life sucks
 
กันยายน 2552
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
26 กันยายน 2552

XXXแหกคอกมหาลัยXXX3XXX

            เธอสวยด้วยแสงไฟจากป้ายโฆษณาที่ส่องให้ใบหน้าเธอมีมิติที่ดูลึกลับน่าค้นหา ข้างถนนใหญ่ยามค่ำคืนที่โล่งจนแทบจะไม่มีรถวิ่งสักคันก็โรแมนติกสิ้นดี แต่ผมไม่ได้โง่นะครับ ผู้หญิงสวยๆปกติที่ไหนจะแต่งตัวออกมานั่งตามป้ายรถเมล์อย่างนี้ เข็มนาฬิกาชี้เกือบเที่ยงคืนแล้ว ตอนนี้ผมไม่ได้มองเธอแล้ว แต่ผมเห็นจากหางตาว่าเธอกำลังเดินเข้ามาแล้วนั่งลงตรงป้ายรถเมล์ห่างจากผมไปเพียงที่นั่งเดียวเท่านั้น กลิ่นน้ำหอมลอยมาตามลมแรงจัดจนฉุนจมูก ผมนึกในใจว่าเธอไม่มีรสนิยมในการเลือกน้ำหอมเอาซะเลย


            มันก็แปลกดีนะ ขนาดผมสูบบุหรี่ไม่มีก้นกรองยังได้กลิ่นน้ำหอมของเธอ เดาว่าที่บ้านเธอต้องเป็นโรงงานผลิตหัวเชื้อหรือโดนจับอาบน้ำหอมตั้งแต่เด็กอย่างแน่นอน บนถนนเบื้องหน้าไม่เหลืออะไรแล้วนอกจากคนจรจัดที่นอนอยู่บนม้านั่งฝั่งตรงข้าม แท็กซี่ที่จะผ่านมาให้เห็นในอัตราสามคันต่อสิบนาที ผมเหม่อมองท้องฟ้าสีแดงเบื้องบน มันยากมากที่จะมองเห็นดาวบนท้องฟ้าในกรุงเทพฯ ผมร้อนนิ้ว การไม่มีก้นกรองมันทำให้ส่วนหัวบุหรี่ที่กำลังไหม้อยู่ใกล้นิ้วของผมมากเกินไป ผมเขวี้ยงมันลงพื้นแล้วขยี้ด้วยปลายเท้า บุหรี่ถูกขยี้แบนกับพื้นฟุตบาทเป็นวงดำ ผมมองมันแล้วจึงเหล่มองเธอ เธอยังคงนั่งไขว่ห้างอยู่ตรงนั้น มองตรงไปยังถนน เดาว่าเธอกำลังรอลูกค้าอยู่ แต่ว่าแถวนี้มันไม่ใช่พื้นที่การให้บริการของพวกเธอนี่นา....


ความเงียบสงบไม่ปล่อยให้ผมอยู่กับมันได้นานหรอก เอาแล้วไง... เสียงเชียร์ดังกระหึ่มขึ้นมาจากในหอ ผมเคยมาแล้วที่มานั่งรออยู่นอกรั้วอย่างนี้จนกว่าเชียร์จบแล้วกลับเข้าไปนอน คุณจะตกใจถ้าผมบอกว่ามันจบเมื่อไร ตีสามครึ่งครับ! เวลามาตรฐาน เชียร์มอราธอนตั้งแต่ห้าทุ่มครึ่งถึงตีสามครึ่ง วันนี้วันจันทร์พรุ่งนี้ก็วันอังคารที่ส่วนใหญ่แล้วเด็กก็ต้องเริ่มเรียนแปดเก้าโมงกันทั้งนั้น ลองคำนวณดูสิครับว่าเหลือเวลานอนเท่าไร มันคือความทรมานครับ ผมแน่ใจว่าแม้แต่รุ่นพี่ก็กำลังทรมานตัวเองเหมือนกัน โอเคครับ ความจริงผมเองก็ไม่ได้เข้าร่วมสังฆกรรมการถูกทารุณ ดังนั้นผมก็ไม่มีสิทธิ์ไปบ่นอะไรมาก ผมมันก็แค่หนึ่งในผู้ลี้ภัยออกมาจากประเทศเผด็จการทรราชก็เท่านั้น ตอนนี้ผมนั่งอยู่ตรงนี้กำลังสูดดมกลิ่นแห่งเสรีภาพโดยมีสาวน้อยที่กำลังพยายามจะขายตัวเองอยู่ข้างๆ นั่งฟังเสียงเชียร์ที่คนอย่างไอ้วิศวะต้องกล้ำกลืนแหกปากร้อง เท่านี้ผมก็พอใจแล้วละครับ


