...Welcome to 'CharVinFongLian' Club...
ขอต้อนรับสู่ Blog ChuengNgee (จูเลี่ยนจาง) Series Fan Fiction ค่ะ

Twins' Love Story ตอนพิเศษ 2...วุ่นนักวันรักวาเลนไทน์..

‘Twins’ Love Story…เรื่องรักของ 'ฝาแฝด'

ตอนพิเศษ 2 ...วุ่นนักวันรักวาเลนไทน์…


โหลดเพลงตอนนี้ได้ที่นี่: Wang Lee Hom- You’re A Song In My Heart

‘14 กุมภาพันธ์...ความหมายของวันนี้ผมคิดว่าคุณคงเข้าใจมันได้ดี...ซู่ฟังครับ..วันนั้นแหละที่ผมจะทำสิ่งหนึ่งเพื่อคุณ...ผมอยากให้คุณได้เห็นความสำเร็จของผม...วันที่ผมจะพิสูจน์ให้คุณรู้ว่าผมโตเพียงพอที่จะดูแลคุณได้แล้ว...ก็แกลอลี่ที่ผมฝันไว้ไง..ผมมั่นใจว่าจะต้องมีคนสนใจงานของผม...แล้ววันนั้นผมจะขอคุณแต่งงาน...รอผมนะครับซู่ฟัง…รอผมนะ...ผมรักคุณ’

เนื้อความในสมุดบันทึกเล่มเล็กที่ ‘จางจื่อหลัง’ เขียนเอาไว้มีใจความเพียงแค่นี้...หลังจากที่เสิ่นเหมียนอี้ ‘อ่านย้ำ’ ข้อความนี้อยู่หลายรอบก็เหลือบไปมองดูร่างที่นอนนิ่งเงียบไม่ไหวติงอีกครั้ง

คำว่า ‘รอ’ สำหรับเสิ่นเหมียนอี้แล้วไม่รู้สึกถึงความท้อแท้แต่อย่างใด...นับแต่แรกที่ลืมตาดูโลกเธอกับแม่ก็ใช้ความอดทนรอคอยพ่อถึง 5 ปีเต็ม จนในที่สุดก็ได้พบกับพ่ออีกครั้ง...ทว่าสำหรับ ‘จางจื่อหลัง’ เสิ่นเหมียนอี้กลับรู้สึกไม่เหมือนกัน หลังจากที่อดทนรอคอยให้ชายหนุ่มตื่นฟื้นขึ้นมาอยู่หลายเดือนและชดเชยให้เขาตลอดมา...ในหัวใจส่วนลึกก็หวังว่าจะได้รับการตอบแทนจากเขาบ้าง

ทว่าเสิ่นเหมียนอี้คิดผิดถนัด...ตั้งแต่จางจื่อหลังฟื้นขึ้นมา...ชายหนุ่มก็ทำทุกทางเพื่อต้องการคืนดีกับน้องสาวของเธอ...ที่หมอดูเคยพูดไว้ถูกทุกอย่าง...คำว่าความรักกับเธอมันคงต้องเดินสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง..และในวันนี้เธอก็ตัดสินใจที่จะถอยหลังแล้ว !!...เธอไม่ต้องการได้ชื่อว่าแย่งคนรักของน้องสาว...เพียงแต่ก่อนที่เธอจะทำสิ่งหนึ่งเพื่อเขาเป็นครั้งสุดท้ายก็ขอให้เธอได้จดจำใบหน้าของชายคนนี้เอาไว้... ‘จางจื่อหลัง’…ชายหนุ่มเพียงคนเดียวที่ทำลายปณิธานของเธอ !!

หญิงสาวไม่อยากจะนึกโทษผู้เป็นแม่...ที่ไม่เคยสอนให้เธอรู้จักกับความแค้นเลย...อาจเป็นเพราะแม่เข็ดขยาดเหลือเกินกับการคิดแค้นก็เป็นได้...ถ้าจะโทษก็คงต้องโทษตัวเอง...ที่อยากจะลองลิ้มรสของการแก้แค้นดูบ้าง...แล้วเป็นไงหละ !!...มันก็สาสมแล้วที่ทำให้เธอต้องสูญเสียจางจื่อหลังไปตลอดชีวิต

เสิ่นเหมียนอี้นิ่งมองใบหน้าของจางจื่อหลังนิ่ง ในแววตาของหญิงสาวก็ค่อยๆ แดงกล่ำขึ้นอย่างต้องการสะกดกลั้นหยดน้ำที่กำลังจะหลั่งออกมา...ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงประตูห้องน้ำถูกเปิดออกจึงได้ปาดน้ำตาทิ้ง แล้วเก็บสมุดบันทึกเล่มเล็กนั่นใส่ในกระเป๋าถือทันที !!

“อ้าว !!..มาเมื่อไหร่หนะพี่ใหญ่” เสียงเสิ่นซู่ฟังดังขึ้นจากทางข้างหลังของหญิงสาว...ในตอนนั้นเสิ่นเหมียนอี้ก็หันหน้ามาทางน้องสาวแทน แล้วก็บอกออกไปว่าตนเพิ่งมาถึงไม่นานแต่ก็กำลังจะออกไปแล้วหละ เพราะนัดกับจางจื่อเหลียงเอาไว้ !!

แค่ได้ยินชื่อจางจื่อเหลียง...เสิ่นซู่ฟังก็หน้าซีดลงถนัดตา...อยู่ๆ เมื่อเดือนก่อนท่าทีของจางจื่อเหลียงที่มีต่อเธอก็เปลี่ยนไป...กลายไปเป็นเหมือนเดิมเมื่อตอนที่เขาเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งประธานของฝงเหว่ยใหม่ๆ...ความเจ้าชู้ของเขากลับเข้ามาหลอนเธออีกครั้ง...ครั้งของเจิ้งเจียสงก็ทีนึงแล้ว…เสิ่นซู่ฟังจึงเข็ดขยาดกับความเจ้าชู้ของผู้ชายตั้งแต่นั้นมา...ทั้งๆ ที่ก็เคยตกลงกันเอาไว้แล้วว่าเขาจะไม่ทำแบบนั้นอีก

...ในที่สุดเสิ่นซู่ฟังก็ตัดสินใจบอกเลิกกับจางจื่อเหลียง และหันกลับมาเอาใจใส่ต่อจางจื่อหลังเหมือนอย่างเดิมแทน เพราะจางจื่อหลังเป็นคนเดียวที่รักเธอจริงและไม่เคยแสดงความเจ้าชู้ให้เธอเห็นเลย...

“เธอก็อย่าลืมนะ...คืนนี้ช่วยพาจื่อหลังไปที่ฮ่องกงพาร์คด้วย..ตรงศาลากลางน้ำนะ...พี่ไปหละ !!” เสียงของเสิ่นเหมียนอี้ดังขึ้น ทำให้เสิ่นซู่ฟังหลุดจากภวังค์...หญิงสาวจึงพยักหน้าให้กับพี่สาว...หลังจากนั้นเสิ่นเหมียนอี้จึงก้าวเดินออกจากห้องไป

................................................

ที่ด้านล่างของโรงพยาบาลตงหยาง เสิ่นเหมียนอี้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูโรงพยาบาลยกนาฬิกาข้อมือขึ้นเหลือบดู ก่อนจะแหงนมองไปตรงถนนข้างๆ ก็เห็นรถสปอร์ตเปิดประทุนคันสีขาวเคลื่อนตัวมาจอดลงตรงหน้าของเธอพอดี...จางจื่อเหลียงโน้มตัวไปข้างๆ เพื่อเปิดประตูให้เสิ่นเหมียนอี้ขึ้นมานั่งบนรถ

หลังจากที่เสิ่นเหมียนอี้ขึ้นมานั่งอยู่บนรถของจางจื่อเหลียงแล้ว หญิงสาวก็นิ่งเงียบไปไม่ยอมพูดจาอะไรเอาแต่นั่งก้มมองหน้าตักของตัวเองอยู่อย่างนั้น...ด้านจางจื่อเหลียง แม้จะมองใบหน้าของหญิงสาวลอดผ่านแว่นกันแดดสีดำ ก็ยังสามารถเห็นแววตาอันเศร้าสร้อยนั่นได้อยู่ดี...ชายหนุ่มถอดแว่นกันแดดออก ก่อนจะเลื่อนมือข้างหนึ่งไปกุมมือของเสิ่นเหมียนอี้ที่วางพาดอยู่บนกระเป๋าถือเบาๆ อย่างให้กำลังใจ

“แน่ใจนะ !!...ว่าคุณอยากทำแบบนี้...ต่อให้คุณเปลี่ยนใจเอาตอนนี้ผมก็ไม่ว่าอะไรคุณหรอกนะ !!” น้ำเสียงนุ่มของจางจื่อเหลียงดังขึ้นอยู่ข้างหูของหญิงสาวอย่างเข้าใจความรู้สึก...ในตอนนั้นเสิ่นเหมียนอี้ก็หันหน้าไปสบตากับชายหนุ่มแล้วก็เอ่ยปากพูดกับเขาในทำนองเดียวกัน…เพราะต่างก็เข้าใจความรู้สึกของฝ่ายตรงข้ามเป็นอย่างดี

“แล้วคุณหละคะ...แน่ใจใช่มั๊ยว่ายังอยากจะทำแบบนี้อยู่...น้องสาวชั้นเค้ายังรักคุณอยู่นะคะชั้นดูออก” นับแต่ต้นที่ได้เจอหน้ากัน...จางจื่อเหลียงกับเสิ่นเหมียนอี้ก็ตั้งท่าเป็นศัตรูกันมาโดยตลอด...หญิงสาวพยายามกันท่าจางจื่อเหลียงทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ชายหนุ่มเข้าใกล้น้องสาว เพราะเคลือบแคลงในจุดประสงค์ของเขา...ครั้งหนึ่งหญิงสาวก็เกือบไป...เกือบที่จะเผลอใจไปกับชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ นี้...ดีแต่ว่าหญิงสาวได้รับรู้ความจริงเรื่องน้องชายฝาแฝดของเขาเสียก่อน จึงไม่ได้ถลำลึกลงไปมากกว่านี้

ส่วนจางจื่อเหลียงเอง...เพื่อแก้แค้นแทนน้องชายจึงได้หาทางใกล้ชิดกับเสิ่นซู่ฟัง...มิคาดว่ากลายเป็นเขาเองที่ไม่อาจขาดเสิ่นซู่ฟังได้ในเวลาต่อมา...เมื่อต้องกลายเป็นศัตรูกันทั้งคู่จึงมีอคติต่อกันเรื่อยมา...ทว่าบัดนี้ทั้ง 2 คนกลับร่วมมือกัน...ตัดสินใจทำในสิ่งที่ขัดกับหัวใจของตัวเองเพื่อต้องการทำให้คนที่พวกเขารักได้สมหวัง

“แน่นอน !!...น้องชายผมกับน้องสาวคุณผมก็รักด้วยกันทั้งคู่...แล้วทำไมกับเรื่องแค่นี้ผมจะทำเพื่อพวกเขาไม่ได้หละ...ว่าแต่คุณเถอะ...คุณทำอย่างนี้ก็อย่านึกเสียใจเอาทีหลังแล้วกันนะ” จางจื่อเหลียงเตือนเสิ่นเหมียนอี้ด้วยความหวังดี...แต่เสิ่นเหมียนอี้กลับส่ายหน้าให้ชายหนุ่มช้าๆ และบอกว่าเธอจะไม่มีวันเสียใจแน่ที่ทำแบบนี้ ก่อนจะเร่งให้จางจื่อเหลียงรีบออกรถเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทันเที่ยวบินกันพอดี...ในตอนนั้นจางจื่อเหลียงจึงได้สวมแว่นกันแดดใหม่ ก่อนจะขยับเกียร์รถและเร่งเครื่องขับออกไป

.......................................................

ที่ด้านบนของโรงพยาบาลตงหยาง ภายในห้อง 1203 ที่จางจื่อหลังนอนพักฟื้นอยู่หลังจากเข้ามาตรวจร่างกายตามปกติเมื่อวานนี้...ขณะที่เสิ่นซู่ฟังกำลังนั่งอ่านนิตยสารอยู่ตรงโซฟาที่ตั้งอยู่ข้างเตียงของจางจื่อหลัง...ครู่หนึ่งชายหนุ่มก็ตื่นขึ้นมา พอเบนหน้าหันไปด้านข้างก็เห็นเสิ่นซู่ฟังกำลังให้ความสนใจกับนิตยสารตรงหน้าอยู่…ชายหนุ่มนิ่งมองใบหน้าสวยนั้นอยู่เป็นนาน จนกระทั่งได้ยินเสียงเสิ่นซู่ฟังหัวเราะดังคิกออกมาเบาๆ จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากแซวหญิงสาวขึ้นมา...“มีอะไรน่าสนใจเหรอ? ดูท่าทางมีความสุขเชียว !!”...ในตอนนั้นเสิ่นซู่ฟังจึงได้เบนหน้าหันไปตามเสียง แล้วก็ส่งยิ้มให้กับจางจื่อหลัง ก่อนจะพับนิตยสารเก็บและวางเอาไว้บนโต๊ะเตี้ยตรงหน้า

“ก็การ์ตูนที่แทรกอยู่ในนี้หนะ เห็นแล้วนึกถึงคุณตอนที่วาดภาพล้อเลียนชั้น...ตื่นนานแล้วหรือคะ ทำไมไม่เรียกชั้นหละ?” ตอนที่เสิ่นซู่ฟังพูดขึ้นก็เดินตรงมาที่เตียงของจางจื่อหลัง แล้วก็ช่วยพยุงให้ชายหนุ่มอยู่ในท่านั่งที่สบายขึ้น...ในตอนนั้นจางจื่อหลังก็ทำท่าเมียงๆ มองๆ ไปรอบห้องเหมือนกำลังมองหาใครอยู่

“มองหาใครอยู่หรือคะ !!?” เสิ่นซู่ฟังเห็นท่าทางของจางจื่อหลังแบบนั้นก็เลยมองตามสายตาของชายหนุ่มบ้างก่อนที่จะเอ่ยปากถามออกมา...จางจื่อหลังก็เลยว่ามองหาพี่สาวของเธออยู่...วันนี้เหมียนอี้ไม่ได้มาเยี่ยมตนหรอกหรือ?!!

“มา !!...แต่กลับไปแล้วหละ...เห็นพี่ใหญ่บอกว่านัดกับพี่ชายคุณเอาไว้หนะ” ตอนที่เสิ่นซู่ฟังพูดอยู่ก็เหลือบสายตามองดูสีหน้าของจางจื่อหลังไปด้วย แล้วก็เห็นชายหนุ่มทำสีหน้าย่นอย่างไม่สบอารมณ์...เสิ่นซู่ฟังจึงถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะโน้มตัวลงนั่งตรงเก้าอี้ข้างเตียง แล้วเอื้อมมือข้างหนึ่งไปกุมมือของชายหนุ่มเอาไว้

“ไม่เอาน่า !!...อย่าทำตัวเป็นเด็กๆ หน่อยเลย...เดี๋ยวพี่ใหญ่ไม่รักนะ” ตอนแรกก็คิดจะแซวชายหนุ่มเฉยๆ แต่พอพูดถึงตรงนี้หญิงสาวก็สะอึกไป เมื่อนึกสะท้อนใจถึงเรื่องของตัวเองกับจางจื่อเหลียง ทำให้สีหน้าของเธอเศร้าหมองลงไปถนัดตา... “ขอโทษนะคะ !! ที่ต้องดึงคุณเข้าเกี่ยวข้องด้วยกับเรื่องนี้”

จางจื่อหลังก็เลยกุมมือของเสิ่นซู่ฟังกลับบ้าง และบอกกับหญิงสาวออกไปอย่างร่าเริงว่าคิดมากไปได้ เพื่อนกันก็ต้องช่วยเหลือกันไม่ใช่เหรอ?...อีกอย่างนึงก็คือเขาหมั่นไส้พี่ชายมากและอยากแก้เผ็ดมาตั้งนานแล้วด้วย...ในตอนนั้นเสิ่นซู่ฟังก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความไม่แน่ใจ และพูดออกมาอย่างไม่ค่อยจะเชื่อในความรู้สึกของผู้ชายตรงหน้าสักเท่าไหร่นัก... “ด้วยการที่เราแกล้งกลับมาคืนดีกัน แล้วปล่อยให้พี่ชายคุณควงกับพี่สาวชั้นเนี้ยนะ !!?”

“อืม !!...แต่ไม่เป็นไรหรอก...ผมมีวิธีง้อพี่สาวคุณอยู่แล้วหละ...แล้วเรื่องที่ผมวานให้คุณช่วยหละเป็นไงบ้าง ?!!” จางจื่อหลังก็ยังคงพูดจาอย่างร่าเริงเหมือนเดิม แม้ว่าจะไม่แน่ใจนักว่าวิธีการของเขาจะได้ผลหรือเปล่า?...แต่เพราะว่าที่เขาเป็นคนแบบนี้แหละ ถึงได้มัดใจเสิ่นเหมียนอี้ได้อยู่หมัดนัก

ได้ยินแบบนั้น..เสิ่นซู่ฟังก็เลยลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋าถือที่วางอยู่บนโต๊ะเตี้ยข้างโซฟา แล้วก็ควานหาสิ่งของที่จางจื่อหลังต้องการ พอได้แล้วก็หยิบมายัดใส่ในมือของชายหนุ่ม...ของที่อยู่บนมือของจางจื่อหลังเป็นกล่องกำมะหยี่สีแดงรูป 4 เหลี่ยมจัตุรัส..พอเปิดกล่องดูข้างในก็เป็น ‘แหวนเพชร’ เม็ดเล็กๆ น้ำหนักราวๆ 2 กระรัต ดีไซน์แบบเรียบๆ แต่ดูหรูเข้ากับบุคลิกของเสิ่นเหมียนอี้เด๊ะ…

“แหวนวงนี้หนะ !! ชั้นหลอกให้พี่สาวเป็นคนเลือกแบบเองเลยนะ...เสียอย่างเดียว...” เสิ่นซู่ฟังยังพูดไม่ทันจบก็ถูกจางจื่อหลังพูดแทรกว่าไม่เป็นไรหรอก เพราะว่าพี่สาวของเธอปฏิเสธเขาไม่ได้อยู่แล้ว...ต่อจากนั้นชายหนุ่มก็ถามย้ำกับหญิงสาวอีกทีว่าวันนี้เป็นวันที่ 14 กุมภาพันธ์ใช่หรือเปล่า?...พอเสิ่นซู่ฟังพยักหน้าให้ จางจื่อหลังก็เลยทำท่าจะลุกลงจากเตียง หญิงสาวก็เลยถลาเข้าไปห้ามเอาไว้ ถามว่าเขาคิดจะทำอะไร?

“ก็วันนี้วันวาเลนไทน์...ผมวางแผนไว้ว่าจะต้องขายงานของผมให้ได้ ผมถึงจะมีหน้าขอพี่สาวคุณแต่งงาน...ตอนนี้สายมากแล้ว ถ้าผมไม่รีบออกไปจากโรงพยาบาล ผมก็เตรียมงานของผมไม่ทัน” จางจื่อหลังพูดขึ้นอย่างรีบร้อน ในตอนนั้นเสิ่นซู่ฟังก็เลยว่าให้เขาใจเย็นเอาไว้ก่อน...เรื่องนี้พี่สาวเธอจัดการไว้หมดแล้ว !!

