F1: The Movie (2025) F1 เดอะ มูฟวี่
''เราทำแบบนี้กันทำไม ทำไมเราไม่ไปเล่นเทนนิส หรือตีกอล์ฟ เรามันพวกบ้ากู่ไม่กลับ''
เราอยากดูหนังเรื่องนี้ไม่ใช่เพราะเป็นคนดู Formula 1 แต่อยากดูเพราะชอบดูหนังแนวกีฬา รวมไปถึงแนวรถแข่ง เพราะหนังแนวนี้ที่ผ่านมา จะมีความสนุก ตื่นเต้น เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ ถ้าหนังเดินตามสูตรนี้ได้ จะสร้างความประทับใจให้คนดูได้ไม่ยาก
ซึ่งหนัง F1 ก็ใช้กดสูตรเหมือนหนังแนวกีฬาเเข้งรถเรื่องอื่นๆ เพียงแต่เติม ความระทึก ความเร้าใจ ใส่ไปในซีนแข่งรถที่ทำออกมาได้ดีมากๆ
โดยตัวหนังจะเล่าถึง นักแข่งสองวัย คนหนึ่งเป็นวัยเก๋า อีกคนเป็นรุ่นใหม่ มีจุดแข็งคนละแบบ รุ่นใหม่มีฝีมือดี เลือดร้อนอยากพิสูจน์ตัวเอง ส่วนรุ่นเก๋าจะใช้ประสบการณ์ที่เคยอยู่บนสนามมาหลายปี เพื่อมาพิสูจน์ตัวว่า ยังมีที่ยืนในสนาม
หนังยังเล่าถึงทีมงานหลังบ้าน ที่มีส่วนสำคัญมากๆ ไม่แพ้นักแข่งเลย ทั้งตอนที่รถต้องมาเข้าพิท ทีมงานต้องวิเคราะห์ดีๆ เปลี่ยนยาง ซ่อมแซมรถให้เร็ว ถูกต้อง ให้นักแข่งมีได้รถที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยที่สุด
การดำเนินเรื่องของหนังก็ทำได้ดี ไม่เร็วไปและไม่ช้าไป เราค่อยให้รู้จักตัวละครไปพร้อมกับบรรยากาศการแข่งขันที่กำลังจะเข้ามา
ซีนแข่งรถช่วงไคลแม็กซ์ ทำเอาแอบนึกถึงหนังเรื่อง Top Gun: Maverick เลย คือเราอยากเอาใจช่วยว่ามันจะเกิดอะไรต่อ หนังดึงเราไปสู่จุดที่เหมือนจะอยู่ในห้วงที่เขาเรียกว่า ''ลืมหายใจ'' อะไรแบบนั้นเลย ผู้กำกับ Joseph Kosinski แกเก่งเรื่องทำซีนแบบนี้อยู่แล้ว
ซีนแข่งรถในสนามก็ถ่ายทำได้ดี ทั้งเสียงเครื่องยนต์ งานภาพ สวย สมจริงมาก
ด้านนักแสดงทั้ง Brad Pitt ที่เรื่องนี้กลับมาฟิต ดูหนุ่มอีกครั้ง, Javier Bardem, Damson Idris และ Kerry Condon ก็ดูดีในบทของตนเอง
โดยรวมเป็นหนังที่ดูสนุก แต่ต้องควบคู่กับการที่ต้องดูจอใหญ่ๆ คมๆ เครื่องเสียงดีๆ ลำโพงดีๆ (เอาจริงๆ คือต้องดูในโรงหนังถึงจะเหมาะที่สุด) ถ้าดูที่บ้านต้องระบบภาพเสียงดีๆ เพราะถ้ามาดูผ่านมือถือ ไอแพด คอมพิวเตอร์ อะไรพวกนี้ หนังจะดรอปลงมากๆ จนเป็นคนละเรื่องกันเลย
คะแนนความชอบส่วนตัว 8/10