ขอออกตัวก่อนว่า วันนี้ภาพเยอะสักนิด เพราะต้องรีบจบทริปเกาหลีก่อนไปปักกิ่งวันที่ 21-25/4 นี้

พยามยาม resize ให้เหลือ 150KB เพื่อจะได้โหลดได้เร็วขึ้นนะคะ

บินออกจากน่านฟ้าญี่ปุ่น เวลา 15.35 ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เราก็ได้มาเยือนเกาหลีกันอีกครั้ง

มาถึงเกาหลีก็เจอฝนตกอีกแล้ว เซ็งเลย...

จุดหมายแรก คือ "ช็อปปิ้งที่เมียงดง" 

หนีไม่พ้นเครื่องสำอางค์ Etude และ Skinfood ออเดอร์มาเป็นหางว่าวเลย

มื้อเย็นวันนี้ฝากท้องไว้กับเมนู "คาลบี้" หมูที่ผ่านการหมักแล้วเอามาย่างบนเตาถ่านร้อนๆ

สงสัยลูกค้าจะเยอะ หมูก็เลยยังหมักไม่ได้ที่ เนื้อเหนียวมาก และมีแต่มันอีกต่างหาก

2 คืนในเกาหลีนอนหลับพักผ่อนใน "Hamilton Hotel" อยู่แถวๆ อินแทวอน

โรงแรมที่นี่ต่างจากญี่ปุ่นลิบลับ ไม่ค่อยมีอุปกรณ์ต่างๆ เอาไว้ให้บริการ

แม้แต่แชมพูกับครีมนวดผมก็ยังต้องซื้อเอา ดีนะที่เตรียมมาจากบ้านเรียบร้อย

อากาศที่เกาหลีต่ำกว่าญี่ปุ่นประมาณ 5 องศา เห็นไกด์บอกว่า พรุ่งนี้อุณหภูมิประมาณ 0 องศา

ไม่ไหวแน่ๆ ไม่ได้เตรียมเครื่องกันหนาวมาเลย เช็คอินเรียบร้อยก็ชวนน้องชายออกมาหาซื้อเสื้อกันหนาวกัน

แต่มาถึงก็ดึกแล้ว ต้องเดินหาอยู่นานเหมือนกันกว่าจะเจอ ลมก็แรง หนาวก็หนาว

ที่นี่จะคึกคักตอนกลางคืน ช่วงเช้าๆ ก็เลยยังเงียบเหงาแบบนี้

ขึ้นเรือข้ามฟากประมาณ 10 นาทีก็มาถึง "เกาะนามิ"

จริงๆ เกาะนี้ไม่มีอะไรมาก แค่เป็นสถานที่ถ่ายทำละคร Winter Love Song เท่านั้นเอง

จะโรแมนติคตรงที่ลุงคนสวนกวาดใบไม้ที่ร่วงๆ มารวมกันเป็นรูปหัวใจตลอดแนวทางเดิน

แล้วนักท่องเที่ยวก็มาถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน

วันนี้หนาวสุดๆ เลย แถมฝนยังตกลงมาตลอดอีกต่างหาก

ยังดีนะที่มาหาซื้อถุงมือได้ที่ร้านก่อนขึ้นเรือข้ามฟาก ไม่อย่างนั้นมือแข็งถ่ายรูปไม่ได้แน่ๆ

มีที่พิงไฟเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายเป็นระยะๆ ดีจัง...

มีเวลาอยู่บนเกาะแค่ชั่วโมงเดียวเอง ยังถ่ายรูปไม่สะใจเลย ก็ต้องข้ามฝั่งกลับกันแล้ว

มื้อเที่ยงวันนี้เป็นเมนู "ทัคคาลบิ" หรือบาร์บีคิวไก่กะทะร้อน อาหารขึ้นชื่อของเมืองชุนชอน

ต้องเอาส่วนผสมทั้งหมดมาผัดบนกะทะ รสชาติมันๆ แปลกๆ

จากนั้นกลับเข้าเมือง ไปช็อปปิ้งกันที่ตลาดทงแทมุนก่อน แล้วมาชมวิว 360 องศาที่ "Seoul Tower"

1 ใน 18 หอคอยเมืองที่สูงที่สุดในโลก ความสูง 480 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล

ตั้งอยู่บนภูเขานัมซาน ภูเขาแห่งเดียวที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโซล

ลงมาเที่ยว "คลองชองเกชอน" กันต่อ เป็นคลองเก่าแก่ในอดีตมีอายุกว่า 600 ปี

แต่มีการพัฒนาและบูรณะขึ้นมาใหม่ น้ำในคลองใสมาก....

