Group Blog
มิถุนายน 2564

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
ถนนสายนี้ ... ... มีตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 280 "มหาลัยวัยซน"
 




โจทย์ถนนสายนี้มีตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 280





"มหาลัยวัยซน"




              โดยคุณ nonnoiGiwGiw                
 





บอกเล่าเรื่องราวของเพื่อนๆ หลังจบชั้นมัธยมปลายว่า ชีวิตในช่วงนั้นเป็นอย่างไร เกิดอะไรขึ้น มีความสนุกสนานแค่ไหน จะเป็นเรื่องตื่นเต้น เรื่องเรียน กิจกรรม วัยหวาน หรืออะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยคำว่ามหาวิทยาลัยอาจหมายถึงมหาวิทยาลัยชีวิตก็ได้ ตีความได้เหมาะสมเลย
 
 
 


 



เจ้าของบล็อกได้เลยเล่าไปแล้วว่าสมัยเรียนมัธยมปลายเจ้าของบล็อกเรียนแผนการเรียน  “คณิตศาสตร์ – วิทยาศาสตร์”  แต่เจ้าของบล็อกเรียนวิชา  คณิตและฟิสิกส์  ไม่เก่งเลย  ....  เรียกว่า  “โง่”  ก็ได้นะครับ  เช่น  การสอบวิชาฟิสิกส์จะไม่แทนค่าด้วยสูตรมาตรฐานแล้วตอบเลย  จะต้องเอาสูตรมาตรฐานไปเข้าสมการแล้วแทนค่าก่อนถึงจะหาคำตอบได้  ....  แต่แค่แทนค่าสูตรมาตรฐานเจ้าของบล็อกก็ตกม้าตายเสียแล้ว  การสอบแต่ละครั้ง  แต่ละเทอม  เมื่อตอนเรียนมัธยมปลายของเจ้าของบล็อกจึงอาศัยเพื่อนให้ลอกตลอด  เรื่องนี้อาจารย์ที่สอนก็ทราบดีด้วย  แต่อาจารย์คงเห็นว่าเจ้าของบล็อก  “เกินจะเยียวยาแล้ว”  จึงปล่อยๆไป  ทำเป็นมองไม่เห็น 
 



 
สำหรับวิชาเคมีเจ้าของบล็อกพอจะเอาตัวรอดได้ตลอด  3  ปี  ของการเรียนชั้นมัธยมปลาย  แต่ก็ต้องถูกเคี่ยวเข็ญอย่าหนักจากคุณน้าของแม่ซึ่งจบเอกเคมี  คณะวิทยาศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  และเป็นครูสอนวิชาเคมีอยู่ที่โรงเรียนชายชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ  โดยเจ้าของบล็อกจะต้องไปเรียนวิชาเคมีเพิ่มเติมจากคุณยายอาทิตย์ละ  2  วัน  ตลอดระยะเวลา  3  ปี  ที่เรียนชั้นมัธยมปลาย  ส่วนวิชาชีววิทยาเจ้าของบล็อกถนัดอยู่แล้ว  เนื่องจากเป็นวิชาท่องจำเช่นเดียวกับวิชาทั่วไปอย่างเช่นวิชา  สังคมศึกษา  ภาษาไทย  และภาษาอังกฤษ




เมื่อเจ้าของบล็อกอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่  6 เทอม  1  คณะอักษรศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  เปิดโครงการ  “ครุทายาท”  ขึ้น  โดยรับนักเรียนที่มีผลการเรียนภาษาไทยตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่  4  จนถึงวันสมัคร  ได้เกรด  3.5  -  เจ้าของบล็อกถือโอกาสคุยโวหน่อยว่า  เกรดวิชาภาษาไทยตั้งแต่เทอม  1  ชั้นมัธยมศึกษาปี่ที่  4  จนถึง  เทอม  1  มัธยมศีกษาปีที่  6  เจ้าของบล็อกได้เกรดเฉลี่ย  4  (นั่นคือเจ้าของบล็อกได้เกรด  4  วิชาภาษาไทยทุกเทอม)  -  เจ้าของบล็อกสองจิตสองใจว่าจะไปสมัครโครงการครุทายาทดีมั๊ย  หรือว่าจะไปสอบเอ็นทรานซ์สายวิทย์ตายเอาดาบหน้าดี  ในที่สุดก็ตัดสินใจไปสอบเอ็นทรานซ์เอาจะดีกว่า 
 
 


