มีนาคม 2566

 
 
 
1
2
3
7
8
9
11
12
13
15
16
17
18
19
21
22
23
24
25
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
War of the Worlds (2005) อภิมหาสงครามล้างโลก

 
''สงครามเอเลี่ยนบุกโลกผ่านมุมมองของมนุษย์ธรรมดาๆ''
 
ตอนเด็กๆ ผมชอบไดโนเสาร์ ชอบก็อตซิลล่า ชอบซูเปอร์แมน ชอบแบทแมน ชอบเอเลี่ยน
 
ตอนโต ผมรักไดโนเสาร์ ก็อตซิลล่า ซูเปอร์แมน แบทแมน และเอเลี่ยน
 
เชื่อมั้ยครับว่า ไม่ว่าเวลาผ่านไปกี่ปีๆ ผมก็ยังคงตื่นเต้นกับเรื่องพวกนี้ ถ้าวันใดสักวันเราพบว่าไดโนเสาร์ยังคงเหลือรอดในโลกมนุษย์ หรือสักวันเราพบสิ่งมีชีวิตจากต่างดาว
 
นึกดูแล้วมันคงจะน่าประหลาดใจพิลึกเนอะถ้าพรุ่งนี้ตื่นมาตอนเช้าแล้วได้ฟังข่าวว่า ''นาซ่าได้เปิดเผยถึงการมาเยือนโลกมนุษย์ของเอเลี่ยน''
 
พวกเขาจะมีรูปร่างหน้าตายังไงนะ แล้วจะมาดีหรือมาร้ายนะ
 
ถ้ามาดีเราอาจจะได้เอเลี่ยนแบบ ''อีที'' ที่ดูเป็นมิตร และน่าเอ็นดู แต่ถ้ามาแล้วจอดยานพร้อมอาวุธล้ำเทคโนโลยีล่ะ นึกดูแล้วคงจะวุ่นวายเหมือนหนังที่จะมาพูดถึงในต่อไปนี้นะครับ
 
War of the Worlds ฉบับปี 2005 เป็นฉบับเดียวที่ผมรู้จักและเคยดู (่ก่อนหน้านี้เคยมีฉบับนิยาย และฉบับหนังโรงปี 1953 ซึ่งผมไม่เคยดู)
 
ความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้คือการกำกับของ ''สตีเว่น สปีลเบิร์ก'' และนำแสดงนำโดย ทอม ครูซ กับ ดาโกต้า แฟนนิ่ง (ดาราเด็กดาวรุ่งมากฝีมือ ณ เวลานั้น)
 
ส่วนเรื่องราวก็ว่าด้วยเรื่องของมนุษย์ต่างดาวบุกโลกเพียงแต่หนังเล่าผ่านมุมมองของ ''เรย์'' ที่ต้องดูแลลูกของเขาชั่วคราวในช่วงสุดสัปดาห์ เนื่องด้วยลูกทั้งสองเขาอยู่อาศัยกับแม่ที่เลิกลาไปแล้ว ทำให้เขากับลูกทั้งสองไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไร โดยเฉพาะ ''ร็อบบี้'' ลูกชายคนโต และยังต้องรับมือกับ ''ราเชล'' ลูกสาวคนเล็กที่พร้อมจะแผงฤทธิ์ทุกเมื่อยามไม่ได้ดั่งใจ ประจวบเหมาะกับเป็นช่วงเวลาที่มีสงครามเอเลี่ยนบุกโลกพอดีอีกด้วย!!!
 
