|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
First day in Saint Peterburg
หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการตระเวณถ่ายภาพย่านจตุรัสแดง...เราก็กลับมาพักที่โรงแรมซึ่งอยู่ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน СОКОЛ (อ่านว่า Sokol)
คราวนี้ก็เป็นบททดสอบภาษารัสเซียที่เรียนรู้แบบครูพักลักจำก่อนจะบินมามอสโคว์ว่าจะใช้งานได้แค่ไหน? เนื่องจากพนักงานโรงแรมที่อยู่ Front เป็นคุณป้าอายุมาก โรงแรม PahM (อ่านว่า รัม) เป็นโรงแรมที่เก่ามาก อาคารน่าจะสร้างในศตวรรษที่ 70 พนักงานของโรงแรมไม่สามารถสื่อสารกับเราเป็นภาษาอังกฤษได้
Phrase book ของ Berlitz ที่ซื้อจากงานสัปดาห์หนังสือฯ ช่วยให้การเดินทางมารัสเซียคราวนี้สะดวกขึ้นในระดับหนึ่ง ผมตรงเข้าไปทักทายคุณป้าที่นั่งอยู่ที่ฟร้อนท์ว่า
"здравствуйте" (สวัสดีครับ)
คุณป้าตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มว่า
"здравствуйте" (สวัสดีค่ะ)
ประโยคทักทายนี้เคยได้ยินมาตอนสมัยเรียนในญี่ปุ่น ที่ญี่ปุ่นเขามีรายการทีวีสอนภาษาต่างประเทศรวมทั้งบางครั้งมีสอนภาษาไทยสำหรับการท่องเที่ยวด้วย ตอนนั้นฟิตจัดอยากเรียนภาษาต่างประเทศเพิ่มเติมภายหลังจากเห็นนักเรียนที่มาเรียนภาษาไทยด้วยในวัย ๖๐ เขาสามารถพูดได้มากกว่า ๗ ภาษา ผมก็ทึ่งแล้วคิดว่าอายุไม่ใช่ข้อจำกัดของการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆในชีวิตของผู้คน
(I greet Rahm Hotel staff with "Hello" in Russian language. The old lady smiled and responded to me with "Hello" in Russian language. I had ever heard this phrase when I studied in Japan. In Japan, NHK Educational TV Channel broadcast many Foreign Languages Lessons to audiences who are interested in learning foreign languages. At the time, one of my students who is in 60 can speak more than 7 foreign languages, he inspired me to learn further other foreign languages. I think that age is not the limitation for a man to learn new things in his life.)
ตอนนั้นไม่คิดว่าภาษารัสเซียที่เราเรียนเล่นๆในช่วงเวลาสั้นที่ญี่ปุ่นจากทีวีจะมีโอกาสได้เอามาใช้กับการเดินทางคราวนี้ ก่อนมารัสเซียผมนั่งฟังซีดีภาษารัสเซียจากหนังสือ Phrase Book จนคุ้นเคยกับสำเนียงและประโยคพื้นฐานในภาษารัสเซีย
(At the time, I did not expect that Russian language which I learned by myself through NHK TV Program will be used for my trip this time. Before I came to Russia, I listened Russian language from Phrase Book CD many times until I was used to basic Russian conversation. However, I do not deny that it is difficult to memorize new vocaburaries because of age!)
แต่อย่างไรก็ต้องยอมรับว่าลืมง่ายกว่าจดจำคำศัพท์ใหม่ๆ ตามวัยครับ
ผมเข้าไปขอหมอนและผ้าห่มเพิ่ม โดยเริ่มจากการสร้างประโยคแล้วเอาคำศัพท์ที่เราไม่รู้ใส่เข้าไป โดยการชี้ไปที่หนังสือเฟสบุ๊ค
oo vahs yest... (Do you have...?)
คุณป้าพยักหน้าแล้วตอบว่า
хорошо ออกเสียงว่า Khah rah shoh ที่มีความหมายว่า OK!
อย่างน้อยรัสเซียก็เป็นประเทศหนึ่งที่ไม่จำเป็นต้องใช้คำว่า "Okay" เหมือนอย่างประเทศส่วนใหญ่ในโลก
อากาศของคืนแรกในมอสควาสบายๆ เย็นๆเล็กน้อย...ตื่นขึ้นมาแต่เช้าทานอาหารในห้องพัก เชอร์รี่หน้านี้มีให้เห็นทั่วไปและเชอร์รี่เป็นผลไม้หน้าร้อนในประเทศแถบหนาวที่ผมชื่นชอบ... ราคาตกกิโลกรัมละ ๒๐๐-๒๕๐ บาท เอากระเป๋าไปฝากไว้ที่พนักงานโรงแรมก่อนออกจากโรงแรมไปเที่ยวที่อื่นต่อ มีโอกาสทักทายพนักงานบัญชีของโรงแรม ก่อนออกจากโรงแรมลองถามเธอว่า
"Kak Bac 3OByT?"
เธอตอบกลับมาว่า "Mariana"
สงสัยว่าสำเนียงภาษารัสเซียที่เราพูดเขาคงฟังออก แต่เห็นเขายิ้มมากกว่าเมื่อวานนี้ที่สื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษที่เขาฟังได้แต่พูดไม่ได้
นั่งรถไฟใต้ดินไปจตุรัสแดงอีกทีวางแผนจะเข้าชมพระราชวังเครมลิน แต่ปรากฏว่าวันนี้ผู้ใหญ่ของรัสเซียใช้สถานที่ ดังนั้นนักท่องเที่ยวทั้งหลายเลยอดได้เยื้องกายเข้าไปภายในพระราชวังเครมลิน โชคดีที่เราเดินทางมาเองดังนั้นเปลี่ยนแผนการเดินทางได้ไม่ยาก อีกอย่างจะกลับมามอสโคว์อีกครั้งภายหลังจากเดินทางไปเที่ยวที่เมืองเซ็นต์ปีเตอร์เบิร์ก ๕ วัน
ตอนที่รถติดนานๆได้ยินเสียงบีบแตรดังๆและนานๆของคนรัสเซียลั่นถนนเลย.... เพราะตอนผู้ใหญ่รัสเซียจะมาที เขาปิดถนนไม่ให้รถแล่นผ่านนานมากๆ
ถ่ายภาพพระราชวังเครมลินจากสะพานแล้วแวะไปย่านอาบาดที่เป็นแหล่งช็อปปิ้ง มีอาคารเก่าๆและสถาปัตยกรรมที่แปลกตา มีช่างวาดรูปเหมือนมให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ หลายๆรูปที่วาดสะท้อนอารมณ์ของลูกค้าที่มาจ้างให้วาด หลังจากนั่นนั่งเรือชมวิวของเมืองมอสโคว์ แวะไปมหาวิทยาลัยมอสโคว์ซึ่งมีตึกที่ดูคลาสสิคและสง่างามมาก ถึงจะเก่าแต่ก็ดูดี
ตอนค่ำเรากลับมาเอาของทีโรงแรมแล้วไปขึ้นรถไฟไปเซ็นต์ปีเตอร์เบิร์ก...รถไฟออกเกือบเที่ยงคืน สภาพยามค่ำของมอสโคว์ที่เห็นแสงโพล้เพล้ตอนห้าทุ่มเป็นอย่างไรพึ่งเคยเห็น ผมถ่ายภาพบรรยากาศอาคารสำคัญที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟเก็บเอาไว้ด้วย
รถไฟแล่นช้าๆแต่มาถึงสถานีรถไฟที่เซ็นต์ปีเตอร์เบิร์กตามเวลา กางแผนที่หาตำแหน่งของ Youth Hostel หาลำบากจริงๆ ขณะที่เราเดินอยู่แล้วสอบถามคนขายของว่าถนนที่เราจะไปอยู่ที่ไหน? มีผู้หญิงรายหนึ่งตรงเข้ามาหาเราแล้วเดินนำเราไปยังถนนที่เราต้องการจะไปแม้ว่าเธอจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย กล่าวขอบคุณเธอเป็นภาษารัสเซีย
"spah see bah" (Thank you)
เดินหายูธโฮสเทลจนเจอ เจ้าหน้าที่แจ้งให้เราทราบว่าแม้ว่าเราจะเป็นคนไทยไม่ต้องขอวีซ่า แต่ว่าการที่เราพำนักสถานที่ใดนานกว่า ๔ วันทำการ เราต้องรายงานให้เจ้าหน้าที่ทราบไม่อย่างนั้นถ้าตำรวจมาขอดูใบลงทะเบียนแจ้งการพำนัก แล้วเราไม่มีเป็นไปได้ที่เราต้องเสียค่าปรับ ตัดสินใจว่าไม่เสี่ยงต่อการเสียค่าปรับ เราจึงไปทำเรื่องแจ้งเจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ย่านวลาดีเมียสกาย่า ย่านนั้นมีโบสถ์สวยที่อยู่ใกล้ๆชื่อ The Church of the Vladimir Icon of the Mother of God
เจ้าหน้าที่วีซ่าที่เราเข้าใจว่าพูดภาษาอังกฤษได้ดีกลายเป็นว่าเธอพูดได้แต่หลายๆประโยคไม่สามารถสื่อสารกันได้ โชคดีที่มีคนมาติดต่อที่เขาพูดภาษาอังกฤษได้ เขาเลยช่วยแปลให้เรา เจ้าหน้าที่ให้เรากรอกชื่อลงในเอกสารที่เป็นภาษารัสเซียแล้วนัดเราให้มารับเอกสารรับรองพรุ่งนี้ช่วงเวลา ๕ โมงเย็นถึงสองทุ่ม ฟังแล้วตกใจที่ระบบการทำงานของที่รัสเซียจะขยันอะไรกันขนาดนั้น
นั่งรถไฟไปลงย่าน Nevskiy Prospekt ย่านนี้เป็นย่านใจกลางของเซ็นต์ปีเตอร์เบิร์ก มีตึกเก่าๆสองข้างทาง แวะทานข้าวที่ร้าน KFC
ในขณะที่ทานอาหารอยู่ มีผู้ชายคนนึงเข้ามาขายบุหรี่ ซึ่งก็ปฏิเสธไปแต่คนๆนี้ไม่ยอมเลิกรา พยายามเซ้าซี้ให้ซื้อบุหรี่เขาให้ได้ เขาเอามือมาโอบไหล่เราทั้งสองคน ในระหว่างนั้นมีผู้ชายใส่ชุดเหมือนพนักงานเคเอฟซีแต่ไม่ใช่พนักงานเพราะไม่มีโลโก้เคเอฟซีเข้ามาทำทีเช็ดโต๊ะ ในขณะที่ผมมองไปที่ชายคนนั้น ผู้ชายคนที่พยายามขายบุหรี่รบเร้าเรามากขึ้นให้ซื้อบุหรี่เขา ไม่ว่าจะปฏิเสธอย่างไรหมอนั่นไม่ยอมเลิกรา จนเกิดอารมณ์ฉุนขึ้นมา พอเราไม่ตอแยด้วย เขาก็เริ่มไม่ตื๊อแล้วเดินออกไป ตอนนั้นเห็นป้ายในร้านเขียนเตือนว่าให้ระวังสิ่งของ พอจะลุกเข้าห้องน้ำหันมามองที่กระเป๋ากล้องที่วางไว้ข้างตัว...ปรากฏว่าหายไปแล้ว!!!!
(While we were eating in KFC, there was a man who tried to sell cigarette to me but I rejected. He did not give up and tried to annoy I and my brother. At the same time, there was another man who wore shirt similar to KFC staffs to wipe out table. Cigarette seller tried to drag our attention to him which made me upset. I did not respond to him. He gave up and walked away. When I would go to the toilet, I found that my camera bag was stolen!!!!)
