เป็นมะเร็งลำไ้ส้ใหญ่
รู้ตัวว่าเป็นมะเร็งแน่นอนเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2557 หลังจากการตรวจสุขภาพอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่ง ด้วยการตรวจที่ละเอียดทันสมัยและรวดเร็วทำให้ทราบผลจากการทำ CT Scan ว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ต้องผ่าตัดใหญ่ โดยต้องตัดลำไส้ใหญ่ส่วนบนตรงส่วนที่เป็นมะเร็งออกประมาณ 30 ซม. หลังผ่าตัด พบการเริ่มแพร่กระจายของมะเร็งไปที่ต่อมน้ำเหลือง หมอศัลยกรรมซึ่งเป็นเจ้าของไข้บอกว่าต้องให้คีโม เพื่อขจัดเชื้อมะเร็งให้หายขาดไมให้ลุกลามตอไป เราเองนั้นตั้งใจแน่วแน่ที่จะเป็นคนไข้ที่ดีของหมอ เมื่อหมอแนะนำว่าควรทำอย่างไรก็จะปฏิบัติตามทันทีโดยไม่รั้งรอ ได้พบหมอคีโม ค่อนข้างได้คิวเร็ว ส่วนหนึ่งก็เพราะความร้อนใจของลูกด้วย ตกลงรับคีโมจากคำแนะนำของหมอแต่โดยดี ก่อนรับคีโม หมอได้บอกกล่าวถึงผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น เช่น เบื่ออาหาร ไม่อยากกิน กินน้อย คลื่นไส้ อาเจียน ชาตามมือและเท้า ฝ่ามือฝ่าเท้าลอก เล็บมือเล็บเท้าถอด เราได้ยินก็พอรับได้และไม่คิดหรือเชื่อว่าจะเกิดผลข้างเคียงรุนแรงขนาดนั้น ประกอบกับตัวเราเองดูแลสุขภาพพอสมควร ไม่เป็ฌนเบาหวาน ความดันไม่มี โรคประจำตัวไม่มีเลย การแพ้ยาก็ไม่เคยแพ้ ยาละลายลิ่มเลือดก็เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรกในการรักษามะเร็งครั้งนี้....เลยทำให้ไม่รู้สึกกลัว และ...มีข้อแม้ของหมอคือ ระหว่างการให้คีโมนั้น หมอแนะนำว่าไม่ควรใช้สมุนไพรใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นยาหม้อ หรืออื่น ๆ แม้แต่หญ้าเทวดาหรือหญ้าปักกิ่ง หมอก็ไม่ให้ใช้ คีโมที่หมอจัดให้นั้น จัดให้ได้รับ 8 รอบ แต่ละรอบเริ่มด้วยการให้ยาเข้าเส้นเลือดใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วให้ยามารับประทานที่บ้าน เช้า - เย็น มื้อละ 3 เม็ต เป็นเวลา 14 วัน แล้วพักเพื่อดูอาการ 1 สัปดาห์ นับเป็นหนึ่งรอบ (ค่ายาแต่ละรอบ ประมาณ 81,000 บาท) ถ้าไม่แพ้มากและร่างกายทนได้หมอก็จะให้รอบต่อไปได้ทันที แต่ละรอบที่จะรับคีโม จะต้องเจาะเลือดเพื่อหาค่้า CB และค่า CEA เพื่อให้หมอพิจารณาดูความสามารถของร่างกายโดยเฉพาะเกร็ดเลือดจะตกลงมาก บางรายถึงกับต้องให้เลือดเพิ่ม