เจ้าของบล็อกจำได้คร่าวๆว่าเลือกคณะวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยๆต่างๆ  ปนๆไปกับคณะศีกษาสาสตร์  ทั้ง  6  อันดับ  สุดท้ายเจ้าของบล็อกก็  “เอ็นติด”  “คณะวิทยาศาสตร์  เอกเคมี  มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ  วิทยาเขตพิษณุโลก”  มาแบบงงๆ   (พอเจ้าของบล็อกเรียนอยู่เทอม  2  ของปีที่  1  มหาลัยก็เปลี่ยนชื่อเป็น  “มหาวิทยาลัยนเรศวร” )
 



เป็นครั้งแรกที่เจ้าของบล็อกต้องห่างบ้านไปไกลๆแบบนี้  ใจนึงก็คิดถึงความสนุกสนานของนิสิตมหาวิทยาลัยต่างจังหวัดที่ได้ทำอะไรอิสระไกลหูไกลตาพ่อแม่แบบในภาพยนต์เรื่อง  “รักน่ารัก”  ที่เคยดูเมื่อตอนเด็กๆ  ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตนิสิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่  อีกใจนึงก็รู้สึกโหวงๆ  เพราะต้องจากบ้านไปไกลถึงพิษณุโลก 
 





 
ชิวิตนิสิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ  วิทยาเขตพิษณุโลก  ของเจ้าของบล็อกเริ่มต้นด้วย  “การรับน้องรถไฟ”  เป็นการเดินทางไปพิษณุโลกด้วย  “รถไฟชั้น  3”  ร่วมกับนิสิตคนอื่นๆและรุ่นพี่   การเดินทางใช้เวลานานเหลือเกิน  ออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพงตอนเย็นๆ  ค่ำๆ  กว่าจะไปถึงพิษณุโลกก็เกือบๆเช้า  การรับน้องครั้งนี้เจ้าของบล็อกได้เจอเพื่อนจากโรงเรียนมัธยมด้วย  นางลาออกไปเรียนต่อชั้นมัธยมปีที่  4  ที่โรงเรียนอื่น  และนางเอ็นทรานซ์ได้คณะศีกษาศาสตร์  เราดีใจมากที่มีเพื่อนที่รู้จักกันมาก่อนจะได้นั่งรถไฟได้ด้วยกัน 
 
 


เมื่อเดินทางถึง มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ  วิทยาเขตพิษณุโลก   เจ้าของบล็อกถูกบังคับให้อยู่หอของมหาวิทยาลัย  ห้องนึงจะมีเตียง  2  ชั้น  อยู่  4  เตียง  น้องๆปี  1  จะถูกจัดให้พักอยู่กับรุ่นพี่ๆในคณะเดียวกันทั้งปี  2  3  และ  4
 
 








พื้นที่ทั้งหมดที่เป็นมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ  วิทยาเขตพิษณุโลก  ขณะนี้ได้ถูกใช้เป็นโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยนเรศวร

อาคารที่เห็นไกลๆเคยเป็นหอสมุดกลางนะครับ










อาคารเรียนเดิมของคณะมนุษยศาสตร์  เป็นคณะที่มีสาวสวยมากที่สุด











อาคารเอนกประสงค์  ใช้ทำกิจกรรมต่างๆ  













อาคารเรียนเดิมของคณะวิทยาศาตร์  ชั้น 1 เอกเคมี - ชั้น 2 เอก พฤกษศาสตร์ - ชั้น 3 เอก สัตวศาสตร์ - ชั้น 4 เอกคณิตศาสตร์ และเอกฟิสิกส์














อาคารเรียนเดิมคณะศึกษาศาสตร์และคณะสังคมศาสตร์  อาคารนี้แปลกมากเพราะเค้าแบ่งครึ่งอาคารกันตามขวางเลยครับ  ฝั่งซ้ายเป็นคณะศีกษาศาสตร์  ฝั่งขวาเป็นคณะสังคมศาสตร์






กิจกรรมในช่วงเปิดเทอมใหม่มีเยอะแยะมากมายจนจำกันไม่ไหวว่าอันไหนจัดก่อนอันไหน  กิจกรรมหลักๆที่เจ้าของบล็อกจำได้ก็มี  การเข้าห้องเชียร์  วิ่งรับน้อง  การรับน้องคณะ  และ  Freshy  Game
 
 


กิจกรรมการเข้าห้องเชียร์เป็นกิจกรรมหลักแยกจัดแต่ละคณะ  เริ่มต้นด้วยพิธี   “ผูกไทด์และติดกระดุมคอ”  ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าต่อไปนี้เราจะเริ่มเข้าห้องเชียร์กันแล้วนะ   กิจกรรมการเข้าห้องเชียร์ของคณะวิทยาศาสตร์ยังเข้มข้นมากกว่าคณะอื่นๆ  เพราะนอกจากจะต้องซ้อมเชียร์ในตอนเย็นๆถึงมืดๆของทุกวันแล้ว  ยังจะต้องมีการซ้อมเชียร์กันตอนพักกลางวันอีกด้วย
 