…………………………………………………

ที่ฮ่องกงพาร์ค ตรงทางเดินสายยาวที่ 2 ข้างทางมีผู้คนกำลังจับกลุ่มทำกิจกรรมกัน..ทั้งรำมวยจีน...ร้องเพลง...ฝึกไท้เก๊ก...หรือวิ่งออกกำลังกาย...ตรงหน้าศาลากลางน้ำก็มีรถตู้คันยาววิ่งมาจอดเทียบลง...ฟางเจียซิน ที่วันนี้ไม่ได้แต่งหน้าเพียงแต่ผัดแป้งอ่อน ทรงผมก็ก้าวรวบขึ้นแบบลวกๆ...หญิงสาวสวมใส่แว่นกันแดดสีดำ...เสื้อแขนกุดลายทางสีแดงขาวกับกางเกงยืนส์ขาสั้นถึงเข่า แต่พับขึ้นสูงถึงเรียวน่องจนเผยให้เห็นเรียวขานวลขาวผุดผ่อง...ทว่ากลับสวมใส่รองเท้าผ้าใบแทนรองเท้าส้นสูงซะนี่

หญิงสาวก้าวลงมาจากที่นั่งด้านหน้าของรถก่อนจะเดินอ้อมไปทางด้านคนขับ พร้อมกับถกแว่นกันแดดขึ้นคาดหัว ทำให้เห็นแววตาทรงเสน่ห์ของหญิงสาวเหมือนอย่างเคย... “พี่ชายจ๊ะ !!...ชั้นวานหน่อยนะ...ช่วยชั้นขนของลงมาจากรถเข้าไปไว้ในศาลาให้หน่อยเถอะ !!” ฟางเจียซินยังคงใช้มารยาของตัวเองเหมือนอย่างเคย ด้วยการส่งสายตาปิ๊งปั๊งให้กับคนขับรถตอนที่ตัวเองพูดขอความช่วยเหลือ...ส่วนพี่ชายคนขับรถ มีหรือที่จะไม่เสร็จกับมารยาของเธอ !!..ดังนั้นเขาก็เลยรีบลงจากรถอย่างว่าง่าย...แล้วจัดการช่วยหญิงสาวขนของลงมาจากรถด้วยตัวเองทั้งหมด โดยที่ฟางเจียซินไม่ต้องเสียแรงเลยแม้แต่น้อย

พอพี่ชายคนขับ เคลื่อนรถออกไปแล้ว ฟางเจียซินจึงได้ก้าวเข้ามาอยู่ในศาลา...ของที่หญิงสาวจ้างให้คนขับรถตู้ขนมาตั้งไว้ในศาลานี้ถูกห่อหุ้มด้วยวัสดุกันกระแทกอย่างดี และปิดทับด้วยกระดาษห่อสีน้ำตาลอีกทีหนึ่งหลาย 10 ห่อ...นอกจากนั้นก็ยังมีพวกอุปกรณ์ตกแต่งสถานที่ ประเภทริบบิ้นหรือโมบายลวดลายต่างๆ รวมถึงดอกไม้เทียมนานาชนิดอีกด้วย

“เอาหละ !!...ชั้นจะลงมือแล้วนะเหมียนอี้...แต่ขอบ่นหน่อยเหอะ...ขอให้ชั้นมาจัดแต่งศาลานี่ให้...แล้วตัวเองเล่นบินไปเมืองนอกกับตาจื่อเหลียงเนี้ยนะ...ให้ตายเหอะ !! เพื่อนนะเพื่อน...ทำกันได้ลงคอเลยนะเนี้ย...ชิ !!” ฟางเจียซินเล่นบ่นพึมพำอยู่คนเดียวตอนที่กวาดตามองสิ่งของที่ระเกะระกะอยู่ตรงหน้า

ต่อจากนั้นฟางเจียซินก็ขมวดคิ้วมุ่น นิ่งมองห่อกระดาษที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น แล้วก็คิดอยู่ในใจว่าทำไมเพื่อนสาวต้องทำอะไรลึกลับด้วย...เมื่อวานนี้เสิ่นเหมียนอี้โทรศัพท์หาหญิงสาวในตอนเย็น แล้วขอให้เธอช่วยจัดการธุระในวันนี้ให้ด้วย...ส่วนลูกค้ารายสำคัญจะยกให้เป็นหน้าที่ของเชี่ยนหลี่ลี่กับหลินเกาฟงแทน

ครั้นฟางเจียซินถามออกไปว่าธุระนี้สำคัญกว่าลูกค้ารายใหญ่อีกหรือ?...เสิ่นเหมียนอี้ก็ตอบหญิงสาวไปว่า เธอขอทำอะไรให้จางจื่อหลังเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ชายหนุ่มกับน้องสาวของเธอจะแต่งงานกัน...ฟางเจียซินเลยว่าเธอไม่เห็นรู้เรื่องที่เสิ่นซู่ฟังจะแต่งงานกับจางจื่อหลังสักนิด ทำไมหญิงสาวถึงได้คิดแบบนั้น?

เสิ่นเหมียนอี้ก็เลยบอกปัดเพื่อนสาวไป ว่าถ้ารักกันจริงก็ขอได้อย่าถาม? เพียงช่วยเหลือเธอเท่านั้นก็พอ...เพราะเธอมีธุระอื่นที่ต้องจัดการร่วมกับจางจื่อเหลียง...ฟางเจียซินก็เลยทักเพื่อนออกไปอีกว่าเพื่อนสาวตกลงใจคบกับจางจื่อเหลียงแน่แล้วหรือ...เสิ่นเหมียนอี้ก็ว่าคงต้องเป็นอย่างนั้นก่อนจะบอกปัดเพื่อนว่าไม่คุยด้วยแล้ว อย่างไรเธอรบกวนเพื่อนสาวด้วย !!

บทสนทนาของฟางเจียซินกับเสิ่นเหมียนอี้จบลงแค่นั้น...และในวันนี้...เวลานี้...ฟางเจียซินก็สงสัยเหลือเกินว่าสิ่งของที่ถูกห่อหุ้มไว้นั่นคืออะไร...หญิงสาวจึงได้เดินเข้าไปนั่งลงตรงเก้าอี้ไม้ในศาลา...วางกระเป๋าถือใบใหญ่ลงข้างตัวพร้อมกับเอื้อมมือไปคว้าเอาพัสดุสีน้ำตาลห่อใหญ่ห่อหนึ่งตรงหน้าขึ้นมาวางไว้บนตัก ก่อนจะค่อยๆ แกะกระดาษห่อออกช้าๆ

“โอ้...มาย...ก๊อด !!” เสียงฟางเจียซินอุทานออกมาอย่างตะลึงอึ้งเมื่อได้เห็น ‘ภาพวาด’ ตรงหน้า...ภาพวาดที่ว่าเป็นรูปภาพของหญิงสาวกับเสิ่นเหมียนอี้กำลังบีบจมูกย่นปากเล่นกันอย่างหยอกล้อในตอนที่ทุกคนไปเที่ยวพักผ่อนกัน...จำได้ว่าในครั้งนั้นเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับเรื่องราวที่ไม่ค่อยจะลงตัวของพวกเธอและพวกเขาทั้งหมด...ฟางเจียซินเลื่อนสายตาไปตรงมุมขวาด้านล่างของภาพวาดที่มีชื่อของจางจื่อหลังเป็นคนวาด พร้อมกับตั้งชื่อภาพวาดเอาไว้ด้วย... ‘ภาพมีชีวิต...รอยยิ้มวันฟ้าใส’

ฟางเจียซินเลื่อนนิ้วมือไปสัมผัสภาพวาดในกรอบใสอย่างแผ่วเบา... “นายมีพรสวรรค์มากนะจื่อหลัง...เสียอย่างเดียวที่นายทึ่มเกินไปและไม่เห็นความสำคัญของเหมียนอี้...ก็เลยต้องพลาดให้พี่ชายนายไปอีกหนแล้ว !!”…หญิงสาวเพียงแค่ส่ายหน้าและบ่นพึมพำอยู่คนเดียว...สักครู่ก็เหมือนนึกอะไรออกมาได้ก็เลยเอื้อมมือข้างหนึ่งไปควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าถือคู่กาย...หลังจากได้มือถือมาอยู่ในมือก็จิกสายตาขึ้นฟ้าอย่างครุ่นคิด พร้อมกับยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์

...................................................

ที่สปาต้าเจี๋ย...ขณะที่เจิ้งเจียสงกำลังก้าวเดินลงบันไดจากชั้นบนของร้าน...ก็เห็นลูกค้านั่งรอต่อคิวใช้บริการจากสปาของเขาเต็มไปหมดจึงได้หยุดฝีเท้าลง... ‘วันนี้เป็นวันแห่งความรักก็จริง แต่ทุกปีไม่เห็นจะมีลูกค้าเยอะแบบนี้มาก่อนเลยนี่นา’…ชายหนุ่มคิดเช่นนี้ในใจ ก่อนที่จะย่างฝีเท้าต่อ มุ่งตรงไปยังเคาน์เตอร์ต้อนรับพร้อมกับเอ่ยปากถาม ‘อิ๋งอิ๋ง’ พนักงานต้อนรับสาวสวยประจำสปาต้าเจี๋ยของเขา...

“มีอะไรพิเศษเหรอ?...ลูกค้าถึงได้เยอะขนาดนี้ หึ...อิ๋งอิ๋ง !!” ตอนที่เจิ้งเจียสงเท้าแขนอยู่ตรงเคาน์เตอร์และเอ่ยปากถามอิ๋งอิ๋ง ก็เหลือบสายตามองไปรอบๆ สปา อย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อสายตาของตัวเองเท่าไหร่ แต่ก็รู้สึกภาคภูมิใจอยู่ไม่น้อยที่สปาของเขาเป็นที่นิยมถึงขนาดนี้

“ก็โปรโมชั่นที่เพื่อนของพี่สงคิดให้หนะค่ะ...ผู้หญิงคนนั้น...เอ !!...อ้อ...คนที่พี่สงชอบเรียกเธอว่ายัยตัวร้ายหนะค่ะ...โปรโมชั่นที่เธอคิดให้สปาเราไม่เลวเลยนะคะ...ทิ้งร้างเตียงนวดไว้เปล่าๆ ตั้งเป็นเดือนๆ...ไม่น่าเชื่อว่าพอมาใช้แคมเปญ ‘เคียงคู่..ลุ้นรัก’ จะได้ผลตอบรับกันขนาดนี้นะคะ”...ที่อิ๋งอิ๋งว่าแคมเปญ ‘เคียงคู่..ลุ้นรัก’ หมายถึงโปรโมชั่นต้อนรับเทศกาลเดือนแห่งความรักที่ฟางเจียซินเป็นคนคิดให้สปาต้าเจี๋ยโดยเฉพาะ...ตลอดทั้งเดือนนี้ คู่รักที่ใช้บริการสปาต้าเจี๋ยจะได้รับคูปองลุ้นตั๋วท่องเที่ยวเป็นแพ็คเก็จสำหรับคู่รักให้ได้ไปสวีทส่วนตัวกันจำนวน 2 รางวัล...แต่สำหรับวันวาเลนไทน์ หากใช้บริการเตียงนวดเสริมด้วยแล้วก็จะได้ลดราคาค่าใช้บริการอีก 30 % เพิ่มขึ้นมาอีกด้วย...ความฉลาดของฟางเจียซินอยู่ตรงนี้แหละ...ที่ไม่ได้ปล่อยให้เตียงนวดที่เธอช่วยเลือกกันกับเจิ้งเจียสงต้องทิ้งร้างไว้เปล่าๆ โดยไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร

ด้านเจิ้งเจียสงก็คิดตามสิ่งที่อิ๋งอิ๋งพูด จึงอดไม่ได้ที่จะเผลอยิ้มออกมาอย่างลืมตัว...ในตอนนั้นโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของเขาก็ดังขึ้น...ชายหนุ่มควั๊กเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็เห็นเป็น ‘ข้อความรูปภาพ’ ถูกส่งมา...ครั้นพอเปิดข้อความรูปภาพออกดูก็เห็นเป็นรูปของ ‘ฟางเจียซิน’ กำลังทำหน้าย่นปากจู๋ และหรี่ตาอย่างเซ็กซี่ให้กับกล้องอยู่...เท่านั้นแหละ เจิ้งเจียสงก็อดที่จะเผยยิ้มและส่งเสียงหัวเราะดังหึๆ ในลำคอออกมาไม่ได้...ชายหนุ่มส่ายหน้าเล็กน้อยอย่างนึกเอ็นดูในท่าทางขี้เล่นของหญิงสาว...ขณะนั้นเองโทรศัพท์มือถือในมือของเขาก็ดังขึ้นพอดี...ที่หน้าปัดนั่นปรากฏเป็นชื่อ... ‘ยัยตัวร้าย’…โทรศัพท์มาหาเขา

เสียงรอสายดังขึ้นเพียง 2 ครั้ง..ก็ได้ยินเสียงปลายสายทักเรียกกลับมา... “ว่ายังไงครับ?...กำลังคิดถึงอยู่พอดี”...ในตอนนั้นฟางเจียซินเผยยิ้มกว้างออกมาแล้วก็ตอบเจิ้งเจียสงไปว่าไม่มีอะไรแค่อยากได้ยินเสียงเท่านั้น...ต่อจากนั้นหญิงสาวก็ว่าวันนี้เขาต้องงานยุ่งจนปวดหัวแน่ๆ เป็นอย่างไรหละ...โปรโมชั่นเด็ดที่เธอคิดให้ใช้ได้ผลดีเลยใช่มั๊ยหละ...เธอกลัวว่าเขาจะเครียดเพราะดีดลูกคิดไม่ทัน ก็เลยส่งกำลังใจมาให้ไง !!

เจิ้งเจียสงไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่เผยยิ้มอย่างเอ็นดูเท่านั้น ก่อนจะเอ่ยปากบอกหญิงสาวออกไปว่าเขาอยากเลี้ยงขอบคุณที่หญิงสาวช่วยเหลือเขา...เย็นนี้เป็นอย่างไร?...เลิกงานแล้วเขาจะไปรับ

“เย็นนี้ไม่ได้หรอกค่ะเจียสง...วันนี้ชั้นคงต้องยุ่งทั้งวันเลย...ก็ยัยเหมียนอี้นั่นแหละใช้ให้ชั้นมานั่งตากแดดทำงานอยู่ได้ !!” พอฟางเจียซินพูดถึงตรงนี้ก็ส่งเสียงกรี๊ดกรอกหูโทรศัพท์ไปที... “กรี๊ดดด...ตายแล้ว...ชั้นลืมทาครีมกันแดด...ไม่คุยแล้วนะคะเจียสง...คุณไปทำงานเถอะ...ชั้นไม่รบกวนแล้วค่ะ”

ทว่าก่อนที่ฟางเจียซินจะวางสายลง...เจิ้งเจียสงก็เบรกหญิงสาวไว้เสียก่อน และถามหญิงสาวออกไปว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหนหรือ?...ทำไมถึงต้องนั่งตากแดดด้วยหละ?

“ศาลากลางน้ำ ฮ่องกงพาร์คค่ะ...แค่นี้นะคะเจียสง” ฟางเจียซินตอบชายหนุ่มแค่นั้นก่อนจะรีบกดวางโทรศัพท์ลงทันที

ส่วนเจิ้งเจียสงหนะเหรอ?...แท้จริงแล้วชายหนุ่มถูกหญิงสาววางเสน่ห์มาตั้งนานแล้ว...ชายหนุ่มมักรู้สึกว่าหญิงสาวอย่างฟางเจียซินมีอะไรหลายๆ อย่างน่าค้นหา..ทุกครั้งเวลาที่ได้อยู่ใกล้กันกับหญิงสาว...จิตใจเขาหวั่นไหว...บางครั้งฟางเจียซินก็ทำตัวเหมือนเด็ก และเขามีความสุขทุกครั้งที่ได้ปรามหญิงสาว...บางครั้งเธอก็ทำตัวเหมือนผู้ใหญ่...บางอารมณ์ก็มีความคิดความอ่านเกินตัวมากกว่าเขาเสียอีก...ชายหนุ่มก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขารู้สึกแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่?...ทว่าพอฟางเจียซินวางสายไป...เขาก็เริ่มรู้สึกอยาก ‘ค้นหา’ ขึ้นมาอีกแล้ว...ดังนั้นตอนที่เจิ้งเจียสงเก็บโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม ก็หันไปฝากให้อิ๋งอิ๋งช่วยดูสปาแทนเขาด้วย...พอพูดจบเจิ้งเจียสงก็บึ่งออกจากสปาไปในทันที

เพียงไม่ถึงชั่วโมงเจิ้งเจียสงก็ปรากฎตัวขึ้นตรงที่ฮ่องกงพาร์ค...ชายหนุ่มขับรถเคลื่อนตัวมาช้าๆ ตรงทางเดินกว้างที่วนรอบศาลากลางน้ำ...หลังจากที่จอดรถลงแล้วเจิ้งเจียสงก็ออกมาปรากฎตัวอยู่ภายนอกรถ...ทว่าเขากลับยืนพิงประตูรถอยู่นิ่งๆ ตรงนั้น...สักครู่ก็เผยยิ้มอย่างเอ็นดูออกมาอีกครั้งเมื่อได้สัมผัสกับ ‘ธรรมชาติ’ อีกส่วนหนึ่งของฟางเจียซินอีกครั้ง

ฟางเจียซินที่สวมซาวอะเบ้าท์แนบกับใบหูทั้ง 2 ข้าง กำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนเก้าอี้ไม้ที่สร้างติดกับผนังรอบศาลากลางน้ำพร้อมๆ กับการก้มๆ เงยๆ เพื่อผูกริบบิ้นโยงใยไปรอบๆ ศาลา...หญิงสาวฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี แถมมีการโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามเสียงเพลงอีกด้วย...ท่าทางที่เป็นธรรมชาติของหญิงสาวแบบนี้ เจิ้งเจียสงเห็นแล้วก็ให้รู้สึกเอ็นดูขึ้นมาอย่างประหลาด

...ครู่หนึ่งชายหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ และลอบยิ้มออกมาอีกครั้งอย่างลืมตัว...ทว่าในตอนที่ชายหนุ่มเหลือบมองไปยังอีกมุมหนึ่งของศาลากลางน้ำ ก็เห็นชายหนุ่มที่ดูท่าว่าคงจะเป็นเพื่อนกัน 2 คนกำลังเพ่งมองกริยาของฟางเจียซินด้วยแววตาวาววาบ...หากว่าพวกเขาทำได้ ก็คงอยากจะเข้าไปขยุ้มก้นของฟางเจียซินซะแล้วมั้งในตอนนี้ !!

เจิ้งเจียสงหุบยิ้มโดยเฉียบพลัน สีหน้าเปลี่ยนเป็นขึ้งโกรธในทันทีแล้วก็เดินตรงไปยังกระโปรงท้ายรถ...ชายหนุ่มเปิดกระโปรงท้ายรถขึ้นพร้อมกับหยิบเอาถุงผ้าใบหนึ่งออกมา หลังจากนั้นก็กระแทกปิดกระโปรงท้ายรถเสียดังลั่น ก่อนจะเดินดุ่มๆ ตรงไปที่ฟางเจียซินอย่างรวดเร็ว

“ตุ๊บ !!...เอาไปเปลี่ยนซะ...แต่งตัวแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน !!?” อยู่ๆ น้ำเสียงนุ่มใหญ่อันแสดงถึงความขัดเคืองใจก็ดังขึ้นตอนที่ซาวอะเบ้าท์ถูกกระชากออก พร้อมๆ กับถุงผ้าใบหนึ่งถูกกระแทกลงตรงเก้าอี้ไม้อย่างแรงตรงหน้า ทำให้ฟางเจียซินต้องหรี่ตาขึ้นมองผู้มาเยือน...หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่นเล็กน้อยเพราะไม่รู้ว่าเจิ้งเจียสงไปอารมณ์บูดมาจากที่ไหน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกลับคว้าเอาถุงผ้ามาเปิดออกดู

จำได้ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่ง...หญิงสาวคิดแกล้งเจิ้งเจียสงด้วยการมอมเหล้าเขา...คิดไม่ถึงว่าตัวเองกลับโดนเขาดัดหลังด้วยการถูกเขามอมเหล้าเสียเอง...ตอนนั้นเจิ้งเจียสงยังไม่รู้ว่าฟางเจียซินพักอาศัยอยู่ที่ไหน ก็เลยพาหญิงสาวกลับบ้านตนก่อน...วันนั้นตลอดทั้งคืนชายหนุ่มก็แทบบ้าไปเหมือนกัน...เวลาที่ฟางเจียซินเมาน่ากลัวมาก !!...หลังจากที่หญิงสาวอ๊วกรดใส่เขา...เขาก็เรียกให้แม่บ้านมาเปลี่ยนชุดใหม่ให้กับหญิงสาว...เสื้อเชิ๊ตกับกางเกงขาสั้นของเขา...แล้วตอนที่เขาจัดการธุระของตนเอง...ครั้นตอนที่อุ้มตัวหญิงสาวให้ไปนอนที่เตียงของเขา..หญิงสาวกลับเห็นเขาเป็นหมอนข้างซะนี้ แถมมือยังเหนียวอย่างกับกาวอีกต่างหาก !!

ไม่รู้ฟางเจียซินเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน คว้าคอเจิ้งเจียสงเอาไว้ ทำให้ชายหนุ่มเซเสียหลักลงไปนอนอยู่ข้างๆ กับหล่อน...แถมหญิงสาวยังกอดแขนเขาไว้เสียแน่นไม่ยอมปล่อย...เท่านั้นยังไม่พอ...ฟางเจียซินยังเบียดตัวเข้าหาเขาทั้งที่ก็ยังหลับสนิทไม่ได้สติอยู่...เฮ้อ !!...เขาก็เป็น ‘ผู้ชาย’ คนหนึ่งเหมือนกันนะ...ข่มใจแทบแย่กว่าจะหลับลงไปได้...คิดไม่ถึงว่าพอตื่นขึ้นมาอีกทีก็ไม่เห็นหญิงสาวนอนอยู่ข้างๆ เขาแล้ว

ฟางเจียซินเองก็จำวันนั้นได้ดี...เพราะอย่างนั้นพอเปิดถุงผ้าออกก็เลยหน้าแดงออกมาอย่างห้ามไม่ได้... “อ้อ !! ขอบคุณนะที่เอามาคืน”...ฟางเจียซินพูดกับเจิ้งเจียสงโดยไม่กล้าสบตา...ในตอนนั้นเจิ้งเจียสงก็ส่งเสียงย้ำกับหญิงสาวอีกครั้งว่าเขาไม่ได้เอามาคืน แต่ตั้งใจเอามาให้เปลี่ยน...รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้เลย !!