และหมอจะได้ทราบค่าความเป็นมะเร็งโดยดูที่ค่าของ CEA ผลข้างเคียงเป็นอย่างที่หมอบอกกล้่าวไว้ล่วงหน้าจริง ๆ และทรมานมาก เราว่าตัวเราเองเป็นผู้ชายร่างกายแข็งแรง ไม่เคยเจ็บป่วยมาก่อน ยังถึงกับแย่เหมือนกัน ช่วงแรก ๆ ของรอบนั้น อยู่ในห้องแอร์ไม่ได้ หลีกเลี่ยงอากาศเย็น ต้องอาบน้ำอุ่น คลื่นไส้เมื่อได้กลิ่นอาหาร ต้องพยา่ยามกินให้ได้มาก ๆ เพื่อไม่ให้เกร็ดเลือดตกมาก เสียโปรตีนในร่างกายมาก ต้องกินอาหารที่มีโปรตีนสูง โดยเฉพาะไข่ขาว เรียกได้ว่ากินไข่ขาวจนเอียนเลยละ กว่าเราจะรับคีโมได้ครบ 8 รอบ แสนทรมาน ใช้เวลามาก ไหนจะต้องเดินทางไกล ไปแต่เช้าเพื่อเจาะเลือด รอคิวพบหมอ เนื่องเป็นโรงพยาบาลของรัฐขนาดใหญ่ มีคนไข้ใช้บริการจำนวนมาก แต่ที่สำคัญที่สุดเท่าที่พบและประเมินได้คือ ร่างกา่ยเราสูญเสียเซลที่ดีของเราไปมากมาย (ขนาดไหนไม่รู้) เพราะคีโมที่ฉีดหรือกินเข้าไปในตัวเรานั้น มันจะเข้าไปทำลายเซลมะเร็งที่อยู่ในตัวเรา ดังนั้นเซลที่ดีๆ ในตัวเราก็พลอยโดนฤทธิ์ของคีโมไปด้วย เมื่อครบ 8 รอบ ดูผลเลือด ปรากฏว่าค่า CEA ยังสูงกว่าค่าปกติเล็กน้อย หมอบอกว่าไม่เป็นไรและนัดตรวจเป็นระยะ ๆ ทุก ๆ ครั้ง จะต้องดูค่าของเลือดตลอด เราเองก็อยากจะดูแลตัวเองให้หายจากโรคร้ายนี้ จึงค้นคว้าหาทาง คิดว่าน่าจะมียารักษาให้หายขาดได้ โดยเฉพาะยา่สมุนไพร อยากได้ยาที่มีสรรพคุณเป็นที่เชื่อถือได้ เพื่อไม่ให้เสียเงินและเสียเวลาเปล่า ค้นไปค้นมา สรุปได้ว่าสมุนไพรที่ดีที่สุดสำหรับตัวเราในการรักษาคือหญ้าเทวดาหรือหญ้าปักกิ่งโดยน้ำต้นที่มีอายุเกินสามเดือน จำนวน สามต้นต่อมื้อ โขลกโดยใช้ครกแล้้วปนน้ำสุกสองช้อนโตีะ คั้นเอาแต่น้ำดื่ม ก่อนอาหารเช้า และก่อนนอน กินติดต่อกัน เจ็ดวัน แล้วเว้นสี่วัน บางคนทราบมาว่ากินเป็นประจำเป็นปี ๆ หรือหลายปี จึงจะรักษาได้หายขาด สรรพคุณของหญ้าเทวดาหรือหญ้าปักกิ่งนี้ ได้รับการรับรองแพทย์มหิดล และโรงพยาบาลอภัยภูเบศร์มาแล้วหลา่ยปี จนถึงกับมีการผลิตเป็นแคปซูลจำหน่ายด้วย ที่แย่ที่สุดสำหรับเราเองก็คือว่า หมอมหิดลและอภัยภูเบศร์ ได้แนะนำว่า ควรใช้หญ้าเทวดาหรือหญ้าปักกิ่งในระหว่างการรักษาด้วยคีโม เพราะสามารถช่วยลดผลข้างเคียงได้
Create Date : 07 สิงหาคม 2558 |
Last Update : 9 สิงหาคม 2558 22:19:09 น. |
|
0 comments
|
Counter : 727 Pageviews. |
|
|
|