ชีวิตคือความไม่แน่นอนแต่ในความไม่แน่นอนของชีวิตเรากลับพบความสวยงามของชีวิต
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
23 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
First day in Saint Peterburg

หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการตระเวณถ่ายภาพย่านจตุรัสแดง...เราก็กลับมาพักที่โรงแรมซึ่งอยู่ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน СОКОЛ (อ่านว่า Sokol)

คราวนี้ก็เป็นบททดสอบภาษารัสเซียที่เรียนรู้แบบครูพักลักจำก่อนจะบินมามอสโคว์ว่าจะใช้งานได้แค่ไหน? เนื่องจากพนักงานโรงแรมที่อยู่ Front เป็นคุณป้าอายุมาก โรงแรม PahM (อ่านว่า รัม) เป็นโรงแรมที่เก่ามาก อาคารน่าจะสร้างในศตวรรษที่ 70 พนักงานของโรงแรมไม่สามารถสื่อสารกับเราเป็นภาษาอังกฤษได้

Phrase book ของ Berlitz ที่ซื้อจากงานสัปดาห์หนังสือฯ ช่วยให้การเดินทางมารัสเซียคราวนี้สะดวกขึ้นในระดับหนึ่ง ผมตรงเข้าไปทักทายคุณป้าที่นั่งอยู่ที่ฟร้อนท์ว่า


"здравствуйте" (สวัสดีครับ)


คุณป้าตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มว่า


"здравствуйте" (สวัสดีค่ะ)


ประโยคทักทายนี้เคยได้ยินมาตอนสมัยเรียนในญี่ปุ่น ที่ญี่ปุ่นเขามีรายการทีวีสอนภาษาต่างประเทศรวมทั้งบางครั้งมีสอนภาษาไทยสำหรับการท่องเที่ยวด้วย ตอนนั้นฟิตจัดอยากเรียนภาษาต่างประเทศเพิ่มเติมภายหลังจากเห็นนักเรียนที่มาเรียนภาษาไทยด้วยในวัย ๖๐ เขาสามารถพูดได้มากกว่า ๗ ภาษา ผมก็ทึ่งแล้วคิดว่าอายุไม่ใช่ข้อจำกัดของการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆในชีวิตของผู้คน

(I greet Rahm Hotel staff with "Hello" in Russian language. The old lady smiled and responded to me with "Hello" in Russian language. I had ever heard this phrase when I studied in Japan. In Japan, NHK Educational TV Channel broadcast many Foreign Languages Lessons to audiences who are interested in learning foreign languages. At the time, one of my students who is in 60 can speak more than 7 foreign languages, he inspired me to learn further other foreign languages. I think that age is not the limitation for a man to learn new things in his life.)


ตอนนั้นไม่คิดว่าภาษารัสเซียที่เราเรียนเล่นๆในช่วงเวลาสั้นที่ญี่ปุ่นจากทีวีจะมีโอกาสได้เอามาใช้กับการเดินทางคราวนี้ ก่อนมารัสเซียผมนั่งฟังซีดีภาษารัสเซียจากหนังสือ Phrase Book จนคุ้นเคยกับสำเนียงและประโยคพื้นฐานในภาษารัสเซีย

(At the time, I did not expect that Russian language which I learned by myself through NHK TV Program will be used for my trip this time. Before I came to Russia, I listened Russian language from Phrase Book CD many times until I was used to basic Russian conversation. However, I do not deny that it is difficult to memorize new vocaburaries because of age!)


แต่อย่างไรก็ต้องยอมรับว่าลืมง่ายกว่าจดจำคำศัพท์ใหม่ๆ ตามวัยครับ


ผมเข้าไปขอหมอนและผ้าห่มเพิ่ม โดยเริ่มจากการสร้างประโยคแล้วเอาคำศัพท์ที่เราไม่รู้ใส่เข้าไป โดยการชี้ไปที่หนังสือเฟสบุ๊ค

oo vahs yest... (Do you have...?)

คุณป้าพยักหน้าแล้วตอบว่า

хорошо ออกเสียงว่า Khah rah shoh ที่มีความหมายว่า OK!

