มิติของอารมณ์ ทมยันตี ( 1 ) จาก...นิตยสารศรีสยามปีที่ 1 ฉบับที่ 2 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2539 (หน้า 62-63) สัมภาษณ์พิเศษ มุติ กล่าวกันว่า ศิลปินคือบุคคลแปลก เพียงแค่เขาเหล่านั้นมีโลกส่วนตัวที่ยากจะหยั่งถึง อาจเพราะมิติของอารมณ์มีความลึกลับซับซ้อนเกินกว่าใครจะเข้าใจได้ หากแค่แลมองหรือใช้คำพูดเพียงสองสามคำ แต่--หากใครสักคน พยายามใช้หัวใจสัมผัสใกล้ มิติที่ว่าลึกสุดลึก อาจกลายเป็นเพียงภาพลวงตาที่ลวงใครต่อใครให้หลงทาง... เพราะลำพังสายตามิอาจมองเห็นสิ่งสำคัญ แต่ต้องใช้ใจสัมผัส ทมยันตี สุภาพสตรีผู้มากด้วยอารมณ์ศิลปิน ถ้อยคำและท่าทีกร้าวแกร่งที่สัมผัสจากภายนอก ช่างขัดกับตัวอักษรที่ละมุนละไมและแสนโรแมนติก เมื่อถูกถามถึงความต่างของอารมณ์สองประการนี้ เธอว่า... ...เป็นผู้หญิงที่สมัยสาว ๆ แม่ดิฉันเรียกว่า นังมะดัน เพราะปรี๊ดปร๊าด ห้าว เรื่องที่จะพกปืนไปยิงกับชาวบ้าน เป็นเรื่องปกติของดิฉัน กระทั่งตอนแก่นี่ถึงกลัวติดตะราง แต่ตอนเด็กไม่กลัวตะราง ไม่กลัวตาย แม่ถาม เราก็บอก ถ้าเราไม่ตายมันก็ตาย ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายกันไปข้าง หรือไม่ก็เจ็บ .358 โคล์ทสเปเชียล เป็นอาวุธปืนคู่มือเหน็บหลัง เป็นปืนที่ถนัดมาก แต่งไกไว้นุ่มนวล เวลาจะยิงค่อย ๆ ง้าง ค่อย ๆ เหนี่ยวเข้ามาจนถึงข้อนิ้วมือเลย ถ้าอีกนิดเดียวก็เปรี้ยง ปืนที่แต่งไกปืนไว้ ถ้ารู้วิธีจะนุ่มมาก ดึงอีกนิดเดียวจะยิงเลย--อีกนิดคือการตัดสินใจของคุณ ว่าจะยิงหรือไม่ยิง เพราะฉะนั้นสรุปได้ว่า ดิฉันไม่ใช่ผู้หญิงโรแมนติก แต่ก็เป็นผู้หญิงที่เห็นโลกสวย มองโลกสวย คุณเคยยิ้มกับดอกหญ้ามั้ย ดิฉันไปเจอต้นหญ้าดอกสีม่วง ดอกนิดเดียว ดอกหญ้านี่สวยมาก ดิฉันขุดมาปลูกแล้วขึ้นด้วย ต้นไม้ที่ปลูกหน้าบ้าน มีบางต้นที่คนเขามองผ่าน ดิฉันเรียกมันว่าฝ้ายคำ เป็นต้นไม้ขึ้นริมถนน ทำไมคนไทยไม่เอามาปลูกก็ไม่รู้ จินตนาการและความช่างคิดช่างฝันของคนมีอารมณ์ศิลปินมักกว้างไกลและลึกซึ้งเสมอ จึงไม่แปลกที่บางครั้ง เธอจะเห็นในสิ่งที่แตกต่างจากใครอื่น คุณเคยยิ้มกับดอกหญ้ามั้ย คุณเคยเห็นหมาข้ามถนนแล้วคุณยิ้มให้มันมั้ย หมาพวกนี้หน้าตามีธุระมาก ฝนตก ๆ ก็วิ่งกันจริง เคยสังเกตหรือเปล่า หมาไทยหน้าตามีธุระ อยู่ฝั่งนี้แล้วจะไปฝั่งนู้น เพราะรู้สึกว่าฝั่งนู้นต้องดีกว่าฝั่งนี้ที่ยืนอยู่ ที่ตายก็เพราะอย่างนี้ละค่ะ พอเวลามันจะข้ามเราก็เอาใจช่วย