 

หลายๆคนคงคุ้นเคยกับคำว่า  “ซ้อมเชียร์”  และมีภาพจำเกี่ยวกับการซ้อมเชียร์ที่แตกต่างกัน  การซ้อมเชียร์ของคณะวิทยาศาสตร์นั้น  จะมีคนกลุ่มนึง  เรียกกันว่า  “พี่ว๊าก”  ซึ่งก็คือรุ่นพี่ผู้ชาย  ปี  3  และปี  4  ที่ถูกคัดเลือกมาแบบหน้าโหดสุดๆ  น้องๆปี  1  จะไม่เคยรู้จักหรือเคยได้เห็นหน้ารุ่นพี่กลุ่มนี้เลย  นัยว่าการคัดเลือกจะเป็นความลับของรุ่นพี่ๆ  ถ้ารุ่นพี่ในกลุ่มนี้เป็นลุงรหัส  หรือ  ปู่รหัส  ของรุ่นน้องคนไหนก็จะได้รับการบอกกล่าวว่า  “พี่คนนี้โดนไทร์ไปแล้ว”  และแรงกว่านั้นคือ  “ตายไปแล้ว”  ก็มี  พร้อมกับมีเสียงหัวเราะเบาๆของรุ่นพี่ที่เหลือ  สร้างความกังขาให้กับน้องปี  1  อย่างเรามากๆ
 


กิจกรรมในห้องเชียร์นอกจากจะสอนร้องเพลงเชียร์ประจำคณะเพื่อเตียมตัวเชียร์  Freshy  Game  แล้ว  ก็มีการสอนระเบียบวินัย  สอนเรื่องความสามัคคี  สอนให้รักพวกพ้อง  สอนการใช้ชีวิต  ด้วยการตะโกน  ใช้เสียงข่มขู่  .....  แต่มารู้เมื่อเลิกซ้อมเชียร์แล้วว่า  รุ่นพี่ที่เหลือที่มายืนดูพวกเราขึ้นห้องเชียร์ต่างก็ยืนขำ  กลั้นหัวเราะ  เมื่อพวกพี่กลุ่มนี้ที่ถูกเรียกว่า  “พี่ว๊าก”  ดุเรา  สั่งสอนเรา  เพราะในความจริงแล้ว  “พี่ว๊าก”  ก็คือรุ่นพี่ๆของเราและตัวจริงบางคนยังเป็นคนตลกเรียกได้ว่าแทบจะเป็นคนละคนกับตอน  “ว๊ากน้อง”  เลย
 



“พี่ว๊าก”  จะมอบกฎต่างๆในการดำเนินชีวิตประจำวันให้เรา  เช่น  ในวัน  เวลา  เรียน  นิสิตชายต้องใส่เชิ๊ตแขนยาว  ติดกระดุมคอ  ผูกไทด์  ใส่สแล็คสีเทาอันเป็นสีของมหาวิทยาลัย  นิสิตหญิงใส่เสื้อขาว  กระโปรงสีดำหรือเทา  ติดกระดุมคอ  และทุกคนต้องห้อยป้ายชื่อและถือแฟ้มสีเทาทุกคน  -  เมื่อภายหลังเจ้าของบล็อกคิดว่าคงจะเป็นการ  “แยก”  น้องใหม่คณะวิทยาศาสตร์  ออกจากน้องใหม่คณะอื่นๆ  เพราะได้ถามเพื่อนๆปี  1  คณะอื่นๆจะมีสัญลักษณ์ประจำคณะที่พี่ว๊ากสั่งให้ใส่ติดตัวต่างๆกัน
 



ต้องจำชื่อ  นามสกุล  จังหวัดบ้านเกิด  โรงเรียนมัธยมที่จบมา  ของเพื่อนๆทุกคนได้  รวนไปถึงชื่อพี่รหัส  ป้าหรือลุงรหัส  และปู่หรือย่ารหัส  ของเพื่อนๆทุกคนได้  -  กฎข้อนี้เจ้าของบล็อกว่าประหลาดๆ  แต่ก็มีข้อดี  คือ  เราจะได้รู้จักเพื่อน  และพี่ๆ  ทุกๆคนในคณะ  (ดีที่คณะวิทยาศาสตร์ในตอนนั้นมีคนอยู่ร้อยกว่าๆเท่านั้น)    ขอสำคัญคือถ้าเราได้เข้าไปคุยกับเพื่อนๆแล้วได้ยินสำเนียงการพูด  หรืออะไรบางอย่างจะทำให้เรารู้และจำได้ว่าคนไหนมาจากจังหวัดไหน




