ะ วันที่จางงี้ไปกวาดเป็นวันรองสุดท้ายเลยเชียว โชคดีนะเนี้ย)

ถัดจากช๊อปปิ้งก็แวะกินข้าวกันหน่อย เบรกแถว Mongkok นิดหนึ่ง จางงี้ก็เลยได้เคสไอโฟนฝากน้องชายกับน้องสาวด้วย (น้องชายกอดใหญ่เลย เขิลว่ะ) กว่าจะกลับเข้าที่พักอีกทีก็ไม่พ้นเกือบเที่ยงคืนเหมือนเดิม แล้วก็คงคอนเซป ห้องแต๋มสลบเหมือดส่วนห้องจางงี้ก็ประมาณตีสามเห็นจะได้ (มันเป็นอาไรของมันไม่ยอมหลับยอมนอนกันเลยไอ้พวกนี้)

และแล้ววันที่สอง@ฮ่องกงก็จบลงด้วยประการล่ะชะนี้...

วันที่ 25 มีนาคม 2554....วันที่ไร้สาระสิ้นดี !!...

เราวางแผนกันจะไปดักตีหัว...เอ้ยดักเจอ (อีกแล้วนะแกร หื่นไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ เชียว) ชิแลมกันแต่เช้า เพราะรู้มาว่ายังไงวันนี้ก็ต้องมาซ้อมใหญ่ก่อนขึ้นคอนฯ จริง เราไปถึงที่โคลีเซียมกันประมาณ 8.30 น. เจอลุงยามก็เลยไต่ถามกันสักหน่อย แทบกรี๊ดเป็นหนที่สอง เมื่อลุงยามชี้แจงว่าเมื่อวานชิแลมก็มา T___T

‘ทำมัยถึงทำกับช้านนนนด้ายยยยยยย’ ก็ไหนบอกว่าไม่มางัย ชิแลมไม่น่าสับขาหลอกกันเร้ยอ่ะ ลุงยามบอกว่ามากี่โมงมะรุ แต่ว่ากลับตีหนึ่ง...สวรรค์นั่นซ้อมหรือนั่นล่อกลับซะเป็นตี

เอาว่ะ...ไหนๆ ก็มาแล้วนิยังไงก็ต้องรอเจอให้ได้ล่ะว่ะ …แรกๆ ก็นั่งรอกันด้วยหัวใจคึกคะนอง ดูพวกกรรมกรสูบจัดแบกๆ หามๆ กันไป โชคดีที่วันนี้น้องแพมไม่ได้มาด้วยค่ะ (เพราะครอบครัวน้องแพมก็ไปเที่ยวในเวลาเดียวกันแต่ไปทีหลังกลับก่อน น้องแพมก็เลยแยกตัวไปเที่ยวกับที่บ้าน) เพราะน้องแพมชีไม่ใช่แฟนคลับที่บ้าคลั่งและบ้าระห่ำอย่างเจ๊ๆ ไม่อย่างนั้นน้องแพมคงแย่แน่ๆ เลยอ่ะ



ผ่านไป 6 ชั่วโมงจากพองโตกลายเป็นห่อเหี่ยว ห้องน้ำก็ไม่กล้าเข้า ข้าวปลาก็ไม่กล้ากิน จนกระทั่งเริ่มจะหน้ามืดตาลายและเวียนเฮดกัน (เออเฮอะ...นังพวกนี้ก็แปลกดีทีอยู่ที่กรุงเทพฯ ต้องกินข้าววันละ 3 มื้อ แต่เชื่อกันหรือเปล่าว่าตลอดทริปที่ฮ่องกงกินแค่วันละมื้อ-สองมื้อก็ยังคงอยู่กันได้อ่ะ...เลือดรักมันแร็งค์จริงๆ นังพวกนี้) ก็เลยรีบวิ่งข้ามไปฝั่งตรงข้ามซื้อมาม่ามานั่งซดกันตรงที่เดิม (ซูฮกมั้ยคะพี่น้อง ที่นังพวกนี้มันมีความพยายามกันจริงๆ)



หลังจากซดมาม่าเสร็จก็นั่งจ้องรถที่เข้ามากันต่อไป (คือประตูทางเข้าออกโคลีเซียมมันมีจุดเดียวค่ะ ยังไงชิแลมก็ต้องมาทางนี้อ่ะ) ปาเข้าไปบ่าย 3 โมงกว่าเห็นรถคุ้นๆ มาแล้วค่ะ รีบลุกจากที่นั่งไปเกาะรั้วทันที แล้วเจ้าการ์ดหน้าหยกก็รีบมายืนคุมที่รั้วทันทีเช่นกัน

ใช่ชิแลมจริงๆ ค่ะฮีขับรถมาเอง แต่พอลงจากรถทีมงานก็รุมหน้าล้อมหลังเสร็จสรรพ สาวเปลี่ยว 5 นางตะโกนเรียกชิแลม 2-3 ครั้ง ฮีหันมาโบกมือให้เพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่จะเดินเข้าไปในโคลีเซียม

...ตุ๊บ...

เสียงหัวใจทั้ง 5 นางฟีบแฟ๊ปเหมือนๆ กันเมื่อการรอคอยร่วม 8 ชั่วโมงได้เพียงการโบกมือของชิแลมเพียงเสี้ยววินาที...แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เหล่า 5 นางคิดท้อถอย แม้ว่าจะได้เห็นเพียงรถของชิแลมก็ตามที



เมื่อวานกลับตีหนึ่งใช่มั้ยเล่า วันนี้ก็คงไม่พ้นตีหนึ่งอีกเช่นกัน (เรามาเดากันเองในภายหลังว่าชิแลมคงซ้อมใหญ่ให้เหมือนจริงเลยคือมาเวลาจริงและกลับเวลาจริงเพื่อที่ร่างกายจะได้ปรับสภาพได้พร้อมค่ะ)

หลังจากที่อดข้าวกันมาทั้งวันเราก็เลยไปหาข้าวกินกัน และแวะกลับไปที่พักเอาป้ายไฟมาด้วยประชดซะเลยหากว่าได้เจ๊อะกันโดยไม่ทันได้ตั้งตัว และกลับมาที่โคลีเซียมกันอีกทีราวๆ ทุ่มครึ่งค่ะ (หารู้ไม่ว่าเวลานี้เขายังไม่ได้เริ่มซ้อมใหญ่จริงๆ กันเลยค่ะ เขาเอาเหมือนจริงทุกสิ่งอย่างแม้กระทั่งเวลาที่ต้องขึ้นแสดงค่ะ) เราก็ยังเห็นบุคลากรของนิวเวย์ (เดาเอาว่าใช่) เดินเข้าๆ ออกๆ กันอยู่นะ

เชื่อเค้าเลย...ฟ้ามืดขนาดนี้พวกแกก็ยังยิ้มกันออกอีก



จนกระทั่งสามทุ่มมั้งคะเมื่อเราเห็นทีมงานบางคนออกมาจากโคลีเซียมก็เลยให้แต๋มลองไต่ถามดู เค้าเพิ่งจะเริ่มซ้อมกันจริงๆ ด้วยค่ะซึ่งกว่าจะซ้อมเสร็จก็ราวๆ เที่ยงคืน (บอกแล้วคนที่นี่ตรงเวลาเป๊ะ เพราะคอนฯ จริงก็จบราวๆ 5 ทุ่มครึ่งค่ะ) พี่เล็กเริ่มไม่ไหวแล้วค่ะเพราะอากาศตรงนั้นหนาวมาก พวกเราทั้งหมดก็เลยหลบหนาวเข้าไปนั่งรอที่พลาซ่าฝั่งตรงกันข้ามโคลีเซียมค่ะ แล้วให้เหมียวส่งพี่เล็กกลับบ้านก่อน แล้วค่อยกลับมาใหม่ตอน 5 ทุ่มค่ะ (เรากะว่าตอนห้าทุ่มจะข้ามไปโคลีเซียมอีกค่ะ)

5 ทุ่ม 45 นาที...ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิกซ้อม เราก็คิดกันว่าเวลานี้มันคงไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะเจอชิแลมแล้วเพราะว่าฮีคงเหนื่อยเอามากๆ ยังจะต้องมาปั้นหน้ายิ้มใส่เจ้าพวกแฟนคลับบ้าคลั่งอีก พอเจอตัวเจ๊อ้วน (เหมียวว่าเป็นผู้จัดการของชิแลมนะ) ก็เลยตะโกนเรียก แต่ยัยเจ๊อ้วนหน้าหงิกชะมัด เพื่อนอ้วนที่ยืนคุยกันอยู่เลยเดินเข้ามาหาแทน

เราบอกว่าเรามาจากไทยแลนด์อยากเจอชิแลมมากไม่รู้ว่าเขาจะเลิกซ้อมกันประมาณกี่โมง ฮีก็บอกว่าดึกมากไม่แน่ใจว่ากี่โมงเช่นกัน (เราเดากันว่าเขาไม่อยากให้เรากวนชิแลมค่ะ) แล้วก็เลยถามต่อว่าเราควรที่จะรอชิแลมดีมั้ยเพราะเราก็เห็นว่ามันดึกมากแล้วเช่นกัน ฮีก็ว่าชิแลมคงเหนื่อยมากซึ่งเราก็คิดเช่นนั้นค่ะ ก็เลยตัดสินใจกลับ

สรุปก็คือไม่ได้พบค่ะ แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะเราแฟนคลับไทยแลนด์เข้าใจชิแลมค่ะและก็ไม่อยากทำให้ชิแลมเสียสมาธิด้วย ไหนๆ ก็จะได้เจอกันวันเกทเตอร์ริ่งอยู่แล้วนิเราจะไปกวนฮีทำมัย (หารู้มั้ยว่ายังอยากกวนอยู่ก็เลยจะมาเจอตอนบวงสรวงแทนงัย)

สุดท้ายก็กลับที่พักแล้วก็สลบเหมือดค่ะ ทั้ง 2 ห้องนอนเวลาเดิมอีกเช่นกัน...อยู่มาสามวันร่างกายมันปรับเองโดยอัตโนมัติค่ะ จากที่จางงี้ไม่เคยนอนดึกขนาดนี้มาก่อนก็มาดึกเอาขนาดนี้ได้งัยก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ...

