| ห้องฝากข้อความ | Youtube.com | เติมใจให้กัน | MY Photos | |www.facebook.com|

เดินเรื่อยเปื่อย...บันทึกภาพข้างรั้วชาวบ้าน ....ภาค 1











ข้างรั้วชาวบ้านภาค 1

ภาพโดย :: jamaica






ไม้ดอก : กาหลง
.

.

.


กาหลง : Snowy Orchid Tree
ชื่อพื้นเมืองอื่น ๆ : กาแจ๊ะกูโด (มลายู-นราธิวาส), ส้มเสี้ยว (ภาคกลาง),
เสี้ยวน้อย (เชียงใหม่), เสี้ยวดอกขาว

กาหลง เป็นต้นไม้ประจำจังหวัดสตูล ที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ปลูกขึ้นง่ายในดินร่วนทั่วไป ที่มีความชื้นและอุดมสมบูรณ์
นิยมปลูกเป็นปลูกเป็นไม้ประดับ


ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

กาหลงเป็นไม้พุ่ม สูง 1-3 เมตร ใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปไข่หรือเกือบกลม
ปลายเว้าลึกคล้ายใบแฝด ลงมาสู่เส้นกลางใบลึกเกือบครึ่งแผ่นใบ
ปลายแฉกทั้งสองข้างแหลมปลายเส้นกลางใบมีติ่งเล็กแหลม
ผลัดใบในฤดูหนาวระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม
และจะแตกใบใหม่ราวเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม
ดอกออกหลังจากใบใหม่แตกออกมาแล้ว

ดอกกาหลง มี 5 กลีบ สีขาว มีลักษณะเป็นช่อดอกสั้นๆ
ออกตรงข้ามกับใบที่อยู่ตอนปลายกิ่ง เกสร 10 อัน มี 3-10 ดอก
ฝักแบน คล้ายรูปขอบขนาน ปลายและโคนฝักสอบแหลม
ปลายฝักมีติ่งแหลม ขอบฝักเป็นสันหนา มี 5-10 เมล็ด
เมล็ดเล็กคล้ายรูปขอบขนาน

การกระจายพันธุ์ของกาหลง

กาหลงไม่สามารถบอกได้ว่ามีถิ่นกำเนิดมาจากไหนเพราะมีการปลูกเลี้ยงกันอย่างกว้างขวาง
อาจมีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศมาเลเซีย, อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ กาหลงนิยมปลูกเป็นไม้
ประดับกันอย่างแพร่หลายทั่วเขตร้อน อาจทำให้มีบางส่วนหลุดรอดจากพื้นที่ปลูกเลี้ยง
ในบางพื้นที่จนกลายเป็นต้นไม้ตามธรรมชาติในคาบสมุทรแคฟยอร์ค
(Cape York Peninsula) ออสเตรเลีย

ขยายพันธุ์ ด้วยการเพาะเมล็ดและการตอนกิ่ง กาหลงออกดอกได้ตลอดปี

(ข้อมูลจากวิกิพีเดีย)


1










2




.



.



.


ไม้ดอก : เข็มเหลือง

ชื่ออื่น ๆ : เข็มแสด , พุ่มสุวรรณ , เข็มเหลือง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ascocentrum Minatum ( Lindl.)
วงศ์ : RUBIACEAE

ลักษณะทั่วไป

ต้น : เป็นพรรณไม้พุ่มแต่เล็กกว่าเข็มขาว
ใบ : ใบนั้นจะเป็นรูปไข่ ริมขอบใบจะเรียบ ส่วนตรงปลายใบมน
ดอก : ดอกนั้นจะอยู่รวมกันเป็นช่อมีสีเหลือง แต่ไม่มีกลิ่นหอม
การขยายพันธุ์ : โดยการตอนกิ่ง หรือทางกิ่ง

ส่วนที่ใช้ : ราก ใช้เป็นยา
สรรพคุณ : ราก ใช้ปรุงเป็นยารักษาฝีกาฬจักหัวใจ



3








4









5








6





.



.



.


สีม่วงสวย :: ดอกผักตบชวา

เล่ากันว่าออกดอกง่ายมากๆ ขยันออกดอกให้ได้ชมอยู่เรื่อยเลย แต่ดอกมันไม่ทน

ชื่อที่เรียก ผักตบชวา ชื่ออื่นๆ
ผักพาย ผักตบใบพาย(อีสาน) ค้นจ่อง(ขอนแก่น) ผักคันจอง(อุดรธานี)
หมวดหมู่ทรัพยากร ยังไม่ได้ระบุ

ลักษณะ
ผักตบ เป็นพืชที่ขึ้นอยู่ในน้ำ และสามารถขึ้นอยู่ที่น้ำสะอาดและสกปรกได้
เป็นพืชที่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วผักตบจะออกเป็นกอใหญ่ๆ ลอยอยู่ตามลำน้ำอย่างหนาแน่น
ผักตบมีก้านใบยาวและอวบแต่ละก้านจะมีใบเพียงใบเดียว ใบกว้างใหญ่ โค้งมนเหมือนใบโพ
โคนใบอวบ ส่วนที่ติดอยู่กับใบจะเรียวเล็กลง ดอกออกจากกอเป็นก้านยาวและมีดอกรวมกัน
แน่นหลายดอก สีขาวม่วงหรือสีฟ้า ผักตบมี ๒ ชนิด คือผักตบไทยและผักตบชวา
ลักษณะของลำต้นและใบคล้ายคลึงกัน ผิดกันแต่ดอก ผักตบไทยดอกเป็นกลุ่ม
ที่ช่อดอก ส่วนผักตบชวาดอกเป็นช่อยาว

ประโยชน์

1. นำมาเป็นอาหารสัตว์ โดยปกติ ปศุสัตว์หลายชนิดกินผักตบชวาอยู่แล้ว
กล่าวคือ วัว ควาย แพะ แกะ หินผักตบชวาที่ขึ้นอยู่ริมฝั่งตามธรรมชาติ
ปลาบางชนิดกินผักตบชวาในน้ำ หมูกินผักตบชวาที่ผู้เลี้ยงเก็บมาต้มให้กิน
สัตว์เหล่านี้ จะช่วยกำจัดผักตบชวาให้ลดน้อยลงได้

2.ปุ๋ย ผักตบชวามาตุโปแตสเซียมอยู่มากเป็นพิเศษ


7










8





.



.



.


ชมไม้ดอก :: ชบาขาว


ลักษณะทั่วไป

ชบาในบ้านเรารู้จักกันมานานแล้ว จะเห็นได้จากบ้านคนสมัยก่อนจะมีชบายอยู่แทบทุกบ้าน
ปัจจุบันชบาได้รับการผสมพันธุ์เพื่อให้ได้พันธุ์ใหม่ออกมามากมาย ซึ่งล้วนแต่สวย ๆ งาม ๆ
ทั้งนั้น ทำให้ได้ดอกของชบาที่มีรูปร่างสวยงามสีสันของดอกสดใส ขบานั้นจัดเป็นไม้พุ่ม
ความสูงดดยทั่วไปประมาณ 2.50 เมตร ใบมีสีเขียวเข้ม มนรี ปลายใบแหลม
แต่ปัจจุบันก็ยังมีพันธุ์ แตกต่างออกไปอีกมากมาย


การดูแล

แสง ชอบแสงแดดมาก
น้ำ ต้องการน้ำพอประมาณ
ดิน เป็นไม้ที่ปลูกได้ง่ายสามารถเจริญเติบโตได้ในดินแทบทุกชนิด
แต่ไม่ควรให้ดินเปียกหรือแฉะเกินไป
ปุ๋ย ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก
การขยายพันธ์ ตอน ปักชำ
โรคและแมลง ไม่ค่อยมีโรคจะมีก็แต่เพลี้ยที่รบกวนอยู่
การป้องกันกำจัด ฉีดพ่นด้วยยามาลาไธออนหรือไดอาซินอน ตามคำแนะนำที่ระบุไว้ในฉลาก