บางทีทั้งโขยงเลย ออกมากัดกันกลางถนน รถชนตายทั้งโขยง สมัยก่อนที่หน้าบ้านจะมีอยู่ตัวหนึ่ง ดิฉันชอบมากเลย เรียกไอ้ดำหางดาบ รอยแผลพรุนทั้งตัว เป็นนักเลงเดินส่ายอาด ๆ ถ้าอยากรู้ว่าบ้านไหนใจดีหรือใจร้าย คุณดูหน้าหมาก็จะรู้ ถ้าหมายิ้มแย้มแจ่มใสแลบลิ้นแดงบ้านนี้นายใจดี แต่ถ้าหน้าเศร้าละห้อยนะ ไม่ไหวเลย นายเมามาเตะทุกคืน บางทีก็หน้าเหี้ยมหาญเหมือนนาย รู้เลยบ้านนี้นักเลง เพราะหมายังเหล่มองเรา ทุกอย่างในโลกนี้มีหลายสิ่งที่บอกคุณได้ ดิฉันออกไปรดน้ำต้นไม้ตอนเช้า นกอ้วนคือนกกางเขนมาแล้ว เขาจะร้องเรียกดิฉันแว้ ๆ ดิฉันก็ถามมาละเหรอ ตื่นนอนแล้วเหรอ บางทีเราบอก เอ้า แว้ ๆ อาบน้ำลูก...นึง สอง ซ้ำ...เขาจะกระโดดอาบน้ำให้ดู ถ้าเป็นกางเขนใหญ่ เขามีชื่อเรียกอีแพร่ดกับกางเขนน้อย เสียงจะไม่เหมือนกันนะ เหมือนกับนกปรอด มีปรอดสวน ปรอดหัวขวานที่หัวตั้ง ๆเสียงร้องก็ไม่เหมือนกัน ดุเหว่าแถวนี้ก็มี อีกาก็มาเต้นแร็บให้ดูประจำ ใจดวงหนึ่งจะอิ่มเอม เมื่อมีความรักอันบริสุทธิ์หล่อเลี้ยง เพราะท้ายที่สุดของชีวิตหนึ่งย่อมไม่ต้องการอะไรมากไปกว่า การอยู่ด้วยความสุขสงบ ถ้าคุณรักสัตว์ รักต้นไม้ รักโลก รักผู้คน คุณตื่นเช้ายิ้มได้กับทุกอย่าง หัวใจคุณก็จะชื่นบาน สัตว์โลกชนิดเดียวที่สวยที่สุด และน่าเกลียดที่สุดคือมนุษย์ มนุษย์เท่านั้นที่สำเร็จเป็นอรหันต์ และเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ มนุษย์เท่านั้นที่เป็นฆาตกรที่เลวที่สุดได้ เป็นสัตว์โลกชนิดเดียวที่ดิฉันนั่งมองแล้วประหลาดใจที่สุด ไม่เข้าใจ แต่กับสัตว์พวกนี้นะ มันเป็นไปตามสัญชาตญาณของตัวเอง แต่ผิดกับคนเจ้าเล่ห์เจ้ากล ทำอะไรแปลก ๆ พูดอะไรแปลก ๆ มีกิเลส แปลว่าความเศร้าหมอง มีตัณหาแปลว่าเหนียว คืออยากหมดทุกอย่าง อยากได้มากมาย ความอยากของมนุษย์ไม่เหมือนกัน ทุกข์ก็ไม่เหมือนกัน ดิฉันนั่งมองคนขี้นรถเมล์ โอ้โฮ เบียดเสียดสงสารจัง ยืนคอยรถเมล์หน้าเหี่ยว เคยสัมภาษณ์เขานะ ถามว่ารู้สึกยังไง เขาตอบว่า เฮ้อ เดี๋ยวก็มาไม่เป็นไรหรอก ไอ้ที่ทุกข์เพราะหัวใจเราไปทุกข์แทนเขา เพราะเราไม่เคยไปยืนคอยรถเมล์ คนทำอย่างนั้นจนเป็นกิจวัตร เขาบอกไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็มา รถขึ้นไม่ได้ เบียด ๆ เข้าไปเดี๋ยวก็ขึ้นได้ คันนี้ไม่ได้เดี๋ยวคันหลังก็ขึ้นได้ แปลกนะ เขาปลงดีจัง เคยไปตามสลัม ถามเขาว่าทำไมวันนี้ไม่ไปทำงาน เขาว่าวันนี้เงินออก หยุดกินเลี้ยงกันก่อน