อย่างน้อยรัสเซียก็เป็นประเทศหนึ่งที่ไม่จำเป็นต้องใช้คำว่า "Okay" เหมือนอย่างประเทศส่วนใหญ่ในโลก

อากาศของคืนแรกในมอสควาสบายๆ เย็นๆเล็กน้อย...ตื่นขึ้นมาแต่เช้าทานอาหารในห้องพัก เชอร์รี่หน้านี้มีให้เห็นทั่วไปและเชอร์รี่เป็นผลไม้หน้าร้อนในประเทศแถบหนาวที่ผมชื่นชอบ...
ราคาตกกิโลกรัมละ ๒๐๐-๒๕๐ บาท เอากระเป๋าไปฝากไว้ที่พนักงานโรงแรมก่อนออกจากโรงแรมไปเที่ยวที่อื่นต่อ มีโอกาสทักทายพนักงานบัญชีของโรงแรม ก่อนออกจากโรงแรมลองถามเธอว่า

"Kak Bac 3OByT?"

เธอตอบกลับมาว่า "Mariana"


สงสัยว่าสำเนียงภาษารัสเซียที่เราพูดเขาคงฟังออก แต่เห็นเขายิ้มมากกว่าเมื่อวานนี้ที่สื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษที่เขาฟังได้แต่พูดไม่ได้

นั่งรถไฟใต้ดินไปจตุรัสแดงอีกทีวางแผนจะเข้าชมพระราชวังเครมลิน แต่ปรากฏว่าวันนี้ผู้ใหญ่ของรัสเซียใช้สถานที่ ดังนั้นนักท่องเที่ยวทั้งหลายเลยอดได้เยื้องกายเข้าไปภายในพระราชวังเครมลิน โชคดีที่เราเดินทางมาเองดังนั้นเปลี่ยนแผนการเดินทางได้ไม่ยาก อีกอย่างจะกลับมามอสโคว์อีกครั้งภายหลังจากเดินทางไปเที่ยวที่เมืองเซ็นต์ปีเตอร์เบิร์ก ๕ วัน

ตอนที่รถติดนานๆได้ยินเสียงบีบแตรดังๆและนานๆของคนรัสเซียลั่นถนนเลย.... เพราะตอนผู้ใหญ่รัสเซียจะมาที เขาปิดถนนไม่ให้รถแล่นผ่านนานมากๆ

ถ่ายภาพพระราชวังเครมลินจากสะพานแล้วแวะไปย่านอาบาดที่เป็นแหล่งช็อปปิ้ง มีอาคารเก่าๆและสถาปัตยกรรมที่แปลกตา มีช่างวาดรูปเหมือนมให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ หลายๆรูปที่วาดสะท้อนอารมณ์ของลูกค้าที่มาจ้างให้วาด หลังจากนั่นนั่งเรือชมวิวของเมืองมอสโคว์ แวะไปมหาวิทยาลัยมอสโคว์ซึ่งมีตึกที่ดูคลาสสิคและสง่างามมาก ถึงจะเก่าแต่ก็ดูดี

ตอนค่ำเรากลับมาเอาของทีโรงแรมแล้วไปขึ้นรถไฟไปเซ็นต์ปีเตอร์เบิร์ก...รถไฟออกเกือบเที่ยงคืน สภาพยามค่ำของมอสโคว์ที่เห็นแสงโพล้เพล้ตอนห้าทุ่มเป็นอย่างไรพึ่งเคยเห็น ผมถ่ายภาพบรรยากาศอาคารสำคัญที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟเก็บเอาไว้ด้วย

รถไฟแล่นช้าๆแต่มาถึงสถานีรถไฟที่เซ็นต์ปีเตอร์เบิร์กตามเวลา กางแผนที่หาตำแหน่งของ Youth Hostel หาลำบากจริงๆ ขณะที่เราเดินอยู่แล้วสอบถามคนขายของว่าถนนที่เราจะไปอยู่ที่ไหน? มีผู้หญิงรายหนึ่งตรงเข้ามาหาเราแล้วเดินนำเราไปยังถนนที่เราต้องการจะไปแม้ว่าเธอจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย กล่าวขอบคุณเธอเป็นภาษารัสเซีย

"spah see bah" (Thank you)

เดินหายูธโฮสเทลจนเจอ เจ้าหน้าที่แจ้งให้เราทราบว่าแม้ว่าเราจะเป็นคนไทยไม่ต้องขอวีซ่า แต่ว่าการที่เราพำนักสถานที่ใดนานกว่า ๔ วันทำการ เราต้องรายงานให้เจ้าหน้าที่ทราบไม่อย่างนั้นถ้าตำรวจมาขอดูใบลงทะเบียนแจ้งการพำนัก แล้วเราไม่มีเป็นไปได้ที่เราต้องเสียค่าปรับ ตัดสินใจว่าไม่เสี่ยงต่อการเสียค่าปรับ เราจึงไปทำเรื่องแจ้งเจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ย่านวลาดีเมียสกาย่า ย่านนั้นมีโบสถ์สวยที่อยู่ใกล้ๆชื่อ The Church of the Vladimir Icon of the Mother of God






เจ้าหน้าที่วีซ่าที่เราเข้าใจว่าพูดภาษาอังกฤษได้ดีกลายเป็นว่าเธอพูดได้แต่หลายๆประโยคไม่สามารถสื่อสารกันได้ โชคดีที่มีคนมาติดต่อที่เขาพูดภาษาอังกฤษได้ เขาเลยช่วยแปลให้เรา เจ้าหน้าที่ให้เรากรอกชื่อลงในเอกสารที่เป็นภาษารัสเซียแล้วนัดเราให้มารับเอกสารรับรองพรุ่งนี้ช่วงเวลา ๕ โมงเย็นถึงสองทุ่ม ฟังแล้วตกใจที่ระบบการทำงานของที่รัสเซียจะขยันอะไรกันขนาดนั้น


นั่งรถไฟไปลงย่าน Nevskiy Prospekt ย่านนี้เป็นย่านใจกลางของเซ็นต์ปีเตอร์เบิร์ก มีตึกเก่าๆสองข้างทาง แวะทานข้าวที่ร้าน KFC





ในขณะที่ทานอาหารอยู่ มีผู้ชายคนนึงเข้ามาขายบุหรี่ ซึ่งก็ปฏิเสธไปแต่คนๆนี้ไม่ยอมเลิกรา พยายามเซ้าซี้ให้ซื้อบุหรี่เขาให้ได้ เขาเอามือมาโอบไหล่เราทั้งสองคน ในระหว่างนั้นมีผู้ชายใส่ชุดเหมือนพนักงานเคเอฟซีแต่ไม่ใช่พนักงานเพราะไม่มีโลโก้เคเอฟซีเข้ามาทำทีเช็ดโต๊ะ ในขณะที่ผมมองไปที่ชายคนนั้น ผู้ชายคนที่พยายามขายบุหรี่รบเร้าเรามากขึ้นให้ซื้อบุหรี่เขา ไม่ว่าจะปฏิเสธอย่างไรหมอนั่นไม่ยอมเลิกรา จนเกิดอารมณ์ฉุนขึ้นมา พอเราไม่ตอแยด้วย เขาก็เริ่มไม่ตื๊อแล้วเดินออกไป ตอนนั้นเห็นป้ายในร้านเขียนเตือนว่าให้ระวังสิ่งของ พอจะลุกเข้าห้องน้ำหันมามองที่กระเป๋ากล้องที่วางไว้ข้างตัว...ปรากฏว่าหายไปแล้ว!!!!

(While we were eating in KFC, there was a man who tried to sell cigarette to me but I rejected. He did not give up and tried to annoy I and my brother. At the same time, there was another man who wore shirt similar to KFC staffs to wipe out table. Cigarette seller tried to drag our attention to him which made me upset. I did not respond to him. He gave up and walked away. When I would go to the toilet, I found that my camera bag was stolen!!!!)

ความรู้สึกตอนนั้นคือไม่อยากเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น เพราะปกติเราจะระมัดระวังตัวในการเดินทางมาก พูดไม่ออก ทำใจว่าก็ดีเหมือนกันต่อไปนี้การเดินทาง ของที่ต้องหอบหิ้วก็ลดลงไป ไม่ต้องถ่ายภาพอีกต่อไป แต่พี่ชายแนะนำให้ผมซื้อกล้องตัวใหม่ที่รัสเซียเพื่อบันทึกภาพการเดินทางไว้เป็นที่ระลึก

สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ กล้องตัวนั้นเราซื้อให้เป็นรางวัลตัวเองภายหลังจากที่เราเขียนวิทยานิพนธ์เสร็จอย่างที่ตั้งใจไว้ คุณค่าของรางวัลอยู่ที่การตอบแทนความพยายามซึ่งเราต้องการพิสูจน์ว่าไม่สูญเปล่า ถึงจะซื้อกล้องตัวใหม่รุ่นเดิมคุณค่าก็ไม่เหมือนกล้องตัวนั้น

(I bought that camera as a present for myself when I could make my doctoral dissertation complete. Therefore, the value of the camera is ...I would like to prove that perseverance never come up with empty hand. Even if I bought new one which the same model, it would not make me appreciate as the one which was stolen!!!)

