| ห้องฝากข้อความ | Youtube.com | เติมใจให้กัน | MY Photos | |www.facebook.com|

เสียงอ่านหนังสือธรรมะ - ภาพห้องพระ บ้านนนทบุรี



เสียงอ่านหนังสือธรรมะนี้
บันทึกไว้เมื่อ ต้นปี พศ. 2552
ทำใส่แผ่นไว้ให้คุณแม่ และเพื่อนๆของท่าน
เป็นช่วงที่แม่หมู ชอบเล่นเครื่องเสียงมาก
อ่านไว้แล้วนำมามิคเสียงดนตรีใส่เข้าไป

เป็นเสียงอ่านสลับกับเพลงสบายๆ
เก่าๆและหาฟังยาก โดยเฉพาะ
เพลง "เทพเจ้าแห่งความระทม"

เราเองชอบเปิดฟังก่อนนอน ทำให้หลับได้สบาย
ก็เลยนำมาลง Blog ไว้เป็นที่ระลึก
มีอ่านผิดพลาดบ้าง ขออภัยไว้ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

หาก Blog นี้ทำให้เพื่อนๆมีความสุขทางใจได้บ้าง
แม่หมูก็มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งค่ะ

ปีนี้คุณแม่อายุครบ 72 ปี ยังแข็งแรงดีค่ะ
เป็นข้าราชการบำนาญ
เดือนมิถุนายน 2553 ที่ผ่านมา
แม่หมูพาคุณแม่ไปทำบุญ 9 วัด
ที่จังหวัดศรีสะเกษค่ะ





ภาพถ่ายช่วงเดือนเมษายน สรงน้ำพระค่ะ






















Create Date : 16 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 19 สิงหาคม 2554 13:13:09 น. 13 comments
Counter : 1099 Pageviews.

 
ฟังแล้วสบายใจดีจังค่ะพี่หมูแดง....


โดย: neenika วันที่: 16 พฤศจิกายน 2553 เวลา:16:11:51 น.  

 
ตั้งนะโมสามจบ แล้วว่าบทแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ดังนี้
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่ เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อัพยาปัชฌา โหนตุ
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
อะนีฆา โหนตุ
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
จงมีความสุขกายสุขใจรักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด ฯ


โดย: pairote IP: 58.9.64.41 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:5:57:41 น.  

 
ที่บ้านก็กำลังจะทำห้องพระอยู่นะ

คุณแม่ของคุณแม่หมูอีกไม่กี่เดือนก็จะครบอายุ ๗๓แล้วนะ ขอให้แข็งแรงมาก ๆสุขกายสบายใจ อยู่ใกล้บุญใกล้กุศลทุกวันนะ

เสียงคุณแม่หมูนี่ฟังแล้วสงบดีนะ เสียงเหมือนคุณครูเจ้าระเบียบ แต่ใจดีนะ


โดย: pairote IP: 58.9.143.59 วันที่: 29 มีนาคม 2554 เวลา:12:30:28 น.  

 
เสียงเพลงเพราะมากนะสำหรับศาลเจ้าแห่งความระทม

แต่ที่เพราะกว่าน่าจะเป็น เสียงวาทะธรรมจากเจ้าแม่หมูมากกว่านะ ฟังแล้วก็สงบร่มเย็นจริงครับ

เวลาใจว้าวุ่นคงต้องเข้ามาบ่อยแล้วละนะ

ขอบคุณอีกครั้งนะ


โดย: pairote IP: 58.9.143.59 วันที่: 29 มีนาคม 2554 เวลา:12:46:38 น.  

 
ฟังธรรมทุกเช้าครับ

สบายใจดีกว่ามาก


โดย: pairote IP: 58.9.212.180 วันที่: 30 มีนาคม 2554 เวลา:6:50:55 น.  

 
อภิณหปัจจเวกขณ์ ๕ ข้อคิดที่ควรพิจารณาเป็นเนือง ๆ

๑. ชราธัมมตา ควรพิจารณาเนือง ๆว่า เรามีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความแก่ไปได้
เป็นเหตุละหรือบรรเทาความเมาในความเป็นหนุ่มสาว เยาว์วัย

๒. พยาธิธัมมตา ควรพิจารณาเนือง ๆว่า เรามีความเจ็บป่วยเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความเจ็บป่วยไปได้
เป็นเหตุให้ละหรือบรรเทาความเมาในความไม่มีโรค คือความแข็งแรงมีสุขภาพดี