การเดินไปไหนมาไหนในมหาวิทยาลัยรวมไปถึงนอกมหาวิทยาลัย  จะต้องไปเป็นกลุ่มไม่น้อยกว่า  6  คน  -  เจ้าของบล็อกเห็นด้วยกับกฎข้อนี้  (ในภายหลัง)  เพราะน้องปี  1  ทุกคนถือเป็นคนต่างถิ่น  ถ้าไปไหนมาไหนเพียงคนเดียวก็อาจจะเกิดอันตรายได้ยิ่งถ้าออกไปนอกมหาวิทยาลัย  จะไปไหนกันที่ก็ต้องรวมกลุ่มกันให้ได้  6  คน  อีกอย่างหนึ่งก็เป็นการที่ทำให้น้องๆรู้จักกัน  สนิทกันมากขึ้น



 
การทำโทษในห้องเชียร์มีตั้งแต่การถามชื่อเพิ่อน  จังหวัดและโรงเรียนมัธยมที่เรียนจบมา  ไปถึงพี่รหัส  ลุงป้ารหัส  ปู่ย่ารหัส  รวมไปถึงการทำโทษด้วยการออกกำลังกาย  กระโดดตบ สก็อตจัมพ์  วิ่ง  ทีตลกก็คือพอถามถึงชื่อลุงรหัสหรือปู่รหัสที่เป็นพี่ว๊ากก็จะมีเสียงหัวเราะคิกๆคักๆของรุ่นพี่ๆที่ยืมอยู่หลังห้องเชียร์  หรือแม้แต่พี่ว๊ากบางคนต้องหันหน้าแอบไปขำกับฝาห้อง
 



 
เจ้าของบล็อกคิดว่า  การซ้อมเชียร์  ก็มีประโยชน์นะครับ  ยิ่งในมหาวิทยาลัยต่างจังหวัด  เป็นการให้น้องๆปี  1  ไม่มีเวลาว่างให้คิดถึงบ้าน  และใช้เวลาว่างร่วมกัน  รู้จักกัน  ได้พูดคุยกัน  ศึกษานิสัยใจคอกันและกัน 
 
 



แต่  ......  เจ้าของบล็อกเกลียดการซ้อมเชียร์มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
 




มากถึงขั้นไม่อยากให้ถึงเวลาพักกลางวัน  ไม่อยากให้ถึงเวลาขึ้นเชียร์ตอนเย็น  กินข้าวไม่ลง  บางครั้งก็ปวดท้องจนตัวงอซะเฉยๆ  คงเป็นเพราะเครียดมาก  เดือดร้อนถึงพี่รหัสจะต้องพาไปห้องพยาบาล  ช่วงเดือนกว่าๆ  เกือบๆ  2  เดือนของการซ้อมเชียร์  เจ้าของบล็อกกินไม่ได้  นอนไม่หลับ   ฝันร้ายบ้าง พี่ๆที่อยู่ห้องเดียวกันบอกว่าบางครั้งก็นอนละเมอ  เป็นอยู่วนๆแบบนั้นจนถึงขั้นที่รุ่นพี่ๆเรียกตัวไปคุยอธิบายเรื่องการซ้อมเชียร์ให้สบายใจขึ้น    
 


ต่อมารุ่นพี่ๆได้คัดเลือกเจ้าของบล็อกไปซ้อมเพลงมหาวิทยาลัยและเพลงเชียร์มหาวิทยาลัยต่างหากเพื่อจะเป็นแกนนำสอนเพลงเชียร์ให้กับน้องๆปี  1  ที่กำลังจะมาเรียนในปีหน้า  แต่เนื่องจากมหาวิทยาลัยเปลี่ยนชื่อเป็นมหาวิทยาลัยนเรศวร  การซ้อมเพลงเชียร์และเพลงมหาวิทยาลัยเดิม  (มหาวิทยาลัยศรีนคริทรวิโรฒ)  จึงได้หยุดชะงักและเนื่องจากเจ้าของบล็อกมาลาออกจากมหาวิทยาลัยกลางเทอม  2 
 
 

ระหว่างที่มีการซ้อมเชียร์ก็มีกิจกรรม  “วิ่งรับน้อง”  คือให้น้องๆ  ปี  1  ออกวิ่งจากมหาวิทยาลัย  (มหาลัยตั้งอยู่ที่แยกสนามบินพิษณุโลก)  อ้อมไปทางห้าแยกโคกมะตูม  แล้ววิ่งตรงไปที่ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช  (เมื่อสมัยที่เจ้าของบล็อกเรียนอยู่บริเวณนั้นยังไม่ได้ค้นพบพระราชวังจันทร์  ยังเป็นค่ายทหารกับเป็นเขตของโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม)  โดยออกวิ่งตั้งแต่ยังไม่สว่างดี  ไปแวะไหว้พระพุทธชินราชที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ  และไหว้ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราชตอนเช้าพอดี
 