ตอนนั้นจะเสียใจขนาดไหนก็ไม่มีประโยชน์ ขโมยมันคงไม่ใจดี เห็นใจเอากล้องมาคืนผม

นี่เป็นกฎธรรมชาติข้อหนึ่งที่เข้ามาทดสอบผมและจำต้องยอมรับว่า

"ไม่มีอะไรในโลกนี้เป็นของเรา
ของทุกอย่างสักแต่ว่าสมมติ
ไม่ว่าเราจะรักขนาดไหนก็ตาม
มันอยู่กับเราช่วงเวลาหนึ่ง
หลังจากนั้นเมื่อถึงเวลา...
สิ่งเหล่านั้นก็จะจากเราไป...
เสื่อมสภาพไป สูญหายไป หรือตกไปเป็นของคนอื่น"



เข้าไปถามร้านอัดรูปว่าเขาขายกล้องไหม? เขาพอฟังออกเขาตอบว่า "Nyet" (No!)

สร้างประโยคภาษารัสเซียง่ายๆถามเขาว่าจะไปหาซื้อกล้องได้ที่ไหน? เขาถ่ายเอกสารมาให้แล้วแนะนำให้ไปย่าน Chernyshevskaya สงสัยเหมือนกันว่าย่านนี้จะไม่มีร้านขายกล้องเลยหรือ?


พอไปย่านนั้นแล้วหาร้านจนเจอ ปรากฏว่าเป็นร้านตัวแทนจำหน่ายของ Pentax เท่านั้น ขอเขาดูกล้อง Pentax Optio W60 เนื่องจากรุ่นนี้เป็นกล้องCompact Wide Angle มุมกว้าง 28 mm. มันช่วยทำให้เราเก็บภาพสถาปัตยกรรมได้มุมกว้างและถ่ายที่แคบๆเก็บรายละเอียดได้ครบถ้วน โชคไม่ดีก็ตรงที่คู่มือพิมพ์เป็นภาษารัสเซีย แต่ชดเชยด้วยคำสั่งการใช้งานมีให้เลือกได้หลายภาษา และในจำนวนนั้นมีภาษาไทยด้วย!!!!

(I went to buy a new compact camera but there are only Pentax brand in that shop. I selected a wide angle compact camera "Pentax Optio W60 model" which helps me to take pictures of architecture in wide angle and take snapshots in narrow places completely. Even if the manual is written in Russia but there are many languages for usage functions in camera including Thai language!!!)



คราวนี้มาดูผลงานของ Pentax Optio W60 (Now, enjoy viewing the performance of Compact Camera 'Pentax Optio W60')






The Church on the Spilled Blood ที่เป็น Landmark of Saint Peterburg City



แล้วลองดูใบหน้าของคนที่กล้องถูกขโมยไปว่าเป็นอย่างไรบ้าง?
(Please look at my face after my camera was stolen. How do you feel?)






มีโอกาสเดินเข้าไปชมภาพวาดภายในโบสถ์ สวยงามเกินคำบรรยาย

(Paintings inside The Church on the Spilled Blood are very beautiful!!)





เดินผ่านสวนด้านหลัง St. Isacc Cathedral ได้ภาพสวยๆออกมาแบบนี้





เดินหาทางไป Marinsky Theatre เพราะเราจองตั๋วผ่านอินเทอร์เน็ตดูละครโอเปร่า "Brothers Karamasov" ซึ่งดัดแปลงจากวรรณกรรมคลาสสิคที่มีชื่อเสียงมากของรัสเซีย เราต้องเอาหลักฐานไปขึ้นตั๋วก่อนการแสดงที่จะเริ่มต้นตอน ๑ ทุ่ม สอบถามคนรัสเซียที่บุคลิกเหมือนอาจารย์ เขาอธิบายทางไปให้เราเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงรัสเซียที่เร็วมาก ขอบคุณเขาแล้วเดินตามคำแนะนำของเขาจนพบโรงละครมารินสกี้