เสียงฟ้าร้องดังกลบเสียงเชียร์ ฝนตกปรอยๆซึ่งกำลังจะตกเป็นห่าใหญ่ในภายหลัง ครึ่งชั่วโมงหลังมานี้มีรถผ่านมาหลายคันแล้ว และบางคันในหลายคันนั้นก็ขับมาเทียบเพื่อชะลอดูสาวที่นั่งอยู่ข้างๆผม พอผมหันไปมองคันไหน คันนั้นต้องรีบขับผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหตุการณ์ที่ดำเนินไปอย่างนี้ทำให้บางครั้งพวกเขาคิดว่าผมกับเธอเป็นแฟนที่กำลังทะเลาะกันหรือเปล่า ผมเองก็ไม่ได้หน้าตาดุร้ายไล่แขกขนาดนั้น หรือเพราะคนกรุงขี้เกรงใจ? ผมก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะผมไม่ใช่คนกรุงเทพฯ ผมมันก็แค่เด็กบ้านนอกที่มีโอกาสเข้าเรียนในสถาบันอันทรงเกียรติแห่งนี้


ลมเริ่มมาพร้อมกับเศษฝุ่นละอองที่ถ้าไม่ระวังให้ดีมันจะปลิวเข้าตาคุณ เสียงฟ้าคำราม ฟ้าแลบเหมือนแฟรชถ่ายรูป แฟรชถ่ายรูป? ก็คงใช่ ถ้าผมอยู่ในรถที่กำลังวิ่งผ่านมาทางนี้ เห็นภาพชายหญิงนั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์ระยะห่างเพียงหนึ่งที่นั่งกั้น ต่างคนต่างหน้าบึ้ง ผมก็คงเดาว่ามันทั้งคู่คงเป็นแฟนที่มานั่งงอนกันอย่างแน่นอน และนั่นทำให้ผมเกิดคำถามกับตัวเองสองข้อ หนึ่งคือสาวคนนี้มันจะซื่อจนเซ่อไม่รู้เลยหรือไงว่าการที่เธอนั่งใกล้ผมขนาดนี้จะทำให้เธอชวดแขก สองคือเธอมานั่งใกล้ผมขนาดนี้เพื่ออะไร ผมนั่งที่ปลายข้างหนึ่งแล้วทำไมเธอไม่ไปนั่งที่ปลายอีกข้างหนึ่ง


 แน่นอน... มนุษย์ทุกผู้มีเจตจำนงเสรีที่จะนั่งตรงไหนของป้ายรถเมล์ก็ได้ แต่มันต้องประกอบด้วยเหตุผลด้วยสิ ผมพยายามหาเหตุผลให้ตัวเอง เหตุผลแรกคือเธออาจจะรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้ๆกับคนที่มีบุคลิกภาพดูน่าเชื่อถืออย่างผม อย่างที่สองคือเธอพยายามจะขายให้ผม แต่เราก็นั่งมาครึ่งชั่วโมงแล้ว เธอบางครั้งก็นั่งเงียบ บางครั้งก็คุยมือถือเบาๆเหมือนกลัวจะรบกวนความสงบของผม เธอมองผมบ้างบางครั้ง แต่ถ้าเธอจะเสนอขายเธอก็ควรจะทำมันไปนานแล้วสิ แต่ที่แน่ๆผมจะไม่เสนอซื้อเธอแน่นอน ผมไม่ใช่คนประเภทที่จะมีอารมณ์กับคนแปลกหน้าที่เจอตามป้ายรถเมล์ซะด้วยสิ


ฝนจากที่แรกๆแค่ตกปรอยๆก็เริ่มตกหนักขึ้น หลังคาป้ายรถเมล์ก็ไม่ได้ออกแบบมาป้องกันผู้รอโดยสารจากทอร์นาโดหรือไต้ฝุ่น ฝนสาดเข้ามาจนกางเกงยีนของผมเปียก เธอก็ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นแต่ตอนนี้เธอเริ่มร้องไห้กระซิกๆซะแล้ว เอาแล้วไง... แล้วถ้าเป็นคุณจะทำอย่างไรกับเหตุการณ์อย่างนี้ ผมหันหน้าไปหาเธอที่ซุกหน้าส่งเสียงร้องไห้อยู่ระหว่างฝ่ามือของตน


