Jurassic World: Rebirth (2025) จูราสสิค เวิลด์ กำเนิดชีวิตใหม่
''ความฉลาดไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในการเอาชีวิตรอด ไดโนเสาร์มันโง่มาก แต่มันอยู่รอดได้ถึง 167 ล้านปี แต่เราโฮโมเซเปียนส์ ซึ่งอัจฉริยะมากเลย เมื่อเทียบกัน แต่เราอยู่มาแค่ 200,000 กว่าปีเท่านั้นเอง เราฉลาดมากจึงค้นพบวิธีที่จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ตัวเอง เอาแค่ล้านปีจะอยู่ถึงมั้ย''
หนังภาคนี้เล่าถึง 32 ปี ให้หลังจาก Jurassic Park ภาคแรก ที่มนุษย์เคยตื่นเต้นกับการคืนชีพไดโนเสาร์ แต่วันนี้มนุษย์เริ่มหมดความตื่นเต้นกับไดโนเสาร์ มองว่ามันเป็นอันตราย จึงเอามันไปทดลอง ทิ้งไว้ในเกาะประเทศหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
จนมีกลุ่มมนุษย์กลุ่มหนึ่ง อยากเก็บตัวอย่าง DNA ไดโนเสาร์ทดลอง เพื่อนำมาทำยารักษามนุษย์ จึงต้องเดินทางไปที่เกาะแห่งนั้น ไปเผชิญกับอันตรายจากไดโนเสาร์ที่น่ากลัวอย่างคาดไม่ถึง
หนังภาคนี้ปรับแนวทางใหม่ จากหนังที่มนุษย์ดูใกล้ชิดกับไดโนเสาร์ มาปรับมุมมอง ให้เมื่อมองจากสายตาคนดู รวมถึงสายตาตัวละครในเรื่อง ไดโนเสาร์จะดูน่ากลัวแบบมอนส์เตอร์ เป็นภยันตราย ที่พร้อมจะเอาชีวิตได้ทุกเมื่อ
ตัวหนังจะเน้นไปที่ความน่าตื่นเต้น ระทึกขวัญ รวมถึงสยองขวัญเข้าไปด้วย ทุกครั้งที่ไดโนเสาร์โผล่ มันไม่ได้ดูเป็นฮีโร่แบบ ''ทีเร็กซ์'' ใน Jurassic Park ภาคแรก หรือมีความใกล้ชิดมนุษย์เหมือนเจ้าบลูใน Jurassic World
มาพูดถึงโลเคชั่นในภาคนี้ ที่เลือกประเทศไทยเป็นโลเคชั่นหลัก คือยอมรับเลยว่า ทีมงานเลือกโลเคชั่นได้ดีมาก รู้สึกถึงความน่ากลัวในป่าแบบไทย คือบรรยากาศมันไม่น่าไว้ใจ
ซีนในป่าน่ากลัวเสมือนป่าอเมซอนที่มีงูอนาคอนดาโผล่มา คือบรรยากาศไม่น่าไว้ใจแบบนั้นเลย
ด้านนักแสดง นำทีมโดย Scarlett Johansson, Mahershala Ali, Jonathan Bailey และ Rupert Friend คือทำหน้าที่ในบทตัวเองดีหมดเลย
หนังกำกับโดย Gareth Edwards ที่เคยทำ ''ก็อดซิลล่า'' ให้น่ากลัวแบบหนังเรื่องนี้แหละ
โดยรวมเป็น Jurassic World ในอีกแนวทางที่น่าสนใจ หนังแม้จะเด้นความระทึก แต่ก็ยังแทรกคอมเมดี้มาเรื่อยๆ ตัวละครเยอะ บางตัวละครแอบน่ารำคาญ แต่ตัวหนังถือว่าสนุก
คะแนนความชอบส่วนตัว 7.5/10
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [