Group Blog
ตุลาคม 2549

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
ทนายอ้วนกลับบ้าน ตอนที่ 5/2 วันที่สองในเมลเบิร์น ภาคบ่าย Rippon Lea Estate
ดองเค็มอาไว้หลายเดือนจนวันนี้เค็มได้ที่แล้วครับ ก็เลยเอาออกมาปัดฝุ่นโพสซะที

สำหรับตอนแรกๆของบันทึกการเดินทางกลับบ้านของผมตามไปอ่านกันได้ที่ Blogg เลยนะครับผม

ตอนนี้ก็จะเป็นวันที่สองในเมลเบิร์นช่วงบ่าย ตามที่ผมวางแผนเอาไว้ผมจะไปเที่ยว Rippon Lea Estate ซึ่งเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ 192 Hotham St Elsternwick ครับ

กว่าจะออกจากที่พักมาก็บ่ายกว่าแล้วครับผมคราวนี้ต้องเดินทางกันไกลนิดนึงครับเนื่องจากต้องนั่งรถไฟไปถึงแถวๆ Elsternwick ทีเดียวครับ จากที่พักเราก็เดินกันมาเรื่อยๆ เดินไปถ่ายรูปไปจนมาถึงที่ Flinder Street Station แล้วก็ขึ้นรถไฟสาย Sandringham มาลงที่สถานี Rippon Lea ครับ จากนั้นก็ต้องออกแรงเดินกันนิดหน่อยครับ จากสถานีรถไฟเดินตรงขึ้นมาเรื่อยๆจะเจอ Hotham Street เราก็เลี้ยวขวาแล้วเดินตรงมาเรื่อยๆครับ พักเดียวก็จะถึงประตูทางเข้า Rippon Lea Estate ครับ


จากประตูทางเข้าเราเดินเข้ามาใน Gate House นะครับ ตรงส่วนนี้จะเป็นส่วนที่เป็น Box Office ของ Rippon Lea Estate ครับ เราไปถึงที่นั่นเวลา 15.00 น. พอดีกันกับทัวร์กรุ๊ปสุดท้ายเลย (นี่ถ้านอนเพลินกว่านี้มีหวังต้องมาวันอื่นอีกแน่ๆ ฮ่าๆๆ) เราซื้อบัตรราคาคนละ 12.5 เหรียญแล้วเจ้าหน้าที่ก้อบอกให้เรารีบวิ่งไปที่ตัวบ้านทันที เธอจะโทรบอกให้กลุ่มทัวร์กลุ่มสุดท้ายรอเราก่อน เรารีบวิ่งตัดสวนขนาดใหญ่ให้ไปถึงตัวบ้านที่มีกรุ๊ปทัวร์ที่เหลือรออยู่ครับ

พอวิ่งไปถึงหน้าบ้านก็เจอคนยืนรอเราอยู่ประมาณ 5-6 คนครับ เรายืนหอบแฮ่กๆอยู่หน้าบ้านแป๊บเดียวก็มีคุณป้าร่างเล็กๆแต่ท่าทางกรับกระเฉงน่าดูแต่งตัวเหมือนหลุดออกมาจากยุค 60 เดินออกมาต้อนรับ หลังจากที่แนะนำตัวกันเล็กน้อยแล้วคุณป้าก็เปิดประตูบ้านให้เราเข้าไปข้างใน

เมื่อเข้าไปด้านในบ้านจะเจอกับห้องรับรองขนาดใหญ่ขนาดพวกเรากลุ่มเบ้อเร่อยืนห่างๆกันยังดูโหรงเหรงมากๆ คุณป้าที่เป็นไกด์ให้เราหันหลังกลับไปดูส่วนของประตูที่สร้างขึ้นเป็น 2 ชั้น เพื่อป้องกันลมหนาวเข้ามาเวลาเปิดประตูและใช้ประโยชน์เป็นที่พักถอดเสื้อคลุมเวลาเปียกฝนพื้นบ้านจะได้ไม่เลอะเทอะ

