|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
ABYANEH ......แ อ บ รั ก อิ ห ร่ า น ตอนที่ 4
แ อ บ รั ก อิ ห ร่ า น เวอร์ชั่น สี่
ทิ้งระยะห่างมากไปหลายวันสำหรับการเล่าเรื่องอิหร่าน ขอเวลาเคลียร์งานสักพักค่ะ ขอบคุณผู้ที่ติดตามอ่าน ให้กำลังใจกันเสมอมา
หลังจากมื้อกลางวันวันนี้เราเปลี่ยนไปชมสถานที่สำคัญของศาสนาคริสต์บ้าง เราไปชมวิหารแว้งค์ (Vank Cathedral) โบสถ์ของชาวอาร์เมเนียนผสมผสานศิลปะของยุโรปกับเปอร์เซีย สวยงาม เรียบง่าย และมีพิพิธภัณฑ์ให้ชมด้วย แต่ในโบสถ์ห้ามถ่ายภาพเด็ดขาด (มีภาพเขียนแสดงนรก สวรรค์ ที่ฉันก็ไม่ได้ประทับใจอะไรมากนัก)
มีสิ่งหนึ่งที่ฉันประหลาดใจก็คือ หอนาฬิกา หน้าโบสถ์ค่ะ ดูก็เหมือนนาฬิกาทั่ว ๆ ไป แต่ที่หน้าปัดซีคะท่าน มีคำว่า BANGKOK ด้วยค่ะ น่าสงสัยมั้ยคะ หอนาฬิกา Bangkok
จากนั้น ไกด์อ้วนกลมของเรามีของแถมอีกแล้ว ไกด์ชื่อ Hamed ค่ะ ตัวอ้วนเตี้ย พุงกลม ศีรษะแสดงถึงความร่ำรวยพอประมาณ อธิบายเก่ง ให้ความรู้ดีมาก และที่ประทับใจที่สุด คือ เวลาพาพวกเราข้ามถนน พี่แกจะโดดออกไปกลางถนน กางแขนห้ามรถ ปานจะพลีชีพเพื่อเราได้ บางทีรถก็เฉี่ยวพุงแกไปเพียงเส้นยาแดงผ่าสิบหก...สร้างความหวาดเสียวให้พวกเรามาก ฉันออกปากชื่นชม นั่นกลับทำให้แกมั่นใจในการกระทำที่น่าเสียวไส้มากยิ่งขึ้น..... ........คราวหลังฉันไม่กล้าชมแกอีกเลย
ของแถมวันนี้ ไม่ใช่ของแถมซะแล้ว Hamed พาเราไปดูวิวของเมืองซึ่งต้องขึ้นกระเช้าเหินฟ้าขึ้นไปบนภูเขาสูง (ถ้าไม่ยอมเสียตังค์เราจะได้ดูแค่กระเช้า แต่ถ้าอยากดูวิว เราต้องซื้อบัตร สามหมื่นเรียล...ประมาณสองร้อยบาทเศษ ๆ ) ไหน ๆ ก็มาถึงนี่แล้ว เราก็ต้องยอมซื้อบัตรค่ะ
กระเช้าที่นี่ดูค่อนข้างใหม่ ไม่น่ากลัว ค่อย ๆ ไต่ความสูงทีละน้อย แต่ฉันรู้ว่าฉันคิดผิดเมื่อกระเช้าผ่านช่องเขาค่ะ ลมพัดหวีดหวิว กระเช้าโอดโอยแกว่งไกว ๆ ๆ โยนไปโยนมา....โอย....เสียวอ่ะ
ข้างบนนี่วิวสวยดี มองเห็นเมืองไกล ๆ ลมแรงมาก พัดฝุ่นทรายเข้าหน้าจนเจ็บ ลมแรงจนนั่งที่นี่นานไม่ได้ ร่างอันบอบบาง(ไม่น้อย)ของฉันแทบปลิวลม...(เพื่อน ๆ คงบอกว่าเป็นไปไม่ได้...เอิ๊ก...)
วันนี้ได้ทานอาหารเร็วค่ะ จะต้องรีบไปแพ้คกระเป๋าเพื่อเดินทางแต่เช้าไปเตหะราน นี่จะต้องอำลาอีสฟาฮาน เมืองแสนสวยไปแล้วหรือ (ฉันไม่ได้โทรไปหาคุณ Shakili คนที่ให้เบอร์โทรที่สุวรรณภูมิเลย กลัวพูดกันไม่รู้เรื่องเพราะพูดโทรศัพท์ใช้มือประกอบท่าทางไม่ได้น่ะค่ะ อิอิ)
วันนี้เป็นวันที่ห้าของทริป อำลาอีสฟาฮาน....ด้วยความอาลัย เราต้องเดินทางไกลค่ะวันนี้ ผ่านทะเลทราย
ที่เห็นเป็นรู ๆ นั่น เป็นบ้านของแกะ เอาไว้นอนหลบพายุทรายหลบหนาว ยามกลางคืนค่ะ
แวะชมหมู่บ้าน Abyaneh Village เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่ใช้อิฐดินดิบเป็นวัสดุในการสร้างบ้าน ยังคงสภาพเดิมที่เคยเป็นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16-18 ไว้ได้ น่าชื่นชมจริง ๆ เมื่อก่อนชาวเมืองนับถือลัทธิบูชาไฟ (Zoroaster) ซึ่งเป็นศาสนาโบราณของโลก ปัจจุบันเปลี่ยนมายอมรับนับถือศาสนาอิสลาม
บ้านดินที่นี่สวยค่ะ ผนังบ้านหนามาก ประตูบ้านจะมีที่เคาะประตูติดไว้สองอัน ด้วยเขาแบ่งแยกเพศ ดังนั้นชายหญิงต้องใช้อุปกรณ์เคาะประตูคนละแบบ เดาสิคะว่า ชายใช้อันไหน หญิงใช้อันไหน ..... นั่นละ....เดาตามลักษณะสัญลักษณ์ ถูกต้องนะคร้าบบบ...
