life sucks
<<
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
11 พฤศจิกายน 2552

XXXแหกคอกมหาลัยXXX40XXX



        ความเครียดหายไปสิ้นเหลือเพียงความสุขในวันแต่งผีอันสดใส เทศกาลฮาโลวีนเป็นคืนปล่อยผีสำหรับฝรั่งแต่เป็นค่ำคืนแห่งเทศกาลการเที่ยวกลางคืนของเด็กไทย บางคนก็ใช้มันในการปล่อยผีแห่งจิตใต้สำนึกที่จะหลุดออกมาก็ต่อเมื่อเมาได้ระดับ สถานบันเทิงทุกแห่งต่างแต่งร้านด้วยภาพโครงกระดูกสะท้อนแสง ค้างคาวห้อยหัวลงมาจากเพดาน ฟักทองแกะสลักให้ออกมาดูหลอกหลอนเหมือนมนุษย์หัวฟักทอง ผมภูมิใจในเมืองไทยของเราตรงนี้เนี่ยละครับ คนไทยเราสามารถหาเรื่องเมาได้ทุกเทศกาล ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลของฝรั่งอย่างพวกฮาโลวีน ถึงฤดูหนาวก็มีลานเบียร์เอาไว้ฉลอง คริสต์มาส ขึ้นปีใหม่ จนไปถึงเทศกาลแบบไทยๆอย่างลอยกระทง สงกรานต์ วันสำคัญต่างๆ วันเกิด วันแต่ง หรือแม้กระทั่งวันตาย เพราะในงานศพหลายแห่งที่ผมเคยไปก็มีวงเหล้าดื่มกินกันครึ้มๆ ซึ่งผมว่าก็ดีแล้วครับ... ฉลองกันเยอะๆ มีความสุขมากๆ จะได้ไม่เครียด ประเทศไทยจะได้มียิ้มสยามเอาไว้อวดชาวต่างชาติกันต่อไปตราบจนชั่วลูกชั่วหลาน


            ขอโทษครับ... มันอาจจะเป็นสันดอนของผมที่ชอบพูดนอกเรื่อง วัยรุ่นก็เป็นวัยรุ่นละครับ... เมื่อชีวิตมันว่างเปล่านักก็ต้องหาเรื่องสนุกสนานไปตามเรื่องตามราว ผมเรียกแท็กซี่หน้าหอ เข้าไปนั่ง แล้วจึงบอกสถานที่ซึ่งเรานัดกันไว้อย่างหวั่นๆ


        “สีลม ซอยX ครับพี่” พอผมบอกเสร็จ พี่แกก็ใช้กระจกหลังมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วถามกลับมาว่า


“น้องเป็นเกย์หรอ” (สำหรับใครยังไม่รู้... สีลมซอย X มีชื่อเสียงในด้านความเป็นผับศูนย์รวมชาวสีม่วงครับ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเจนถึงไปร้องเพลงอะไรตรงนั้น)


“ไม่ใช่ครับ” ผมปฏิเสธ


“ไม่ใช่เกย์ แล้วไปทำไม” พี่แท็กซี่ถามต่อ คือผมก็ไม่เข้าใจโชว์เฟอร์เหมือนกันนะครับ บางคนเมื่อเราเข้าไปนั่งก็เงียบกริบ บางคนก็ชวนคุยจัง ทั้งเรื่องการเมื่อง เรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่คนนี้มาแปลก พี่แกเล่นยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของผู้โดยสาร ซึ่งถ้าเป็นผมอยู่ในอารมณ์ปกติโดนอย่างนี้ก็คงต้องบอกให้พี่เค้าหุบปากไปแล้ว แต่บังเอิญวันนี้ผมอารมณ์ดีมากครับ ผมจะได้เจอกับเจน ทั้งตื่นเต้นและมีความสุขก็เลยไม่ได้รังเกียจคำถามที่พี่แกระดมยิงมา


“ไปเจอเพื่อนครับ” ผมตอบ


“เพื่อนเป็นเกย์หรอ” เค้าถามย้ำอีก


“ไม่ใช่ครับ... เพื่อนผู้หญิง” คือหอผมกับสีลมก็ไม่ได้ไกลกันเท่าไร ผมหวังว่าจะถึงที่หมายก่อนที่ผมจะเริ่มต้นค่ำคืนดีๆด้วยอารมณ์อันขุ่นมัว