ฟางเจียซินซึ่งยังไม่เข้าใจความหมายของเจิ้งเจียสง ก็บอกชายหนุ่มออกไปอย่างไม่ค่อยพอใจเหมือนกันที่เขามายุ่งเรื่องส่วนตัวของเธอ ว่าทำไมเธอต้องเปลี่ยนด้วย ชุดที่เธอใส่ก็ดีอยู่แล้วเพราะทำงานได้สะดวกดี

“ผมไม่ชอบ !!...ที่คุณแต่งตัวโป้แบบนี้” คราวนี้กลายเป็นฝ่ายเจิ้งเจียสงบ้างที่ตอบหญิงสาวไปด้วยอาการเก้อเขินอยู่ในที...แต่นั่นก็พอทำให้ฟางเจียซินเริ่มเข้าใจความหมายที่เขาเอ่ย ถึงกับเผยยิ้มหวานออกมาด้วยความดีใจ...อย่างน้อยมันก็หมายความว่า เธอก็อยู่ในสายตาของชายหนุ่มเหมือนกัน

ทว่าพอเจิ้งเจียสงยังเห็นฟางเจียซินเงียบไป ก็พูดขู่หญิงสาวขึ้นมาอีก ว่าถ้าไม่รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้ เขาจะอาละวาดพังงานที่เธอทำอยู่เสียตอนนี้เลย...ในตอนนั้นฟางเจียซินก็เลยกระวีกระวาด ลนลานหยิบชุดในถุงผ้าออกมาแล้วก็กระโดดลงจากเก้าอี้ หมายจะเดินไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำสาธารณะที่อยู่ใกล้...แต่แล้วพอคลี่เสื้อผ้าออกมา...หญิงสาวก็ทำสีหน้าเหยเก พลิกกายหันหลังมาทางเจิ้งเจียสงใหม่ พร้อมกับยื่นชุดที่อยู่ในมือไปตรงหน้าของชายหนุ่ม...“คุณแน่ใจนะ...ว่าจะให้ชั้นใส่ชุดนี้ทำงานแบกๆ หามๆ แบบนี้หนะ?”

เจิ้งเจียสงก็เหวอไปเลยพอเห็นชุดที่ฟางเจียซินถืออยู่ในมือ...ชุดแซ็กสีแดงสั้นจุดจู๋กับเสื้อแจ๊กเก๊ตสีดำมีแขนที่ความยาวคลุมแค่หน้าอก... “ไว้ตอนที่ชั้นก้มๆ เงยๆ ไม่ก็ปีนป่ายศาลา...หวอก็ได้เปิดพอดี...จะเอาอย่างงั้นหรือไง?...ฮึ คุณชาย”

“ถ้างั้นก็ไม่ต้องทำแล้ว ไอ้งานเนี้ย !!...ไปๆ กลับบ้าน เดี๋ยวผมไปส่ง” เจิ้งเจียสงไม่พูดเปล่า คว้าแขนฟางเจียซินฉุดให้หญิงสาวเดินตามเขาด้วย ทำให้ชุดที่หญิงสาวถืออยู่ตกลงบนพื้นไป...ได้ยังไงกัน !! เล่นแต่งตัวล่อเสือล่อตะเข้แบบนี้ต่อหน้าเขาได้ไง !!...เจิ้งเจียสงคิดแบบนี้ในใจ เขารู้สึกหงุดหงิดทุกทีเลยเวลาที่เห็นผู้ชายคนอื่นมองฟางเจียซินด้วยสายตาแบบไอ้หื่น 2 คนนั่น...แต่แล้วฟางเจียซินกลับขืนตัวไว้ แล้วก็ดึงแขนตัวเองกลับก่อนจะต่อว่าเจิ้งเจียสงออกไป

“นี่คุณชาย...ชั้นก็ไม่ได้คิดอยากจะเข้าข้างตัวเองหรอกนะว่าคุณชายกำลังหึงชั้นอยู่หนะ...แต่งานนี้มันงานสำคัญ...เหมียนอี้ขอร้องมา ยังไงชั้นก็ต้องทำให้เสร็จ” คราวนี้กลายเป็นฝ่ายฟางเจียซินบ้างที่ขึ้นเสียงใส่เจิ้งเจียสงด้วยความไม่พอใจ...หลังจากที่ต่อว่าชายหนุ่มเสร็จก็เอาขากางเกงยีนส์ที่พับขึ้นลงจนเป็นทรงเดิม แล้วก็คว้าเอาเสื้อแจ๊กเก๊ตที่ตกพื้นอยู่มาสวมทับกับเสื้อแขนกุดของตน... “ทีนี้พอใจหรือยัง?!!”...ฟางเจียซินชักสีหน้าใส่เจิ้งเจียสงก่อนจะหันไปตั้งหน้าตั้งตาจัดแต่งศาลาต่อโดยไม่ได้หันไปมองสีหน้าของชายหนุ่มอีก

ด้านเจิ้งเจียสงก็เงียบไปอยู่พักหนึ่ง...เพิ่งรู้สึกตัวว่าทำให้หญิงสาวไม่พอใจ...ครู่หนึ่งก็ก้าวไปนั่งข้างๆ กับฟางเจียซิน...แล้วก็เพิ่งเห็นว่ามีข้าวของวางระเกะระกะอยู่เต็มศาลาไปหมด... “เหมียนอี้วานให้คุณทำอะไรเหรอ? ทำไมดูวุ่นวายจัง?” น้ำเสียงของเขาฟังดูใจเย็นกว่าเมื่อสักครู่นี้มาก ทำให้ฟางเจียซินก็อารมณ์เย็นลงด้วย

พอได้ยินเจิ้งเจียสงถามออกมาแบบนั้น...ฟางเจียซินก็วางริบบิ้นในมือลง ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เพราะนึกเห็นใจเพื่อนสาวอยู่ไม่น้อยที่ต้องตัดสินใจเสียสละความรักของตนให้กับน้องสาว... “งานแสดงภาพหนะ...เหมียนอี้อยากให้จัดงานแสดงภาพของจื่อหลังที่นี่...ถ้างานของจื่อหลังขายได้...เขาก็จะขอซู่ฟังแต่งงาน”...และนั่นก็ทำให้สีหน้าของเจิ้งเจียสงเปลี่ยนไปในทันที...สีหน้าแบบนี้ของเขา ฟางเจียซินเข้าใจดี

“ขอโทษนะที่ทำให้คิดมาก...แต่น้องซู่ฟังก็เลือกแล้ว...คุณเสียใจมากใช่มั๊ย...ที่น้องซู่ฟังไม่ได้เลือกคุณ” ฟางเจียซินเอื้อมมือข้างหนึ่งไปกุมมือของเจิ้งเจียสงไว้ตอนที่พูดปลอบใจเขาอยู่...ทว่าเจิ้งเจียสงกลับส่ายหน้าช้าๆ ให้หญิงสาว แล้วบอกว่าเขาตัดใจจากซู่ฟังไปตั้งนานแล้ว...ต้องโทษตัวเขาเองที่เลือกเดินทางผิดไป..พออยากจะแก้ตัวใหม่ก็ไม่ทันเสียแล้ว...เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าคนที่เสิ่นซู่ฟังเลือกจะเป็นจางจื่อหลัง แทนที่จะเป็นจางจื่อเหลียง !!

ด้านฟางเจียซินก็คิดเหมือนอย่างที่เจิ้งเจียสงพูด เธอก็ไม่เข้าใจเหตุผลของเสิ่นซู่ฟังเหมือนกัน...ทั้งคู่ต่างก็เงียบกันไปอยู่สักพัก แล้วอยู่ๆ เจิ้งเจียสงก็ถอนหายใจขึ้นมาเฮือกใหญ่อย่างปลงตก ก่อนจะถามหญิงสาวว่ามีอะไรให้เขาช่วยมั๊ย?

ในตอนนั้นฟางเจียซินก็ส่ายหน้าใหญ่ พูดแขวะเจิ้งเจียสงออกไปว่าท่าทางเนี๊ยบ และรักสะอาดแบบเขา อย่ามาทำงานคลุกฝุ่นแบกๆ หามๆ อย่างนี้จะดีกว่า...ต่อจากนั้นฟางเจียซินก็ออกปากไล่ให้เจิ้งเจียสงกลับไปซะเถอะ งานตรงนี้เธอจัดการเองได้แล้วหญิงสาวก็หันไปคว้าโมบายที่อยู่ข้างตัวมาไว้ในมือ ก่อนจะปีนขึ้นไปอยู่บนเก้าอี้ แล้วก็เอื้อมมือจะไปแขวนโมบายตรงเพดานศาลา

ด้านเจิ้งเจียสงก็ยืนมองฟางเจียซินอยู่อย่างนั้น...เห็นหญิงสาวเอื้อมมือเท่าไหร่ก็ไม่สามารถแขวนโมบายได้สักที...เจิ้งเจียสงส่ายหน้าออกมาเล็กน้อย ก่อนจะพับแขนเสื้อเชิ้ตของตัวเอง แล้วก็ปีนขึ้นไปยืนอยู่บนเก้าอี้บ้าง เอื้อมมือไปดึงโมบายมาจากฟางเจียซิน แล้วก็แขวนโมบายให้หญิงสาวเสร็จภายในเวลาเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะหันไปยักคิ้วให้กับฟางเจียซิน... “คุณอย่าดูถูกคนอย่างผมนะ...คนเรามันเปลี่ยนแปลงกันได้...ไหน !! ยังมีอะไรต้องจัดการอีก...2 หัวดีกว่าหัวเดียว...เราช่วยกันทำก็แล้วกันนะ...งานของคุณจะได้เสร็จเร็วขึ้นไง”

ฟางเจียซินก็ยิ้มให้กับเจิ้งเจียสงอย่างประทับใจ ก่อนจะยักไหล่ให้เขาไปทีนึง... “งั้นก็ตามใจคุณก็แล้วกัน”...เวลาต่อจากนั้นทั้ง 2 คนก็เลยช่วยกันจัดแต่งศาลากลางน้ำให้เป็นไปตามความต้องการของเสิ่นเหมียนอี้ต่อ

..................................................

