Final Destination: Bloodlines (2025) ไฟนอลเดสติเนชั่น ทายาทโกงตาย
''สิ่งสำคัญคือ เมื่อจักรวาลพูด เราต้องตั้งใจฟัง
การกลับมาของ Final Destination ส่วนตัวจำรายละเอียดภาคเก่าๆ ไม่ได้เเล้ว เพราะไม่ได้ดูนานมาก จำได้แค่ว่า ตัวละครต้องเอาชีวิตรอดจากโชคชะตา นั่นก็คือ ''ความตาย''
ซึ่งภาคนี้ก็คือคอนเซ็ปต์เดียวกัน เริ่มต้นที่คุณยายไอริส ที่ช่วยชีวิตคนหลายชีวิตรอดจากการถล่มหอคอยชมวิว (ดูฉากนี้แล้วไม่กล้าไปเดิน Skywalk เลย) ทำให้ความตายก็ตามมาล้างแค้นตระกูลของคุณยายไอริส รวมทั้งคนที่อยู่บนหอคอยวันนั้นด้วย คนที่เคยอยู่ที่นั่นตายหมด ยกเว้นคุณยาย แกเอาชีวิตรอดมานานหลายปี
จนมาถึงเวลา ความตายก็มาไล่ล่า บุคคลที่มีสายเลือดของเธอ โดยไล่ตามอายุ คนอายุมากตายก่อน แล้วค่อยๆ ไล่อายุน้อยลงทีละคน
ทำให้ตัวละครรุ่นลูก รุ่นหลานของคุณยายไอริส ต้องหาวิธีท้าทายโชคชะตา หรือที่เราเรียกว่า ''โกงความตาย''
ถ้าเอาชนะความตายได้ ก็คือรอด แต่ถ้าพ่ายแพ้ต่อมันก็คือต้องตาย
ในชีวิตประจำวันของเรา มันมีหลายๆ อย่างที่ฆ่าเราได้ ความตายพร้อมมาหาเราในทุกรูปแบบ บางคนอยู่เฉยๆ ก็ได้
แม้ว่าจริงๆ แล้วในที่สุดทุกคนล้วนต้องตาย แต่เชื่อว่าเราทุกคนไม่อยากตายโหง เราอยากตายตามอายุขัย คนที่ได้ตายเมื่อหมดอายุขัย คือคนที่โชคดีที่สุดแล้ว
เราพยายามหลบหนีความตายกันมาทั้งชีวิต จริงๆ ทุกช่วงเวลาในชีวิตเราคือการโกงความตาย ในชีวิตจริงการโกงความตายก็คือ การทำอะไรที่มันเสี่ยงตายน้อยลง การไม่ขับรถเร็ว การไม่ใช้ชีวิตประมาท การเลือกกินอาหารดีๆ พักผ่อนดีๆ และอย่าลืมออกกำลังกายบ้าง ทั้งหมดล้วนเป็นการโกงความตายทั้งสิ้น
แต่ในหนังจะเน้นไปที่ ''ความตาย'' ที่เกิดในชีวิตประจำวัน ชี้ให้เห็นว่าโลกใบนี้มันน่ากลัวขนาดไหน มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ฆ่าเราได้ เศษแก้วเล็กๆ หรืออะไรที่ใหญ่ๆ สามารถฆ่าเราได้หมด หรือแม้แต่เรามองไปรอบๆ ตัว ทุกอย่างรอบตัวของเรามันล้วนฆ่าเราได้หมดเลยนะ ไม่แม้แต่ความสัมพันธ์ก็ฆ่าเราได้เช่นกัน
เป็นหนังที่ดูแล้วสนุก อัดแน่นไปด้วยความบันเทิง แม้จะเป็นหนังที่เกี่ยวกับความตาย แต่ก็ยังมีหลายซีนที่มีการแทรกอารมณ์ขันเข้ามาด้วย
และนอกจากความบันเทิงของตัวหนังแล้ว หนังยังเตือนเราว่า ''อย่าใช้ชีวิตประมาทนะ''
คะแนนความชอบส่วนตัว 7.5/10
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [