เส้นทางฝันของนักเดินทาง "เจาะลึกทะเลสาบไบคาล" ไซบีเรีย รัสเซีย (2)
พวกเรากำลังขึ้นรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียน (Trans-Siberian Railway) จากเมืองเอียร์คุตส์ไปเมืองอูลันอูเด
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง เท่ากับว่า คืนนั้นเรานอนบนรถไฟข้ามเมืองกัน
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของไซบีเรียสู่ความทันสมัยคือการมีรถไฟสายนี้นี่ล่ะ เป็นการเชื่อมโยงกรุงมอสโกกับดินแดนทางตะวันออกอันห่างไกลของรัสเซียมองโกเลีย จีน และทะเลญี่ปุ่นเข้าด้วยกัน หรือพูดง่ายๆ คือเป็นการเชื่อมรัสเซียฝั่งตะวันตกกับฝั่งตะวันออก สำหรับเวลาที่ปรากฎบนหน้าตั๋วรถไฟคือเวลาของกรุงมอสโก ดังนั้นเราต้องเทียบเวลาให้ตรงกับเมืองที่เราอยู่เอาเอง ในตั๋วของเราคือวันที่ 25/3/14 เวลามอสโก 17.10 (เอียร์คุตสก์ = 22.10 และไทย = 20.10)
*****ดังนั้น การเทียบเวลา เป็นเรื่องสำคัญมากๆ สำหรับการมาเที่ยวรัสเซีย แต่การนั่งรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียนที่ทรมานที่สุดสำหรับเราคือการเปิดฮีทเตอร์ซะเต็มเหนี่ยวเลย ในสภาพที่อากาศไม่ถ่ายเททำให้รู้สึกอึดอัด และหายใจไม่ออก
แต่ถามว่านอนหลับมั้ยไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เหมือนปิดสวิทซ์ทุกอย่างโดยอัตโนมัติ ตื่นอีกทีก็ตอนที่เสียงนาฬิกาปลุกดัง มาถึงเมือง อูลันอูเด(Ulan-Ude) เมื่อเกือบ 7 โมงเช้า อาหารเช้า คือ ข้าวโอ๊ตผสมนม ข้นๆ เลี่ยนๆ ไข่ต้มขนมปังแข็งๆ โป๊ะชีส และชานมจืดๆ แต่ก็กินเกือบหมดนะ >▽< "อูลันอูเด (Ulan-Ude)" ก่อตั้งเมื่อปีค.ศ. 1666 ตอนนี้เป็นศูนย์กลางทางการค้าและอุตสาหกรรมของไซบีเรียตะวันออก และเป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐบูร์ยาเตีย (Buryatia) ซึ่งมีรัฐบาลที่ปกครองตนเองภายใต้การดูแลของรัสเซีย ที่นี่มีความเป็นเอเชียอยู่มากโดยเฉพาะมีความคล้ายกับชาวมองโกลที่เคยเป็นคนเร่ร่อนเลี้ยงสัตว์อยู่ในทุ่งกว้างไซบีเรีย จุดท่องเที่ยวแรกสำหรับทุกคนที่มาเยือนเมืองอูลันอูเดต้องไปคือ จัตุรัสกลางเมือง ซึ่งเป็นที่ตั้งของรูปหล่อศีรษะที่ใหญ่ที่สุดในโลกของ"วลาดิมีร์เลนิน"
ผู้นำนักปฏิวัติมาร์กซิสคนแรกของสหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต
โดยรูปหล่อถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1970 ตั้งตระหง่านอยู่เหนือจัตุรัส ด้วยความสูง 7.7 เมตรและมีน้ำหนัก 42 ตัน ถ้ามาช่วงบ่ายจะได้จังหวะแสงดีกว่า แต่พวกเรามาตอนเช้าแสงส่องมาทางด้านหลังรูปหล่อพอดี ทำให้หามุมถ่ายรูปแบบไม่ย้อนแสงยากไปนิด ช่วงบ่ายเราเดินทางไปที่หมู่บ้านGoryachinsk เป็นหมู่บ้านดั้งเดิมที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลสาบไบคาล ช่วงที่เราจะเข้าหรือออกหมู่บ้านต้องทำการสักการะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้านตามธรรมเนียมของชาว Buryatด้วย โดยที่ไกด์ท้องถิ่นจะนำน้ำนมหรือน้ำผลไม้ไปราด และโปรยเหรียญบริเวณนั้น เพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง
บ้านเรือนของคนที่นี่มีสีสันมากๆบางบ้านไม่ได้ทาสีทั้งหลัง แต่จะทาสีเฉพาะกรอบหน้าต่าง ดูสดใสดี อดไม่ได้ที่จะไปถ่ายรูปด้วยสักหน่อย มาถึงดินแดนที่น้ำกลายเป็นน้ำแข็งอย่างนี้แล้ว ก็ต้องลองใช้ชีวิตแบบคนพื้นเมืองกันบ้าง "ตกปลาในทะเลสาบไบคาลน้ำแข็ง" แค่ลำพังตกปลาอย่างเดียวก็เป็นเรื่องยากแล้วแต่นี่ต้องตกปลาในน้ำแข็งอีกต่างหาก เค้าจะใช้เครื่องมือในการเจาะน้ำแข็งลงไป แล้วก็หย่อนเบ็ดลงไปรอปลามากินเหยื่อ กรุ๊ปเราไม่มีใครตกปลาได้เลย สงสัยจะทำบาปไม่ขึ้น วันที่ 5 ของการเดินทางในดินแดนไซบีเรีย เราจะไปพักที่หมู่บ้าน MonahovoVillage แต่ความตื่นเต้นอยู่ระหว่างการเดินทางนี่ล่ะ นั่งรถผ่านทะเลสาบไบคาลที่กลายเป็นน้ำแข็งมาเป็นระยะเวลานานในที่สุดทุกคนก็พร้อมใจกันรำพึงรำพันขึ้นมาดังๆ ว่า น่าจะจอดรถให้พวกเราลงไปถ่ายรูปข้างล่างบ้างนะ
แม้จุดหมายจะเป็นเรื่องสำคัญอย่างไร แต่ระหว่างทางก็สำคัญไม่แพ้กัน หากคนเรามุ่งหวังกับความสำเร็จปลายทางมากเกินไป บางครั้งอาจจะพลาดอะไรดีๆระหว่างทางก็ได้นะ ในที่สุดเราก็ได้ทำอะไรที่นอกเหนือจากโปรแกรมทัวร์ที่วางไว้แล้ว เย้! เย้! เหมือนเป็นคนชอบแหกกฎระเบียบยังไงก็ไม่รู้ แต่จะบอกว่า ความสวยงามที่ได้เห็นและได้สัมผัส มันคุ้มค่ามากจริงๆ เสื้อผ้าและรองเท้าที่กันน้ำได้ทำให้เราสามารถลงไปนอนเกือกกลิ้งบนน้ำแข็งได้อย่างสบาย ไม่ต้องกลัวหนาวหรือกลัวเปียกเลย ถ้ามีใครสนใจจะรีวิวให้ดูในตอนต่อไปนะคะว่ามีวิธีการเลือกอุปกรณ์ไปสู้ภัยหนาวและเปียกอย่างไรบ้าง เมื่อแสงอาทิตย์โผล่มาทักทายการรำพึงรำพันดังๆ ของพวกเราก็เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง ไกด์ท้องถิ่นและคนขับรถจำต้องยอมให้เราลงไปถ่ายรูปอีกครั้งจนได้ ความงามที่ได้เห็นตรงนี้ไม่ได้สัมผัสกันง่ายๆ นะเนี้ย เห็นก้อนน้ำแข็งมหึมาอยู่ลิบๆ นึกว่าจะใกล้ที่ไหนได้ เดินลงไปไกลเป็นกิโลๆ เลย
ตอนแรกไกด์ท้องถิ่นบอกให้เวลา 10 นาที ก็เลยไม่ได้เอาเสื้อกันหนาวลงไปด้วย แต่พวกเราใช้เวลากันอย่างคุ้มค่ามาก....จัดไปเต็มๆ 60 นาที หนาวสะท้านเลย และกว่าจะมาถึงหมู่บ้านMonahovo Village ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อีกแล้ว ด้วยความที่หิมะตกลงมาหนามากรถใหญ่ไม่สามารถวิ่งเข้าไปได้ จึงต้องเป็นเป็นรถ Russian UAZ 4WDs เข้าไปแทน แต่..แต่... มีรถแค่คันเดียว กลุ่มเราก็เลยสมัครใจเดินเข้าไปหมู่บ้านกันเอง เพราะอะไรนะเหรอ ก็วิวระหว่างทางสวยขนาดนี้เราก็ถือโอกาสเดินไปด้วย ถ่ายรูปไปด้วยนะสิ เข้าทางพวกเราเลย เหมือนทัวร์ท้องถิ่นที่นี่เค้าจะเพิ่งเปิดตัวไม่นาน พยายาม offerกิจกรรมให้พวกเราอย่างเต็มที่เลย ที่สำคัญคือไม่เสียเงินนี่ล่ะ เพราะที่เคยไปเล่นที่ฮาร์บิ้นประเทศจีน แต่ละกิจกรรมก็หลายร้อยบาทแล้ว คืนนี้พักในบ้านพักของอุทยานแห่งชาติZabaikalskiy ไม่มีไฟฟ้าแต่มีการปั่นไฟใช้ในช่วงหัวค่ำ มีห้องน้ำอยู่นอกบ้าน 2 ห้องแต่ไม่มีห้องอาบน้ำ ทีแรกนึกว่าจะได้ซักแห้งแล้วซะอีกอุตส่าห์เตรียมทิชชู่เปียกมาตั้งเยอะ แต่เราก็ได้อาบน้ำจนได้ เอ๊ะ! ยังไง ทัวร์ท้องถิ่นพาพวกเรามาอบซาวน่าตามสไตล์ Siberianbanya ปกติเป็นคนไม่ชอบอาบน้ำอุ่นแช่น้ำร้อน เพราะกลัวผิวเหี่ยว แต่อากาศอย่างนี้ขออบซาวน่าร้อนๆ แล้วอาบน้ำเย็นๆ ให้ชื่นใจหน่อยเถอะ วันรุ่งขึ้นเรายังเที่ยวอยู่ในอุทยานแห่งชาติZabaikalskiy วันนี้ได้ถ่ายรูปกันสมใจเลยทั้งถ้ำ อุโมงค์น้ำแข็ง แท่งน้ำแข็งงอกน้ำแข็งย้อย ส่วนไฮไลท์ของวันนี้คือเล่นสกี มีเด็กๆแถวนั้นมาช่วยกันสอน รู้สึกน้องๆ จะสนุกสนานกันใหญ่เลยที่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยว ได้เวลาอำลาเมืองอูลันอูเดแล้วเวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน บ่ายนี้เราต้องนั่งรถบัสกันยาวๆเกือบ 8 ชั่วโมง เพื่อไปขึ้นรถไฟกลับยังเมืองเอียร์คุตสก์ และพรุ่งนี้เช้าก็ขึ้นเครื่องบินกลับบ้าน
มื้อกลางวันก่อนกลับ จัดเต็มมากๆ กินกันไม่หวาดไม่ไหวเลย
และแทบทุกมื้อต้องมีปลาโอมุลนี่ล่ะ วันนี้มาแบบรมควัน ตัวใหญ่ หอมกลิ่นถ่านไม้อ่อนๆ อร่อยดี
ถึงเวลาต้องกลับบ้านจริงๆ แล้วเหรอเนี้ย
ทำไมช่วงเวลาแห่งความสุขผ่านไปเร็วจัง ไม่รู้ว่าถ้าได้เที่ยวทั้งปีแบบไม่ต้องทำงานเลย จะเบื่อรึเปล่าเนอะ
ในสถานีรถไฟมีกฎที่เข้มงวดข้อหนึ่งคือ ห้ามถ่ายรูปภายในสถานี เจ้าหน้าที่แค่เห็นเราตั้งท่ายกกล้องขึ้นปุ๊บก็จะเดินมาเตือนทันที อาจจะเป็นเรื่องของความปลอดภัยก็ได้ การนั่งรถไฟที่นี่เราต้องคอยดูเวลากันเอาเองนะ เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่มาเตือนหรือเรียกเมื่อถึงสถานีปลายทางของเรา ไม่เหมือนรถไฟสายลาซาล-ทิเบตเจ้าหน้าที่จะคอยเดินดู และบอกให้เราเตรียมตัวก่อนถึงจุดหมาย มาถึงเมืองเอียร์คุตสก์ตอนเช้าช่วงที่เค้ากำลังเร่งรีบไปทำงานกันเลย เดินชนกันไปชนกันมาไหนจะสัมภาระที่ต้องยกขึ้นลงบันไดเองอีก แทบจะกระเด็น นี่ล่ะถึงได้บอกว่าควรจัดกระเป๋าเดินทางให้มีขนาดพอเหมาะเท่าที่ตัวเองจะรับผิดชอบไหว เพราะไม่ใช่ทุกที่จะมีเครื่องอำนวยความสะดวกและไม่มีใครจะคอยช่วยเหลือเราได้ทุกครั้งไป ในที่สุด "ทริปเจาะลึกทะเลสาบไบคาล"ก็สิ้นสุดลง เป็นอีกหนึ่งทริปแห่งปีที่ประทับใจและน่าจดจำ การเดินทางทำให้เราได้เห็นโลกกว้างทำให้รู้ว่าในโลกนี้มีอะไรให้เรียนรู้อีกมากมายนัก ฉะนั้นเราจะมุ่งหน้าเดินทางต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง จนกว่าจะหมดแรง อำลากันด้วยภาพที่ถ่ายบนน่านฟ้าไซบีเรีย ประเทศรัสเซียจ้า ทริปต่อไปกำลังเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ถ้าเป็นไปได้จะเอามาเล่าสู่กันฟังค่ะ Travel brings POWER and LOVE back into your LIFE
ขอบคุณที่ติดตามชมกันนะคะ
เป็นกำลังใจยอดเยี่ยมที่สุด ทำให้มีแรงอัพบล็อกตอนต่อๆ ไปค่ะ
Create Date : 28 สิงหาคม 2557 |
|
40 comments |
Last Update : 28 สิงหาคม 2557 14:54:39 น. |
Counter : 12043 Pageviews. |
|
|
|
นึกแล้วก็อยากกลับไป(สิง)แถวนั้นนานๆค่ะ มีหลายที่ๆไม่ได้ไป ... อยากเห็นหิมะ น้ำแข็ง ความหนาวที่เขาเล่าลือกัน อิอิ
แถบไซบีเรียมันมีสเน่ห์อย่างบอกไม่ถูก แถมเรายังเนียนๆได้ว่าเป็นเผ่า Buryat ได้นะเออ
ปล. ภาพขาห้อย ไม่ติดตาเท่าไหร่ค่ะ เพราะไปเจอฮาร์ดคอร์ กว่านี้