 

เป็นเรื่องโชคดีของเจ้าของบล็อก  ที่มีลูกศิษย์โรงเรียนมัธยมที่คุณยายสอนอยู่มาเรียนเอกเคมีที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ  วิทยาเขตพิษณุโลก  ด้วย  และเป็นลูกศิษย์ที่ให้ความเคารพคุณยายของเจ้าของบล็อกเป็นอย่างยิ่ง  ถึงเจ้าของบล็อกไม่ถูกเอาใจจากรุ่นพี่มากๆ  แต่เจ้าของบล็อกก็ไม่ได้โดนรุ่นพี่แกล้งบ่อยนัก 
 
 


ยิ่งไปกว่านั้นลูกพี่ลูกน้องที่เป็นผู้หญิง  มีศักดิ์เป็นน้า  อายุมากกว่าเจ้าของบล็อก  2  ปี  เรียนอยู่ที่คณะสังคมศาสตร์  มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ  วิทยาเขตพิษณุโลก  อยู่แล้ว  น้าคนนี้เป็นคนที่มีหน้าตาจิ้มลิ้ม  ผิวขาว  น่ารัก  แน่นอนว่าจะต้องมีนิสิตชายมาแอบชอบอยู่บ้าง  มีรุ่นพี่ที่คณะวิทยาศาสตร์มาแอบชอบน้าของเจ้าของบล็อกอยู่  2-3  คน  เวลารับน้องคณะเจ้าของบล็อกก็จะได้รับการเอาใจเป็นพิเศษจากกลุ่มรุ่นพี่ที่แอบชอบน้าของเจ้าของบล็อก  เช่น  ไม่ต้องลุยโคลน  หรือ  ไม่ต้องทำอะไรที่เลอะๆ  หรือ  น่าเกลียดๆ
 
 


กิจกรรมขึ้นห้องเชียร์มาจบลงเมื่อมีการ  “ปลดเชียร์”  โดยพี่รหัสจะเป็นคน  “ถอดเนคไทด์  ปลดกระดุมคอ”  ให้กับน้องปี  1  ที่เป็นผู้ชาย   ส่วนน้องที่เป็นผู้หญิงก็จะได้ปลดกระดุมคอ 
 
 


พอ  “ปลดเชียร์”  ปุ๊บ  เจ้าของบล็อกก็ย้ายออกจากหอในของ
มหาวิทยาลัยแล้วไปเช่าหออยู่นอกมหาวิทยาลัยทันที  เรื่องราวต่อจากนั้นก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเรียนที่  “ยากมากกกกกกกก”  ยากเสียจนเจ้าของบล็อกตัดสินใจลาออกเพื่อมาเอ็นทรานซ์ใหม่ดีกว่า
 




 
และเจ้าของบล็อกก็เอ็นฯติด  “คณะนิติศาสตร์  มหาวิทยาลัยธรรมศาตร์”  ที่เจ้าของบล็อกเลือกไว้เป็นอันดับรองๆลงมาจาก  คณะอักษรศาสตร์  และคณะรัฐศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  คณะศิลปศาสตร์  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  และคุณะอักษรศาสตร์  มหาวิทยาลัยศิลปากร






 




พอมาเรียนที่คณะนิติฯ  ธรรมศาสตร์แล้ว  เจ้าของบล็อกรู้สึกว่ามีเวลาว่างมากกกกกกกกกกกก  ก่อนเปิดเทอมก็ไม่ต้องทำอะไร  พอเปิดเทอมแล้วก็มีหน้าที่ไปเรียนอย่างเดียวเท่านั้น  ไม่ต้องรับน้องมหาวิทยาลัย  ไม่ต้องซ้อมเชียร์  เพราะแนวคิดของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มองว่า  “ทุกคนคือเพื่อน”  เพราะฉะนั้นก็แค่ทำความรู้จักกัน .....