“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ผมถาม


เธอหันมามองผม ตาเธอเปื้อนอายไลเนอร์ถูกๆจนเป็นวงคล้ำใต้ตา บอกได้เลยว่าเธอน่ารักในแบบสาวไทย คือไม่ใช่เสป็กผม ตาโต ผมยาว จมูกเล็กๆ ผิวสีน้ำผึ้งที่ผ่องยามต้องแสงไฟยามค่ำคืน สีหน้าของเธอบ่งบอกให้ผมรับรู้ว่าเธอกำลังมีความทุกข์ทรมานแบบสุดๆไปเลย เมื่อส่งสาส์นมาถึงผมเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอก็เบือนหน้าหนีจากผมแล้วก็ซุกเข้าไปร้องไห้บนสองผ่ามือของตนอีก ผมไม่แน่ใจว่านั่นเป็นมารยาหญิงหรืออะไรเทือกนั่นหรือไม่ เธอตีบทเศร้าแตกแบบได้ตุ๊กตาทองเลยทีเดียว แต่เธอจะแกล้งทำไปเพื่ออะไรล่ะ เธอคงมีความทุกข์จริง เพียงแค่เจาะจงจะให้ผมได้รับรู้ก็เท่านั้น ส่วนตัวผมเองก็ไม่อยากจะขัดศรัทธา ผมจึงขยับเข้าไปนั่งข้างเธอ แล้วพูดประโยคเดิมซ้ำอีกรอบ


“คุณครับ... เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”


“คุณเรียนอยู่ที่นี่หรือเปล่าคะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงค่อนข้างสั่นเครือ ผมได้ข้อมูลเพิ่มอีกอย่างหนึ่ง คือเสียงเธอค่อนข้างจะแหลมเอาการ


“ใช่ครับ” ผมตอบ “ผมอยู่หอแถวๆนี้ละครับ”


“คุณต้องการหรือเปล่าคะ” เธอพูดเสร็จก็ก้มหน้า “หนูหมายถึงคุณอยากเที่ยวหรือเปล่าคะ ชั่วคราว 5000 ค้างคืน 8000 ค่ะ คุณต้องการไหมค่ะ?”


ผมนิ่งไป... ตายห่า... ผมคิดในใจ แพงชิบหายเลย คือว่าผมมาเรียนที่ กทม นี่ได้เงินเดือนเดือนละ 10000 สมมุติถ้าผมเที่ยวอย่างนี้ครั้งละ 8000 ชีวิตก็ชิบหายสิครับ


“หนูได้ยินว่าแถวนี้เป็นย่านคนรวย” เธอพยายามอธิบาย “หนูรู้ค่ะว่ามันแพง แต่ครั้งนี้เป็นการขายครั้งแรกของหนู และหนูคิดว่ามันจะเป็นครั้งเดียว เลยมาแถวนี้ หนูนั่งตั้งนานแล้วก็ยังไม่มีใคร...” แล้วเธอก็กลับไปซบหน้ากับผ่ามือร้องไห้อีกครั้ง


“เออ... คุณครับ” ผมเองก็พยายามจะอธิบายเหมือนกัน “คือคนที่เค้าอยากซื้อเขาคงไม่มาหาแถวนี้หรอกครับ คือมันมีโซนนิ่งอยู่นะครับ”


พอผมพูดจบเธอก็ยิ่งร้องไห้หนักข้อเข้าไปอีก ฝนก็ตก ฟ้าก็ร้อง แล้วเธอยังจะมาร้องไห้แข่งกับฟ้าร้องอีก โอ้แม่เจ้า... ผมอยู่ในสถานการณ์อันบีบคั้นสุดๆไปเลย ผมอยากพูดตามตรงกับเธอจริงๆว่ามันไม่มีใครยอมจ่ายเงินจำนวนนี้เป็นค่าตัวคุณโสข้างถนนหรอก ยกเว้นถ้าเป็นคุณโสไฮโซอะไรประมาณนี้ ในที่สุดเมื่อฝนมันตกซะจนจะท่วมถึงปากผมอยู่แล้วผมจึงให้ข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธกับเธอ


“เอาอย่างนี้ละกันนะครับ” ผมบอก “ผมบอกคุณตามตรงว่าผมไม่มีเงินมากขนาดนั้นหรอก ความจริงคุณก็น่ารักนะครับแต่ผมก็ยังไม่มีความต้องการอย่างนั้นตอนนี้” ผมว่าต่อ “คุณฟังผมดีๆนะครับ ฝนมันตกหนักมากแล้ว ผมว่าเราเรียกแท็กซี่ไปที่ไหนสักที่ ผมว่าถ้าคุณต้องการเงินจำนวนนี้จริงๆ ผมก็อาจจะมีทางหาให้คุณได้”


เธอหยุดฟูมฟายถอนหน้าออกจากผ่ามือ หันมามองผมด้วยตาโตๆที่บ่งบอกถึงความสนใจข้อเสนออันมิอาจปฏิเสธของผมพอสมควร


“คุณจะทำยังไงคะ” เธอพูดอย่างกระตือลือล้น “คุณมีเพื่อนที่สนใจจะซื้อหรอคะ”


“คือฝนตกหนักมากครับ” ผมตอบ “ผมว่าเราค่อยคุยกันในแท็กซี่ดีกว่า”


ผมเรียกแท็กซี่คันแรกที่ผ่านมาทันที คือช่วงเวลาอย่างนี้มันไม่มีอะไรต้องให้เกียรติกันแล้วละครับ ผมจูงมือเธอกระโดดขึ้นแท็กซี่ ขอให้พี่โชว์เฟอร์ปิดแอร์เพราะพวกเราเปียกและหนาวเอามากๆ ส่วนใหญ่แล้วความเย็นของแอร์ติดรถก็จะแปรผันตรงกับอากาศข้างนอก คือถ้าอากาศข้างนอกร้อนแอร์ก็จะร้อนไปด้วย พอตอนนี้อากาศเย็นสบายเพราะฝนตก ภายในรถจึงมีสภาพไม่ต่างอะไรกับช่องแช่แข็ง เสื้อที่เปียกๆยิ่งทำให้เราทั้งคู่หนาวจนกรามสั่นดังกึกๆ ที่ผมอยากจะบ่นคือโลกนี้มันไม่มีความสมดุลเลยหรือไง


ในรถแท็กซี่เรายังคงจับมือกันเสมือนหนึ่งเป็นแฟนกันเลยทีเดียว แต่ผมไม่ได้คิดอะไรเลยนะครับ เพียงแค่เป็นการจับมือให้กำลังใจกันเฉยๆ พอผมบอกทางแท็กซี่เสร็จก็มาถึงขั้นตอนการเล่นบทนักสืบ ผมแค่อยากสอบสวนสิ่งที่ผมสงสัยนิดหน่อย


“ตกลงคุณชื่ออะไรอะครับ” ผมถาม


“หมูน้อยค่ะ” เธอตอบ


วะ... คนอะไรชื่อหมูน้อย ผมนึกในใจ สาวน้อยคนนี้ชักจะมีอะไรให้ผมแปลกใจระคนตื่นเต้นได้มากขึ้นทุกทีแล้ว หลังจากที่ผมถามอะไรนิดหน่อยเกี่ยวกับอายุ (สำหรับสาวท่านนี้ เธอเป็นพี่สาวผมเกือบสองปี เธออายุย่างเข้า 21 แล้ว... ส่วนผมเพิ่งกำลังจะ 19) ที่อยู่ หรือแสดงความมีน้ำใจด้วยการถามว่าหนาวหรือเปล่า หิวหรือเปล่าอะไรพวกนี้จนเสร็จแล้วก็มาถึงคำถามสำคัญ


“ทำไมคุณถึงคิดจะขายละครับ”


“คือแฟนของหนูติดพนันบอล” เธอตอบแอ๊บแบ้ว “พวกนั้นบอกว่าจะฆ่าเขาถ้าเขาไม่มีเงินให้ อาทิตย์หน้า” พอเธอพูดเสร็จก็เริ่มร้องไห้อีก ผมละสงสารบ่อน้ำตาของเธอจริงๆ โดดเจ้านายสูบจนแห้งขอด


 นั่นไง จุดเริ่มต้นของการเป็นวีรสตรีที่สละชีพเพื่อคนรัก อุดมการณ์อย่างแรกคือต้องขายตัวส่งแฟนเรียน หรือไม่ก็ขายตัวใช้หนี้แทนแฟน สงสัยผมคงต้องเก็บเงินไว้สร้างอนุสาวรีย์ให้เธอหน่อยแล้วกระมัง ความจริงผมสังเกตมานานแล้วว่าวุฒิภาวะมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุเพียงอย่างเดียว มันแปรผันกับการเลี้ยงดู ความเข้าใจในโลก และการผสมผสานองค์ความรู้ต่างๆให้เป็นเอกภาพ คล้ายๆกับการคิดแบบแยกส่วนหรือการคิดแบบองค์รวมนั่นละครับ แต่อย่างว่า... ส่วนใหญ่ความรักก็ทำให้ตาบอดอย่างนี้ทั้งนั้น คือมันไม่มีหลักประกันอะไรเลยว่า สมมุติถ้าเธอยอมขายตัวเพื่อเขาแล้วเขาจะรักเธอตลอดไป บางทีถ้าเขารู้ว่าเธอขายตัวแล้วเขาอาจจะเอาแต่เงินแล้วทิ้งเธอไปเลยก็ได้ ผมอยากจะด่าเธอว่า... แค่นี้ทำไมคิดไม่ได้วะ


“แล้วแฟนคุณเป็นหนี้อยู่เท่าไรครับ” ผมถามต่อ


“27000 ค่ะ” เธอตอบ “เขาเพิ่งเสียไปรอบที่แล้วจนหมดตัว ครั้งนี้เขาบอกว่าถ้าเขาได้เขาจะพาหนูไปเที่ยวภูเก็ต แต่เขาก็เสียอีกรอบ ขายทุกอย่างแล้วก็ได้เงินมาแค่ 15000 ขาดอีก...”


“12000 ครับ” ผมตอบให้ “สมมุติว่าคุณขายได้ครั้งละ 5000-6000 สองครั้งก็ใช้หนี้ได้หมด แต่ถ้าว่ากันตามประสบการณ์ของผมแล้วนะครับ ผมบอกตรงๆว่าถึงคุณจะน่ารักจริงๆแต่คงไม่มีคนซื้อคุณราคานั้นหรอก เพราะมันแพงเกินไป ผมว่าอย่างคุณน่าจะได้ไม่ต่ำกว่า 2000 แต่ไม่เกิน 3000 และผมบอกได้เลยครับว่าไม่มีใครเขายอมเสียเงินมากๆ ฟรีๆหรอก ถ้าเจอโรคจิตก็โคตรซวย”    


“คุณรู้ดีจังนะคะ” เธอบอก แต่เธอไม่ได้กวนตีนผมหรอก สัมผัสได้จากแววตาสำนึกบุญคุณของเธอ


“พี่ของผมนะครับ เขาชอบเที่ยวอย่างนี้ ผมกับเขาค่อนข้างสนิทกันก็เลย” เรื่องนี้ผมพูดจริงนะครับ พี่ชายของผมเค้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ พี่ที่เป็นญาติห่างๆนะครับ ข้อมูลผมเลยแน่นเป็นพิเศษ


ผมมองไปข้างหน้า ในกระจกส่องหลังเห็นแท็กซี่มองมา แท็กซี่ทำหน้าตาแบบจะกล่าวหาผมว่า ไอ้นี่โคตรขี้โม้เลย แต่ผมก็ไม่สนใจเขาหรอก จะคิดอะไรก็คิดไปสิครับ เรามันเป็นผู้โดยสารไม่ใช่ลูกหลานเขาสักหน่อย ตอนนี้ฝนเริ่มซา ผมมองไปรอบๆก็รู้สึกว่าใกล้ถึงแล้ว บอกแท็กซี่เลี้ยวเข้าซอยเล็กๆ ตอนนี้เที่ยงคืนครึ่ง แท็กซี่เหลืองเขียวพาเราไปหยุดอยู่หน้าโรงแรมจิ้งหรีดแบบที่มีราคาเช่าชั่วคราวที่ค่อนข้างถูก ผมควักกระเป๋าจ่ายค่ารถไป 80 เดินเข้าไปจ่ายค่าเช่าที่ล็อบบี้อีกไม่กี่ร้อยแล้วก็ขึ้นไปข้างบนพร้อมกับเธอ สาวน้อยคนนี้ก็ไม่พูดอะไรมากครับ ให้ผมจูงมือเดินตามผมไปต้อยๆ ถึงผมจะพาเธอมาโรงแรมอย่างนี้แต่ผมบอกคุณได้เลยว่าเจตนาของผมมันบริสุทธิ์ราวกับนักพรตที่บำเพ็ญตบะมายาวนาน