ด้านซ้ายของห้องโถงรับแขกเป็นห้องทำงานของ Butler และมีส่วนที่ให้แขกนั่งรอก่อนที่ Butler จะนำไปพบกับเจ้าบ้านซึ่งตรงนี้จะมีกระจกบานใหญ่มากๆที่มีไว้เพื่อให้แขกจัดเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อยก่อน ส่วนทางด้านขวาจะเป็นห้องรับแขกหรือ White Room ที่เดี๋ยวเราจะได้เข้าไปกัน

ก่อนที่จะพาเข้าไปในห้องรับแขกคุณป้าไกด์ได้ชี้ให้ดู wallpaper ลายนูนสูงที่ทำด้วยมือ เมื่อสังเกตุใกล้ๆแล้วจะเห็นได้ว่าลายไม่เหมือนกันเลยซักอันเดียว

จากนั้นคุณป้าก็พาเข้ามาในห้องรับแขกพร้อมๆกับเล่าประวัติความเป็นมาของคฤหาสน์แสนสวยหลังนี้

Rippon Lea Estate เป็นคฤหาสน์ส่วนตัวที่มีขนาดใหญ่มากๆแห่งหนึ่งของ Melbourne สร้างโดย Sir Frederick Sargood นักธุรกิจ นักการเมือง ที่เป็นที่เคารพของคนใน Melbourne ในยุคนั้น

Sir Federick Sargood เป็นชาวอังกฤษที่เดินทางมาเมลเบิร์นตั้งแต่อายุ 15 ปี โดยเริ่มทำงานครั้งแรกใน Public Work Department และต่อมาได้เข้าไปช่วยงานธุรกิจสิ่งทอและเสื้อผ้าของพ่อของเขาเองที่เจริญเติบโตอย่างมาก จนกระทั่งได้แต่งงานกับ Marian และมีบุตรธิดารวมกันถึง 9 คน

Sir Federick Sargood และ Marian ภรรยาของเขาได้ซื้อที่ดินจำนวน 42 เอเคอร์ บริเวณ Esternwick ซึ่งห่างจากตัวเมือง Melbourne มาประมาณ 8 กิโลเมตร ในปี 1868 และได้ว่าจ้างสถาปนิกที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของ Melbourne ในยุคนั้นคือ Joseph Reed ที่ได้ฝากผลงานเอาไว้ทั่วเมลเบิร์น ออกแบบบ้านให้เขา และครอบครัว

Joseph Reed ได้ใช้แรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมแบบ Lombady ใน Italy มาออกแบบคฤหาสน์ของครอบครัว Sargood ให้ออกมาเป็นสไตล์ Polychormatic Romanesque มีห้องทั้งหมด 15 ห้อง และได้ออกแบบสวนสวยขนาดใหญ่ล้อมรอบคฤหาสน์เอาไว้ด้วย และที่สำคัญที่ทำให้ Rippon Lea Estate มีความโดดเด่นมากกว่าคฤหาสน์ที่อื่นๆก็คือการที่ Rippon Lea Estate มีการบริหารจัดการน้ำเพื่อไว้ใช้ในอาณาจักร และเพื่อใช้รดน้ำต้นไม้ในสวนเองโดยขุดทะเลสาปขนาดใหญ่ไว้กักเก็บน้ำฝนที่ตกลงมาไว้ใช้และไว้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจอีกด้วย



Marian Sargood เสียชีวิตลงในปี 1878 พร้อมๆกับลูกชายระหว่างการให้กำเนิด Sir Federick เสียใจมากจึงตัดสินใจเดินทางกลับ อังกฤษพร้อมๆกับลูกๆทั้งหมด และแต่งงานกับ Julia Tomlin อีก 2 ปีต่อมา

Sir Federick ได้เดินทางกลับมาเมลเบิร์นพร้อมกับลูกสาว Charllote ในปี 1882 เพื่อดำเนินธุรกิจของครอบครัวและมีความเจริญรุ่งเรืองมากๆ จนเมื่อปี 1874 ได้รับเลือกเป็น Legislative Council และ Commissioner of Water Supply ในปี 1886