โชคดีสุดๆเลยครับ... มือถือผมดัง ผมล้วงออกมา พระเจ้า... อูฐโทรมา นี่จะดีใจหรือว่าเสียใจดี


“ว่าไงจ้ะ” ผมถามเธอ “เป็นไงบ้างวันนี้” ผมถามอย่างนั้นเพราะว่าช่วงใกล้เทศกาลวันลอยกระทงนี้อูฐเธอไปเที่ยวต่างจังหวัดกับพ่อแม่นะครับ เมื่อแมวไม่อยู่หนูจึงร่าเริงจริงไหม... ความจริงผมก็ไม่ได้คิดจะหักหลังเธอเลยแม้แต่น้อย แต่เธอเป็นคนเริ่มสงครามเย็นนี้ก่อนเอง เธอทำให้ผมกังวลด้วยการเริ่มต้นกลับไปคุยกับแฟนเก่า ผมจึงพยายามเข้าข้างตัวเองว่ามันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้จริงๆที่ผมจะกลับไปรู้สึกดีๆกับเจน ซึ่งผมจะไม่มีวันเป็นคนผิดตราบใดที่เธอยังไม่รู้เรื่องนี้ และเธอจะไม่มีวันรู้เพราะผมค่อนข้างจะเชื่อมั่นใน skill การโกหกของตัวเอง ผมมันเลวไหมครับ?


“ก็ดี” เธอตอบ “วันนี้ไปดำน้ำดูปะการังสวยมากเลย แล้วชัดล่ะจ้ะ คืนนี้มี plan ทำอะไรบ้าง”


“เที่ยวคร้าบ” ผมตอบเธอ “วันนี้คงออกไปฮาโลวีนกับพวกไอ้เอก”


“โอเคจ้ะ อย่าให้เมามากนะ” เธอเตือนด้วยน้ำเสียงกังวล “แล้วเที่ยวเสร็จโทรหาเราด้วยนะ”


“ครับผม” ผมตอบเธอก่อนจะวางหู


นี่ละครับคือวิธีการโกหกแบบผม คือการพูดเรื่องจริงเป็นบางส่วน ผมเที่ยวจริงๆแค่ไม่ได้ไปกับไอ้เอกก็เท่านั้นเอง ทันใดนั้นผมก็รู้สึกว่ามีสายตาไม่หวังดีมองมาที่ผมอีกครั้ง พี่โชว์เฟอร์นี่เอง คราวนี้มากับคำถามจับผิด


“เมื่อกี้แฟนน้องหรอ” พี่แกจะถามทำไมเนี่ย


ผมเงียบกริบ ขี้เกียจจะตอบอะไรแล้ว


“น้องกำลังจะทำให้แฟนเสียใจนะ” พี่แกพูดต่อโดยที่ผมไม่ได้ถาม “เมื่อก่อนพี่เองก็ทำตัวอย่างนี้เหมือนกัน มีบ้านนู้นบ้านนี้ไปทั่ว แต่เอาเข้าจริงๆแล้วคนที่รักเราจริงๆคือใคร การจับปลาหลายๆมือมันไม่ได้ช่วยให้ชีวิตดีขึ้นในระยะยาวหรอกนะ”


ผมยังคงเงียบอยู่ โกรธนิดหน่อย ที่โกรธเพราะพี่แกเล่นพูดจี้ใจดำ ผมอยากจะบอกว่าพี่เปลี่ยนงานไปเป็นจิตแพทย์เหอะ ขนาดขับรถอยู่ยังจับใจความที่ผมคุยเบาๆกับอูฐได้ทุกคำ


“เดี๋ยวนี้พี่รู้แล้วว่าพี่ชอบอะไร” พี่แกยังพูดต่อ “น้องอย่าไปหลอกผู้หญิงเค้าให้เสียใจเลย น้องบอกความจริงเค้าไปเหอะ”


ถึงผมจะเงียบแบบงงๆแต่ผมก็กำลังตั้งใจฟังว่าพี่แกจะพูดอะไรต่อ


“บอกแฟนไปเลยว่าน้องเป็นเกย์ น้องไม่ชอบผู้หญิงแล้วให้เค้าตัดใจซะ เพราะอย่างพวกเราเนี้ยมันเปลี่ยนไม่ได้แล้วล่ะ” โอ้วพระเจ้า... ผมเพิ่งตระหนักว่าพี่โชว์เฟอร์แกเป็นเกย์ครับ นิ้วก้อยมือขวาที่กุมพวงมาลัยเล่นกระดิกตั้งขึ้นมาซะขนาดนั้น ชัดเลย...


“ไอ้เอกนี่คือคู่ขาน้องใช่มะ” พี่แกยังพูดต่อ “ของอย่างนี้มันปิดกันได้ไม่นานหรอก เคยได้ยินมะว่าความลับไม่มีในโลก พี่มองปร้าดเดียวก็รู้แล้วว่าอย่างน้องเนี่ยเกย์แน่ๆ ผีเห็นผีเลย แอ๊บซะแมนเชียวนะ”


ผมอยากจะตวาดใส่หน้ามันว่า กูไม่ใช่เว้ย! แต่ก็อดกลั้นเอาไว้ได้เพราะไม่มีอะไรที่จะทำให้ชีวิตล่มจมไปได้มากกว่าความโทสะที่เหมือนลาวาพุ่งขึ้นมาแล้วสักพักก็จะเย็นไปเอง คือผมเพิ่งเห็นแท็กซี่เป็นเกย์ก็ครั้งแรกเนี่ยละครับ เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน


“แล้วน้องชื่ออะไรจ้ะ ขอเบอร์ได้ป่ะ ทีหลังจะได้นัดเที่ยวกัน” พี่แกยังคงมองผมอยู่ด้วยสายตาที่ค่อนข้างจะหื่นกระหายแบบเกย์ๆ จนผมต้องบอกให้แกจอด เปิดประตู ค่าโดยสารหกสิบบาทแต่ผมวางแบงค์ร้อยไว้แล้วกระโดดออกจากรถโดยไม่หันกลับไปมองอีกเลย


เอาแล้วสิครับผม มาบาร์เกย์ครั้งแรกก็เริ่มต้นค่ำคืนแบบแปลกๆแล้ว   


มันไม่ใช่ความผิดของเธอหรอกครับที่มาร้องเพลงแถวบาร์เกย์ มันเป็นความผิดของผมเองที่หวาดสยองอะไรเกินกว่าความเป็นจริง การผจญภัยของผมในครั้งนี้มันได้เริ่มต้นตั้งแต่ก้าวแรกที่กระโจนออกจากแท็กซี่ สามทุ่มแล้ว ออฟฟิศ สำนักงาน ห้างร้านต่างๆก็ทยอยปิดตัวกันเกือบหมด มองขึ้นไปยัง Sky Walk ข้างบนผู้คนต่างเดินเอื่อยเฉื่อยด้วยบรรยากาศหัวค่ำอันเย็นสดชื่น ผู้คนที่นี่เป็นส่วนผสมของพนักงานและนักท่องเที่ยว สองข้างทางฟุตบาทเต็มไปด้วยแผงลอย ขายเสื้อผ้า ขายซีดี หนุ่มหน้าตาดีท่าทางอ้อนแอ้นสี่ห้าคนกำลังแจกใบปลิวเรียกแขกเข้าไปยังร้านนวดแผนโบราณ รถไฟฟ้าวิ่งผ่านหัวไปดัวยเสียงแผ่วเบาเกือบจะเงียบกริบ แท็กซี่อัดตัวกันเต็มถนน ต่างก็จอดรอลูกค้าจนเหลือเลนให้วิ่งเพียงเลนเดียว ผมใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบเหมือนวัยรุ่นไทยทั่วไป รองเท้าสีขาวสะอาด ส่วนฝรั่งที่เดินเล่นอยู่แถวนั้นใส่เสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นเพราะอากาศบ้านเรามันร้อนกว่าบ้านเขา เกย์บางกลุ่มก็ใส่เสื้อกล้ามเหมือนกัน ใส่เพื่อโชว์หัวไหล่ที่เข้าฟิตเนตมาจนบึกบึน กางเกงขาสั้นโชว์ต้นขาล่ำๆที่ผมว่าสามารถเตะต้นกล้วยให้ขาดได้ในกระบวนท่าเดียว บางคนตัวเล็กบอบบางหน้าขาววอกเหมือนหลอดนีออน ผมเดินตามฝูงชนเข้าไปในผับที่เต็มไปด้วยผู้ชาย มันเป็นผับที่ค่อนข้างจะดูหรูซึ่งเต็มไปด้วยชายหนุ่มแต่งตัวเนี้ยบ หน้าตาดี จนผมรู้สึกว่ามันเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างจะปลอดภัยเพราะหนุ่มๆในนั้นดูดีกว่าผมมากครับ