เจ้าของบล็อกมีประสบการณ์ทั้งในมหาวิทยาลัยที่มีระบบ  SOTUS  (Seniority  Order  Tradition  Unity  และ  Spirit)  แบบจ๋าๆ  และมหาวิทยาลัยที่ปฎิเสธระบบ  แต่เจ้าของบล็อกก็มองเห็นข้อดีในระบบ  SOTUS  อยู่บ้างอย่างที่บอกไปนะครับ   
 
 
 



 
เอาเพลงมหาวิทยาลัยศรีนคริทรวิโรฒมาฝากด้วยครับ  ชื่อเพลง  “สู่ขวัญน้องใหม่”  เพลงนี้หาฟังยากมากครับ  ไม่รู้ว่าวิทยาเขตไหนของมหาวิทยาลัยศรีนคริทรวิโรฒยังใช้กันอยู่บ้าง  เพลงนี้จะใช้ช่วงต้นๆปีที่น้องปี  1  เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย




 
                                                           
ความไพเราะของบทเพลงนี้อยู่ที่การขึ้นต้นแต่ละท่อนด้วยคำว่า  “ขวัญเอย”  ซึ่งจะร้องเปลี่ยนคีย์ไปเรื่อยๆ  ตอนหัดก็ยากเพราะจะต้องจำคีย์ให้แม่นๆ  และจะเป็นโน้ตชาร์ปแทบทุกโน้ต  แต่เวลาร้องกับดนตรีจะเพราะมากๆครับ













 
134134134 



Create Date : 24 มิถุนายน 2564
Last Update : 26 มิถุนายน 2564 11:52:53 น.
Counter : 1181 Pageviews.

29 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณEmmy Journey พากิน พาเที่ยว, คุณSweet_pills, คุณhaiku, คุณJohnV, คุณnewyorknurse, คุณกะว่าก๋า, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณตะลีกีปัส, คุณnonnoiGiwGiw, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณtoor36, คุณสองแผ่นดิน, คุณmultiple, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณซองขาวเบอร์ 9, คุณkatoy, คุณmariabamboo, คุณนายแว่นขยันเที่ยว

  
สวัสดีค่ะคุณบอล..

ตามมาอ่านงานตะพาบด้วยคะ..

ดีจัง..มีมศว.พิษณุโลก..น่าเรียนนะคะ

โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 24 มิถุนายน 2564 เวลา:13:26:37 น.
  
อ่านเพลินเลย มีแต่คนไม่ชอบซ้อมเชียร์ รับน้องเอามากๆ อ่านแล้วนึกถึงตอนเป็นวัยรุ่นเช่นกันค่ะ
โดย: Emmy Journey พากิน พาเที่ยว วันที่: 24 มิถุนายน 2564 เวลา:14:37:27 น.
  
สวัสดีครับ
อ่านเพลินมากครับ ต้องท่องชื่อ รร. จังหวัด ของเพื่อน ๆ พี่ ๆ เหมือนกันครับ โดนควิซแทบจะทุกวันเลย อิจฉาคนที่สอบติดภาคเหนือนะครับ มีรับน้องบนรถไฟด้วย
โดย: The Kop Civil วันที่: 24 มิถุนายน 2564 เวลา:16:26:43 น.
  
มศว น่าอยู่เสมอครับ ผมเคยสอบตรงได้ เภสัช มศว แต่ไม่เอาครับ สอบเพราะแม่อยากให้เรียน แต่ตัวเองอยากเรียนวิศวะ

อ่านเรื่องเล่าของพี่บอลแล้วสนุกมากครับ โดนเฉพาะช่วงเฟรชชี่ ดูอบอึ่นดี
พี่ว๊ากก็คือพี่เรานั่นแหละ ส่วนใหญ่อย่างว่าครับ เป็คนฮาๆ ทั้งนั้น เหมือนพี่หมิงของผมนี่แหละ แถมบางที คนที่เราคิดว่าเป็นเพื่อน เค้าก็คือรุ่นพี่เรา 55555555 ฮามากครับ

พิธีสู่ขวัญน้องดูอบอุ่นจังครับ ขลังดี ถึงจะไม่ใช่คนซึ้งกับอะไรพวกนี้ แต่ก็ชอบนะครับ อิอิ
โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 24 มิถุนายน 2564 เวลา:17:08:40 น.
  
ระบบโซตัสผมก็เคยผ่านมาแล้วครับ
ไม่ชอบเท่าไหร่ แต่ก็เข้าร่วมได้

ชอบบรรยากาศ “ทุกคนคือเพื่อน” มากกว่าครับ
เป็นพี่เป็นน้อง คุยกันดีดี ไม่ต้องตะโกน ไม่ต้องตะคอกใส่กันก็ได้ 555

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 มิถุนายน 2564 เวลา:18:08:19 น.
  
ชีวิตวัยเรียนของเรานี่คล้ายๆกันเลยนะครับคุณบอล เริ่มตั้งแต่หนังเรื่อง "รักน่ารัก" รับน้องรถไฟ ไปเรียนที่ภาคเหนือ กิจกรรมเชียร์ พูดแล้วคิดถึงอดีตที่สนุกสนานมากครับ
โดย: JohnV วันที่: 25 มิถุนายน 2564 เวลา:0:28:14 น.
  
