นักฝันผู้ชอบเขียนเล่าเรื่อง
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2557
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
2 มิถุนายน 2557
 
All Blogs
 
สิ่งที่พบเจอบนนถนนผู้เล่าเรื่องผ่านตัวหนังสือ : ทำไมถึงตั้งบล็อกนี้ขึ้นมา

โน๊ตก่อนเริ่มเรื่อง

ตอนที่เปิดบล็อกกลุ่มนี้ ไม่สามารถหาชนิดบล็อกได้ เพราะมันเป็นกึ่งไดอารี่ กึ่งบทความ จึงขอเป็นบล็อกเรื่องสั้นแทน เป็นเรื่องสั้นของคนที่อยากจะเล่าเรื่องราวผ่านตัวหนังสือ และมันจะมีหลายตอนตามที่จั่วหัวกลุ่มว่า

"สิ่งที่พบเจอบนถนนผู้เล่าเรื่องผ่านตัวหนังสือ"

เมื่อพบปัญหาก็จะมาเขียนไว้ในบล็อกนี้

สิ่งที่เขียนต่อจากนี้ เป็นมุมมองจากตัวดิฉันค่ะ หากมีผู้อ่านท่านใดอยากจะแสดงความคิดเห็น ทางดิฉันยินดีถกปัญหาค่ะ เพราะต้องการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความคิด กับทุกคน

กรุณาด้วยค่ะ โค้งคำนับ

เมื่อเริ่มอยากเล่า

เป็นคนชอบดูหนังรัก นิทานแฟนตาซี อนิเมชั่น และอ่านนิยาย ชอบฟังเรื่องราวดีๆที่ให้แง่คิด เรื่องราวที่ให้ตัวเองได้ค้นพบอะไรสักอย่างจากเรื่องที่ดู ฟัง หรือ อ่าน

ชอบเขียน ชอบวาด ชอบการแสดงออกทางความคิด แต่ไม่ได้เป็นมาตั้งแต่เด็ก เวลาที่เรียน ถ้าคุณครูถามว่า "ใครมีอะไรถามไหม" เด็กหญิงคนนี้ก็จะนั่งนิ่ง (มี แต่ไม่กล้าถาม หรือ ใช้คำถามไม่ถูก)

แต่ความรู้สึกอยากเขียน ก็มีมาตลอด เคยลองเขียนการ์ตูนเอาไว้อ่านเองระหว่างพี่น้อง ก็เป็นที่ชื่นชอบกัน แต่ก็ไม่ได้เอามาเป็นความตั้งใจว่า ฉันจะต้องเป็นนักเขียน

ตอนเด็กๆ ดิฉันมีความฝันอื่นๆ หลายอย่าง อยากเป็นนักวิศวกร (ทั้งๆที่ไม่เก่งเลข) อยากป็นสถาปนิก อยากเป็นดารา อยากเป็นนักบินอวกาศ อยากเป็นนั่นเป็นนี่ แต่ที่มาฉายแววชัดมากขึ้นก็ตอนมัธยมปลาย คือเริ่มรู้ตัวว่า ชอบวาดภาพ ชอบศิลปะ อยากเป็นมัณฑนากร

จึงลงวิชาเลือกตอนเรียนมัธยมปลายเป็นวิชาออกแบบ ซึ่งก็ทำได้ดี(ดูจากเกรดนะคะ) นอกจากในโรงเรียนแล้ว ก็ไปลงวิชาออกแบบกับสถาบันเอกชนที่เปิดสอน ตั้งใจว่าจะสอบมัณฑนศิลป์ให้ได้

แต่เหตุการณ์พลิกผัน เมื่อตอนนั้นฉันสอบเทียบได้วุฒิการศึกษามัธยมปลาย จึงมีทดลองสนามสอบเอนทรานซ์ (การสอบเข้ามหาวิทยาลับสมัยนั้นจะวัดผลกันแค่ครั้งเดียว ไม่มีการเก็บคะแนนเหมือนสมัยนี้)