เคยสงสัยไหมครับว่าทำไมเกย์ถึงหน้าตาดีกว่าผู้ชายทั่วไป อาจจะเป็นเพราะด้วยความเป็นเกย์พวกเขาจึงรักสวยรักงาม พยายามแต่งตัว รักษาผิวพรรณ เลือกทุกสิ่งให้ดูดีมีสไตล์เหมาะกับตัวเอง ในขณะที่ผู้ชายจริงๆจะเป็นพวกลุยๆที่ไม่ค่อยดูแลตัวเอง ผมเองก็ออกแนวซกมกครับ พอมาเจอกลุ่มคนเหล่านี้เข้าก็เริ่มจะอาย เพราะเสื้อที่ผมใส่ก็มีกลิ่นอับๆอยู่ด้วย สมมติฐานที่สองก็คือชายหนุ่มหน้าตาดีอาจโดนเกย์สปอยมาตั้งแต่เด็ก ในโลกแห่งการบริโภคที่คนรุ่นใหม่ค่อนข้างจะสับสนในการใช้ชีวิต ผู้ชายหล่อๆบางคนต้องการให้มีคนมาเอาอกเอาใจ และใครที่จะปรนนิบัติผู้ชายได้ดีเท่าผู้ชายด้วยกันละครับ เกย์แก่ๆแต่มีเงินต้องการชายหนุ่มหน้าตาดี พวกเขามีเงิน พวกเขามีใจที่จะให้ หนุ่มหน้าตาดีราวกับดารานายแบบเหล่านี้บางคนอาจจะมีฐานะทางบ้านไม่ดีนัก แต่พวกเขาก็มีเงินซื้อเสื้อผ้าดีๆใส่ มีรถขับ มีเงินใช้จ่าย แลกกับอะไรเล็กน้อยที่เขาก็ไม่ได้รังเกียจอยู่แล้ว แล้วใครจะไม่เอาละครับ ทำอะไรก็ทำไปเถอะครับ เรื่องอย่างนี้มันไม่ได้ไปเดือดร้อนใครอยู่แล้ว ผมเดินผ่านเหล่าหนุ่มหน้าหล่อที่กำลังจีบปากจีบคอเสวนากันอยู่เพื่อที่จะเข้าไปข้างใน  