บังเอิญซองใส่กล้องคาดเอาไว้กับเข็มขัดเลยมีโอกาสบันทึกภาพภายในโรงละครกลับมา






เห็นคุณภาพในการนำเสนอละครโอเปร่าของรัสเซีย เขามีคำบรรยายเป็นภาษาอังกฤษในขณะที่ตัวละครกำลังร้องเป็นภาษารัสเซีย ตัวละครทุกคนต่างร้องออกมาด้วยพลังเสียงที่กังวาลและมีพลัง ไพเราะจับใจ (ผิดกับละคร "แม่นาคเดอะมิวสิคคัล" ที่มีโอกาสได้ไปชมมาเมื่อสองอาทิตย์ก่อน จนคิดว่าบ้านเรายังขาดการฝึกคนขึ้นมาแสดงละครเพลงในลักษณะนี้) ดูแล้วยิ่งใหญ่มากสมกับราคาตั๋วที่แพงขนาดนั้น






เนื้อเรื่องของละครโอเปร่า "พี่น้องคารามาซอฟ" เป็นเนื้อเรื่องที่ผู้เขียนพยายามชี้ไปที่จิตใจของตัวละคร มนุษย์มีความเกลียดชังและความเกลียดชังที่มีต่อพ่อทำให้ตัวเอกของเรื่องกระทำฆาตกรรมขึ้น ความรักและความลุ่มหลงของผู้คนทำให้มนุษย์เรายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งคนที่เรารัก




ละครปิดฉากลง....นักแสดงทุกคนออกมาโค้งขอบคุณผู้ชมในโรงละคร ทุกคนเล่นได้ดีมากๆ รวมทั้งนักดนตรีทุกคนที่ร่วมกันบรรเลงเพลงประกอบละคร





ผมเคยคิดจะซื้อกล้องคอมแพ็คมาหลายเดือนเนื่องจากกล้องตัวเดิมที่ใช้อยู่มีขนาดใหญ่ไม่สะดวกเวลาพกพาไปทำงานในบางกรณี นอกจากนี้ให้ใครช่วยถ่ายภาพให้...ลองกดชัตเตอร์ทีไร...ภาพที่ได้ออกมามักจะเบลอ!!! อันนี้เข้าใจว่าส่วนมากไม่ใช่คนรักการถ่ายภาพ ให้เขาจับกล้องถ่ายรูปด้วยชัตเตอร์ขนาดความไวชัตเตอร์ต่ำกว่า 1/15 วินาทีมักจะมือสั่นกันมาก ภาพออกมาจึงเบลอ กล้องPowershot S3IS function Stabilizer จะทำงานที่ความไวแสงสูงๆ ผิดกับกล้องคอมแพ็ค ดังนั้นคนไม่คุ้นเคย มาถ่ายภาพรูปที่ได้ออกมาจึงมักจะเบลอ


ผมพยายามหากล้องคอมแพ็คในไทยแต่ไม่เจอรุ่นไหนที่ถูกใจ การที่กล้องหายในรัสเซีย ทำให้ผมได้มาเจอกล้อง Pentax Optio W60 อย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ผลงานที่ถ่ายออกมา สีสดมาก รวมทั้งฟังก์ชั่นของมอนิเตอร์ที่ลดการสะท้อนของแสง มันช่วยให้เราสามารถมองเห็นภาพได้ชัดในสภาวะที่เราถ่ายภาพกลางแสงแดดที่จ้า มันตอบโจทย์ที่ผมต้องการค้นหากล้องที่ขายกันอยู่ให้มีฟังก์ชั่นแบบนี้ นอกจากนี้กล้องตัวนี้เป็นกล้องที่กันน้ำและสามารถถ่ายใต้น้ำได้ในระยะความลึก 4 เมตร

ถ้ากล้องไม่หาย...ก็คงไม่รู้ว่ามีกล้องรุ่นนี้อยู่ในโลก เพราะร้านส่วนมากไม่นิยมนำกล้องของเพ็นแท็กส์มาโชว์ เราจึงพบแต่กล้องของนิคอน, แคนนอน, พานาโซนิค หรือว่า โซนี่ ในตู้โชว์


นี่อาจจะเป็นเหตุผลว่า...สิ่งที่เราค้นหามานาน...เราไม่รู้จะเจอเมื่อไหร่ แต่อยู่ๆมันก็มีเหตุให้เราได้เจอสิ่งๆนั้น...ณ.สถานที่ซึ่งถูกกำหนดเอาไว้ ในเวลาที่เหมาะสม แล้วของสิ่งนี้ถูกกำหนดให้เป็นของผม


(If my camera was not stolen, I might not know that there is such kind of camera which responds to my need exactly. Generally, camera shops in Thailand show Nikon, Canon, Sony or Panasonic brands in their showcases.