ความรู้สึกตอนนั้นคือไม่อยากเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น เพราะปกติเราจะระมัดระวังตัวในการเดินทางมาก พูดไม่ออก ทำใจว่าก็ดีเหมือนกันต่อไปนี้การเดินทาง ของที่ต้องหอบหิ้วก็ลดลงไป ไม่ต้องถ่ายภาพอีกต่อไป แต่พี่ชายแนะนำให้ผมซื้อกล้องตัวใหม่ที่รัสเซียเพื่อบันทึกภาพการเดินทางไว้เป็นที่ระลึก
สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ กล้องตัวนั้นเราซื้อให้เป็นรางวัลตัวเองภายหลังจากที่เราเขียนวิทยานิพนธ์เสร็จอย่างที่ตั้งใจไว้ คุณค่าของรางวัลอยู่ที่การตอบแทนความพยายามซึ่งเราต้องการพิสูจน์ว่าไม่สูญเปล่า ถึงจะซื้อกล้องตัวใหม่รุ่นเดิมคุณค่าก็ไม่เหมือนกล้องตัวนั้น
(I bought that camera as a present for myself when I could make my doctoral dissertation complete. Therefore, the value of the camera is ...I would like to prove that perseverance never come up with empty hand. Even if I bought new one which the same model, it would not make me appreciate as the one which was stolen!!!)
ตอนนั้นจะเสียใจขนาดไหนก็ไม่มีประโยชน์ ขโมยมันคงไม่ใจดี เห็นใจเอากล้องมาคืนผม
นี่เป็นกฎธรรมชาติข้อหนึ่งที่เข้ามาทดสอบผมและจำต้องยอมรับว่า
"ไม่มีอะไรในโลกนี้เป็นของเรา ของทุกอย่างสักแต่ว่าสมมติ ไม่ว่าเราจะรักขนาดไหนก็ตาม มันอยู่กับเราช่วงเวลาหนึ่ง หลังจากนั้นเมื่อถึงเวลา... สิ่งเหล่านั้นก็จะจากเราไป... เสื่อมสภาพไป สูญหายไป หรือตกไปเป็นของคนอื่น"
เข้าไปถามร้านอัดรูปว่าเขาขายกล้องไหม? เขาพอฟังออกเขาตอบว่า "Nyet" (No!)
สร้างประโยคภาษารัสเซียง่ายๆถามเขาว่าจะไปหาซื้อกล้องได้ที่ไหน? เขาถ่ายเอกสารมาให้แล้วแนะนำให้ไปย่าน Chernyshevskaya สงสัยเหมือนกันว่าย่านนี้จะไม่มีร้านขายกล้องเลยหรือ?
พอไปย่านนั้นแล้วหาร้านจนเจอ ปรากฏว่าเป็นร้านตัวแทนจำหน่ายของ Pentax เท่านั้น ขอเขาดูกล้อง Pentax Optio W60 เนื่องจากรุ่นนี้เป็นกล้องCompact Wide Angle มุมกว้าง 28 mm. มันช่วยทำให้เราเก็บภาพสถาปัตยกรรมได้มุมกว้างและถ่ายที่แคบๆเก็บรายละเอียดได้ครบถ้วน โชคไม่ดีก็ตรงที่คู่มือพิมพ์เป็นภาษารัสเซีย แต่ชดเชยด้วยคำสั่งการใช้งานมีให้เลือกได้หลายภาษา และในจำนวนนั้นมีภาษาไทยด้วย!!!!
(I went to buy a new compact camera but there are only Pentax brand in that shop. I selected a wide angle compact camera "Pentax Optio W60 model" which helps me to take pictures of architecture in wide angle and take snapshots in narrow places completely. Even if the manual is written in Russia but there are many languages for usage functions in camera including Thai language!!!)
คราวนี้มาดูผลงานของ Pentax Optio W60 (Now, enjoy viewing the performance of Compact Camera 'Pentax Optio W60')
The Church on the Spilled Blood ที่เป็น Landmark of Saint Peterburg City
แล้วลองดูใบหน้าของคนที่กล้องถูกขโมยไปว่าเป็นอย่างไรบ้าง? (Please look at my face after my camera was stolen. How do you feel?)