ถือเป็นหนังที่เล่าถึงความสัมพันธ์พ่อๆลูกๆ โดยมีฉากหลังเป็นสงครามเอเลี่ยน ''เรย์'' ผู้เป็นพ่อที่ไม่เคยประสบความสำเร็จกับอะไรเลย ทั้งด้านชีวิตคู่ การงาน และโดยเฉพาะด้านความเป็น ''พ่อ'' ไม่เคยรู้เลยว่าลูกต้องการแบบนั้น แบบนี้ แต่เมื่อมาได้รับโอกาสของความเป็น ''พ่อ'' ในสถานการณ์บีบบังคับเขาต้องจัดการทุกสิ่งทุกอย่าง ปกป้องดูแลลูกของเขา และเข้าใจลูกของเขา
 
ตัดมาที่ฉากสงครามที่เปิดเรื่องมาโดยให้ เอเลี่ยนบุกโลกทำลายเมืองอย่างที่มนุษย์แทบไม่มีทางสู้ ถือเป็นการเปิดเรื่องที่สร้างความสิ้นหวังเป็นอย่างมาก คือเอเลี่ยนในเรื่องมาแบบลึกลับ น่ากลัว และไม่รู้จะต่อกรกับมันยังไง
 
หนังเดินเรื่องสนุกครับ ฉากตื่นเต้นมาเป็นระยะๆ ต้องลุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ จะเอาตัวรอดยังไง และที่ต้องลุ้นมากที่สุดคือ พระเอกมันจะรับมือกับลูกทั้งสองของตนเองยังไง
 
หนังไม่ได้มีฉากสงครามอะไรมากมาย เพราะหนังเน้นไปที่การเอาตัวรอดกับความสัมพันธ์ของตัวละครมากกว่า
 
ด้านการถ่ายทำเอฟเฟ็คต่างๆอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเลย เอามาดูในยุคนี้ก็ยังยอดเยี่ยม การกำกับ การเล่าเรื่องของสปีลเบิร์กก็ยังคงน่าหลงไหลอยู่เสมอ
 
และอย่างที่ทราบๆกันสำหรับแฟนหนังของสปีลเบิร์กก็คือ แกมักจะใส่ความสัมพันธ์แนวโหยหาความเป็นครอบครัวเข้าไป ถือเป็นเอกลักษณ์ของแกเลยครับ
 
ด้านนักแสดงหลักขอพูดถึงตัว ''ทอม ครูซ'' เรื่องนี้ก็ยังเป็น ''ทอม ครูซ'' นั่นแหละครับ คือยังสลัดภาพตัวตนแกไม่ออกจริงๆ เอกลักษณ์เฉพาะตัวแกสูงมาก แต่ก็กลืนไปกับเนื้อเรื่องอย่างไม่ขัดตกบกพร่อง
ส่วน ''น้องดาโกต้า แฟนนิ่ง'' ขอบอกตามตรงว่าเรื่องนี้แอบน่ารำคาญครับ แต่ก็เนอะ เล่นได้ดีครับ เธอเป็นนักแสดงที่ผมชอบก็จริง แต่เรื่องนี้ก็สามารถแสดงออกให้คนดูหนักใจแทนพระเอกได้ก็ต้องนับถือฝีมือครับ (อันนี้ถือเป็นคำชม)
 
อีกคนก็ ''จัสติน แช็ทวิน'' ที่แสดงเป็นลูกชายของทอม ครูซอ่ะครับ คนนี้ก็แสดงได้น่ารำคาญไม่แพ้กัน (แต่ในแบบผู้ชายวัยรุ่นนะ) คือจะต่อต้านพ่ออะไรเบอร์นั้น
 
โดยรวมถือเป็นหนังอีกเรื่องของสปีลเบิร์กที่ผมชอบเลย (เอาจริง ผกก.คนนี้ผมชอบผลงานเขาทุกเรื่องแหละยกเว้นแต่ The BFG) ยังคงดึงเสน่ห์ความเป็น ''สปีลเบิร์ก'' มาใช้อย่างไม่เคอะเขิน
 
เหมือนได้ด้วยเอเลี่ยนในอีกมุมมองของสปีลเบิร์ก
คะแนนความชอบส่วนตัว 7.5/10



Create Date : 05 มีนาคม 2566
Last Update : 5 มีนาคม 2566 22:11:42 น.
Counter : 541 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไมเคิล คอร์เลโอเน
Location :
กำแพงเพชร  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



สวัสดีชาวบล็อคทุกคนนะครับ

''ชีวิตก็เหมือนกับกล่องช็อตโกแล็ต เราไม่รู้ว่าเปิดจะเจออะไร''