It might be some reasons to explain that...
for somethings which we yearn for long time,
we don't know when we will find them
however, for some reasons we don't know
we are destined to see them in the right place, right time
and...it's destiny to become our belongings!!!)


....กฎว่าด้วยความเป็นเจ้าของทำงานอีกครั้ง (Law of belonging works again)


Create Date : 23 กรกฎาคม 2552
Last Update : 24 กรกฎาคม 2552 14:05:25 น. 10 comments
Counter : 1348 Pageviews.

 
^_^ ภาพสวยค่ะ

ดีหรือไม่ดี บางทีด่วนตัดสินกันไม่ได้เรยนะคะ (นึกถึงนิทานเซนของท่านพุทธทาสเรื่องหนึ่งเลยล่ะ)

การที่กล้องเดิมหาย เลยได้กล้องใหม่ที่ถูกใจมากๆมา

นาก็พึ่งทำกลัองหล่น -> พัง-> ไปซ่อม
เสียเงินค่าซ่อมไปไม่น้อย (สำหรับคนรายได้น้อยเช่นนา)

แต่ก็ได้บทเรียนล้ำค่าในการดูแลประคับประคองใจตัวเอง
ให้ผ่านพ้นมันมาได้ ไม่ต้องแบกลากอะไรให้รุ่มร่ามนานเกินไป




โดย: NaNaChidTanG วันที่: 24 กรกฎาคม 2552 เวลา:0:39:55 น.  

 
Pentax ก็ไม่เลวนะ ภาพสวยใช้ได้เลยค่ะ ฟังเรื่องราวแล้วทำให้อยากไปเที่ยวทันที่เลยอ่ะ แต่ภาษาไม่ได้เนี่ย ถ้าจะลำบากในการไปเอง สงสัยต้องพี่งทัวร์ซะแล้ว อีกอย่างต้องหาเวลาที่จะไปที่เหมาะสม ก็อย่างที่พี่บอกว่า เราถูกกำหนดให้ไปในสถานที่ ในวันและเวลาที่เหมาะสม ยังไงก็ตามแล้วจะหาเวลาไปเยี่ยมพี่และชาวนครสวรรค์ ค่ะ


โดย: เอ๋ IP: 10.1.1.21, 58.137.125.180 วันที่: 24 กรกฎาคม 2552 เวลา:12:16:24 น.  

 
น่าอิจฉาจังได้ไปเที่ยว อ่านแล้วสนุกดี คราวหน้าขอรูปเยอะๆหน่อยนะค่ะ จะติดตามอ่านจ้า


โดย: ลี่ IP: 203.155.40.6 วันที่: 24 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:40:27 น.  

 
ภาพสวยค่ะ อิจฉาๆๆ


โดย: tuum IP: 125.25.19.133 วันที่: 24 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:18:45 น.  

 
น้องนา...จริงที่ว่าอย่าพึ่งรีบสรุปเหตุการณ์เลวร้ายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต บางครั้งเรื่องไม่ดีที่ผ่านเข้ามาเพื่อให้เวลาเราสะท้อนตัวเองหรือเจอเรื่องราวอีกอย่างที่ช่วยเปลี่ยนแปลงอีกหลายๆเรื่องในชีวิตให้ดีขึ้น ขอบคุณที่แชร์ความคิดเห็นครับ

เอ๋...ภาษาเป็นวัฒนธรรมที่สวยงามและบ่งบอกถึงความเป็นเอกลักษณ์ของชนชาตินั้น ถ้าเราสามารถสื่อสารกับคนท้องถิ่นด้วยภาษาของคนชาตินั้นได้ มันทำให้เราสนุกกับการท่องเที่ยว และคนชาตินั้นเขาก็รู้สึกดีที่เห็นคนต่างชาติพยายามเรียนรู้และเป็นส่วนหนึ่งของสังคมเขา

