เยือนถิ่นแปดริ้ว...พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุข และคุ้มวิมานดิน...
เสาร์สบายๆ วันหนึ่ง ชวนกันทั้งครอบครัวออกมาตะเวนเที่ยวกัน ตอนแรกๆ แม่อยากไปกินอาหารทะเลแถวอ่างศิลา แต่ไปๆ มาๆ ก็ชวนกันไปไหว้พระดีกว่า เคยเห็นพระพิฆเนศปางนอนสีชมพูสวยสดงดงามในอินเตอร์เน็ตมาก่อน ก็เลยอยากลองมาให้เห็นกับตาว่า องค์ใหญ่ขนาดไหน และสีสันสวยงามเพียงใด "พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุของค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย" ตั้งอยู่ที่วัดสมานรัตนาราม (ใหม่ขุนสมาน) ตำบลบางแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา ถ้าใครไปไม่ถูกก็มาตามแผนที่นี้ได้ แต่จริงๆ ไม่น่าจะหลง เพราะเห็นมีป้ายติดตลอดทางเลย ที่นี่ก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณต้นปี 53 ที่ผ่านมานี้เอง ส่วนพระพิฆเนศองค์ยืนใหญ่ที่สุดในโลกกำลังก่อสร้างอยู่ ถ้าใครจะแวะไปทำบุญก็ได้นะ อานุภาพที่โดดเด่นของพระพิฆเนศปางนอนเสวยสุข คือ ความสุขสบาย ความสุขบริบูรณ์มั่งคั่งพร้อมทุกด้าน รื่นรมย์ไร้ทุกข์ ไร้ความเศร้าหมอง อิ่มหนำสำราญ มีกิน โชคลาภ จะนำความสุขสบายมาสู่ผู้บูชา พระพิฆเนศเป็นเทพที่มีพระวรกายแตกต่างจากเทพอื่นๆ มีพระวรกายเป็นมนุษย์แต่มีพระพักตร์เป็นคชสาร ได้มีการอธิบายถึงพระวรกายของพระองค์ดังนี้ 1. พระเศียร หมายถึง วิญญาณ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการมีชีวิต 2. พระวรกาย แสดงถึงการที่เป็นมนุษย์อยู่บนพื้นปฐพี 3. ศีรษะช้าง แสดงถึงความเฉลียวฉลาด 4. เสียงดังที่เปล่งออกมาจากงวง หมายถึงคำว่า "โอม" ซึ่งเป็นเสียงแสดงถึงความเป็นสัจจุของสุริยจักรวาล 5. หระหัตถ์บนด้านขวาทรงเชือกบ่วงบาศน์ที่ทรงใช้ในการนำพามนุษย์ไปสู่เส้นทางแห่งธรรมะ และหลุดพ้นพร้อมทรงขจัดอุปสรรคในระหว่างทาง 6. พระหัตถ์บนซ้ายทรงเชือกขอสับที่ใช้ในการป้องกันและพันฝ่าความยากลำบาก 7. มือขวาล่างทรงงาที่หักครึ่งซึ่งพระองค์ทรงใช้เป็นปากกาในการเขียนมหากาพย์มหาภารตะ ให้มหาฤษีเวทวยาสมุนีและเป็นสัญญลักษณ์แห่งความเสียสละ 8. อีกมือทรงลูกประคำที่แสดงว่าการแสวงหาความรู้จะต้องเป็นไปอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา 9.ขนมโมณฑกะหรือขนมหวานลัดดูในงวงเป็นการชี้นำว่า มนุษย์จะต้องแสวงหาความหวานชื่นในจิตวิญญาณของตนเองเพื่อที่จะได้มีจิตเอื้อเพื้อเผื่อแผ่ให้กับคนอื่นๆ 10. หูที่กว้างใหญ่เหมือนใบพัดหมายความว่าท่านพร้อมที่รับฟังสิ่งที่เราร้องเรียนและเรียกหา 11. งูที่พันอยู่รอบท้องท่านแสดงถึงพลังที่มีอยู่โดยรอบ 12. หนูที่ทรงใช้เป็นพาหนะแสดงถึงความไม่ถือองค์ และพร้อมที่จะเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตที่เล็กและเป็นที่รังเกียจของมนุษย์ส่วนมาก ออกจากวัดแล้วขับรถไปเรื่อยๆ เห็นป้าย "คุ้มวิมานดิน" น้องชายบอกว่า ที่นี่ล่ะที่อยากมาตั้งนานแล้ว ก็เลยแวะซะหน่อย เสียค่าเข้าคนละ 30 บาท โดยเปิดให้เข้าชมเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดเทศกาลเท่านั้น เคยมีรายการโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และหนังสือท่องเที่ยวต่างๆ มาเยี่ยมชม และทำรายการอยู่เรื่อยๆ มีรายขายอาหารแบบง่ายๆ และเครื่องดื่ม คอยให้บริการอยู่ด้วย สำหรับใครที่เข้ามาเที่ยว หรือมาปั้นดินที่นี่ จะได้ไม่ต้องหิ้วท้องรอออกไปกินข้างนอก ช่วงนั้นไปถึงใกล้ๆ เที่ยงพอดี ก็เลยลองสั่งขนมจีบกุ้งมากินสักจาน จานละ 55 บาท ได้เนื้อกุ้งเน้นๆ แต่รสชาติเหมือนแกะมาจากอาหารแช่แข็งทั่วๆ ไปที่เคยกินเลย มุมส่งโปสการ์ดน่ารักๆ "ฝากส่งโปสการ์ดตรงนี้โยม!" มีโปสการ์ดสวยๆ น่ารักๆ เพียบเลย ด้านนอกมีตุ๊กตาดินเผาที่เรียกรอยยิ้มพวกเราได้เยอะแยะ มีทั้งเอาไว้โชว์ และเอาไว้ขายด้วย กว่าจะเป็นคุ้มวิมานดิน เครื่องปั้นดินเผาคุ้มวิมานดินเกิดจากความรักความชอบของคนคนหนึ่งที่มีความฝันเล็กๆ ที่จุดประกายไปยังชาวบ้านจากบ้านใกล้ไปสู่บ้านไกลที่มากมายด้วยมิตรไมตรีของผู้คน น้ำจิต น้ำใจ และรักแผ่นดินถิ่นที่เกิด ณ กิ่งอำเภอคลองเขื่อน จังหวัดฉะเชิงเทรา พวกเขาเริ่มจากศูนย์สู่ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ ด้วยแนวคิด และความกล้าหาญที่จะต่อสู้ กับสิ่งที่แสนจะธรรมดาให้กลายเป็น "ความไม่ธรรมดา" เครื่องปั้นดินเผาวิมานดินจึงออกมาจาก ภูมิสติปัญญาแห่งท้องถิ่น และกลิ่นไอแห่งชนบทอันอบอุ่น คุณจะได้สัมผัสถึงความเป็นแบบเฉพาะของเครื่องปั้นดินเผาที่ถูกใส่ไอเดีย และใจลงไปในงานทุกชิ้น (คัดลอกมาจาก //www.koomwimarndin.com) ความเห็นส่วนตัวสำหรับที่นี่ คือ ถ้าใครต้องการมาปั้นดิน ก็สามารถอยู่ได้เป็นวันๆ เลย แต่ถ้าไม่ค่อยชอบงานแบบนี้เท่าไหร่ ก็ได้แต่เข้ามาชม และถ่ายรูปผลงานน่ารักๆ ทั้งหลายเหล่านี้แทน
Create Date : 02 กรกฎาคม 2553 |
Last Update : 2 กรกฎาคม 2553 16:30:51 น. |
|
63 comments
|
Counter : 12257 Pageviews. |
|
|
ต้องอ่านทบทวนหลายครั้ง
ขอบคุณมากๆค่ะ ยิ่งได้ไปกับครอบครัว มีความสุขที่สุดค่ะ
ขอบคุณคุณหนึ่งที่เเชร์ประสบการณ์ค่ะ เพราะไม่เคยไปเมืองจีน สิ่งที่ได้เจอที่ญี่ปุ่นก็ไม่กล้าพูด ได้เเต่เก็บไว้ในใจ
หยุดสุดสัปดาห์ไปไหน มาเล่าสู่กันฟังนะคะ