ขอบคุณค่ะคุณบอล
ส่งกำลังใจก่อนนะคะ

โดย: Sweet_pills วันที่: 25 มิถุนายน 2564 เวลา:0:41:55 น.
  

มาอ่านตะพาบด้วยค่ะ
โดย: newyorknurse วันที่: 25 มิถุนายน 2564 เวลา:3:38:48 น.
  
สวัสดียามเช้าครับคุณบอล

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 มิถุนายน 2564 เวลา:6:21:27 น.
  
คุณบอล ไปเรียนที่ พิดโลกด้วย.. ผมเคยอยู่ที่นั่นหลายปีมีบ้านอยู่
ขี่รถผ่านสามแยก ขวาไปสนามบิน แต่ผมเลี้ยวซ้ายไปโคกมะตูม
ผ่าน แขวง/เขตการทางไปบ้าน..
...
วิทยาเขตทีคุณบอลเรียนคงอยู่แถวนั้น หรือไปอยู่ทางไปบางระกำ
ผมนาน ๆ ไป

...
คุณบอล สำเร็จจากนิติศาสตร์มา เจ๋งครับ...ยิ่งจากธรรมศาสตร์ด้วย
โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 25 มิถุนายน 2564 เวลา:6:26:11 น.
  
กลับมาส่งโหวตครับพี่
โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 25 มิถุนายน 2564 เวลา:7:58:14 น.
  
เล่าได้ไหลลื่นเหมือนเพิ่งเกิดไม่นาน
อ่านได้อาจไม่ครบถ้วน แต่มาสะดุดตรงนี้จ้า

"พอ “ปลดเชียร์” ปุ๊บ เจ้าของบล็อกก็ย้ายออกจากหอใน
ของ หมา วิทยาลัยแล้วไปเช่าหออยู่นอกมหาวิทยาลัยทันที"

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 25 มิถุนายน 2564 เวลา:10:04:04 น.
  
กลับมาอ่านเพลินมากค่ะคุณบอล

เคมีเป็นวิชาที่ไม่ถนัดแทบจะที่สุดเลยค่ะ
คุณบอลเรียนเคมีเพิ่มเติมจากคุณยายและเอ็นติดสาขานี้ด้วย
พอลาออกก็เอ็นติดและเรียนจบคณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์
ยังไม่รวมถึงจบ ป.โท ที่ออสเตรเลียด้วย เก่งมากๆค่ะ

นึกถึงภาพเคยยืนแอบหัวเราะตอนเพื่อนว๊ากรุ่นน้องด้วย
เพราะเรารู้จักเพื่อนดีว่าไม่ใช่คนแบบนั้นนะคะ

การซ้อมเชียร์มีประโยชน์และเพลงประจำสถาบันก็ดูศักดิ์สิทธิ์
"สู่ขวัญน้องใหม่" เฉพาะชื่อก็ดูอบอุ่นแล้วค่ะ

โดย: Sweet_pills วันที่: 25 มิถุนายน 2564 เวลา:10:18:53 น.
  
แสดงว่าพี่ว๊ากเป็นภาพจำของคุณบอลเลยนะครับ
ถึงกับไม่อยากคุย ไม่อยากเจอไปเลย 555
ผมจำพี่ว๊ากไม่ได้สักคนเลย
อาจจะไม่ได้อินไปกับกิจกรรมครับ
คือทำตามหมด อยู่ด้วยตลอด
แต่ไม่ประทับใจเลย

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 มิถุนายน 2564 เวลา:12:49:12 น.
  
สวัสดีมีสุขค่ะ

ขอบคุณกำลังใจด้วยค่ะ

อ่านเพลินเลยค่ะ ไปเรียนไกลบ้านนี่ได้อารมณ์แบบส่วนตัวดีค่ะ
แม่ตะลีไม่มีการรับน้องแบบรุนแรงหรือขู่ ตวาดอะไรแบบนี้ค่ะ ดีไปอย่าง
ไม่ถูกกดดัน เพราะเป็นคนไม่ยอมคน ถ้ามีคงเจอระเบิดแม่ตะลีแน่ๆค่ะ

แม่ตะลีไม่ได้เรียนต่างจังหวัดเลย อยู่บ้านเกิดจนจบมหาวิทยาลัย
เริ่มออกไปไกลบ้านสุดๆก็ตอนทำงาน แล้วไม่ได้เคยกลับมาอยู่บ้านเกิดอีกเลยค่ะ
โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 25 มิถุนายน 2564 เวลา:13:07:50 น.
  
กริ๊ดดดดด ยาวมากกก
โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 25 มิถุนายน 2564 เวลา:13:32:41 น.
  