ยอมรับว่า Pentax ผลิตกล้องที่มีคุณภาพมานานเพราะอาซาฮีกลาสบริษัทยักษ์ใหญ่ในการผลิตแก้วถือหุ้นอยู่ กล้องตัวแรกที่ผมใช้เป็นของเพ็นแท็กซ์ แต่ผมหันมาใช้แคนนอนตอนอยู่ญี่ปุ่นและเห็นการพัฒนาด้านเลนส์และเทคโนโลยีดิจิตัลด้วยตัวเองของแคนนอนทำให้แคนนอนเป็นเจ้าตลาดกล้องดิจิตัล แต่ยังมองว่ากล้องคอมแพ็คของแคนนอนยังไม่ตอบโจทย์ของตัวเองที่ต้องการกล้องที่มีฟังก์ชั่นและคุณสมบัติแบบนี้ จนกระทั่งมาเจอ Pentax Optio W60

ลี่...บล็อกนี้ไม่ได้เน้นภาพถ่ายแบบ Multiply แต่เน้นเล่าเรื่องประกอบภาพสวยๆ เคยเห็นคนชอบก็อปปี้รูปคนอื่นหน้าตาเฉยโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของรูป เราเลยต้องทำพินทุที่ภาพ(ทำภาพให้มีตำหนิ ทำให้คนอยากก็อปปี้รูปคนอื่นยับยั้งชั่งใจชั่วขณะ ถ้าภาพมันมีริ้วรอย มีข้อความแล้วคนก็อปปี้จะละอายไม่ก็อปปี้รูปไปทำรีทัช ไปทริมรูปลบข้อความที่เจ้าของภาพเขาอุตส่าห์ทำไว้ไหม?) ผมไม่ชอบความคิดแอบก็อปปี้รูปคนอื่นนะ เราควรเคารพในสิทธิ์ของคนอื่น

ค่อยๆอ่านไปเรื่อยๆ จะมีรูปภาพประกอบคำบรรยายของสถานที่ต่างๆที่ไปพบเห็นมาตลอดการเดินทางคราวนี้ อย่าใจร้อน อยากจะรีบๆดูแต่ภาพอย่างเดียว สิ่งสำคัญที่ต้องการถ่ายทอดคือความรู้สึก สิ่งสวยงาม เรื่องราวต่างๆที่เผชิญมาตลอดการเดินทาง โดยมีภาพเป็นตัวเดินเรื่องในบางช่วงเวลาต่างหาก

เน้นรูปอย่างเดียวเวลาโหลดทีหนักมาก ใช้เวลานานกว่าจะอ่านได้ โดยเฉพาะสถานที่ทำงานที่เล่นเน็ตได้ช้ามากๆ


โดย: ชีวประภา วันที่: 24 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:56:47 น.  

 
คุณตุ่ม..ก่อนผมไปเที่ยวคราวนี้มีน้องๆที่ธนาคารอิจฉาที่ผมได้เดินทางไปเที่ยวแบบสบายใจนานขนาดนั้น แต่ตอนนี้มาอ่านเจอว่ากล้องแสนรักตัวนั้นถูกขโมยไปที่เมืองเซ็นต์ปีเตอร์เบิร์ก...ผมไม่แน่ใจว่าเขาจะยังอิจฉาผมไหม?

ในระหว่างการเดินทางมีทั้งเรื่องที่ประทับใจและไม่ประทับใจ ติดตามอ่านไปเรื่อยๆแล้วจะพบว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในระหว่างทริปนี้


โดย: ชีวประภา วันที่: 24 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:31:47 น.  

 
ไดอารีที่จดบันทึกการท่องเที่ยวของคุณคราวนี้คงจะเล่มโตไม่เบานะคะ เพราะเขียนได้ละเอียดจังเลยค่ะ ชอบภาพวาดในโบสถ์จังเลยค่ะ สวยมาก

แป๋วเริ่มถ่ายรูปด้วยกล้องคอมแพ็คนะคะ ตัวที่ใช้มากๆคือ Canon SD500 ภาพที่ชอบมากที่สุดตั้งแต่ถ่ายมายังเป็นภาพที่ถ่ายด้วยกล้องตัวนี้อยู่ค่ะ แป๋วว่ากล้องอะไรไม่สำคัญเท่าเรารู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า กล้องนั้นสัมพัทธ์กับตัวเรา ถ้าเราใช้จนคล่องก็สามารถถ่ายทอดความรู้สีกตรงหน้าออกมาได้อย่างใจค่ะ