เราขึ้นลิฟท์ไปชั้น 6 ผมขออนุญาตไม่อธิบายสถานที่แห่งนี้มากนะครับเพราะมันไม่ค่อยจะสวยงามเท่าไรและเป็นแค่ทางผ่านของเรื่องนี้เท่านั้น เท่าที่ผมทำในห้องคืออาบน้ำ ตากเสื้อกับแอร์เร่งให้มันแห้ง แล้วมาตกลงกับเธอบอกจุดประสงค์กับเธอว่าผมพาเธอมาที่นี่เพื่ออะไร ผมเป็นคนให้เกียรติผู้หญิงมากๆครับ ผมบอกเธอว่าที่ผมพาเธอมาเพราะผมต้องการให้เธออาบน้ำและผึ่งเสื้อผ้าให้แห้ง ตอนนี้เพิ่งจะเที่ยงคืนครึ่ง ผมบอกเธอว่าเราจะออกจากที่นี่ตอนตีหนึ่งครึ่งและเรายังมีเวลาทำงานอีกมาก


สำหรับคนที่ได้อ่านมาจนถึงตรงนี้แล้วคุณก็คงจะเริ่มสงสัยในพฤติกรรมของผมแล้วว่าผมทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไร ผมบอกได้เลยว่าผมทำเพื่อสิ่งเดียวครับ คือเพื่อความตื่นเต้น ถ้าคนที่รู้จักผมดีจะรู้ว่าผมรักความตื่นเต้นเท่าชีวิตและเกลียดความน่าเบื่อเหมือนเกลียดเพื่อนบ้านเลยทีเดียว ผมเกลียดเชียร์เพราะเชียร์มันน่าเบื่อ ต้องนั่งตบมือร้องเป็นหลายๆชั่วโมง บ้าหรือเปล่า ผมช่วยเธอเพราะเธอนั้นเร้าใจมากๆ ออกมาขายตัวคนเดียวเพราะอยากช่วยแฟนใช้หนี้พนันบอล ผมอยากเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์อันนี้ครับ ปกติผมไม่ใช่คนใจดีแบบที่จะช่วยจูงคนตาบอดข้ามถนน แต่ถ้าเรื่องอะไรที่ผมสนใจแล้วก็ลุยไหนลุยกัน แน่นอน... ผมจะทำให้เธอได้เงินทุกบาททุกสตางค์ที่เธอต้องการเลยทีเดียว


ตอนนี้เธออาบน้ำอยู่ครับ ผมมองอุปกรณ์ในการใช้ชีวิตของเธอแล้วรู้สึกเศร้าใจ เพราะสิ่งที่เธอเอาติดตัวมาด้วยรวมกับเครื่องประทินโฉมนั่นก็คงไม่มีใครหรอกครับที่จะยอมจ่ายเงินแพงๆซื้อเธอไป เริ่มตั้งแต่การแต่งกายด้วยชุดแซกสีฟ้าซีดๆแบบไร้รสนิยม กระเป๋าหลุยส์ปลอม รองเท้าส้นสึก กับเครื่องประดับที่ให้อารมณ์ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ผมว่าเราคงต้องออกไปดึกๆเลยละครับ ต้องเป็นคนที่เมามากๆเท่านั้นละที่จะมองข้ามของทั้งหมดพวกนี้ไปได้ สรุปกว่าเธอจะอาบน้ำแต่งตัวแต่งหน้าเสร็จทุกอย่างก็ปาไปเกือบตีสอง ผมเน้นให้เธอแต่งไปที่ขอบตาครับ เพราะในยามค่ำคืนที่เราไม่ค่อยได้เห็นหน้าเห็นตากันละเอียดเท่าไรแล้วเรื่องขอบตา ทรงผม กับรูปร่างทรวดทรงเป็นสามสิ่งที่สำคัญที่สุด หมูน้อยนางนี้เธอหุ่นดีอยู่แล้วครับ ผมเพียงให้เธอเน้นไปที่ขอบตาและรวบผมไว้ข้างหลัง พอปิดไฟดูก็เริ่มเห็นแววจะรุ่งเลยละ


ผมเรียกแท็กซี่ไปย่านรัชดา ผมรู้จักผับแห่งหนึ่งที่ทำให้เราสามารถดำเนินการตามแผนได้ไม่ยาก มันเป็นผับต่อครับ ความหมายสำหรับผับต่อก็คือผับเงินหนาเส้นใหญ่ไม่กี่แห่งที่สามารถเปิดได้หลังตีสอง ตีสองคือช่วงเวลาที่ผับปิด แต่หลังตีสองเป็นต้นไปถ้ายังติดลมก็ต้องมาเที่ยวต่อกันที่ผับอย่างนี้ละครับ ซึ่งผับประเภทนี้ส่วนใหญ่จะราคาแพงเป็นพิเศษ แต่คุ้มครับ คุ้มแน่นอนกับเงินที่เธอจะได้มา