++++++++++++ จบภาคแรกค่ะ ++++++++++++









Create Date : 02 เมษายน 2554
Last Update : 2 เมษายน 2554 20:42:49 น. 8 comments
Counter : 450 Pageviews.

 
เอาภาคแรกไปก่อน เดี๋ยวภาค 2 ตามมา


โดย: จางงี้ (ChuengNgee ) วันที่: 2 เมษายน 2554 เวลา:20:45:13 น.  

 
สุดยอดอ่ะงี้ อ่านแล้ว ยังรู้สึกหนาวไม่หายยยยย


โดย: Tomtam IP: 124.121.163.202 วันที่: 2 เมษายน 2554 เวลา:21:21:45 น.  

 
อ่านจบภาคแรกแล้วค่ะ ซ้อๆสุดยอดกันมากๆ ไม่ใช่รอแค่ 6 ชม. แล้วนะคะนั่น ไม่รักกันจริงทำไม่ได้ แถมต้องรักมากด้วย เพราะอากาศก็หนาว หิวก็หิว แต่ทับทิมเชื่อว่าด้วยหัวใจรักที่มุ่งมั่น อะไรก็ทำได้ค่ะ สุดยอด ชูนิ้วโป้งให้สองนิ้วเลยค่ะ รออ่านภาค 2 ต่อนะคะ


โดย: ทับทิม IP: 125.26.40.49 วันที่: 2 เมษายน 2554 เวลา:21:36:38 น.  

 
สุดยอดเลยใช่มั้ยแต๋ม เรายังมานั่งนึกอยู่รอกันไปได้งัยว่ะทั้งวันเลยนะนั่นน่ะ..ไปแระ ปั่นภาค 2 ต่อ อย่าเพิ่งนอนกันนะแปะวันนี้แหละ


โดย: จางงี้ (ChuengNgee ) วันที่: 2 เมษายน 2554 เวลา:21:41:08 น.  

 

ตามมาเกาะติดประสบการณ์ตามล่าเอเลี่ยนตอนที่ 1 ค่ะ อ่านแล้วก็พลอยลุ้นตื่นเต้นไปด้วย ทุกคนมีความมุ่งมั่นและความรักเต็มเปี่ยมจริงๆค่ะ ถ้าหากชิแลมได้อ่านต้องปลื้มมากๆ แต่แม้วันแรกจะมีอุปสรรคทำให้คาดแคล้วหลายครั้ง แต่เชื่อว่าหนนี้ทุกคนต่างก็ไม่ผิดหวัง เพราะเค้าจัดงานกระทบไหล่ใกล้ชิดกันให้ด้วย ดูจากภาพจากคลิปแล้ว คอนฯครั้งนี้ทั้งคนดูทั้งคนจัดต่างก็ประสบความสำเร็จทั้งสองฝ่าย เห็นแล้วพลอยปลื้มไปด้วยค่ะ รออ่านตอนต่อไปนะคะ



โดย: หลินอี้ วันที่: 2 เมษายน 2554 เวลา:21:41:58 น.  

 
ตามมาอ่านค่ะ ช่างผจญภัยกันตั้งแต่ออกเดินทาง ตื่นเต้นดีเนอะ
จำอาการตื่นเต้นของตัวเองได้เหมือนกัน 555 ยิ่งเห็นที่โคลีเซี่ยม ก็นึกถึงตัวเองด้วย


โดย: มิโดริ IP: 110.168.119.130 วันที่: 2 เมษายน 2554 เวลา:23:47:54 น.  

 
ซ้อๆ สุดยอดกันมากๆ ค่ะ รอทั้งที่อากาศหนาวแบบนั้นได้ นับถือๆๆๆ

ปล.เค้าจำพี่เหมียวได้ล่ะ 555+

ทะเบียนรถพี่ชายจางก็แอบโรแมนติคนะเนี่ย Anita Chilam 827


โดย: Cipher IP: 58.11.80.238 วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:22:27:22 น.  

 
พี่งี้เขียนซะนึกว่าตอนนี้กะลังนั่งรับลมหนาวรอสุดที่รักอยู่เลยนะนี่ 5555
เป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจมากๆๆค่ะ ถามว่าเข็ดไม๊ ไม่มีเข็ด เพื่อปู้จาย เดี๊ยนทนได้ 5555


โดย: chainny IP: 10.0.2.18, 110.164.229.6 วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:22:29:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ChuengNgee
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




บทประพันธ์ในบ้านหลังนี้เป็นลิขสิทธิ์ของผู้ประพันธ์โดยสมบูรณ์ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก เลียนแบบ หรือตีพิมพ์ ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของบทประพันธ์ในบ้านหลังนี้เพื่อการอย่างอื่นนอกจากการชมเพื่อความบันเทิงเท่านั้น หากผู้ใดทำการละเมิดจะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด
New Comments
Group Blog
 
 
เมษายน 2554
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
2 เมษายน 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ChuengNgee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.