๓. มรณธัมมตา ควรพิจารณาเนือง ๆว่า เรามีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้
เป็นเหตุให้ละหรือบรรเทาความเมาในชีวิต

๔. ปิยวินาภาวตา ควรพิจารณาเนือง ๆว่า เราจักต้องมีความพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น
เ็ป็นเหตุให้ละหรือบรรเทาความยึดติดผูกพันในของรักทั้งหลาย

๕. กัมมัสสกตา ควรพิจารณาเนือง ๆว่า เรามีกรรมเป็นของตน เราทำกรรมใด ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม จักต้องเป็นทายาทของกรรมนั้น
เป็นเหตุให้ละหรือบรรเทาความทุจริตต่าง ๆโดยตรง

วัตถุประสงค์ที่ให้พิจารณาก็เพื่อให้ละสาเหตุต่าง ๆ มีความมัวเมาเป็นต้น ที่ทำให้สัตว์ทั้งหลายอยู่ในความประมาท และประพฤติทุจริต

ข้อมูลจาก พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม พระธรรมปิฎก(ป.อ. ปยุตโต)


โดย: pairote IP: 58.9.212.180 วันที่: 30 มีนาคม 2554 เวลา:12:12:40 น.  

 
อดีตได้ผ่านพ้นไปแล้ว ทำอะไรไปก็แก้ไขกลับคืนไม่ได้

ปัจจุบันจึงสำคัญที่สุด และมีค่ามากที่สุด

อดีตเป็นเหตุ ปัจจุบันเป็นผล
ปัจจุบันเป็นเหตุ อนาคตเป็นผล
ปัจจุบันจึงเป็นที่รวมของทั้งเหตุและผล

เมื่อศึกษาปัจจุบันจนเข้าใจแล้ว เราย่อมเข้าใจทั้งอดีตทั้งอนาคตไปพร้อมกันด้วย

ฉะนั้นคุณงามความดีทั้งหลายที่ีเราได้สร้างสมมาทั้งหมดนับอเนกชาติ
ขอจงได้มาประชุมรวมกันลงในปัจจุบันนี้ ขณะนี้และเดี๋ยวนี้

พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า

จิตดั้งเดิมเรานั้นประภัสสร มีความบริสุทธิ์ ผ่องใสอยู่ก่อนแล้ว
แต่เมื่อเราปล่อยตัวปล่อยใจไปตามความเคยชินของกิเลส
จิตเราจึงเศร้าหมองขุ่นมัวว ไม่บริสุทธิ์ผ่องใสอย่างที่ควรเป็น
การปล่อยความคิดให้แล่นไปตามกิเลสเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ขึ้นมา

จงให้"พุทธภาวะ" ภาวะแห่งความเป็น ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ได้บังเกิดขึ้น ในดวงใจเราด้วยเทอญ

เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของ พระอาจารย์ มิตซูโอะ คเวสโก วัดสุนันทวนาราม กาญจนบุรี
เทศนา ณ ท้องสนามหลวง วันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๓๔ งานสัปดาห์วันวิสาขบูชา


โดย: pairote IP: 58.9.143.101 วันที่: 31 มีนาคม 2554 เวลา:8:50:58 น.  

 
อนุสติ ๑๐
ความระลึกถึง อารมณ์ที่ควรระลึกถึงเนือง ๆ

๑. พุทธานุสติ ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า

๒. ธัมมานุสติ ระลึกถึงคุณของพระธรรม

๓. สังฆานุสติ ระลึกถึงคุณของพระสงฆ์

๔. สีลานุสติ ระลึกถึงศีลที่ตนรักษา

๕. จาคานุสติ ระลึกถึงทานที่ตนบริจาคแล้ว

๖. เทวตานุสติ ระลึกถึงคุณที่ทำคนให้เป็นเทวดา

๗. มรณัสสติ ระลึกถึงความตายที่จะต้องมีเป็นธรรมดา

๘. กายคตาสติ ระลึกทั่วไปในกายให้เห็นว่าไม่งาม

๙. อานาปานสติ ตั้งสติกำหนดลมหายใจเข้าออก

๑๐. อุปสมานุสติ ระลึกธรรมเป็นที่สงบ ระงับกิเลสและความทุกข์ คือนิพพาน



โดย: pairote IP: 58.9.143.101 วันที่: 31 มีนาคม 2554 เวลา:14:22:54 น.  