แท็กซี่จอด เราลง เธออายุถึง 20 แล้วจึงโชว์บัตรผ่านเข้าผับแบบสะดวกโยธิน ผมอายุยังไม่ถึงแต่ก็โชว์บัตรผ่านเข้าผับอย่างสะดวกเช่นกัน เป็นบัตรประชาชนเก่าของรุ่นพี่ที่เป็นญาติคนนั้นละครับ เราสนิทกันมาก เขาจึงแจ้งหายแล้วเอาไว้ให้ผมใช้ ตอนนี้เชื่อผมหรือยังครับที่ผมบอกว่ารู้เรื่องซื้อขายเนื้อสดเยอะเพราะมีขุมทรัพย์ทางปัญญาแบบพี่ของผมแท้ๆ


 ผมไม่ได้มาเที่ยว เมื่อเข้าไปแล้วผมจึงตั้งใจกวาดตาดูจนทั่วผับ ถึงสถานที่มันจะค่อนข้างมืดแต่ก็มีแสงวับๆแวมๆพอที่จะดูออกว่าโซนไหนผู้ชายเยอะ และต้องเลือกผู้ชายที่ดูแก่ๆแล้วต้องให้แก่กะโหลกกะลาด้วยนะครับ คือแก่แล้วไม่ได้นั่งนิ่งๆแต่เต้นแร้งเต้นกาจนดูน่าอนาถนั่นละ ใช่เลย... ทางสิบเอ็ดนาฟิกา เหตุผลที่พวกเฒ่าทารกมักจะมาใช้บริการ dance floor ของผับแห่งนี้เพราะมันเป็นผับต่อแถวย่านรัชดาซึ่งเต็มไปด้วยอาบอบนาบ (เอ้ย...นวด) และวิมานสถานอีกมากมายเช่นคาราโอเกะล้วง ฯลฯ ดังนั้นเมื่อสถานบริการเหล่านี้ปิด หมอนวดที่อยากเที่ยวก็มาที่นี่สิครับ ดังนั้นพวกชายลืมแก่เหล่านี้เมื่อพลาดรอบปกติแล้วจึงหวังจะมาจับไก่รอบพิเศษ ที่ผมจะจัดให้ก็คือรอบพิเศษจริงๆครับ แต่เป็นรอบพิเศษแบบให้ไอ้เฒ่าทารกพวกนี้ต้องหมดตัวเดินกลับบ้านไปฟ้องเมียมันเลย (คืออย่างน้อยๆถ้าจะมีคนต้องโดนผมก็จะหาคนที่มันควรโดนมากที่สุด)


ความจริงต้องขอสารภาพก่อนว่าที่ผมทำอย่างนี้เพราะผมมีอคติกับพวกคนแก่โง่ๆพวกนี้ คือต้องยอมรับว่าคนแก่บางคนอายุของพวกมันไม่ได้ทำให้พวกมันเข้าใจอะไรในโลกมากขึ้นบ้างเลย ไอ้พวกนักการเมืองก็แก่จะลงโลงกันแล้วทั้งนั้น มันก็ยังไม่เลิกโกงบ้านกินเมือง ลูกหลานพวกมันก็มากร่างในผับ เป็นคนที่ควรจะมีหน้าที่รับใช้ประชาชนแต่ก็ดูถูกคนที่พวกมันควรรับใช้ นี่คือสิ่งที่ผมเห็นจริงๆที่ผู้ใหญ่รุ่นพ่อของผมมันเป็นกัน ไอ้พวกเสี่ยมีเงินพวกนี้ถือว่ามันมีเงินเยอะก็ดูถูกผู้หญิง ดูถูกคนจน เลียเจ้านายกระทืบลูกน้อง ไม่ได้มีความน่าเคารพอะไรเลยแล้วเสือกมาบอกว่าวัยรุ่นสมัยนี้ไม่ได้เรื่อง แล้วไม่ใช่ไอ้แก่พวกนี้หรือครับที่เป็นพ่อแม่มัน แก่แล้วเสือกอยากจะเอาเด็กรุ่นลูก อันนี้ผมรังเกียจครับ ปกติถ้าผมรังเกียจอะไรก็จะเก็บไว้ในใจนะครับ แต่ตอนนี้สาวน้อยเพื่อนผมคนนี้เขาต้องการใช้เงินจริงๆ และสำหรับไอ้พวกนี้ผมสามารถให้โทษมันได้โดยไม่รู้สึกผิดอะไรเลย มีแต่ความสะใจเท่านั้น


