Group Blog
All Blog
|
เที่ยวไป ... ตามใจฉัน - พาไหว้พระที่แม่กลองวัดที่ 1 - วัดหลวงพ่อบ้านแหลม (วัดเพชรสมุทรวรวิหาร) สถานที่ท่องเที่ยว : วัดหลวงพ่อบ้านแหลม (วัดเพชรสมุทรวรวิหาร) ถนนเพชรสมุทร ต.แม่กลอง อ.เมือง สมุทรสงคราม, สมุทรสงคราม Thailand พิกัด GPS : 13° 24' 36.05" N 99° 59' 55.69" E เมื่อเดือนก่อน จัดทริปไปไหว้พระที่แม่กลอง 9 วัดด้วยตัวเอง แล้วยังไม่ได้โพสเลยซักวัดหนึ่ง รีบเอามาโพสซะก่อนที่ความรู้เกี่ยวกับวัดต่างๆที่หามาจากในเวบไซต์ต่างๆจะเลือนหายไป ตามพงศาวดารฉบับราชหัตถเลขา ปี พ.ศ. 2307 พม่ายกทัพเข้ามาตีเมืองเพชรบุรี แต่กองทัพของกรุงศรีอยุธยาได้ยกทัพมาช่วยรักษาเมืองไว้ได้ ชาวบ้านแหลมในเขตเมืองเพชรบุรีอพยพหนีพม่ามาตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณตำบลแม่กลองเหนือวัดศรีจำปา จึงเรียกหมู่บ้านนี้ว่า บ้านแหลม ตามชื่อบ้านเดิมของตนในเมืองเพชรและช่วยกันบูรณะวัดศรีจำปาที่ร่วงโรยทรุดโทรมให้ดีขึ้น เรียกวัดนี้ใหม่ว่า วัดบ้านแหลม ตำนานเกี่ยวกับหลวงพ่อบ้านแหลมซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของคนแม่กลองมีมา 2 กระแสครับ ตำนานแรกเล่าว่า เมื่อชาวบ้านแหลม เมืองเพชรบุรีได้อบยพมาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่แม่กลองแล้วก็ออกหาปลาเพื่อประทังชีพ วันหนึ่งได้มาตีอวนหาปลาบริเวณแม่น้ำแม่กลอง จังหวัดสมุทรสาคร ขณะที่ลากอวนอยู่นั้นได้ลาก พระพุทธรูปนั่งปางมารวิชัย ติดอวนขึ้นมาองค์หนึ่ง ทุกคนต่างดีใจมาก จึงอาราธนาพระพุทธรูปขึ้นบนเรือ แล้วพากันล่องกลับเข้าฝั่งแต่ระหว่างทาง แต่คนในเรือได้มองเห็นพระเกศของพระพุทธรูปอีกองค์หนึ่งลอยปริ่มๆ น้ำอยู่ไม่ไกลนัก จึงร้องบอกให้ทุกคนทราบแล้วเทียบเรือเข้าไป จึงได้พบ พระพุทธรูปยืน ทุกคนต่างอัศจรรย์ใจเป็นที่สุดที่พระพุทธรูปหล่อด้วยทองเหลืองแต่ลอยอยู่ในน้ำได้จึงพากันกราบนมัสการด้วยความเลื่อมใสในอภินิหารและอิทธิฤทธิ์ที่ได้พบเห็นแล้วอาราธนาขึ้นบนเรืออีกลำหนึ่ง ตอนที่ชาวประมงพบในอ่าวแม่กลองบาตรนั้น สูญหายไปในทะเล พอเรือแล่นมาถึงแม่น้ำแม่กลองตอนหน้า วัดศรีจำปา ได้เกิดอาเพศคล้ายกับว่าพระพุทธรูปยืนท่านประสงค์ที่จะอยู่วัดนี้ จึงทำให้ฝนตกหนัก ลมพายุพัดจัดจนลืมหูลืมตาไม่ขึ้น เรือลำที่พระพุทธรูปยืนประดิษฐานอยู่นั้น ทนคลื่นลมไม่ไหว จึงเอียงวูบไป พระพุทธรูปที่อยู่บนเรือจึงเคลื่อนตกจมหายไปในแม่น้ำ ชาวบ้านแหลมพากันตกใจและเสียดายเป็นอย่างยิ่ง ต่างช่วยกันดำน้ำค้นหาอยู่หลายวันแต่ก็ไม่พบ จึงตกลงว่าไม่ค้นหากันต่อไปอีก จึงนำพระพุทธรูปองค์นั่งองค์ที่เหลืออยู่ไปยังถิ่นจังหวัดเพชรบุรีด้วย และนำพระพุทธรูปองค์นั้นไปประดิษฐานไว้ที่ วัดเขาตะเครา อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ต่อมาชาวบ้านศรีจำปาต่างช่วยกันลงดำน้ำค้นหาพระพุทธรูปที่จมอยู่นั้น และอาจเป็นด้วยเพราะอภินิหารของหลวงพ่อที่จะอยู่เป็นมิ่งขวัญของ ชาวบ้านศรีจำปา จึงทำให้ ชาวบ้านศรีจำปาดำน้ำจนพบและอาราธนาไปประดิษฐานไว้ที่วัดศรีจำปา ครั้นชาวประมงบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรีรู้ข่าวว่าชาวบ้านศรีจำปาพบพระพุทธรูปของตนที่จมน้ำ จึงยกขบวนกันมาทวงพระคืนแต่ ชาวบ้านศรีจำปาไม่ยอมให้ จนเกือบจะเกิดศึกกลางวัดขึ้น แต่ด้วยอภินิหารของหลวงพ่อและการมีเหตุผลด้วยกันทั้งสองฝ่าย ก็สามารถประสานสามัคคีตกลงปรองดองกันได้ ฝ่าย ชาวประมง บ้านแหลมจึงยินยอมยก พระพุทธรูปยืนปางอุ้มบาตร ให้ชาวบ้านศรีจำปา ไปแต่มีข้อแม้ว่าต้องเปลี่ยน ชื่อวัด เสียใหม่เป็นวัดบ้านแหลม เพื่อเป็น อนุสรณ์ที่ชาวบ้านแหลมได้พระพุทธรูปมาแต่แรก ตั้งแต่นั้นมาวัดศรีจำปา จึงได้นามว่าวัดบ้านแหลม มาจนทุกวันนี้ และขนานนามพระพุทธรูปยืนว่า หลวงพ่อวัดบ้านแหลม ส่วนตำนานที่สองเล่ากันมาว่า มีพระพุทธรูปห้าองค์เป็นพี่น้องกันอยู่บนแพลอยน้ำมาในแม่น้ำแม่กลองจากเมืองทางทิศเหนือของจังหวัดสมุทรสาคร คือ หลวงพ่อวัดบ้านแหลม หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อโตวัดบางพลี หลวงพ่อวัดเขาตะเครา และหลวงพ่อวัดไร่ขิง ขณะนั้นวัดศรีจำปาซึ่งได้รับการบูรณะยังไม่มีการอัญเชิญพระพุทธรูปมาเป็นพระประธาน ชาวบ้านริมฝั่งน้ำที่ศรัทธาได้อัญเชิญหลวงพ่อวัดบ้านแหลมไปประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถของวัด เพื่อสักการบูชา หลวงพ่อบ้านแหลม วัดเพชรสมุทร เป็นพระพุทธรูปหล่อ ภายในโปร่ง ปางอุ้มบาตร เช่นเดียวกับหลวงพ่อโตวัดบางพลีใหญ่ เป็นพระประจำวันเกิดวันพุธเวลากลางวัน หลวงพ่อบ้านแหลมเป็นพระที่สร้างในสมัยเดียวกันกับหลวงพ่อโสธร กับหลวงพ่อโตวัดบางพลีใหญ่ สัณนิษฐานว่าสร้างในสมัยสุโขทัยตอนปลาย - อยุธยายาตอนต้น หลวงพ่อวัดบ้านแหลมขนาดเท่าคนจริง มีความสูง 167 เซนติเมตร ต่อมาวัดนี้ในพ.