มื้อเย็นวันนี้เป็น "บุฟเฟ่ต์ขาปูยักษ์" แต่ชิมแล้วคิดว่าจะสู้เนื้อปูบ้านเราไม่ได้ ก็เลยกินไปแค่ไม่กี่ขาเอง

ต่อจากนั้นไปชมการแสดงของ "Drum Cat" เป็นโชว์ตีกลองที่น่าทึ่งมากๆ สาวๆ เก่งทุกคนเลย

ปี 2008 ได้รางวัลชนะเลิศที่อังกฤษ ปี 2009 ในงานโคเรีย เอนเตอร์เทนเม้นท์ อวอร์ค

มาเจออากาศดีๆ แดดดีๆ ก็วันสุดท้ายแล้ว อุณหภูมิวันนี้ประมาณ 1 องศา

เช้านี้เริ่มต้นโปรแกรมกันที่ "บลูเฮ้าส์" ทำเนียบประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ลีเมียงบัค (ห้ามถ่ายรูป)

แวะถ่ายรูปที่ "อนุสาวรีย์รูปนกฟีนิกซ์" สัญลักษณ์ความเป็นอมตะ ชมวิวอันสวยงามของภูเขารูปหัวมังกร

จุดที่มีฮวงจุ้ยที่ดีที่สุดของกรุงโซล

ก่อนเข้าชมพระราชวังเคียงบ็อค มาแวะที่ "พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน"

ดูประวัติย้อนหลังและสัมผัสกับวิถีชีวิตความเป็นมาของคนเกาหลีตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงปัจจุบัน

มาตั้งไกลมาเจอเพื่อนสมัยเรียน ม.ปลายอีก ทั้งๆ ที่ไม่ได้เจอกันมาเป็นสิบปีเลย โลกกลมจริงๆ

"พระราชวังเคียงบ็อค" พระราชวังไม้โบราณที่เก่าแก่กว่า 600 ปี และใหญ่ที่สุดในเกาหลี

เคยเป็นศูนย์บัญชาการทางการทหารและเป็นที่ประทับของกษัตริย์

ไปเที่ยวกับทัวร์ไม่ดีตรงที่มีข้อจำกัดเรื่องของเวลา ยังไม่ทันได้เดินเที่ยว ก็โดนเร่งให้กลับออกมาซะแล้ว

จากพระราชวังเคียงบ็อคก็ไปช็อปปิ้งกันที่ "ดงฮวาดิวตี้ฟรี" และ "ศูนย์โสมเกาหลี"

บ่ายโมงนิดๆ ถึงได้มากินข้าวเที่ยงเมนู "ซัมเคทัง" หรือไก่ตุ๋นโสมเกาหลี เมนูเลื่องชื่อ

ระหว่างทางไปสนามบิน แวะช็อปปิ้งต่อที่ "Korea Shopping Center" ให้ซื้อสินค้าพื้นเมือง

ในสนามบินอินชอนมีกิจกรรมให้ทำมากมายระหว่างรอเครื่องบิน

ตอนขามา ก็ใส่ชุดประจำชาติเกาหลีถ่ายรูป ตอนขากลับก็ต่อโต๊ะไม้ระบายสีเป็นของที่ระลึก

ใน "Korea Traditional Cultural Experience Center"

เรื่องน่าเศร้าก็เกิดขึ้นกับเราจนได้

เมื่อทำกระเป๋าตังค์หล่นหายในสนามบิน เค้าประกาศขึ้นเครื่อง ไม่มีเวลาไปตามหาซะแล้ว

ยังดีนะที่มาหายตอนจะกลับ ถ้าหายตอนมาถึงสงสัยได้ร้องไห้ขี้มูกโป่งแน่ๆ

Create Date : 18 เมษายน 2553
Last Update : 18 เมษายน 2553 1:15:51 น.		90 comments
Counter : 3017 Pageviews.
Share Tweet