มันเป็นผับที่มีสองโซน คือข้างนอกกับข้างใน เวทีอยู่ข้างในดังนั้นถ้าผมอยากจะเจอเธอผมต้องซื้อหน้ากากมาใส่เพื่อให้ผ่านเข้าไปได้ เพราะข้างในให้เข้าเฉพาะคนที่แต่งชุดแฟนซีเท่านั้น... ผมผ่านกลุ่มที่แต่งตัวเหมือนพ่อมดวูดูเข้าไปข้างใน ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกแห่งเทศกาลฮาโลวีนถูกแสงสีกระทำให้บิดเบี้ยวผิดองศาไปจากแกนเดิม ทั้งแสง กลิ่น เสียง กระตุ้นให้เหล่าหนุ่มๆในนั้นเต้นกันอย่างลืมโลก ผมไม่แน่ใจว่าพวกเขาอัพอะไรมาก่อนหรือเป็นเพราะเพศของพวกเขาที่ทำให้การขยับร่างกายได้อย่างไหลลื่นสอดสนุกไปกับดนตรีเสียงอิเล็กทรอนิกส์ บ้างก็สวมผ้าคลุมใส่เขี้ยวปลอมให้เหมือนแดรกคูล่า ทันใดนั้นดนตรีก็ค่อยๆเบาลงเรื่อยๆจนเงียบไป แสงที่ส่องกราดระยิบระรับไปทั่วทั้งร้าน บัดนี้หันไปรวมศูนย์อยู่ที่จุดเดี่ยวกันคือกลางเวที กลองค่อยๆรัวจังหวะขึ้น เสียงเปียโนเร่งคลอสร้างอารมณ์ร่วมให้ทุกสายตาจับจ้องไปยังสิ่งที่กำลังปรากฏขึ้นบนเวที อะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนขึ้นมาจากใต้พื้นเวที บางอย่างที่มีผมยาวสลวย บางอย่างที่มีพลังเสียงร้องที่สามารถสะกดให้เราอยู่ในภวังค์แห่งความซาบซ่าน เจน... เธอค่อยๆโผล่ขึ้นมาจากพื้นเวทีเหมือนนางพญาแห่งรัตติกาลเกิดใหม่อีกครั้งจากหลุมศพของคนรัก เสียงโหยหวนที่ออกจากลำโพงรอบทิศทำเอาหัวใจผมแทบจะล้มเหลวเอาตรงนั้น มันเป็นแค่เสียงเท่านั้นเองที่มันเข้าไปทำปฏิกิริยาบางอย่างในสารสื่อประสาทที่ทำให้ขนของผมลุกซู่ ใบหน้าของผมร้อนผ่าวด้วยเลือดที่ฉีดพล่านจากหัวใจที่เต้นเร็วจนผิดจังหวะ มันคือเส้นเสียงเท่านั้นที่เป็นพรสวรรค์ ส่วนพลังปอดที่เหลือเกิดจากการฝึกฝนจนควบคุมพลังของมันได้เหมือนวิศวกรที่สามารถควบคุมพลังจากเตาปฏิกรณ์ปรมาณู พลังงานมหาศาลที่มาพร้อมกับความอันตรายและความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ ณ ที่นี้ มีเพียงเธอเท่านั้นที่สามารถควมคุมมันได้หมด ผมนึกย้อนถึงครั้งแรกที่แก้วหูอันบอบบางได้สัมผัสกับคลื่นเสียงนี้ นึกถึงคืนวันที่ผมต้องการเสพมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าและไม่เคยพอ เธอร้องมาเท่าไหร่ก็เหมือนเทน้ำลงไปในทะเลทรายอันร้อนระอุ จุดอิ่มตัวอยู่ตรงไหนงั้นหรือ... ผมไม่รู้หรอก ผมจ้องไปที่ตาเธอ ตาเธอที่มองกราดไปทั่วฝูงผู้ชม แน่นอน... เธอไม่มีวันเห็นผม หน้ากากที่ผมสวมอยู่กับความมืด ความมืดแห่งรัตติกาลในวันปล่อยผี ผมอ้าปากออกเพื่อรับวิญญาณแห่งความชั่วร้ายจากทั่วโลกที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากเศษซากในพื้นพิภพให้เข้ามาสิงสถิตอยู่ในร่างกาย ในประสาททุกเส้น กล้ามเนื้อทุกมัด ผิวหนัง ลึกลงไปถึงระดับเซลล์ ธาตุ และอะตอม ทุกสิ่งที่ประกอบขึ้นมาเป็นผมค้อมรับความศักดิ์สิทธิ์ของมัน ความเลวร้ายที่ก่อตัวขึ้นในใจผมมันเป็นความรู้สึกผิดของถ่านไฟรักที่คุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้ง โอ้พระเจ้า... มันเป็นเพียงเสียงเท่านั้นเองที่ดึงดูดผมให้โบยบินเข้าไปหาเธอราวแมลงเล่นไฟ ไฟที่ร้อนแรงอันตรายและหมายถึงความตายและการเกิดใหม่ของผม    






Free TextEditor


Create Date : 11 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2552 22:10:26 น. 1 comments
Counter : 507 Pageviews.  

 
ขอบคุณครับ


โดย: Vito Andolini Corleone วันที่: 31 กรกฎาคม 2557 เวลา:12:55:30 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Chud S.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add Chud S.'s blog to your web]