ตอนที่อ่านหนังสือเพื่อสอบ ตั้งใจมากค่ะ ทั้งๆที่ในใจก็คิดว่า ถึงแม้เราพลาดครั้งนี้ เราก็ยังมีโอกาสอีกครั้ง เพราะเราเพิ่งอยู่มัธยมปีที่ห้า (คิดง่ายๆ)

ตอนนั้นไม่ได้เลือกมัณฑนศิลป์เลยซักอันดับ แต่เลือกอักษรศาสตร์ กับ วารสารศาสตร์ เมื่อการสอบผ่านไป ผลการสอบออกมาปรากฏว่า ติดคณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร (เลือกเป็นอันดับสาม)

ตัดสินใจอยู่ว่าจะเรียนหรือสละสิทธิ์ แต่ตอนนั้นกระแสเด็กสอบเทียบที่มาสอบเอาที่เบียดเด็กที่จบตามเกณฑ์ค่อนข้างแรง ดิฉันเกรงกลัวว่าจะโดนกล่าวหาว่าสอบได้แล้วทำไมสละสิทธิ์ ทำให้คนที่ควรจะได้กลับต้องเสียที่ให้กับเรา เลยตัดสินใจเรียน ก็เรียน

ในตอนที่กลับไปเยี่ยมคุณครูผู้สอนศิลปะที่รงเรียนมัธยม(ตอนนี้ท่านเสียไปแล้ว) ยังโดนท่านท้วงติงว่า "ละทิ้งความฝันกับเรื่องที่เป็นสิ่งภายนอก แคร์คนอื่นมากกว่าความตั้งใจของตัวเอง"

โดนคุณครูโกรธ 'แต่ในเมื่อตัดสินใจไปแล้ว ก็ต้องทำให้ดีที่สุด'

จึงเรียนคณะอักษรศาตร์ และเลือกเอกภาษาญี่ปุ่น จนจบการศึกษา แต่ยังชอบศิลปะอยู่ เมื่อโตความคิดก็เริ่มเปลี่ยน ศิลปะมันอยู่ในชีวิตองเราอยู่แล้ว ถึงแม้จะไม่ได้จบศิลปะมา เราก็วาดรูปได้

คิดแบบนี้ก็ทำให้เราไม่รู้สึกเสียดายการตัดสินใจในอดีต จากนั้นไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่น แต่เลือกเรียนด้านออกแบบผลิตภัณฑ์ คือที่ไปเรียนด้านนี้ไม่ใช่อยากจบมาแล้วทำงานด้านนี้หรอกนะคะ เรียนเพราะอยากลอง อยากลองจริงๆ และก็ไได้แค่ลอง(เพราะตอนนี้ไม่ได้ทำงานด้านออกแบบผลิตภัณฑ์เลย)

ทีนี้มาถึงตอนเริ่มอยากเป็นนักเล่าเรื่องผ่านตัวหนังสือ ตอนที่เรียนที่ญี่ปุ่น อยากเขียนนิยายสักเรื่อง เป็นเรื่องของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มีพ่อเป็นช่างทำรองเท้า ออกแนวนิยายเพื่อสังคม พิมพ์ออกมาแล้วส่งให้สำนักพิพม์ ซึ่งไม่มีการติดต่อกลับจากสำนักพิมพ์เลย 

แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากในตอนนั้น ชีวิตยังวนเวียนกับภารกิจประจำวัน และไม่ได้เขียนอะไรอีกมาเลย พอเรียนจบก็กลับมาหางานทำ ซึ่งชิ้นงานที่เขียนต่อมาคือ ไดอารี่ (ไดอารี่ระบายเกี่ยวกับงาน และชีวิตครอบครัว) เขียนใส่สมุดเอาไว้ และเริ่มเขียนลงบล็อกของบล็อกแกงค์ก็ตอนคลอดลูก (ลูกคือจุดที่ทำให้หันมาเขียน แม้จะเป็นเพียงไดอารี่)

