ฮาร์บิ้นหนาวมากกกกกกกกก (1)
ขออัพบล็อคคั่นเวลากันสักนิด กลัวทิ้งไว้หน้าเดิมนานๆ แล้วจะพากันเบื่อซะก่อน เพิ่งกลับจากเป่ยจิง (ปักกิ่ง)-ฮาร์บิ้น เมื่อวันที่ 17/1 เครื่องบินดีเลย์ไป 2 ชั่วโมง กว่าจะกลับถึงบ้านตั้ง 4 ทุ่มแน่ะ รุ่งขึ้นก็ต้องมาทำงานอีก เพราะมีแผนที่จะลางานไปเที่ยวอีกเพียบ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ทริปนี้เริ่มจากความใฝ่ฝันของชีวิต เนื่องจากปีที่แล้วที่ไปงาน World Expo ที่เซี่ยงไฮ้ แล้วหัวหน้าทัวร์บอกว่า อีกที่หนึ่งของเมืองจีนที่น่าไปคือ "ฮาร์บิ้น (Harbin)" เมืองทั้งเมืองจะเป็นน้ำแข็ง และควรไปก่อนที่โลกเราจะเจอสภาวะโลกร้อนมากกว่านี้ ทำให้ความหนาวเย็นจะน้อยลง เมื่อมีคนมาจุดประกายแบบนี้ ก็ต้องรีบทำความฝันให้เป็นจริง เริ่มต้นหาโปรแกรมทัวร์ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และเกือบจะไม่ได้ไปอยู่หลายครั้งหลายครา เนื่องจากทัวร์ต่างๆ ที่จองไว้ปิดกรุ๊ปไม่ได้ เพราะไม่ถึง 15 คน แต่แล้ววันหนึ่งเจ้าหน้าที่ของบริษัททัวร์ก็โทรเข้ามาถามว่า จะเลื่อนวันไปจากสิ้นเดือนมกราคม มาเป็นช่วงสัปดาห์ที่สองแทนได้มั้ย เมื่อผู้ร่วมเดินทางเห็นพ้องต้องกันว่า ยังไงก็ต้องไปให้ได้ เมื่อไหร่ก็จะไป เลยดำเนินการทันที --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ทริปนี้เดินทางด้วยความทรหดอดทน เพราะความหนาวเหน็บของอากาศ ตั้งแต่ -5 ถึง -35 องศา เมื่อแรกที่เดินทางจากกรุงเทพมาถึงสนามบินเป่ยจิง เจออุณหภูมิเข้าไป -7 องศา สั่นสะท้านกันทั่วหน้า คืนแรกกว่าจะไปถึงที่พักประมาณ ตี 4 แต่ 6 โมงเช้าก็ต้องตื่นกันแล้ว เพื่อจะไปปีนกำแพงเมืองจีนกัน ได้มาปีนกำแพงเมืองจีนที่เดิมอีกครั้งภายในรอบปีกับเพื่อนอุ๋ยที่เคยพูดถึงอยู่บ่อยๆ ตอนเย็นต่อเครื่องจากเป่ยจิงไปฮาร์บิ้นกันต่อ อุณหภูมิขณะนี้ -31 องศา ยังดีกว่าไกด์พาไปซื้อเครื่องกันหนาวกันก่อน ไม่ว่าจะเป็นกางเกงเลคกิ้งที่หนาเป็นพิเศษ กางเกงกันลม และรองเท้าที่สามารถเดินบนน้ำแข็งและหิมะได้ ในร้านมีผ้าพันคอตัวมิงค์เป็นเต็มๆ ตัว ลองเอามาพันซะหน่อย อุ๊นอุ่น แต่แพงมากๆๆๆๆๆ เป็นหมื่นบาทแน่ะ เมื่อคืนได้พักผ่อนเต็มที่ โปรแกรมวันนี้คือมาเล่นสกี และร่วมงานเทศกาลโคมไฟน้ำแข็ง แปลงร่างกลายเป็น "หมีพ่นควัน" ทันที ส่วนของร่างกายเตรียมมาป้องกันความหนาวได้อย่างดิบดี แต่ที่พลาดคือ หน้าและมือ หนาวซะจนหน้าแดงแห้งแตกไปหมด และมือที่เย็นเจี๊ยบเหมือนแช่อยู่ในช่องฟรีสตลอดเวลาเลย ท้าลมหนาวด้วยการนั่งรถม้าแล่นไปยังลานหิมะซะหน่อย เจอลมแรงๆ ปะทะเข้ากับใบหน้า หลบกันแทบไม่ทัน ลานหิมะตรงนี้ ถ้ายามหน้าร้อนก็คือทะเลสาปนั่นเอง แต่ตอนนี้มันแข็งจนเป็นน้ำแข็งและมีหิมะปกคลุม ต่อด้วยการมาเล่นสกี ค่าเช่าอุปกรณ์ 180 หยวน (900 บาท) / 2 ชั่วโมง และถ้าต้องการครูฝึกก็ต้องจ่ายเงินอีก 180 หยวน / คน (แพงมากๆๆๆๆๆ) พวกเรา 4 คนเลยสรุปกันว่า เล่นกันมั่วๆ เอาเองแล้วกัน ล้มลุกคลุกคลาน กลิ้งหลุนๆ กันเป็นแถวๆ แต่ที่แน่ๆ คือ พี่เต้ยทิ้งน้องๆ หนีขึ้นไปเล่นสกีบนที่สูงคนเดียว เล่นกันพอหอมปากหอมคอ แต่จริงๆ อยากอยู่เล่นต่อนะ เสียดายเวลาน้อยไปหน่อย เพิ่งจะเริ่มเล่นได้เอง รูปนี้ไกด์สาวชาวฮาร์บิ้นเป็นคนถ่ายให้ ช็อตเดียวอยู่ เพราะถ้าให้โดดหลายๆ รอบคงไม่ไหวแน่ แค่รอบเดียวยังกระโดดได้สูงแค่นี้เอง ตอนกลางคืนมาเที่ยวกันต่อที่ "งานเทศกาลโคมไฟน้ำแข็ง" ปีนี้จ้ดมาเป็นปีที่ 13 แล้ว เห็นไกด์บอกว่าค่าเข้าประมาณ 300 หยวน อลังการงานสร้างจริงๆ สมกับที่อยากจะมาให้เห็นกับตาตั้งนานแล้ว เค้าเอาน้ำแข็งมาทำเป็นก้อนๆ แล้วประกอบเป็นประติมากรรมต่างๆ ตกแต่งด้วยดวงไฟหลากหลายสี ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ มีเวลาให้เดิน 2 ชั่วโมง พวกเราก็เดินกันจนวินาทีสุดท้าย เก็บความประทับใจเอาไว้ แค่นั้นยังหนาวไม่สะใจ ไปกินมื้อค่ำกันต่อในโดมน้ำแข็ง ซึ่งเค้าเอาน้ำแข็งก้อนๆ นี่ล่ะก่อเป็นโดมขึ้นมา แล้วให้เรานั่งกินข้าวกันในนี้ มื้อพิเศษนี้คือ "สุกี้มองโกล" แต่เกิดเหตุไม่ปกติกับเพื่อนอุ๋ย คือ นิ้วก้อยมือซ้ายไม่หายชา ทั้งๆ ที่นิ้วอื่นหายเป็นปกติแล้ว ไม่รู้จะทำกันยังไง ก็เลยให้เอานิ้วมืออังไว้กับถ้วยน้ำซุป แต่วิธีนี้เป็นการปฐมพยาบาลที่ ผิด นะ จริงๆ แล้ว ไม่ควรโดนน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนเลย แล้วให้เอาหิมะมาถูๆ กับมือ เพื่อให้เลือดมันไหลเวียนได้ดี พอฟังไกด์สาวชาวฮาร์บิ้นบอกเท่านั้นล่ะ หน้าเสียกันเป็นแถวๆ หวังดีประสงค์ร้ายแท้ๆ วันที่ 2 ที่เมืองฮาร์บิ้น ตอนเช้าไปถ่ายรูปที่โบสถ์เซนต์โซเฟีย เดินเล่นที่เกาะพระสุริยันต์ ตอนบ่ายมาที่สวนสตาลิน เป็นที่ที่เค้าใช้แข่งขันการแกะสลักหิมะน้ำแข็งกัน ในป้ายนี้ติดไว้ว่า ประเทศไทยได้รับ รางวัลที่ 2 "In His Literature" เมื่อคืนเครื่องบินจากฮาร์บินกลับเป่ยจิงดีเลย์ไป 2 ชั่วโมง ทำให้เรามาถึงเป่ยจิงก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนแล้ว ไหนจะต้องเก็บของให้เรียบร้อย ระวังเรื่องน้ำหนักไม่ให้เกิน 20 กก. เพราะวันนี้เราจะกลับกรุงเทพกันแล้ว ยังเที่ยวสนุกอยู่เลย พอได้ไปเที่ยวทีไร รู้สึกขี้เกียจกลับมาทำงานทุกทีเลย เช้านี้ไปหอฟ้าเทียนถาน และพระราชวังต้องห้าม หรือกู้กง อุณหภูมิตอนเช้า ณ กลางเมืองเป่ยจิง -5.5 องศา เห็นแดดอุ่นๆ แบบนี้ แต่อากาศไม่ได้อุ่นตามเลยนะ ลมแรงมากๆ มีอุปกรณ์กันหนาวพร้อมกันทุกคน แต่เก็บใส่กระเป๋ากันหมด ไม่ยอมเอากางเกงกันลมออกมาใส่ ก็ได้แต่หนาวสั่นกันไปสิงานนี้ วันนี้เครื่องบินกลับกรุงเทพดีเลย์อีกแล้ว ไม่ยอมบอกเหตุผลด้วยว่าทำไม ต้องนั่งรอบนเครื่องบินเป็นชั่วโมงเลย กลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัย ครบ 32 หายห่วงกันไป ระหว่างอยู่ที่นั่น อัดยาเข้าไปเยอะทุกเช้าและกลางคืน ทำให้วันรุ่งขึ้นมาทำงานต่อไปตามปกติ แถมมาถึงที่ออฟฟิศ เจ้านายยังถามอีกว่า "หนึ่งมาทำงานไหวด้วยเหรอ" รู้งี้ขอลาพักต่ออีกวันดีกว่า ^^
Create Date : 19 มกราคม 2554 |
Last Update : 19 มกราคม 2554 14:07:34 น. |
|
63 comments
|
Counter : 7885 Pageviews. |
|
|