 
จิตของคนเรานั้นจะมีการเกิดดับตลอดเวลาแต่ถี่จนเราคิดว่าคงอยู่ ช่วงขณะจิตที่มีในขณะตายจึงมีความสำคัญที่สุด แต่คนไม่ค่อยพูดถึงเพราะคิดว่าเป็นลางร้าย เป็นสิ่งน่ากลัว ซึ่งที่จริงแล้วอีกชีวิตหลังความตายที่ไม่รู้ว่าเราต้องไปเกิดเป็นอะไรอีกนั้นน่ากลัวกว่ามากนัก

เคยมีใครลองคิดถึงว่าก่อนจะตาย จะทำตัวอย่างไร จะตั้งสติอย่างไรบ้างไหม แล้วถึงเวลานั้นจริงจะจำได้ไหม จะควบคุมสติตัวเองได้ไหม หรือเคยคิดจะบอกหรือแนะให้ญาติผู้ใหญ่ของตัวเตรียมตัวกับบ้างหรือยัง

สำหรับผมเองทำมาแล้วหลายปีอยู่ บอกคุณพ่อคุณแม่เป็นประจำทุกครั้งที่ท่านป่วยไข้ แม้กระทั่งตอนที่ท่านอยู่โรงพยาบาลบนเตียงคนไข้ เพื่อความไม่ประมาท ถึงแม้จะทำยังไม่ได้ดีนัก แต่ก็เริ่มต้นแล้ว และก็ทำต่อเนื่องอยู่

เริ่มจากภาวนา พุทหายใจเข้า และโธขณะหายใจออก ตั้งจิตนึกถึงพระพุทธรูปที่ตัวเองจำได้แม่นยำ ไม่ถอนจิตไปที่อื่นนอกจากคำภาวนาและรูปกองค์พระ หากจิตภาวนาหยุดภาวนา หรือรูปองค์พระหายไปจากจิตสำนึกแต่เรายังมีสมาธีจิตไม่วอกแวกไปคิดเรื่องอื่นอยู่ก็เป็นใช้ได้ ถ้าจิตวอกแวกก็ดึงคำภาวนา และรูปองค์พระกลับมาใหม่เช่นนี้

ที่สำคัญตอนยังมีเรี่ยวแรงอยู่ จงทำดี ถือศีล ทำบุญทำทานสม่ำเสมอเพื่อเป็นทุน เป็นความดีให้ระลึกถึงได้ตลอดเวลาจะเคยชินไม่คิดเรื่องอกุศลกรรมในช่วงที่จิตจะดับหรือใกล้ตายใกล้เปลี่ยนภพนั้น เพื่อไม่ให้ต้องไปผูกพันกับภพภูมิที่ไม่ดี

เคยมีเรื่องตัวอย่างที่เขียนอยู่ในพระไตรปิฎกเกี่ยวกับคนดี ดีมาก แต่ต้องไปตกนรกหมกไหม้ก่อนที่จะได้ไปสวรรค์เพราะจิตสุดท้ายนี่เอง

จริงอยู่กรรมดีและชั่วทุกอย่างต้องชดใช้ไม่มีการตัดรอนแต่อย่างใด แต่อีกนัยหนึ่งมันมีว่าอะไรจะมาช้าเร็ว อะไรต้องชดใช้แบบไหนอย่างไร และในบางครั้งที่มีการละ ลด เลิก การผูกพยาบาทจองเวรกันแล้วบางทีก็ทำให้โทษหรือกรรมที่ต้องชดใช้นั้น อาจเบาบางลงได้

หรือกรณีที่พระอรหันต์บางองค์สามารถหลุดพ้นจากกรรมเวรไปโดยข้ามภพข้ามชาติไม่มีการเกิดอีก ก็มี

ลองศึกษาในพระไตรปิฎก หรือวันหนึ่งอาจหามาลงบ้างก็ได้ถ้ายังมีโอกาสอยู่ ไม่มีใครรู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรครับ


โดย: pairote IP: 58.9.143.101 วันที่: 31 มีนาคม 2554 เวลา:15:06:53 น.  