ตรงหน้าอาคารสูงระฟ้า...หลินเกาฟงที่เดินทางมาถึงได้สักระยะแล้ว กำลังสำรวจการแต่งกายของตัวเอง...ชายหนุ่มใส่สูทผูกไท้เสียหล่อเฟี้ยว...ทรงผมหวีเรียบแปล้อย่างสุภาพ ใส่เจลน้อยๆ เพื่อให้อยู่ทรง...มือข้างหนึ่งถือกระเป๋าแล็บท๊อปใบใหญ่...ส่วนมืออีกข้างก็ขยับเนกไทให้เข้ารูป...ในตอนนั้นเชี่ยนหลี่ลี่ก็วิ่งอย่างกระหืดกระหอบมาหยุดลงตรงหน้าของหลินเกาฟงพอดี...ชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้นเหลือบดู ก่อนจะพูดแขวะเชี่ยนหลี่ลี่ออกไป... “นี่ยัยเชี่ยนหมาก !!...เธอมาสายไป 5 นาที...มีอะไรจะแก้ตัวมั๊ย?”

ด้านเชี่ยนหลี่ลี่ที่สวมเสื้อเชิ๊ตแขนยาวกับกระโปรงตัวยาวเหมือนอย่างเคยก็หางตาตกทันที เหล่มองหลินเกาฟงอย่างไม่ค่อยพอใจ แต่ก็เถียงชายหนุ่มไม่ออก...ก็มันตื่นเต้นจนนอนไม่หลับนี่นา...เมื่อเช้าก็เลยตื่นสายไปหน่อย...แต่แหม !!...ชั้นมาเป็นเพื่อนนายนะยะงานนี้ เล่นโยนความผิดให้ชั้นคนเดียวได้ไง?... “นี่ตาเกาปากหมา...วันนี้ชั้นมาประเมินนายนะยะอย่าลืม...ปากหมาตั้งแต่ยังไม่เริ่มงานเลย...เดี๋ยวก็ตัดคะแนนความประพฤติซะเลย !!”

วันนี้เป็นวันแรกที่หลินเกาฟงตั้งใจจะแสดงฝีมือของตัวเองให้เชี่ยนหลี่ลี่เห็น...หลังจากที่หญิงสาวทุ่มเทเวลาอยู่หลายเดือนเพื่อสอนงานให้แก่เขา...ช่วงนั้นหลินเกาฟงก็ค่อยๆ รู้สึกประทับใจในความทุ่มเทที่เชี่ยนหลี่ลี่มีให้ตนอยู่ไม่น้อย...ทว่าทุกครั้งเวลามองหน้าเชี่ยนหลี่ลี่แล้วก็เผยยิ้มออกมาอย่างลืมตัว...ก็มักจะเห็นใบหน้าของเสิ่นเหมียนอี้ขึ้นมาซ้อนทับกับใบหน้าของหญิงสาวเพื่อเตือนตัวเองอยู่เสมอ...ก็ใครใช้ให้ตัวเองอาภัพนัก...ดวงก็บอกอยู่ว่าเนื้อคู่ของเขาเป็นอย่างไร?...ซึ่งตรงกันข้ามกับเชี่ยนหลี่ลี่อย่างสิ้นเชิง....แล้วอย่างนี้เขาจะฝืนชะตาของตัวเองได้ยังไงกัน

“เอ้า !! ยืนเหม่ออยู่ทำไมหละตาเกาปากหมา...เดี๋ยวก็ไม่ทันนัดกันพอดี” ในตอนที่เชี่ยนหลี่ลี่แขวะหลินเกาฟงออกไปอย่างแก้เก้อเสร็จ ก็เดินนำผ่านหน้าชายหนุ่มไป...ทว่าหญิงสาวเห็นหลินเกาฟงยื่นทื่ออยู่ที่เดิม ก็เลยหันหลังกลับมาออกปากเร่งชายหนุ่มให้รีบไปกันได้แล้ว ก่อนที่ตัวเองจะเดินนำเขาออกไป

‘ช่างเถอะ !! อย่าคิดมากดีกว่าเรา...อย่างน้อยพอมียัยนี่อยู่ด้วย ก็อุ่นใจขึ้นเยอะเลย’ หลินเกาฟงคิดเช่นนี้อยู่ในใจ...ชายหนุ่มดีใจมากตอนที่เชี่ยนหลี่ลี่รับปากจะมาเป็นกำลังใจให้เขาตอนที่พรีเซ้นต์งานให้กับลูกค้า เพื่อจะได้เป็นการประเมินความสามารถของตัวเองในการสอนงานไปด้วย...แต่หลินเกาฟงไม่ได้คิดแบบเชี่ยนหลี่ลี่...เขารู้สึกว่าหญิงสาวสามารถเพิ่มความมั่นใจให้กับเขาได้ทุกครั้งเวลาที่ได้ทำงานร่วมกัน...ต่อจากนั้นหลินเกาฟงก็ค่อยออกเท้าเดินตามเชี่ยนหลี่ลี่ไป...ทั้งๆ ที่หญิงสาวก็ล่วงหน้าไปก่อนเขาได้สักระยะแล้ว แต่หลินเกาฟงออกตัวยังไม่ถึง 5 นาทีก็ไล่ตามเชี่ยนหลี่ลี่จนทันแล้ว...เฮ้อ !! อะไรจะเฉื่อยได้ปานนั้นเนี้ย...

เวลาผ่านไปราวๆ 3 ชั่วโมง...การพรีเซ้นต์งานของหลินเกาฟงก็จบลง...ทุกคนในที่ประชุมต่างก็พึงพอใจในการทำงานของเขา...โดยเฉพาะ ‘รอยยิ้มกว้าง’ ของเชี่ยนหลี่ลี่ที่นั่งอยู่ข้างหลังสุดของห้องประชุม...มันก็ทำให้หลินเกาฟงที่ยืนอยู่ข้างหน้าห้องอดไม่ได้ที่จะยิ้มและสบตาตอบกับหญิงสาวอย่างรู้สึกภาคภูมิใจ

ตอนที่ทั้ง 2 คนมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าอาคารสูงระฟ้าอีกที...เชี่ยนหลี่ลี่ก็ต้องกลายเป็นคนแบกกระเป๋าแล็บท๊อปใบใหญ่แทนหลินเกาฟง...เพราะในเวลานี้มือของหลินเกาฟงเต็มทั้ง 2 ข้าง อันเนื่องมาจากแบกกล่องของขวัญใบใหญ่ที่ลูกค้ามอบให้กับอี้เหมินเพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ในธุรกิจการค้าต่อกัน...ขณะที่เชี่ยนหลี่ลี่กำลังจะก้าวลงบันได...อยู่ๆ หญิงสาวก็พลิกตัวหันหลังกับมาหาหลินเกาฟงที่ถูกกล่องใบใหญ่ปิดหน้าปิดตาอยู่...จนชายหนุ่มเกือบจะหงายหลังลงไปดีที่เบรกฝีเท้าไว้ได้ทันเสียก่อน...อยู่ด้วยกันมาได้สักระยะหนึ่ง...หลินเกาฟงก็พอจะคาดเดาความคิดของเชี่ยนหลี่ลี่ออก...รู้ว่าหญิงสาวกำลังจะทำอะไร?

“ชั้นภูมิใจในตัวนายมากเลยนะตาเกาปากหมา !!...ไม่เสียแรงที่ปล่อยวิชาให้นายไปเต็มที่” เสียงของเชี่ยนหลี่ลี่กับหลินเกาฟงดังขึ้นและจบลงพร้อมๆ กัน...ก่อนที่หลินเกาฟงจะเป็นฝ่ายพูดแขวะเชี่ยนหลี่ลี่ต่อ

“นี่ยัยเอ๋อเอ้ย !!...เมื่อไหร่จะเลิกป้ำๆ เป๋อๆ สักทีหละเนี้ย..ดีนะที่ชั้นเบรกตัวเองทัน...ไม่อย่างนั้น ถ้ากล่องนี่หลุดมือตกลงไป มีหวังโดนพี่เหมียนอี้สวดยับแน่...ทำอะไรไม่รู้จักดูตาม้าตาเรือเลย ให้ตายเหอะ !!”

ในตอนนั้นเชี่ยนหลี่ลี่ก็ส่งเสียงหัวเราะแฮ่ะๆ ในลำคอ ก่อนจะเอ่ยปากบอกขอโทษหลินเกาฟงออกไป...เธอก็เป็นของเธอแบบนี้แหละ...นิสัยโก๊ะๆ เอ๋อๆ แก้ไม่หายสักที...ชายหนุ่มอย่าถือสาเลยนะ...ต่อจากนั้นหญิงสาวก็หันหลังกลับไปใหม่ ก้าวลงบันไดขั้นสุดท้ายก่อนจะชะเง้อมองหารถแท็กซี่ต่อ...

หญิงสาวคงไม่รู้ตัวสินะ...ก็ท่วงท่ากิริยาของเธอที่เป็นแบบนี้นั่นแหละ ที่ทำให้หลินเกาฟงไขว้เขวนัก...ชายหนุ่มถอนหายใจพร้อมกับส่ายหน้าออกมาน้อยๆ ตอนที่เอียงคอไปมองเชี่ยนหลี่ลี่โบกมือเรียกรถแท็กซี่...ทว่าตอนที่รถแท็กซี่จอดลง...เชี่ยนหลี่ลี่กลับเปิดประตูรถและก้าวขึ้นไปนั่งตรงที่นั่งด้านหน้าทันที จนหลินเกาฟงต้องตะโกนเรียกทักออกมา...“แม่เจ้าประคุณทูนหัว !!...ไม่คิดจะช่วยเปิดประตูรถให้มั่งหรือยังไง...มือชั้นก็เต็มหมดแล้วนะคร๊าบ...ยัยเอ๋อเอ้ย !!”