 ผมเล็งจนเจอเป้าหมาย กำลังเต้นอยู่ซ้ายมือด้านในสุดของผม เป็นตาแก่หัวล้านพุงพลุ้ยห้อยสร้อยทองเส้นใหญ่เกือบเท่าหัวแม่โป้ง สาวๆแหวกเป็นทางเพราะแกดูเมาแล้วเลอะเทอะเอามากๆ เท่าที่ผมต้องทำก็ไม่ยากอะไรเลยครับ ก็แค่บอกให้หมูน้อยไปยืนอยู่ใกล้ๆ เดี๋ยวเหยื่อก็จะติดกับเอง แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆด้วยครับ คุณลุงแกชนแก้วใหญ่เลย ผมดูไปหัวเราะไปเพราะลุงคนนี้แกมือปลาหมึกจริงๆ เพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นละครับน้องหมูน้อยก็สามารถลากลุงคนนี้ออกมานอกผับ (คือผมไม่แน่ใจว่าใครลากใครกันแน่) ผมตามดูพวกเขาขึ้นรถไปยังโรงแรมแถวนั้นดังที่เตรียมกันไว้ ผมก็เรียกวินมอเตอร์ไซค์ตามติดไป เพียงแค่สิบนาทีที่ผมรออยู่หน้าห้อง หมูน้อยของเราก็วิ่งลงมาพร้อมกับโทรศัพท์มือถือ Nokia รุ่นใบไม้ (ค่อนข้างเป็นที่นิยมในยุคนั้น) พร้อมกับเงินสดจำนวนหนึ่งโดยไม่ต้องเสียตัวเลยแม้แต่น้อย แน่นอนครับ... เท่าที่ต้องทำมีเพียงเขาไปในห้อง ขอให้คุณลุงที่กำลังเมาๆแล้วกำลังดีใจเหมือนถูกหวยเข้าไปอาบน้ำก่อน หลังจากนั้นก็ชิ่งสิครับ เธอก็มีเงินใช้หนี้ให้แฟน ผมก็ได้ความสะใจ


ตอนนั้นเกือบจะตีสี่แล้ว พวกเรารีบออกจากที่นั่น เธอขอบคุณผมเป็นการใหญ่ แล้วก็ขอเบอร์ผมไปด้วยในฐานะผู้มีพระคุณอย่างสูง ส่วนผมตอนนั้นก็ง่วงนอนมากแล้วครับ บอกลาเธอแล้วจึงขึ้นแท็กซี่กลับหอ ต้องค่อยๆย่องขึ้นหอเพราะถึงเชียร์จะจบแล้วแต่ยามก็ยังคงทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ต้องยอมรับเลยว่าคืนนี้เป็นคืนที่สนุกมากและน่าจดจำคืนหนึ่งในชีวิตของผม ผมไขกุญแจเปิดประตูอย่างเงียบกริบแล้วจึงทิ้งตัวลงนอน หัวถึงหมอนไม่กี่วินาทีก็หลับปุ๋ย ผมเดาว่าคืนนั้นต้องฝันดีแน่ๆเลย แต่ทันใดนั้นก็มีมือมาฉวยหมับที่ปากผม ทำเอาผมสะดุ้งเฮือก....    


 


        


 






Free TextEditor


Create Date : 26 กันยายน 2552
Last Update : 27 กันยายน 2552 14:03:43 น. 3 comments
Counter : 313 Pageviews.  

 
รออ่านอยู่นะคะ ^^

สนุกมากเลยยย


โดย: kirill วันที่: 26 กันยายน 2552 เวลา:22:42:58 น.  

 
ขอบคุณครับ
ยังไงผมจะพยายามอัพให้ได้ทุกวันนะครับ


โดย: Chud (Chud S. ) วันที่: 27 กันยายน 2552 เวลา:20:44:42 น.  

 
เก่งจ๊ะเก่ง


โดย: sabydee IP: 124.121.108.122 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:37:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Chud S.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add Chud S.'s blog to your web]