ในระหว่างปี 1880-1882 ตัวบ้านได้มีการต่อเติมออกไปหลายอย่าง การต่อเติมขนาดใหญ่เมื่อปี 1897 ได้มีการสร้างหอคอยขึ้นทางด้านเหนือของตัวบ้าน

หลังจากที่ Sir Federick Sargood เสียชีวิตลงในปี 1903 คฤหาสน์ก็ได้ถูกขายให้กิจการร่วมค้าของนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และที่ดินก็ได้ถูกแบ่งขายไปหลายครั้ง ตัวบ้านถูกปล่อยทิ้งร้างมาถึง 6 ปี ก่อนที่ หนึ่งในกิจการร่วมค้าคือ Sir Thomas Bent ได้เสียชีวิตลง คฤหาสน์จึงได้ถูกนำออกประมูลขายในปี 1910

Bent และ Agnes Nathan เจ้าของกิจการเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ในเมลเบิร์น Maples ก็ได้ซื้อคฤหาสน์ไว้เพื่อใช้อยู่อาศัยจนกระทั้ง Bent ได้เสียชีวิตลงในปี 1935 คฤหาสน์จึงตกทอดเป็นของ Louisa ลูกสาวคนโตของ Bent

ก็คงพอที่พูดได้ว่า Louisa หรือ Mrs. Timothy Jones ภายหลังแต่งงาน เป็นสาวไฮโซของ Melbourne ในยุคนั้น ได้มีการปรับปรุงตกแต่งบ้านขนานใหญ่ให้เข้ากับ สไตล์ฮอลลี่วูดซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอยู่ในสมัยนั้นโดยจะเห็นได้จาก The White Room ห้องบอลรูม และสระว่ายน้ำ

เมื่อ Mrs. Jones เสียชีวิตลงจึงได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินทั้งหมดให้กับ National Trust เพื่อให้เป็นสมบัติของชาติ

จุดที่น่าสนใจในคฤหาสน์หลังนี้นอกจากความสวยงามโอ่โถงของตัวบ้านแล้วยังมี สวนสวยขนาดใหญ่รอบๆตัวบ้าน คอกม้า เรือนกระจก Ferneries สวนผลไม้ Grotto ครัวที่มีความทันสมัยมากๆอยู่ใต้ถุนบ้าน มีตู้เย็นด้วยนะครับ

ต้องขอโทษทุกๆท่านด้วนะครับแต่เดิมตั้งใจไว้ว่าจะถ่ายรูปเพื่อมาประกอบให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่ปรากฎว่าเป็นเพราะตัวบ้านมีลักษณะทึบมากๆครับแถมไฟที่ใช้ก้อเป็นสีเหลืองนวลๆ แล้วก้อคุณป้าไกด์ห้ามใช้แฟลชอีกตะหาก ตากล้องของผมบ่นอุบเลยต้องอาศัยเปิดหน้ากล้องกว้างๆ ความเร็วชัตเตอร์ต่ำๆ มือก้อต้องนิ่งมากๆ ไอ้ครั้นจะกางขาตั้งกล้องก้อเกรงว่าจะเป็นที่เอิกเกริกกันไปใหญ่ก้อเลยได้มาเท่าที่เห็นล่ะครับผม

กว่าเราจะออกมาจาก Rippon Lea Estate ก็เย็นโขอยู่ครับ เราไม่มีเวลาเหลือให้ถ่ายรูปสวนสวยๆรอบตัวบ้านมากนัก เราก็เลยตัดสินใจกลับเข้ามาในตัวเมืองครับ เห็นว่ายังไม่เย็นมากนักจึงนั่งแทรมไปเที่ยว Port of Melbourne ตอนกลางคืนครับ

เรากลับเข้าที่พักประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆ ซักพักพีพอซซั่มกะภรรยามาเคาะประตูห้องเพื่อนัดหมายเวลาเดินทางไปเที่ยว Great Ocean Road กันในวันรุ่งขึ้น




Create Date : 23 ตุลาคม 2549
Last Update : 18 เมษายน 2552 18:03:00 น.
Counter : 1586 Pageviews.