ในระหว่างที่ชีวิตดำเนินไป ก็ยังคงมีเรื่องราวในหัวลอยไปลอยมา มันเป็นเรื่องราวในจินตนาการของชายหญิงหนึ่งคู่ ทั้งคู่รักและห่วงใยกัน ทั้งคู่ผ่านอุปสรรคมาด้วยกัน แต่ก็แค่ในหัวมันยังไม่ได้ถูดถ่ายทอดออกมา เคยคิดอยากจะลองเขียนมาเป็นเรื่องราว แต่ก็แค่คิด

จนวันหนึ่ง หลังจากอ่านนิยายเรื่องหนึ่งจบ เกิดความประทับใจ อยากจะเล่าเรื่องที่วนเวียนในหัวของตัวเองให้ผู้อื่นอ่านบ้าง อยากจะเห็นชายหญิงคู่ที่อยู่ในหัวออกมาเป็นตัวหนังสือบ้าง (แม้จะไม่ได้ออกมาเป็นตัวตน แต่ก็บรรยายเป็นตัวหนังสือได้) จึงได้เริ่มเขียน

แต่พอเริ่มเขียนแล้วก็พบว่า การเขียนมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เกิดคำถามเต็มไปหมด เลยคิดถึงตอนที่นักเขียนเขาเขียนออกมาเป็นนิยายให้เราอ่านได้นั้น มันไม่ได้เขียนง่ายๆเลย รู้สึกขอบคุณนักเขียนหลายๆคนขึ้นมาทันที ว่ากว่าเขาจะแต่งได้ทีละย่อหน้า กว่าเขาจะแต่งได้ในแต่ละตอน มันมีคุณค่าทางจิตใจต่อนักเขียนเหล่านั้นมากแค่ไหนแน่ๆ

แต่เราจะหยุดด้วยการท้อและล้มเลิกความตั้งใจไม่ได้ คิดไว้ว่าขอเขียนเรื่องราวความรักของชายหญิงที่อยู่ในหัวออกมาเป็นตัวหนังสือให้ได้ก่อนตาย

เมื่อตั้งเป้าหมายไว้จึงได้เริ่มลงมือ

ในบล็อกต่อไปจะเล่าให้ฟังตั้งแต่จุดเริ่มต้นค่ะ

ป.ล. ดิฉันไม่ใช่นักเขียนมืออาชีพ และยังไม่ถึงขั้นเรียกว่ามือสมัครเล่น ยังอยู่ในสถานะที่เป็นนัก'อยาก'เขียน แต่พอใช้คำว่า 'เขียน' มันก็ดูจะยังไม่ถึงขั้นนั้นอีก จึงเรียกตัวเองว่า 

"คนอยากเล่าเรื่องผ่านตัวหนังสือ"

ขอบคุณที่อ่านจนถึงตัวอักษรสุดท้าย

Red Apple




Create Date : 02 มิถุนายน 2557
Last Update : 25 มิถุนายน 2557 20:43:27 น. 1 comments
Counter : 426 Pageviews.

 
น่าสนใจมากเลย


โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 25 มิถุนายน 2557 เวลา:18:27:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชลบุรีมามี่คลับ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 13 คน [?]




เป็นนัก(หัด)เขียนนิยายพาร์ทไทม์ เป็นคุณแม่ทำงานที่ชอบฝันกลางวันแบบฟูลไทม์ด้วย

บล็อกนี้มีเรื่องเล่ามากมาย เข้ามาค้นหาสิ่งที่อยากรู้ได้ตามสบาย


ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมนะคะ
สำหรับนักอ่านที่ติดตามนิยายของ จขบ
สามารถอานได้ทั้งทางเวบ

Hongsamut : https://hongsamut.com/writerdetail.php?writerid=3992

และทางเว็บ Dek D ค่ะ
https://my.dek-d.com/redapplels/


เนื้อหา ภาพถ่าย ในบล็อกนี้
ได้รับความคุ้มครอง
ตามกฏหมายพ.ร.บ.
สิขสิทธิ์พ.ศ. 2537 ห้าม
นำไปใช้ คัดลอก ดัดแปลง
แก้ไขส่วนหนึ่งส่วนใดโดย
เด็ดขาดนะจ๊ะ

คนดี...


New Comments
Friends' blogs
[Add ชลบุรีมามี่คลับ's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.