มีโอกาสเดินเข้าไปชมภาพวาดภายในโบสถ์ สวยงามเกินคำบรรยาย
(Paintings inside The Church on the Spilled Blood are very beautiful!!)
เดินผ่านสวนด้านหลัง St. Isacc Cathedral ได้ภาพสวยๆออกมาแบบนี้
เดินหาทางไป Marinsky Theatre เพราะเราจองตั๋วผ่านอินเทอร์เน็ตดูละครโอเปร่า "Brothers Karamasov" ซึ่งดัดแปลงจากวรรณกรรมคลาสสิคที่มีชื่อเสียงมากของรัสเซีย เราต้องเอาหลักฐานไปขึ้นตั๋วก่อนการแสดงที่จะเริ่มต้นตอน ๑ ทุ่ม สอบถามคนรัสเซียที่บุคลิกเหมือนอาจารย์ เขาอธิบายทางไปให้เราเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงรัสเซียที่เร็วมาก ขอบคุณเขาแล้วเดินตามคำแนะนำของเขาจนพบโรงละครมารินสกี้
บังเอิญซองใส่กล้องคาดเอาไว้กับเข็มขัดเลยมีโอกาสบันทึกภาพภายในโรงละครกลับมา
เห็นคุณภาพในการนำเสนอละครโอเปร่าของรัสเซีย เขามีคำบรรยายเป็นภาษาอังกฤษในขณะที่ตัวละครกำลังร้องเป็นภาษารัสเซีย ตัวละครทุกคนต่างร้องออกมาด้วยพลังเสียงที่กังวาลและมีพลัง ไพเราะจับใจ (ผิดกับละคร "แม่นาคเดอะมิวสิคคัล" ที่มีโอกาสได้ไปชมมาเมื่อสองอาทิตย์ก่อน จนคิดว่าบ้านเรายังขาดการฝึกคนขึ้นมาแสดงละครเพลงในลักษณะนี้) ดูแล้วยิ่งใหญ่มากสมกับราคาตั๋วที่แพงขนาดนั้น
เนื้อเรื่องของละครโอเปร่า "พี่น้องคารามาซอฟ" เป็นเนื้อเรื่องที่ผู้เขียนพยายามชี้ไปที่จิตใจของตัวละคร มนุษย์มีความเกลียดชังและความเกลียดชังที่มีต่อพ่อทำให้ตัวเอกของเรื่องกระทำฆาตกรรมขึ้น ความรักและความลุ่มหลงของผู้คนทำให้มนุษย์เรายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งคนที่เรารัก
ละครปิดฉากลง....นักแสดงทุกคนออกมาโค้งขอบคุณผู้ชมในโรงละคร ทุกคนเล่นได้ดีมากๆ รวมทั้งนักดนตรีทุกคนที่ร่วมกันบรรเลงเพลงประกอบละคร
ผมเคยคิดจะซื้อกล้องคอมแพ็คมาหลายเดือนเนื่องจากกล้องตัวเดิมที่ใช้อยู่มีขนาดใหญ่ไม่สะดวกเวลาพกพาไปทำงานในบางกรณี นอกจากนี้ให้ใครช่วยถ่ายภาพให้...ลองกดชัตเตอร์ทีไร...ภาพที่ได้ออกมามักจะเบลอ!!! อันนี้เข้าใจว่าส่วนมากไม่ใช่คนรักการถ่ายภาพ ให้เขาจับกล้องถ่ายรูปด้วยชัตเตอร์ขนาดความไวชัตเตอร์ต่ำกว่า 1/15 วินาทีมักจะมือสั่นกันมาก ภาพออกมาจึงเบลอ กล้องPowershot S3IS function Stabilizer จะทำงานที่ความไวแสงสูงๆ ผิดกับกล้องคอมแพ็ค ดังนั้นคนไม่คุ้นเคย มาถ่ายภาพรูปที่ได้ออกมาจึงมักจะเบลอ
ผมพยายามหากล้องคอมแพ็คในไทยแต่ไม่เจอรุ่นไหนที่ถูกใจ การที่กล้องหายในรัสเซีย ทำให้ผมได้มาเจอกล้อง Pentax Optio W60 อย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ผลงานที่ถ่ายออกมา สีสดมาก รวมทั้งฟังก์ชั่นของมอนิเตอร์ที่ลดการสะท้อนของแสง มันช่วยให้เราสามารถมองเห็นภาพได้ชัดในสภาวะที่เราถ่ายภาพกลางแสงแดดที่จ้า มันตอบโจทย์ที่ผมต้องการค้นหากล้องที่ขายกันอยู่ให้มีฟังก์ชั่นแบบนี้ นอกจากนี้กล้องตัวนี้เป็นกล้องที่กันน้ำและสามารถถ่ายใต้น้ำได้ในระยะความลึก 4 เมตร