14 comments
  
สวัสดีคะ เข้ามาเยี่ยมชมคะ
โดย: kero (Miss.KERO ) วันที่: 28 ตุลาคม 2549 เวลา:0:24:49 น.
  
ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ี้ หนึ่งขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยจงดลบันดาลให้คุณและครอบครัวจงมีแต่ความสุข ความเจริญรุ่งเรือง มีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง และสมหวังในสิ่งที่ปรารถนาตลอดไปค่ะ

โดย: หนึ่งนางนี้ วันที่: 2 มกราคม 2550 เวลา:20:37:29 น.
  
Happy Birthday ครับ สุขสันต์วันเกิดนะครับผม
โดย: UM (add_thai ) วันที่: 14 กรกฎาคม 2550 เวลา:1:56:16 น.
  
ขอให้มี

ความสุข สมหวัง ร่างกายแข็งแรง

ประสพความสำเร็จในหน้าที่การงาน

และมีครอบครัวที่อบอุ่น

เนื่องในวัน

คล้าย

วันเกิดครับ


โดย: somnumberone วันที่: 14 กรกฎาคม 2550 เวลา:3:56:38 น.
  
สุขสันต์วันเกิดจ๊ะ
โดย: [ลมหวานคนศิลป์] วันที่: 14 กรกฎาคม 2550 เวลา:7:55:53 น.
  



ป้าพานางฟ้ามาอวยพรวันเกิดค่ะ
ขอให้พบแต่สิ่งดีๆ คนที่ดีมีจิตใจดี
และเหตุการณ์ดีๆนะคะ
หวังว่าคงจะไม่ช้าไปนะคะ
********
****


โดย: ป้าหู้เองค่ะ (fifty-four ) วันที่: 14 กรกฎาคม 2550 เวลา:9:30:18 น.
  
สุขสันต์วันเกิดค่า จขบ.มีความสุขมากๆ นะคะ

โดย: นู๋กิ๊ฟ กะ นู๋เกมส์ (giftgame ) วันที่: 14 กรกฎาคม 2550 เวลา:10:16:34 น.
  
โดย: โสมรัศมี วันที่: 14 กรกฎาคม 2550 เวลา:10:32:17 น.
  
HAPPY BIRTHDAY

โดย: นกแสงตะวัน วันที่: 14 กรกฎาคม 2550 เวลา:15:47:19 น.
  
สุขสันต์วันคล้ายวันเกิดนะครับ สมหวังทุกสิ่ง เป้นจริงทุกอย่าง ดังหวังนะครับ

สุขภาพดีทุกวัน ปลอดภัยทุกที่ พระคุ้มครองนะครับ





มีเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้อยู่อย่างนึงคือ


คนเกิดเดือนนี้ หน้าตาดีทุกคนครับ
โดย: note-d วันที่: 14 กรกฎาคม 2550 เวลา:16:11:34 น.
  
HBD ka ขอให้มีความสุข สมหวังในทุก ๆ สิ่งค่ะ
โดย: PS-pani วันที่: 14 กรกฎาคม 2550 เวลา:21:09:15 น.
  
แวะมาสุขสันต์วันเกิดนะครับ ขอให้มีความสุขมากๆๆ สุขภาพแข็งแรงเด้อ
โดย: joblovenuk วันที่: 14 กรกฎาคม 2550 เวลา:21:44:57 น.
  
โดย: คนเดินดิน (หน้าใหม่อยากกรอบ ) วันที่: 9 สิงหาคม 2554 เวลา:14:50:30 น.
  
โดย: คนเดินดิน (หน้าใหม่อยากกรอบ ) วันที่: 12 สิงหาคม 2554 เวลา:15:48:40 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ทนายอ้วน
Location :
นนทบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 156 คน [?]