ศ.2496 กรมศิลปากรได้นำอุโบสถวัดบ้านแหลมเข้าบัญชีเป็นโบราณสถานแห่งชาติ และได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรีวรวิหาร ได้รับพระราชทานนามว่า วัดเพชรสมุทรวรวิหาร เมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม 2498 เปิดให้สักการะทุกวัน ตั้งแต่เวลา 6.00-17.00 น. ความศักดิ์สิทธิ์ของ หลวงพ่อบ้านแหลม นั้นเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว ไม่ว่าเป็นทางก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองทางแคล้วคลาด ทางรักษาโรค และเรื่องอื่นๆ อีกมาก แม้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ก็ทรงทราบ อีกทั้งสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 5 ก็ทรงเลื่อมใส ดังปรากฏในพระราชหัตถเลขาของรัชกาลที่ 6 ที่พระราชทานมายังพระครูมหาสิทธิการ (แดง) ความว่าปีกลายนี้ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จไปยังเมืองสมุทรสงคราม ในกระบวนหลวง ได้รับสั่งให้คนนำเครื่องสักการะ ไปถวายหลวงพ่อบ้านแหลม และได้รับสั่งไว้แต่ครั้งนั้นว่า ขอผลอานิสงส์ความทรงเลื่อมใสจงบันดาลให้ หายประชววร ครั้นเสด็จกลับถึงกรุงเทพฯ ได้ไม่นานก็หายประชวร จึงทรงระลึกถึงที่ได้ทรงตั้งสัตยาธิษฐานไว้ สมพระประสงค์ โปรดพระราชทานปัจจัยเป็นมูลค่า 800 บาทมาเพื่อช่วยในการปฏิสังขรณ์วัดบ้านแหลม ข้าพเจ้าได้ส่งมาให้ท่านพระครูทางกระทรวงธรรมการแล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชศรัทธา เสด็จนมัสการพร้อมทั้งได้พระราชทานผ้าทอมาจากดิ้นทองจำนวนสองผืนจำนวนสองผืนแต่ละผืนมี ขนาด หน้า กว้าง 6 นิ้ว ยาวประมาณ 10 ฟุต เพื่อประดับไว้ที่องค์พระ ในวันสำคัญ เช่น วันสงกรานต์ วันถวายกฐินพระราชทาน ปัจจุบันทางวัดได้จัดแสดงไว้ในพระอุโบสถที่ ประดิษฐานหลวงพ่อ บ้านแหลม ในเวลาต่อมา สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธ์วงศ์วรเดช ได้ถวายบาตรแก้วสีน้ำเงินให้กับองค์พระ เนื่องจากบาตรเดิมนั้นได้สูญหายไปในทะเลตั้งแต่คราวที่ชาวประมงได้พบหลวงพ่อในแม่น้ำแม่กลอง และยังปรากฏอยู่จนทุกวันนี้ เรื่องการบนบานขอให้หลวงพ่อบ้านแหลมช่วยเหลือนั้น ผู้เฒ่าผู้แก่เล่ากันมาว่า ท่านช่วยทุกเรื่องที่ คนเข้ามาขอความเมตตา ยกเว้นเรื่องทหาร หากมาขอให้ไม่ถูกเกณฑ์ทหาร คนนั้นเป็นต้องถูกเกณฑ์ อย่างแน่นอน เพราะกล่าวกันว่าท่านชอบทหารนั่นเอง และเมื่อสิ่งที่บนบานไว้ได้ดังประสงค์ มักจะนิยมแก้บนกันด้วยพวงมาลัยเป็นส่วนใหญ่ จะมีประทัดบ้างก็ประปราย เชื่อกันว่าหากได้มา สักการะปิดทองหลวงพ่อบ้านแหลม แล้วจะช่วยเสริมอำนาจบารมีแก่ชีวิต บังเกิดแต่ความเป็นสิริมงคลสืบไป หากใครอธิษฐานของพรหลวงพ่อไว้ในเรื่องใดก็มักจะได้สมความปรารถนาและมักจะกลับมาแก้บน หลวงพ่อด้วยละครรำซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสิ่งที่ท่านโปรดปราน ภายในบริเวณวัดเพชรสมุทรยังมีพิพิธภัณฑ์สงฆ์ จัดแสดงพระพุทธรูป และพระเครื่องสมัยต่าง ๆ โบราณวัตถุ เครื่องลายคราม และธรรมมาสน์บุษบกสมัยกรุงศรีอยุธยา ปกติไม่เปิดให้เข้าชม ต้องติดต่อเจ้าอาวาสก่อนล่วงหน้า ความเชื่อและวิธีการบูชา เชื่อกันว่าหากได้มาสักการะปิดทองคำเปลวหลวงพ่อบ้านแหลม แล้วจะช่วยเสริมอำนาจบารมีแก่ชีวิต บังเกิดแต่ความเป็นสิริมงคลสืบไป คำอธิษฐานของพรหลวงพ่อไว้จะได้สมความปรารถนาและกลับมาแก้บนหลวงพ่อด้วยการว่าจ้างคณะละครรำมารำแก้บนถวาย ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นการอนุรักษ์ศิลปะการเสดงละคร งานประจำปีปิดทองหลวงพ่อบ้านแหลม จัดให้มีขึ้นปีละ ๓ ครั้ง คือ ในวันที่ ๑๓ เดือนเมษายน ของทุกปี ซึ่งตรงกับเทศกาลสงกรานต์ของชาวไทยและชาวรามัญ และครังที่ ๒ งานสาร์ท เดือน 11 (ประมาณเดือนตุลาคม) และช่วงเทศกาลตรุษจีนโดยมีครั้งละ 7 วัน สิ่งสำคัญของวัด ที่ควรชม และมนัสการ ได้แก่ 1. หลวงพ่อบ้านแลม ในพระอุโบสถ 2. พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 1 องค์ รัชกาลที่ 5 ทรงถวายหลวงพ่อบ้านแหลม หลังจากเสด็จมาทรงนมัสการแล้ว 3. พระบรมสาทิสลักษณ์ สีน้ำเงิน ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงถวายหลวงพ่อบ้านแหลม 4. สายสะพายปักดิ้น 2 สาย สายหนึ่งจารึกพระปรมาภิไธย จ.ป.ร. อีกสายหนึ่งพระบรมฉายาลักษณ์ รัดประคตปักดิ้น 1 สาย เป็นของ ร. 5 ถวายหลวงพ่อบ้านแหลม 5. ลายพระหัตถ์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช (ร.6) 1 ฉบับ ถึงเจ้าอาวาสวัดบ้านแหลม แจ้งถึงการนำส่งเงินจำนวน 800 บาท ของสมเด็จพระบรมราชินี ในรัชกาลที่ 5 ถวายช่วยในการปฏิสังขรณ์วัดบ้านแหลม 6. บาตรแก้วเจียรนัย 1 ลูก สีน้ำเงินแก่ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาภานุพันธุวงศวรเดช ทรงถวายหลวงพ่อบ้านแหลม ขอขอบคุณข้อมูลจาก วัดเพชรสมุทรวรวิหาร อัมพวาทูเดย์ดอทคอม วัดเพชรสมุทรวรวิหาร ไปด้วยกันดอทคอม วัดเพชรสมุทรวรวิหาร maeklongtoday.com วัดเพชรสมุทรวรวิหาร อัมพวา ที่พักดอทคอม วัดเพชรสมุทรวรวิหาร samutsongkhram.mots.go.th Chuybby Lawyer Tour ........ เที่ยวไป ... ตามใจฉัน โดย: Kavanich96 วันที่: 30 มีนาคม 2556 เวลา:9:00:09 น.
น่าสนใจมากคะ..ถ้ามีโอกาสจะลองไปทัวร์ 9 วัดบ้าง
โดย: kookie (Rosenlune ) วันที่: 9 เมษายน 2556 เวลา:1:41:34 น.
|
ทนายอ้วน
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 156 คน [?] Friends Blog
|