ทริปฉุกเฉิน: ตามมาป๊ากับแม่ที่พลัดหลงบนเขาคิชฌกูฎ จันทบุรี
เมื่อวานมีเหตุทำให้ต้องลางานครึ่งวันเพื่อไปเขาคิชฌกูฎแบบด่วนๆ เรื่องของเรื่องคือ ป๊ากับแม่เกิดพลัดหลงกับหมู่คณะตั้งแต่ 7.30 น. แต่พวกเค้าลืมมือถือไว้ที่บ้าน ก็เลยติดต่อกันไม่ได้ ตอน 9.30 น. น้าที่ไปด้วยกันโทรมาถามว่าแม่ได้ติดต่อมาบ้างหรือเปล่า พยายามโทรไปถามความคืบหน้ากับน้าอยู่เรื่อยๆ ว่าเป็นยังไงบ้าง รอจนถึง 11 โมงก็ยังหาตัวกันไม่เจอ ในที่สุดทนรอฟังข่าวอยู่ทางนี้ไม่ไหว เลยต้องบึ่งรถไปตามหาป๊ากับแม่ที่เขาคิชกูฎด้วยกันกับน้องชาย จน 12.30 น. แม่โทรเข้ามือถือบอกว่า หาพวกน้าๆ ไม่เจอเลย ไม่รู้หายไปไหนกันหมด ก็เลยบอกแม่ไปว่า พวกเค้าตามหาแม่กันตั้งแต่ 7.30 น.แล้ว แม่กับป๊าล่ะหายไปไหนมา บอกจุดบอกสถานที่รอกันเรียบร้อย ก็เลยโทรบอกให้น้ากลับไปรับแม่ที่เดิม ตั้งแต่ 9.30-12.30 น. เป็นช่วงที่กระวนกระวายใจมาก ไม่เคยกลัวอะไรเท่านี้มาก่อนเลย กลัวว่าพวกเค้าจะเป็นอะไรไป เพราะน้าๆ บอกว่า ทั้งประกาาศหา ทั้งกระจายกำลังกันหา ก็หาไม่เจอ และน่าแปลกคือ เค้าอยู่ตรงที่เดียวกันนี่ล่ะ เจอเหตุการณ์ต่างๆ เหมือนกัน ยืนอยู่ใกล้ๆ กัน แต่ต่างก็มองไม่เห็นกัน ไม่น่าเชื่อว่า กลุ่ม 5 คนจะหาคน 2 คนไม่เจอ และคน 2 คน จะมองไม่เห็นกลุ่ม 5 คน พอติดต่อกันได้ก็โล่งใจ แต่ไหนๆ ก็ขับรถมาจนถึงเมืองจันทน์แล้ว ก็เลยแวะมาไหว้พระที่นี่ซะหน่อย ต้องขึ้นรถทั้งหมด 2 ต่อ ต่อละ 50 บาท ยังดีว่าวันนี้อากาศไม่ร้อน ลมพัดเย็นสบายตลอดทั้งวัน เพราะปกติแล้วเค้าจะมากันค่ำๆ จนถึงตอนเช้า เพื่อที่นั่งรถและเดินขึ้นเขาจะได้ไม่ร้อน ไหว้พระที่นี่เค้าไม่ต้องจุดธูปเทียน แต่เอามาปักลงกระถางธูปได้เลย ดอกดาวเรืองเอาไว้โปรยตามทางที่เราเดินขึ้นเขา เดี๋ยวนี้ไปที่ไหนๆ ก็มีเสื้อยืดสกรีนลายแต่ละถิ่นมาขาย ไหว้พระขั้นแรกเสร็จ ก็นั่งรถปิกอัพหัวฟูขึ้นมาขั้นที่สองกันต่อ จากตรงจุดนี้ต้องเดินขึ้นเขาไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร แต่ดีนะ เค้าขึงเชือกเอาไว้ให้จับกันลื่นล้มกันด้วย หรือใครจะมีไม้เท้าเอาไว้ค้ำยันก็ได้ และถ้าเดินต่อไปไม่ไหวก็นั่งพักกันซะก่อน มีป้ายบอกให้รับใบประกาศเกียรติคุณด้วย ออกจากออฟฟิศตั้งแต่ 11 โมงกว่าๆ จนตอนนี้บ่าย 3 แล้ว เลยต้องหาอะไรรองท้องซะหน่อย ที่นี่จะมีซุ้มขายอาหารและเครื่องดื่มอยู่ตามทาง ไม่ต้องกลัวว่าจะหิวกันเลย ในที่สุดปีนี้ก็ได้ขึ้นมาถึงตรงจุดนี้จนได้ เมื่อ 2-3 ปีก่อนเคยมาแล้วนึง แต่ตอนนั้นมาช่วงวันมาฆบูชา คนเยอะมากๆ ก็เลยมาไม่ถึงที่นี่ ขึ้นมาถึงข้างบน ต้องมาสักการะรอยพระพุทธบาท และบางคนก็ก้มดูว่า ทำไมหินก้อนโตๆ ก้อนนี้ถึงตั้งอยู่บนหน้าผาได้โดยที่ไม่หล่น "หลวงพ่อเขียน" เทพเจ้าแห่งขุนเขาคิชฌกูฎ ท่านสามารถหยั่งรู้ดินฟ้าอากาศ และเดินขึ้นเขาคิชฌกูฎได้เร็วจนชาวบ้านตามไม่ทัน ระหว่างทางจะเห็นลูกหาบที่แบกถังแก๊ส กล่องมาม่า หรือสิ่งของต่างๆ ขึ้นมาบนเขา หรือถ้าใครเดินขึ้นไม่ไหว ก็นั่งเกี้ยว (ตั้งชื่อเองนะ) ขึ้นไม่ได้ ได้ยินเค้าคุยกันว่า เที่ยวละ 500 บาท ระหว่างทางขึ้นและลงเขา จะมีระฆังน้อยใหญ่แขวนเรียงรายกันอยู่ แต่ที่นี่เขียนป้ายบอกไว้ว่า ห้ามเอามือผลัก หรือตี แต่ให้ใช้เหรียญเคาะระฆังแทน กำลังจะลงเขากันแล้ว ยังดีที่มาและกลับเวลานี้ ก็เลยไม่ต้องต่อคิวขึ้นรถกันนาน เพราะครั้งก่อนโน้นที่มา ต้องรอประมาณ 4 ชั่วโมงถึงจะได้ขึ้นรถ จับแน่นๆ นะ ระวังตก! คงเป็นเพราะหนทางขึ้น-ลงเขาที่สุดแสนจะลำบาก และช่วงเวลาที่เปิดให้ขึ้นมาปิดทองรอยพระพุทธบาทก็มีแค่ 2 เดือน (16/1-16/3/53) ก็เลยทำให้ผู้คนต่างก็หลั่งไหลมาที่นี่กัน ในที่สุดปีนี้ก็มาถึงที่นี่จนได้ แม้ไม่ได้ตั้งใจมา แต่มาแล้วก็ตั้งใจตั้งจิตภาวนาไหว้พระขอพรนะคะ
Create Date : 11 มีนาคม 2553 |
Last Update : 11 มีนาคม 2553 20:27:32 น. |
|
47 comments
|
Counter : 3135 Pageviews. |
|
|