หมู่บ้านนี้จะมีเอกลักษณ์ของผ้าคลุมผม จะใช้ผ้าขาวลายดอกไม้สดใส สินค้าที่นี่จะเป็นจำพวกของพื้นเมือง เช่นแอปเปิ้ลแห้ง ผลไม้ตากแห้ง เครื่องประดับ และของแต่งบ้านที่ร้อยจากเมล็ดธัญพืช
มื้อกลางวันวันนี้ ทานที่ภัตตาคารซึ่งมองเห็นวิวหุบเขาชัดเจน นอกจากจะทาน ปลา ไก่ แกะ แล้ว ยังมีอาหารพิเศษด้วยค่ะ (ย้ำ พิเศษจริง ๆ ) ไข่เจียวค่ะ อร่อยสุด ๆ มีอีกค่ะ ใครจะดื่มน้ำอัดลมก็ได้ แถมด้วยกาแฟอีก ปิดท้ายด้วยไอศกรีม..สุดวิเศษ
แล้วเราก็อำลา Abyaneh ไปสู่เมืองคาซาน (Kashan) เมืองที่มีชื่เสียงเรื่องการทอพรม ต้องผ่านป้อมทหาร ในขณะที่พวกเราเตือนกันให้ดึงผ้ามาคลุมผม ไกด์อิหร่านลงไปเจรจาที่ด่าน พลันก็มีชายชาวยุโรปกลางคนสวมสูทเรียบร้อยเดินขึ้นรถมา สายตาสอดส่ายซ้ายขวา เราก็งงๆ พยายามยิ้มให้ เข้าใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของเขา เขาเดินไปจนถึงท้ายรถที่มีที่นั่งว่างอยู่ วางกระเป๋า แล้วนั่งลง พวกเราก็เลยโวยวายว่าเกิดอะไรขึ้น ไกด์อีกคน(ฮันซ้อส)จึงเชิญเขาให้ลงไป เขาเดินไปหา Hamed ที่ด่านแล้วกลับขึ้นมาใหม่ คราวนี้มานั่งที่ว่างข้าง ๆ ฉันค่ะ แจ๊คพ็อตจริง ๆ เขาเตรียมนั่งยาว ถอดสูท เก็บกระเป๋า ถามฉันว่าพูดฝรั่งเศสได้ไหม ฉันตอบว่า น็อง เอ๊ยย...โน (ฉันคืนครูชาวฝรั่งเศสไปหมดแล้ว) ถามว่ามาจากเมืองไทยใช่ไหม........ จะไปเตหะรานใช่ไหม.... คราวนี้งงมาก....ถึงมากที่สุด Hamed ขึ้นมาเชิญเขาลงไป เพราะพวกเราไม่สะดวกที่จะให้เขาโดยสารไปด้วย พอเขาลงไปแล้ว เราก็สงสารเขา เขาโบกรถมาจากเมืองไหนไม่รู้ ....จะไปเตหะราน ใจดำหรือเปล่านะเรา แต่ถ้าเขาเป็นคนร้ายล่ะ มานั่งข้างฉันเสียด้วยซี
เราผ่านทะเลทรายแห้งแล้ง มีหมู่บ้านเป็นหย่อม ๆ แต่สิ่งที่ฉันประทับใจ คือ ภาพของครอบครัวที่ขับรถไปจอดในทำเลที่พอใจ แล้วปูผ้าปูเสื่อนั่งรับประทานอาหารด้วยกัน มีตลอดสองข้างทาง เป็นภาพที่น่ารักจริง ๆ
บล็อกนี้เล่าเรื่องยาวจัง เกรงจะเบื่ออ่านกันเสียก่อน ตัดตอนไปบล็อกหน้าดีกว่า
Create Date : 03 พฤษภาคม 2551 |
Last Update : 24 มกราคม 2552 16:58:58 น. |
|
14 comments
|
Counter : 1971 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ชิงดวง วันที่: 3 พฤษภาคม 2551 เวลา:8:42:37 น. |
|
|
|
โดย: ปากกา...เดียว IP: 124.120.28.58 วันที่: 3 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:57:49 น. |
|
|
|
โดย: ลิตช์ (Litchi ) วันที่: 4 พฤษภาคม 2551 เวลา:2:24:14 น. |
|
|
|
โดย: Cookie Nim วันที่: 4 พฤษภาคม 2551 เวลา:10:57:38 น. |
|
|
|
โดย: อนันตลัย วันที่: 4 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:25:26 น. |
|
|
|
โดย: หยุ่ยยุ้ย วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:33:35 น. |
|
|
|
โดย: เขาพนม วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:23:15 น. |
|
|
|
โดย: ลุงแมว วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:05:43 น. |
|
|
|
โดย: REX-REX วันที่: 8 พฤษภาคม 2551 เวลา:6:15:04 น. |
|
|
|
โดย: nokia IP: 41.196.64.54 วันที่: 9 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:26:06 น. |
|
|
|
โดย: ปางหวัน วันที่: 9 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:25:34 น. |
|
|
|
โดย: ปางหวัน วันที่: 9 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:27:44 น. |
|
|
|
|
|
|
|
อาจยังไม่ได้ทักทายใคร
กลับมาจะรีบไปเยี่ยมเพื่อน ๆ ค่ะ