ถ้ากล้องไม่หาย...ก็คงไม่รู้ว่ามีกล้องรุ่นนี้อยู่ในโลก เพราะร้านส่วนมากไม่นิยมนำกล้องของเพ็นแท็กส์มาโชว์ เราจึงพบแต่กล้องของนิคอน, แคนนอน, พานาโซนิค หรือว่า โซนี่ ในตู้โชว์
นี่อาจจะเป็นเหตุผลว่า...สิ่งที่เราค้นหามานาน...เราไม่รู้จะเจอเมื่อไหร่ แต่อยู่ๆมันก็มีเหตุให้เราได้เจอสิ่งๆนั้น...ณ.สถานที่ซึ่งถูกกำหนดเอาไว้ ในเวลาที่เหมาะสม แล้วของสิ่งนี้ถูกกำหนดให้เป็นของผม
(If my camera was not stolen, I might not know that there is such kind of camera which responds to my need exactly. Generally, camera shops in Thailand show Nikon, Canon, Sony or Panasonic brands in their showcases.
It might be some reasons to explain that... for somethings which we yearn for long time, we don't know when we will find them however, for some reasons we don't know we are destined to see them in the right place, right time and...it's destiny to become our belongings!!!)
....กฎว่าด้วยความเป็นเจ้าของทำงานอีกครั้ง (Law of belonging works again)
Create Date : 23 กรกฎาคม 2552 |
Last Update : 24 กรกฎาคม 2552 14:05:25 น. |
|
10 comments
|
Counter : 1348 Pageviews. |
|
|
|
โดย: เอ๋ IP: 10.1.1.21, 58.137.125.180 วันที่: 24 กรกฎาคม 2552 เวลา:12:16:24 น. |
|
|
|
โดย: ลี่ IP: 203.155.40.6 วันที่: 24 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:40:27 น. |
|
|
|
โดย: tuum IP: 125.25.19.133 วันที่: 24 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:18:45 น. |
|
|
|
โดย: ชีวประภา วันที่: 24 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:56:47 น. |
|
|
|
โดย: ชีวประภา วันที่: 24 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:31:47 น. |
|
|
|
โดย: SevenDaffodils IP: 69.140.230.39 วันที่: 25 กรกฎาคม 2552 เวลา:8:29:35 น. |
|
|
|
โดย: リチャード Richard IP: 82.119.107.213 วันที่: 25 กรกฎาคม 2552 เวลา:18:54:02 น. |
|
|
|
โดย: ชีวประภา IP: 118.172.182.41 วันที่: 25 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:15:13 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ดีหรือไม่ดี บางทีด่วนตัดสินกันไม่ได้เรยนะคะ (นึกถึงนิทานเซนของท่านพุทธทาสเรื่องหนึ่งเลยล่ะ)
การที่กล้องเดิมหาย เลยได้กล้องใหม่ที่ถูกใจมากๆมา
นาก็พึ่งทำกลัองหล่น -> พัง-> ไปซ่อม
เสียเงินค่าซ่อมไปไม่น้อย (สำหรับคนรายได้น้อยเช่นนา)
แต่ก็ได้บทเรียนล้ำค่าในการดูแลประคับประคองใจตัวเอง
ให้ผ่านพ้นมันมาได้ ไม่ต้องแบกลากอะไรให้รุ่มร่ามนานเกินไป