ลักษณะเด่นของพืชชนิดนี้

คือ มีเส้นใยและยางเมือก (mucilagnous) อยู่ในเนื้อไม้โดยทั่วไปเป็นไม้พุ่มขนาดกลาง
ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงเวียนสลับมีรูปร่างหลายแบบ เช่น รูปไข่ รูปกลม รูปรีหรือเว้าเป็นแฉก
3-5 แฉก มีกลีบดอก 5 กลีบแต่ละดอกจะเชื่อมติดกันเป็นวงที่ฐานดอกเกสรเพศผู้
ประกอบด้วยอับเรณูสีเหลืองรูปไตและก้านชูอับเรณูสีขาวหรือสีเดียวกันเกสรเพศเมีย
อยู่ปลายหลอดเกสรเพศผู้มักมีก้านเล็ก ๆ แยกยอดเกสรเพศเมียเป็น 5 ยอด
ตามจำนวนห้องรังไข่ส่วนยอดมีน้ำหวานสำหรับจับละอองเรณู

ประเภทของดอกอาจแบ่งได้ 3 ลักษณะ คือ
1.ดอกบานเป็นรูปถ้วย
2.ดอกบานเป็นรูปแผ่แบน
3.กลีบดอกบานแบบแผ่โค้ง


การขยายพันธุ์

การขยายพันธุ์มี 3 วิธี คือ
1.การปักชำ
2.การเสียบยอด
3.การติดตา

โรคและแมลงศัตรู
1. โรค ที่พบในชบาได้แก่ โรคใบจุดในช่วงฤดูฝน
โรคใบหงิกที่เกิดจากเชื้อไวรัสโดยมีแมลงหวี่ขาวเป็นพาหะ

2. แมลงศัตรุ ที่พบมากได้แก่ แมลงหวี่ขาวดูดน้ำเลี้ยงจากใบและยอดอ่อน
ทำให้เกิดโรค ใบหงิก เพลี้ยแป้ง เพี้ยหอย
ดูดน้ำเลี้ยงจากใบและกิ่งก้านนอกจากนี้ยังมีหนอนผีเสื้อบางชนิดกัดกินดอกอ่อน
ทำให้ดอกไม่บานหรือกลีบเว้าแห่วง

3. สัตว์สัตรู ได้แก่ หอยทาก ทำลายโดยการกัดกินดอก กำจัดโดย
ใช้มือดึงออกหรือโรยปูนขาวรอบพื้นที่ปลูก

สรรพคุณทางยาและประโยชน์

ในคัมภีร์อายุรเวท พูดถึงสรรพคุณของดอกชบาว่า ช่วยฟอกโลหิต บำรุงจิตใจให้แช่มชื่น
บำรุงผิวพรรณ นอกจากนี้ยังช่วยรักษาและบรรเทาโรคเกี่ยวกับไต และโดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับ
ระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง เช่นเสียเลือดประจำเดือนมากเกินไป ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ
รวมทั้งปัญหาเรื่องระดูขาวไม่เพียงแต่ดอกชบาเท่านั้นที่ใช้เป็นยาดีของอินเดีย ส่วนอื่นๆ
ของชบายังใช้เป็นยารักษาโรคได้ด้วย อย่างเช่น เปลือกต้นชบาใช้รักษาโรคผิวหนัง
ที่เกิดจากเชื้อรา ใบชบาใช้แก้แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก บำรุงผม

ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ มีระดูขาว - นำดอกชบาสด 4 ดอกมาตำให้แหลก
แล้วกินตอนท้องว่างในตอนเช้าติดต่อกัน 7 วัน นำดอกชบามาตากให้แห้งในที่ร่ม
เมื่อแห้งสนิทดีแล้ว เอามาบดเป็นผง กินครั้งละ 1 ช้อนชาตอนเช้าติดต่อกันนาน 7 วัน
ประจำเดือนไม่มา ใช้ดอกชบา 3 ดอกบดให้แหลก แล้วผสมกับน้ำมะนาวสัก 2 ช้อนโต๊ะ
หรือผสมกับนม 1 แก้ว แล้วดื่มตอนท้องว่างตอนเช้า จะช่วยปรับเรื่องประจำเดือนได้
เอาเฉพาะกลีบดอกชบาผสมกับน้ำตาลอ้อยหรือน้ำตาลปี๊บอย่างละเท่าๆ กันใส่ในโถแก้ว
มีฝาปิด แล้วเอาโถแก้วออกตากแดดติดต่อกันสัก 21 วัน น้ำตาลจะละลายผสมกับดอกชบา
พอครบกำหนดแล้วเอามากินครั้งละ 2 ช้อนชา วันละ 2 ครั้ง นานสองถึงสามสัปดาห์
ยาสูตรนี้ถือว่า เป็นยาบำรุงประจำเดือน

ดับร้อนและแก้ไข้ - ใช้ดอกชบา 4 ดอกแช่ในน้ำต้มสุก 2 แก้ว
แล้วดื่มต่างน้ำ จะช่วยดับร้อนผ่อนกระหายและแก้ไข้ได้ดี

รักษาโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา เช่น ฮ่องกงฟุต - ใช้เปลือกต้น 50 กรัม
แช่ในแอลกอฮอล์ 150 ซีซี นานหนึ่งวัน แล้วกรองเอาแต่น้ำยาไว้ทาบริเวณที่เป็นฮ่องกงฟุต

รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก - ใช้ใบชบาหรือฐานดอกก็ได้มาตำให้แหลก
แล้วเอามาพอกบริเวณที่ถูกไฟไหม้น้ำร้อนลวก น้ำเมือกจากใบจะช่วยรักษาแผลได้เป็นอย่างดี

บำรุงผม - ใช้ใบชบาหนึ่งกำมือมาล้างให้สะอาด ตำให้แหลก เติมน้ำเล็กน้อย
แล้วคั้นเอาแต่น้ำ กรองเอากากทิ้ง แล้วใช้น้ำเมือกจากใบชบาสระผม
ช่วยชำระล้างสิ่งสกปรก และบำรุงเส้นผมให้ดกดำเป็นเงางาม



9








10




.



.



.



ขอบคุณเพลงเพราะ ๆจากยูทูป
ขอบคุณเพื่อน ๆที่แวะเข้ามาเยี่ยมด้วยค่ะ
(เพื่อน ๆที่แวะเข้ามาไม่ต้องโหวตสาขาภาพถ่ายให้บล้อกนี้นะคะ)

▶เยี่ยมชมหน้าหลักได้ที่นี่ค่ะ



Create Date : 02 กันยายน 2555
Last Update : 2 กันยายน 2555 21:38:59 น. 0 comments
Counter : 2248 Pageviews.

jamaica
Location :
1 Albania

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 164 คน [?]





ฝากข้อความที่นี่ค่ะ^_^


++ Harmony of Life ++
ช่วงเวลาดีๆ และ....
ความรู้สึกดี ๆ เกิดขึ้นได้เสมอ
เมื่อเรามีหัวใจจะสรรค์สร้าง
รู้สึกดีกับตัวเราเองรู้สึกดีกับสิ่งต่างๆ
กับใครๆรายรอบตัว......และ
แบ่งปันความรู้สึกที่ดีให้แก่กัน
ทุก ๆวัน ก็จะเต็มไปด้วยความสุข
และความรู้สึกดีๆ ค่ะ ^_^



"เปิดBlog 5 กรกฎาคม 2553"

ขอบคุณทุกๆกำลังใจที่มอบให้
jamaica's Blog นะคะ


BlogGang Popular Award # 6

BlogGang Popular Award # 7

BlogGang Popular Award # 7

BlogGang Popular Award # 8

BlogGang Popular Award # 8

BlogGang Popular Award # 9

BlogGang Popular Award # 9

BlogGang Popular Award # 9

BlogGang Popular Award #10
Group Blog
 
<<
กันยายน 2555
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
2 กันยายน 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add jamaica's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.