“เออๆ...ขอโทษที....ลืมไป” แล้วเชี่ยนหลี่ลี่ก็ต้องส่งเสียงหัวเราะแฮ่ะๆ ออกมาอีกครั้ง...โก๊ะได้ทุกนาทีเลยสินะเรา...ต่อจากนั้นหญิงสาวก็ลุกมาเปิดประตูให้หลินเกาฟง แล้วก็ได้เห็นสายตาค้อนขวับของชายหนุ่มในตอนที่เขาก้าวเข้าไปนั่งในรถและปิดประตูรถใส่หน้าเธอ...เชี่ยนหลี่ลี่แค่ยักไหล่อย่างไม่ถือสาก่อนที่ตัวเองจะก้าวขึ้นไปนั่งบนรถตรงที่นั่งด้านหน้าใหม่อีกครั้ง

หลังจากที่หลินเกาฟงช่วยเชี่ยนหลี่ลี่ขนของกลับมาที่บ้านแล้ว...หญิงสาวก็ออกปากไล่ให้ชายหนุ่มกลับไปได้แล้ว เพราะว่าเธอมีธุระต้องออกไปข้างนอกอีก...พอเชี่ยนหลี่ลี่พูดจบก็ปิดประตูใส่หน้าหลินเกาฟงทันทีเป็นการแก้เผ็ดชายหนุ่มที่ปิดประตูรถใส่เธอบ้าง...ด้านหลินเกาฟงก็แค่ส่ายหน้าน้อยๆ อย่างระอาในพฤติกรรมของหญิงสาวก่อนจะหายเข้าไปในลิฟท์ในเวลาต่อมา

ตรงด้านล่างของคอนโดที่เชี่ยนหลี่ลี่พักอาศัยอยู่กับฟางเจียซิน ก็เห็นหลินเกาฟงยืนแอบอยู่ตรงข้างกำแพง...ชายหนุ่มสงสัยนักว่าหญิงสาวจะไปธุระที่ไหนต่อก็เลยยืนรออยู่ตรงนั้น...แต่แรกคิดจะแกล้งหยอกหญิงสาวให้ตกใจเล่นจนปล่อยกริยาป้ำๆ เป๋อๆ ออกมาเสียหน่อยเพื่อเอาคืนที่หญิงสาวริอาจปิดประตูใส่หน้าเขา...ที่ไหนได้การปรากฏกายของเชี่ยนหลี่ลี่ในตอนนี้ ก็เล่นเอาหลินเกาฟงตะลึงอึ้งไปเลย !!

เชี่ยนหลี่ลี่ในครั้งนี้ไม่ได้สวมแว่นสายตาหนาเต๊อะ...เพราะเปลี่ยนเป็นใส่คอนแทคเลนส์แทน...หญิงสาวแต่งหน้าเพียงเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ดูซีดโทรม...เกล้ารัดผมขึ้นไปครึ่งหัวดูเป็นสาวขึ้นถนัดตา...จากเสื้อเชิ๊ตแขนยาวและกระโปรงยาวคลุมถึงข้อเท้า ก็กลายมาเป็นชุดเกาะอกสีชมพูสดใสความยาวเหนือเข่าขึ้นมาประมาณ 2 นิ้ว เข้าชุดกับรองเท้าส้นสูงสีขาวและกระเป๋าถือใบขนาดย่อม...ลุ๊คใหม่ของเชี่ยนหลี่ลี่ในครั้งนี้ เล่นเอาหลินเกาฟงเหวอไปเลย...เพราะมัวแต่ยืนอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้นก็เลยไม่ทันเชี่ยนหลี่ลี่ที่ขึ้นรถแท็กซี่ไปแล้ว...หลินเกาฟงก็เลยหลุดจากภวังค์ รีบโบกเรียกรถแท็กซี่ตามเชี่ยนหลี่ลี่ไปทันที

เพียงไม่นานรถแท็กซี่ที่เชี่ยนหลี่ลี่นั่งก็มาหยุดลงตรงหน้าโรงแรมฝงเหว่ย...ตอนที่หญิงสาวเดินเข้าไปในโรงแรมแล้ว รถที่หลินเกาฟงนั่งมาจึงจอดเทียบลง...แล้วชายหนุ่มก็สะกดรอยตามเชี่ยนหลี่ลี่ไปอย่างเงียบๆ

แล้วหลินเกาฟงก็เพิ่งจะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร...เมื่อสะกดรอยตามเชี่ยนหลี่ลี่มาจนถึงสปาต้าเจี๋ยและหยุดฝีเท้าลงตรงหน้าประตูทางเข้า พร้อมกับเงี้ยหูฟังบทสนทนาระหว่างเชี่ยนหลี่ลี่กับอิ๋งอิ๋ง และการพูดคุยโทรศัพท์ระหว่างหญิงสาวกับเจิ้งเจียสง

“อ้อ !!...พี่สงไม่อยู่ค่ะ...เห็นรับโทรศัพท์จากเพื่อนแล้วก็รีบออกไปเลยหนะคะ” อิ๋งอิ๋งตอบคำถามเชี่ยนหลี่ลี่เพียงสั้นๆ ก่อนจะหันไปดูแลลูกค้าที่รอใช้บริการจากสปาต่อ

ส่วนเชี่ยนหลี่ลี่ก็หน้าจ๋อยไปเลย ตอนที่ได้ยินอิ๋งอิ๋งพูดแบบนั้น...ต่อจากนั้นหญิงสาวก็คว้าโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าถือ...กดหมายเลขโทรศัพท์อย่างเชื่องช้า ก่อนจะรอฟังเสียงตอบรับจากปลายสาย

“เจียสงหรือคะ?...ชั้นมาถึงต้าเจี๋ยแล้ว...ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนคะ?” เสียงของเชี่ยนหลี่ลี่ที่ถามเจิ้งเจียสงฟังดูไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองนัก...ส่วนเจิ้งเจียสงที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำสาธารณะก็บอกขอโทษเชี่ยนหลี่ลี่ออกไป...ว่าขอโทษที่เขาลืมนัดกับเธอ...ถ้าอย่างนั้นเขาขอแก้ตัวด้วยการให้หญิงสาวใช้บริการของสปาได้ฟรีๆ เลยในวันนี้ ก่อนที่เขาจะขอให้เชี่ยนหลี่ลี่ช่วยให้เขาคุยโทรศัพท์กับอิ๋งอิ๋งเรื่องให้เธอใช้บริการสปาฟรีโดยไม่คิดเงิน...ด้านเชี่ยนหลี่ลี่ที่มัวแต่เหม่ออยู่เมื่อได้ยินคำตอบของเจิ้งเจียสงว่า ‘ลืม’ นัดของเธอ ก็ยื่นส่งโทรศัพท์ให้กับอิ๋งอิ๋งอย่างว่าง่าย

ในความเป็นจริงแล้ว...เชี่ยนหลี่ลี่ไม่ได้ต้องการมาใช้บริการของต้าเจี๋ย...เพียงแต่เธอทำตามคำแนะนำของฟางเจียซิน ว่าให้เธอแสดงความกล้าหาญที่จะเปิดเผยความรู้สึกที่มีต่อเจิ้งเจียสงให้ชายหนุ่มได้รับรู้...วันนี้ถือว่าเป็นฤกษ์ดีที่เธออยากจะแสดงความรู้สึกที่มีต่อเจิ้งเจียสงให้เขาได้รับรู้บ้าง ก็เลยหาข้ออ้างกับเขาบอกว่าอยากจะมาใช้บริการของต้าเจี๋ย และวันนี้เธอก็ตั้งใจเปลี่ยนแปลงตัวเองดูสักครั้งเพราะอยากทำให้เขาประทับใจ...แต่คำว่า ‘ลืม’ ของเจิ้งเจียสงก็ทำให้เชี่ยนหลี่ลี่อยากจะถอดใจเสียแล้ว !!

“คุณหลี่ลี่คะ...คุณหลี่ลี่...ได้ยินที่ชั้นพูดหรือเปล่า?...พี่สงบอกว่าเชิญคุณเลือกใช้บริการตามสบายค่ะ...และให้ชั้นดูแลคุณให้ดีด้วย...คุณจะใช้บริการไหนของเราดีคะ?” อิ๋งอิ๋งทักเรียกเชี่ยนหลี่ลี่อยู่หลายครั้งกว่าที่หญิงสาวจะตื่นจากภวังค์แล้วยื่นส่งโทรศัพท์มือถือคืนให้กับหล่อน...ทว่าเชี่ยนหลี่ลี่กลับส่ายหน้าและเดินออกไปจากต้าเจี๋ยอย่างเซื่องซึม...ในตอนนั้นหลินเกาฟงก็แทบจะเบี่ยงตัวหลบไปไม่ทัน...แม้จะไม่รู้ว่าเจิ้งเจียสงตอบเชี่ยนหลี่ลี่ว่าอย่างไร...แต่ดูจากท่าทางของหญิงสาวแล้ว หลินเกาฟงก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของเชี่ยนหลี่ลี่อยู่บ้าง

ขณะที่เชี่ยนหลี่ลี่กำลังเดินอย่างเหม่อๆ อยู่ โทรศัพท์ในมือก็ดังขึ้นอีกครั้ง...ปรากฎว่าเป็นฟางเจียซินโทร. มาหา ถามว่าหญิงสาวอยู่ที่ไหนแล้ว?...ทำไมจนป่านนี้ยังไม่มาช่วยเธออีก...นี่ก็บ่ายมากแล้ว เกรงว่าเธอจะจัดการตามที่เสิ่นเหมียนอี้ขอไว้ไม่ทัน...เชี่ยนหลี่ลี่ก็เลยว่าเธอจะรีบตามไปเดี๋ยวนี้แหละ...แต่เพราะว่าเดินอย่างเหม่อๆ อยู่ก็เลยไม่ทันได้ระวังตัวอีกแล้ว...เชี่ยนหลี่ลี่ที่มือข้างหนึ่งยัดโทรศัพท์มือถือใส่ไว้ในกระเป๋าถือดังเดิมหลังจากวางสายกับฟางเจียซิน...สายตาของหญิงสาวก็เหม่อมองไปยังพื้นข้างหน้าอย่างใจลอย...หัวก็เลยโขกเข้าไปเต็มๆ กับประตูกระจกใสตรงหน้า ทำให้หญิงสาวเสียหลักหงายหลังล้มลงไป

ทว่าเพียงเสี้ยววินาที...เชี่ยนหลี่ลี่ก็รู้สึกตัวลอยโหวงขณะที่กำลังจะหงายหลังล้มลง...ลำตัวหมุนเคว้งไปปะทะกับแผ่นอกของใครสักคน !!?...ครั้นแหงนหน้าขึ้นมองอีกทีก็เห็นเป็นใบหน้าของหลินเกาฟงเต็ม 2 ลูกตา...เชี่ยนหลี่ลี่ใบหน้าแดงกล่ำเมื่อนึกถึงในวันแรกที่เจอกับเขา...พอตั้งสติได้ก็ผละตัวออกจากอ้อมกอดของหลินเกาฟงทันที

“นะ...นายมาได้ยังไง?” อาการติดอ่างมาเยือนเชี่ยนหลี่ลี่อีกครั้งตอนที่พูดถามหลินเกาฟง...หลินเกาฟงก็เลยว่าเขาเพิ่งออกมาจากต้าเจี๋ยก็เห็นเธอเดินเหม่อๆ นี่แหละ...ให้ตายเหอะ เมื่อไหร่จะเลิกโก๊ะสักทีนะ...ดีนะเนี้ยที่เขาคว้าตัวเธอได้ทัน ไม่อย่างนั้นได้เปิดหวอในที่สาธารณะชนแน่ๆ…ชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวเขาเองเข้าใจกริยาของเชี่ยนหลี่ลี่ดีทุกครั้ง เพราะฉะนั้นแค่เห็นหญิงสาวเดินอย่างเหม่อๆ เขาก็พอจะเดาทางออกหญิงสาวต้องก่อเรื่องเปิ่นๆ อีกแน่ เพียงแต่จะมาในรูปแบบไหนก็เท่านั้น !!

เชี่ยนหลี่ลี่ก็เลยยิ่งหน้าแดงกล่ำยิ่งกว่าเก่า..ชักสีหน้าทำปากบ่นงุบงิบ ส่งเสียงอู้อี้ในลำคอออกไป เพราะนึกสรรหาคำต่อว่าหลินเกาฟงไม่ออก...ผู้ชายอะไรเนี้ย...เจอหน้ากันทีไรก็แขวะได้ทุกทีสิน่า...เมื่อทำอะไรไม่ได้หญิงสาวก็แลบลิ้นให้กับหลินเกาฟงไปที ก่อนจะเดินดุ่มๆ ออกไปจากฝงเห่วยและเรียกโบกรถแท็กซี่...ทว่าตอนที่หญิงสาวขึ้นไปนั่งบนรถแล้ว และกำลังจะเอื้อมมือไปปิดประตูรถ หลินเกาฟงก็พุ่งพรวดเข้ามานั่งในรถด้วยจนหญิงสาวต้องเขยิบตัวถอยห่างโดยอัตโนมัติ...“นายเป็นบ้าอะไร?...ขึ้นมาทำไมหึ..ตาเกาปากหมา”

“ก็เธอจะไปไหนหละ?...ให้ชั้นไปด้วยแล้วกัน...เอ๋อๆ อย่างนี้...ไม่ค่อยวางใจปล่อยให้ไปไหนคนเดียว” หลินเกาฟงไม่พูดเปล่า ถือวิสาสะเอามือยีหัวเชี่ยนหลี่ลี่เล่นอีกด้วย...ไม่รู้สินะ..เขารู้สึกว่าเวลาอยู่กับยัยเอ๋อนี่ทีไร เขาก็มีความสุขได้ทุกที...ส่วนเชี่ยนหลี่ลี่ก็ชักสีหน้าใส่หลินเกาฟงไปทีก่อนจะปัดเอามือของชายหนุ่มออก แล้วก็ได้แต่แยกเขี้ยวใส่เขาก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ...ทำไงได้หละ !!...จะให้เถียงสู้กับตาเกาปากหมานี่...สู้เห่าแข่งกับหมายังดีซะกว่า...เชี่ยนหลี่ลี่ทำอะไรหลินเกาฟงไม่ได้ก็เลยหันไปออกปากบอกให้โชเฟอร์ออกรถแทน

“พี่โชเฟอร์คะ...ไปฮ่องกงพาร์คค่ะ?” พอพูดกับโชเฟอร์เสร็จ เชี่ยนหลี่ลี่ก็สะบัดหน้าใส่หลินเกาฟงอย่างแง่งอนไปที ก่อนจะเบนหน้าหันไปมองตรงนอกหน้าต่างแทน

.........................................................

ที่ประเทศอิตาลี...จางจื่อเหลียงถือกระดาษใบหนึ่งอยู่ในมือ โดยมีเสิ่นเหมียนอี้ที่ยืนอยู่ข้างๆ เหลือบมองแผ่นกระดาษใบนั้นอยู่ด้วย...ตรง 2 ข้างทางของทั้งคู่ก็เรียงรายไปด้วยร้านค้าต่างๆ มากมาย...แต่ร้านค้าที่มีมากที่สุดในแถบนี้ก็คือร้านขาย ‘ภาพวาด’

“คุณแน่ใจนะคะว่าจะอยู่แถบนี้ !!...เวลาเราเหลือไม่มากแล้วนะคะ” หลังจากที่เสิ่นเหมียนอี้เหลือบมองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาของประเทศตนอยู่ก็เอ่ยปากบอกกับจางจื่อเหลียงอย่างร้อนใจ

“ถ้าดูจากแผนที่ที่นักสืบให้ไว้ ก็น่าจะเป็นแถบนี้แน่ๆ...ไม่อย่างนั้น 2 ข้างจะเต็มไปด้วยร้านขายภาพเหรอ?”

“ถ้าอย่างนั้นเราอย่าเสียเวลาเลยนะคะ...เราแยกกันถามไปทีละร้านก็แล้วกัน...เดี๋ยวชั้นไปถามทางด้านโน้นเอง...ส่วนคุณก็รับผิดชอบร้านแถบนั้นก็แล้วกันนะคะ”

หลังจากนั้นจางจื่อเหลียงกับเสิ่นเหมียนอี้ก็แยกกันเข้าไปตามร้านขายภาพทุกร้านที่อยู่ในแถบนั้น

...................................................










Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 19 มิถุนายน 2552 20:28:43 น. 8 comments
Counter : 287 Pageviews.

 
แวะมาอ่านแล้วค่ะ ลุ้นๆ จริงๆ เหมียนอี้น่าสงสารเหมือนกันนะคะ

อิอิแล้วการตกลงใจของซู่ฟังจะเป็นไงนะ

วู้ๆ ดีที่มีคู่ของพี่เจียสงกะเกาฟงช่วยเบรกอารมณ์



โดย: midori IP: 124.120.205.92 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:17:37:39 น.  

 
อ่านจบแล้วค่ะ แต่ขอไปโม้ที่ตอนพิเศษ 2.1 ที่เดียวเลยนะ อูย . . อิ่มเอม ลุ้นและสุขใจจริงๆ


โดย: O-yohyo วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:18:06:11 น.  

 
อะๆ...อย่าเพิ่งไปตอน 2.1 นะ...ช่วยเม้นต์กันหน่อย...อยากรู้ฝีมือตัวเองหง่ะ...จะเก็บไปปรับปรุง


โดย: จางงี้ (ChuengNgee ) วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:18:07:16 น.  

 
สนุกมากเลยคะ ลุ้นดีคะ พยายามจะเชื่อมโยงตัวละครต่างๆ เข้าหากันอยู่คะ อยากรู้ว่าเรื่องราวจะเป็นยังไง

เห็นพี่งี้บอกว่าตอนนี้ยาวต้องมีสองตอน จะลงตอนต่อเลยไหมคะ อิอิ

ปล.อ่านตอนนี้แล้วรู้เลยว่าพี่ทับทิมต้องอยากเป็นฟางเจียซินแน่ๆ เลย

ว่าแต่พี่เจียสงขี้หึงเนอะ นี่ขนาดใส่กางเกงขายาวยังบ่นว่าโป๊เนี่ย :D


โดย: Cipher IP: 58.8.133.187 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:18:49:21 น.  

 
โพสเสร็จ เพิ่งเห็นว่ามี 2.1 แล้ว อิอิ

เดี๋ยวกลับมาอ่านน้า พาแม่ไปกินข้าวก่อน


โดย: Cipher IP: 58.8.133.187 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:18:55:51 น.  

 
อ่านจบแล้วค่ะ กะว่าจะเม้นท์ที่ตอน 2.1 ทีเดียว แต่พี่งี้ช่วยให้เม้นท์ตอนนี้ก่อนก็ตามใจคนเขียนค่ะ

ไม่คิดว่าซู่ฟังจะวางแผนแบบนี้กับพี่จื่อหลังนะค่ะ ส่วนเหมียนอี้ก็ทำเพื่อน้องสาว สองพี่น้องคู่นี้ น่าสงสารค่ะที่ทำอะไรตรงข้ามกับความรู้สึกของตัวเอง ส่วนพี่เจียสง..กรี๊ดดดคะ น่ารักมากๆ นึกภาพออกเลยค่ะ พี่เจียสงสุดเนี๊ยบมาดคุณชาย มีความรู้สึกว่าอยากเป็นเจ้าหญิงในใจของพี่เจียสงจริงๆ (อินจัด) ส่วนคู่เชี่ยนหมากกับนายเกาปากหมา ยังคงมาช่วยเบรคอารมณ์เศร้าๆของคู่เหมียนอี้และซู่ฟังได้เป็นอย่างดี แต่แอบสงสารน้องเชี่ยนหมากจริงๆที่แอบหลงรักพี่เจียสง แล้วคุณพี่บอกว่า "ลืม" เหมือนมีดกรีดใจ เศร้าๆคะ

ไปอ่านตอนที่ 2.1 ณ บัดนาว


โดย: ทับทิม IP: 125.26.41.182 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:19:03:16 น.  

 
มลช่างรู้ใจพี่จริงๆ พี่อยากเป็นเจียซินม๊ากมากเลยค่ะ อยากโดนพี่เจียสงดุ อิอิ


โดย: ทับทิม IP: 125.26.41.182 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:19:04:55 น.  

 
เอ่อม อิตาลีกับฮ่องกงเนี่ย มันอยู่ใกล้กันขนาดนี้เลยเหรอคะ
แบบ บินไปกลับได้ใน 1 วัน




โดย: จอมยุทธหญิง (magarita30 ) วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:21:05:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ChuengNgee
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




บทประพันธ์ในบ้านหลังนี้เป็นลิขสิทธิ์ของผู้ประพันธ์โดยสมบูรณ์ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก เลียนแบบ หรือตีพิมพ์ ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของบทประพันธ์ในบ้านหลังนี้เพื่อการอย่างอื่นนอกจากการชมเพื่อความบันเทิงเท่านั้น หากผู้ใดทำการละเมิดจะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด
New Comments
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
14 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ChuengNgee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.