เกลียดการซ้อมเชียร์แล้วก็เกลียดพี่วากเหมือนกันเลย
แต่ชอบงานสู่ขวัญมาก อิอิ
โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 25 มิถุนายน 2564 เวลา:13:35:08 น.
  
เพลงนี้น่าจะไม่ทันค่ะไม่รู้ที่มศวมีด้วยรึเปล่า
โชคดีที่ตอนรับน้องคล้าย ๆ กันค่ะ พี่ว๊ากไม่ดุมาก ทำเป็นโหดแต่หันไปหัวเราะคิกคักกันตลอด แต่ไม่ชอบที่ต้องกลับบ้านดึก บ้านไกลง่า
โดย: บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน วันที่: 25 มิถุนายน 2564 เวลา:15:34:59 น.
  
อ่านตะพาบ เพลินๆๆค่ะ
1 ปี ที่ มศว
เป็นความผูกพันธ์ ในระบบ
จนจำไว้
นำมาเขียนตะพาบ
น่ารักๆจริงๆ
ค่ะ

แต่เรารู้จักตัวตน จึง En ใหม่
และได้เรียนวิชา คณะดังใจ
นับว่ามาถูกทางจริงๆ
ยินดีด้วยอย่างยิ่ง

"เริงฤดีนะ"
ก้เป็นเด้กว่าง่าย
และมีความคิดเป็นของตัวเอง

อะไรไม่ชอบก้ไม่ทำ..
ไม่เข้าประชุมเชียร์
ฉีกไปเป็นนักกีฬา
ไม่ต้องโดนพี่ว๊าก..
แต่มาลองเป็นพี่ว๊ากตอนปี 2 แบบเพลินๆ เอา feel


vhv แวะมาแจ้งว่า
ยินดีด้วยกับ Ramdom ผู้โชคดี
FFF #59

พร้อมส่งการบ้าน FFF#60
ฝนกำลังกระหน่ำที่บ้านพอดี

Vote เต็ม..ไว้มาใหม่นะคะ
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 25 มิถุนายน 2564 เวลา:18:08:13 น.
  
ห่างบ้านแถมถอยกลับไม่ได้แล้วด้วย ผมมองว่าไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน กิจกรรมในส่วนนี้ไม่ได้มีการพัฒนาขึ้นเท่าไหร่เลย ยังคงเหมือนเดิมไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 25 มิถุนายน 2564 เวลา:18:44:03 น.
  
สวัสดียามเช้าครับคุณบอล

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 มิถุนายน 2564 เวลา:6:56:23 น.
  
โอ้เรียน 2 ที่ เหมือน อ.เต๊ะ เลยนะครับ
ถ้าไม่ชอบ ไม่ไหว แล้วฝืนเรียนไป อาจไปพลาดตอนปีลึกๆ จะยิ่งแย่
ออกซะตั้งแต่ ปี1 ตัดสินใจถูกแล้วครับ

ส่วนเรื่อง ประชุมเชียร์นี่ ปกติก็ไม่มีใครชอบอยู่แล้ว โชคดีที่ธรรมศาสตร์ ไม่มีเรื่องแบบนี้

แล้วก็ อ.เต๊ะ พึ่งจะรู้ ว่าการมีญาติน่ารัก เป็นข้อดีหลายประการเลยนะครับ555

ปล.อ.เต๊ะเขียนเพิ่มหน่อยนึงแล้วนะครับ แถมยังไม่จบอีกตะหาก555
ขอบคุณสำหรับโหวตด้วยนะครับ

โดย: multiple วันที่: 26 มิถุนายน 2564 เวลา:8:50:27 น.
  


ด้วยความยินดีครับ
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 มิถุนายน 2564 เวลา:9:14:40 น.
  
ขำคำตอบ แต่ก็ยังไม่แก้ อิอิ
สุขสันต์วันหยุดนะคะ ขำ ๆ กันไป 555
โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 26 มิถุนายน 2564 เวลา:9:31:59 น.
  
ใช่เลยค่ะ วัดคงคารามเงียบมาก
โดย: sawkitty วันที่: 26 มิถุนายน 2564 เวลา:21:26:30 น.
  
สวัสดียามเช้าครับคุณบอล

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 มิถุนายน 2564 เวลา:6:50:10 น.
  
เสียดายที่ไม่ได้อยู่ในรั้วมหาลัยเหมือนคนอื่นเขา
โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 27 มิถุนายน 2564 เวลา:19:40:06 น.
  
ส่งการบ้านครับ
โดย: katoy วันที่: 27 มิถุนายน 2564 เวลา:21:01:53 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับคุณบอล

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 มิถุนายน 2564 เวลา:5:42:10 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทนายอ้วน
Location :
นนทบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 156 คน [?]