แล้วค่อยไปทำใหม่ คุณว่าเขากับเรา ใครสุขหรือทุกข์มากกว่ากัน เราไปมองว่าทำไมเขาไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ เราเอาจิตไปจับเขา ไปทุกข์แทนเขา ความจริงพอเงินออก สองคนผัวเมียก็ซื้อเหล้ามานอนกิน ดูทีวี. สบายใจเฉิบ เงินหมดแล้วค่อยไปทำใหม่ เขาสุขกว่าเรานะ มีความสุขจะตาย พอเงินหมดแล้วค่อยไปทำใหม่ ไปเอาอะไรกันนักหนาชีวิต คุณว่าเขาพูดถูกไหม เหมือนกับนิทานของเซ็นที่เศรษฐีไปถามคนตกปลาว่า มานั่งอยู่ทำไม มาตกปลาอยู่ทำไม ทำไมไม่ไปทำงานหาเงินเยอะ ๆ จะได้เป็นเศรษฐี คนตกปลาก็ย้อนถาม เป็นเศรษฐีแล้วทำไม เศรษฐีก็บอกว่า ก็จะได้นั่งอยู่เฉย ๆสบายดี คนตกปลาก็บอก นี่ก็นั่งอยู่เฉย ๆ นิทานเรื่องนี้บอกให้เรารู้ว่า ทำไมต้องไปสร้างอะไรมากมายให้เหน็ดเหนื่อย อยู่เฉยดีกว่า เพราะฉะนั้นดิฉันก็อยากบอกว่าเป็นนักเขียนอยู่อย่างนี้ดีแล้ว มีความสุขที่สุด... ชีวิตคนเราความสุขอยู่ที่ความรู้สึก หากคิดว่าสุขและพอใจในสิ่งที่มีที่เป็น ความทุกข์ย่อมไม่เกิดขึ้น
...และอีกหลายแง่มุมของความรู้สึกจากสุภาพสตรีท่านนี้ ยังคงทอดยาวไกลให้คุณ ๆ ได้ดื่มด่ำในศรีสยาม ฉบับหน้า ขอบคุณมากค่ะสำหรับบทความนี้ไม่เคยอ่านมาก่อนเลย
โดย: ดุจจันทร์ IP: 27.55.168.1 วันที่: 28 กันยายน 2556 เวลา:20:53:21 น.
เป็นบทความนิตยสารเก่าเก็บที่เราถนอมไว้อย่างดี นำมาแบ่งปันกันอ่านค่ะ
ขอบคุณ คุณดุจจันทร์ ที่เข้ามาเยี่ยมชมนะคะ โดย: พ ชมภัค วันที่: 29 กันยายน 2556 เวลา:8:05:07 น.
|
พ ชมภัค
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?] เป็นคน...ยาก ยากเป็น...คน คน...เป็นยาก โดยเฉพาะถ้าคิดจะบรรลุจุดมุ่งหมาย ...ยากยิ่งกว่ายาก หนทางที่เต็มไปด้วยขวากหนาม ล้วนจำเป็นต้องเสียสละ เสียสละ...และเสียสละ --------------------พระสนมเฉียนเฟย----------- ** ** ** ** ** อย่าได้คิดจะยอมแพ้และละทิ้งไปง่าย ๆ แบบนี้... ก็อย่างที่ฉันบอกนั่นแหละ ถ้าไขว่คว้าความฝันนี้ไม่ได้... ก็เปลี่ยนเป็นความฝันอื่นเสียก็สิ้นเรื่อง ยิ้มสักครั้งสิ ความสำเร็จ ชื่อเสียงไม่ใช่ปลายทาง ทำให้ตัวเองมีความสุขต่างหาก... ถึงจะเรียกว่าคุณค่าและความหมาย ....ไม่ต้องกลัวหัวใจจะแหลกสลาย.... ----------------โจว เจี๋ยหลุน (Jay Chou)------- Group Blog All Blog
Friends Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
บทสัมภาษณ์ท่านนะคะ
ติดตามผลงานคุณทมยันตีมานานแล้ว
น่าทึ่งมากๆค่ะ