 
เรื่องที่มิได้ตรัสบอก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค ๑๙/๕๔๘

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับ ณ ป่าไม้ประดู่ลาย ใกล้กรุงโกสัมพี ลำดับนั้นทรงหยิบใบประดู่มาหน่อยหนึ่ง แล้วตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า

"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอจะสำคัญความข้อนี้เป็นไฉน คือใบประดู่ลายเล็กน้อยทีเราถือไว้ กับใบ้ี่ที่อยู่บนต้นประดู่ลาย อย่างไหนจะมีมากกว่ากัน"

ภิกษุทั้งหลายกราบทูลตอบว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ใบประดู่ลายเล็กน้อยที่ทรงถือไว้ มีประมาณน้อย ที่แท้ใบที่อยู่บนต้นประดู่ลายมีมากกว่า "

พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรื่องที่เราตรัสรู้แล้ว แต่มิได้บอกต่อแก่ท่านทั้งหลายก็มีมากกว่าฉันนั้นเหมือนกัน เหตุไรเล่าเราจึงมิได้บอก ก็เพราะว่า เรื่องนั้นไม่ประกอบด้วยประโยชน์ไม่เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ ไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย ความคลายกำหนัด ความดับทุกข์ ความสงบระงับ ความรู้ยิ่ง ความตรัสรู้ ไม่เป็นไปเพื่อนิพพาน เราจึงไม่บอกเพราะเหตุนั้น


โดย: pairote IP: 58.9.75.216 วันที่: 1 เมษายน 2554 เวลา:14:25:25 น.  

 
เรื่องที่ตรัสบอกคืออะไร สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค ๑๙/ู๕๔๘

"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เรื่องอะไรเล่าที่เราบอก เราบอกว่านี้ทุกข์ นี้เหตุให้ทุกข์เกิด นี้ความดับทุกข์ นี้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ เหตุไรเล่าเราจึงบอกเรื่องนี้ ก็เพราะว่า เรื่องนี้ประกอบด้วยประโยชน์เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย ความคลายกำหนัด ความดับทุกข์ ความสงบระงับ ความรู้ยิ่ง เป็นไปเพื่อนิพพาน เราจึงบอกเพราะเหตุนั้น เพราะเหตุนั้นแล จึงควรกระทำความเพียร (เพื่อรู้ อริยสัจจ์ ๔ ตามเป็นจริง) ว่า นี้ทุกข์ นี้เหตุให้เกิดทุกข์ นี้ความดับทุกข์ นี้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์


โดย: pairote IP: 58.9.75.216 วันที่: 1 เมษายน 2554 เวลา:14:35:58 น.  

 
เมตตา
เป็นข้อธรรมที่รู้จักทั่วไป คำแปลสามัญคือความรัก ความมีไมตรี ความปรารถนาดีให้ผู้อื่นมีความสุข
แต่ต้องระวังอย่าให้ปะปนกับความรักส่วนตัวที่เกี่ยวพันกับตัณหา ที่เรียกว่าเสน่หา ซึ่งเจือด้วยความเห็นแก่ตัว เป็นอกุศล และหากเกิดความผิดหวัง อาจเกิดการขัดข้องใจ อาจนำไปสู่ความโกรธ ความเกลียด อาฆาตพยาบาทจองเวรตามลำดับ

จงพึงระวังความเมตตาที่บริสุทธิ์ที่อาจค่อย ๆเเปรเปลี่ยนไปตามแรงกิเลส ตัณหา จนกลายเป็นความรัก และพอกพูนขึ้้น.............



โดย: find me pr วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:8:24:20 น.  

 



โดย: find me pr วันที่: 14 พฤษภาคม 2554 เวลา:19:49:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jamaica
Location :
1 Albania

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 164 คน [?]





ฝากข้อความที่นี่ค่ะ^_^


++ Harmony of Life ++
ช่วงเวลาดีๆ และ....
ความรู้สึกดี ๆ เกิดขึ้นได้เสมอ
เมื่อเรามีหัวใจจะสรรค์สร้าง
รู้สึกดีกับตัวเราเองรู้สึกดีกับสิ่งต่างๆ
กับใครๆรายรอบตัว......และ
แบ่งปันความรู้สึกที่ดีให้แก่กัน
ทุก ๆวัน ก็จะเต็มไปด้วยความสุข
และความรู้สึกดีๆ ค่ะ ^_^



"เปิดBlog 5 กรกฎาคม 2553"

ขอบคุณทุกๆกำลังใจที่มอบให้
jamaica's Blog นะคะ


BlogGang Popular Award # 6

BlogGang Popular Award # 7

BlogGang Popular Award # 7

BlogGang Popular Award # 8

BlogGang Popular Award # 8

BlogGang Popular Award # 9

BlogGang Popular Award # 9

BlogGang Popular Award # 9

BlogGang Popular Award #10
Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2553
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
16 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add jamaica's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.