ช้อปปิ้งต่อ ตลาดแบบญี่ปุ่น
แม่รังแกข้าวปั้นอีกแล้วก็วันนี้แม่พาข้าวปั้นไปซื้อของ ของเยอะมากแม่เอาถุงมาแขวนบนรถข้าวปั้น มันทั้งหนัก แล้วก็เยอะข้าวปั้นตัวเบานิดเดียวน้ำหนักข้าวปั้นทานไม่ไหว รถเข็นล้มลงไปเลยข้าวปั้นกำลังกินน้ำทั้งน้ำและน้ำแข็งหกรดเสื้อข้าวปั้นหมดเลย ข้าวปั้นร้องไห้ คงตกใจ เพราะน้ำมันเย็นมาก ข้าวปั้นถามแม่ว่า แม่ทำรายง่ะ แม่ทำรายง่ะ แม่ขอโทษข้าวปั้นบอกลูกว่าขอโทษนะลูก ขอโทษนะลูก เจ็บป่ะ ข้าวปั้นบอกว่าเจ็บร้องไห้ใหญ่ แม่จุ๊บข้าวปั้น แล้วบอกว่าขอโทษ จนลูกหายร้องไห้ หายตกใจ ข้าวปั้นจ๋า แม่ขอโทษปั้นอีกทีนะ วันหลังแม่จะระวังตัว ไม่ซุ่มซ่ามจนทำข้าวปั้นเจ็บแบบนั้นอีก ขอโทษค่า ขอโทษค่า ... กลับบ้านมาข้าวปั้นบอกโอโต้ซังว่าล้ม ข้าวปั้นล้ม โอโต้ซังไม่เข้าใจ ข้าวปั้นพาโอโต้ซังไปชี้ที่รถเข็น โอโต้ซังเรียกแม่มาถามว่าลูกอยากบอกว่าอะไร พอแม่เห็นข้าวปั้นชี้ที่รถเข็น แม่เลยอ๋อ แล้วเล่าให้โอโต้ซังฟัง ข้าวปั้นฟ้องโอโต้ซังหรือ ก็แม่บอกแล้วว่าแม่ขอโทษ แม่ขอโทษ
ที่ญี่ปุ่นนอกจากจะมีห้างสรรพสินค้าใหญ่โตแล้ว ชาวญี่ปุ่นยังมีร้านขายของ ไม่ใช่แบบริมทางเดินแบบบ้านเราเพราะไม่ตั้งเกะกะถนน คนญี่ปุ่นเรียกร้านแบบนี้ว่า อาเคโดมาจากภาษาอังกฤษวาอาเคท (แม่ข้าวปั้นสะกดไม่ถูกขอเป็นภาษาคาราโอเกะนะ บรรยายไม่ถูกไปดูรูปกันเอง)
รอรถไฟฟ้าอยู่ค่ะ
ร้านขายผลไม้ หน้าร้อนมีพีชขายเยอะ อร่อย ลูกละ ประมาณ 100 บาท
ประมาณนี้หล่ะค่ะ ของขายตรึม
ร้านขายคาคิโคริ หรือ น้ำแข็งไสนั่นเอง
ชอบบลูฮาวาย หน่ะ ชอบสีฟ้า
ไอติมแบบโบราณ โอโต้ซังอยากกิน
ร้านนี้ขายขนม แบบญี่ปุ่น
ไม่ใช่ผลไม้นะค๊ะ ขนมใส่ในกล่อง แพคเกตเขาดี น่ากินมะ
อันนี้ชาเขียวแท้ๆ ไม่มีน้ำตาลเลยค่ะ หอม อร่อยมาก
ซื้อมาแล้วมาดูกันชัดๆ แพงนะเนี่ยแก้วเล็กแค่นี้ 30-40 บาท
ร้านนี้เขามีชื่อเสียงขนมแบบนี้ แม่ข้าวปั้นไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไร
เจอยูโฟแคทเช่อ ข้าวปั้นขอเล่นนะแม่
ข้าวปั้นหยอดเหรียญเอง
แล้วก็ แป่ว ไม่ได้อะไรเลย ไม่เคยได้เลย
ตู้นี่ก็น่าสน แต่ไม่เล่นหรอก เปลือง
อันนี้ตักขนม โอโต้ซังเสียตังค์ไป 300 บาทได้ขนมให้ข้าวปั้นไม่ถึง 10 ชิ้น โสน้าน่า
ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ แบบน่ารัก
แม่คิตตี้เขาทำข้าวโพดคั่วขาย ต้องหยอดเหรียญซื้อค่ะ
ร้านอาหารแต่ไม่รู้ว่าอะไรเหมือนจะเป็นขนมรูปปลาแป้งคล้ายขนมโตเกียว รอไปถามโอโต้ซังก่อนผิดล่ะแย่เลย
อันนี้ร้านเครื่องเขียน
แม่ข้าวปั้นชอบกระปุกรูปหมูชมพูหน่ะค่ะ
เก็บตก ชอบบรรยากาศการเมืองตอนนี้จัง
โดย คุณ "คือ.........ฉันเอง" ที่มา ราชดำเนิน พันทิป 21 สิงหาคม 2550ชอบจริง ๆ บรรยากาศทางการเมืองตอนนี้ เหมือนเมื่อหลายสิปปีก่อนโน้นเลย มีพรรคการเมืองให้เลือกหลายสิบพรรค กระจายไปทั่วตามหัวเมืองใหญ่ ๆ ทั่วทุกภาค ทุกพรรคมีอุดมการณ์เดียวกัน ทุกพรรคมีนโยบายเหมือนกัน คือความสุข ความเจริญ ของประเทศชาติและประชาชน ประชาชนทุกคนต้องร่ำรวย ประชาชนทุกคนต้องได้รับการศึกษา ประชาชนทุกคนต้องได้รับการรักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย ประชาชนเป็นสุดที่รักของนักการเมือง เลือกตั้งเรียบร้อย ก็จะได้เป็น ส.ส. กันทุกพรรค พรรคล่ะ 10 คน 20 คน 30 คน เวลาตั้งรัฐบาล ก็เอาโควต้ามาแบ่งกัน พรรค 10 คน เอาไป 1 กระทรวง พรรค 20 คน เอาไป 2 กระทรวง แล้วไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันนะ ต่างคนต่างบริหารกันไป จะทำอะไรก็ต่างคนต่างทำไป อย่ามาขัดขา ข้ามกระทรวงกัน ไม่งั้นโกรธกันตายเลย เวลาต้องลงมติรับรองกฎหมาย ไว้วางใต ไม่ไว้วางใจ ค่อยมาล๊อบบี้กันเป็นรายพรรค ราย ส.ส. ถือเป็นการกระจายรายได้ของพรรคที่ครองกระทรวงเกรด A กับพรรคที่ครองกระทรวงเกรด B C D คราวนี้ประชาชนไม่ต้องค่อยมาระแวดระวัง หวั่นไหว ว่าจะเกิดโครงการณ์เมกกะโปรเจค ที่จะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของชาติหรือไม่ เพราะแต่ละกระทรวงไม่เกี่ยวข้องกัน ทำเมกะโปรเจคทำไมให้ยุ่งยาก ทำแค่โปรเจคเล็ก ๆ เฉพาะกระทรวง อนุมัติง่ายกว่าเยอะเลย 555 โลกานุวัฒน์ ณ ปี 2550 ยุคที่โลกคุยกันผ่านอากาศธาตุ กับการบริหารงานด้วยวิธีการเมื่อหลายสิบปีก่อนยุคที่โลกคุยกันผ่านรหัสโทรเลข
Create Date : 25 สิงหาคม 2550
11 comments
Last Update : 25 สิงหาคม 2550 21:51:26 น.
Counter : 1866 Pageviews.