เวลาไปเที่ยวก็ชอบใช้กล้องเล็กนะคะ คล่องตัวและเบาดี เวลาจะถ่ายผู้คนดูเขาไม่ค่อยกลัวเราเท่าไหร่ ใช้กล้องใหญ่ยกปั้บแบบหายเกลั้ยงเลยค่ะ

ขอบคุณสำหรับคำชมและเรื่องดอกอะจิไซนะคะ แป๋วชอบดอกไฮเดรนเยีย เห็นภาพของเพื่อนๆบล็อกในญี่ปุ่นแล้วให้อยากไปเห็นด้วยตาตัวเอง พูดถึงญี่ปุ่น ชนบทญี่ปุ่นสวยมากๆค่ะ แป๋วเคยดูหนังเรื่อง The Samurai I Love บนเครื่องบิน ถ่ายในชนบทญี่ปุ่น สวย และดูสงบ จนอยากไปเห็น ไปอยู่ในที่ๆแบบนั้นด้วยตัวเอง

อ่านที่คุณเล่าเรื่องดอกอะจิไซ สมกับที่ฝรั่งบอกว่าเป็นสัญลักษณ์ของ Preservation of love that lasts forever จริงๆค่ะ

สมัครเป็นลูกทัวร์ด้วยคนนะคะ


โดย: SevenDaffodils IP: 69.140.230.39 วันที่: 25 กรกฎาคม 2552 เวลา:8:29:35 น.  

 
ขอบคุณคุณแป๋วที่แวะมาเยี่ยมเยียนและทิ้งความเห็นเอาไว้

ไดอารี่ระหว่างการเดินทางคราวนี้จดแบบย่อ เน้นเรื่องสำคัญระหว่างเดินทางเขียนลงในสมุดโน้ตเล็กๆป้องกันการลืม กลับมาเมืองไทยค่อยมาลงรายละเอียดเท่าที่จำได้ลงไดอารี่เล่มที่ใช้อยู่ปัจจุบัน ซึ่งแน่นอนมันเป็นเล่มขนาด A-4 ที่เป็นสมุดโน้ต

ตอนนี้ไล่เขียนเหตุการณ์ที่เซ็นต์ปีเตอร์เบิร์ก พยายามทำให้เสร็จเร็วที่สุดเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้ในแต่ละวันก็มีเรื่องน่าสนใจผ่านเข้ามา ถ้าไม่จดเวลาผ่านไปก็จะลืม อย่างคำพูดของฮิลลารี่ที่ให้สัมภาษณ์กับคุณสุทธิชัย หยุ่นและคุณวีณารัตน์ เลาหภคกุลเมื่อสองวันก่อนน่าสนใจมาก ฮิลลารี่กล่าวว่า

เห็นคนอื่นที่ประสบความสำเร็จแล้วอย่าพยายามที่จะเลือกเป็นอย่างคนอื่น แต่ละคนมีเส้นทางในชีวิตที่แตกต่างกัน จงเลือกเป็นอย่างที่คุณอยากเป็นและเหมาะกับตัวคุณจริงๆ

การเขียนไดอารี่นี่ผู้เขียนต้องมีความตั้งใจมากๆ ไม่อย่างนั้นไม่มีทางเขียนได้ต่อเนื่อง เพราะผมเคยตั้งใจจะเขียนไดอารี่ตั้งแต่อายุ 12 ปี แต่ก็ผัดผ่อนจนเข้ามหาวิทยาลัยในวัย 18 ไดอารี่เล่มแรกก็คลอดออกมาแล้วก็เขียนมาตลอดจนถึงทุกวันนี้

เห็นด้วยว่าจะใช้กล้องอะไรก็เหมือนกัน สิ่งสำคัญอยู่ที่เรามองภาพที่จะถ่ายออกไหมว่าจะจัดองค์ประกอบอย่างไรให้องค์ประกอบของภาพมันลงตัวและภาพนั้นน่าสนใจ เพราะการถ่ายภาพคือการสื่อสารกับคนดูรูปนั้น

กล้องคอมแพ็คตัวนี้เอาไว้ใช้งานทั่วไป ถ่ายภาพงานเลี้ยงที่ผู้คนในภาพไม่สนใจอะไรนอกจากมีหน้าตัวเองในกล้องเป็นใช้ได้ ท่องเที่ยวที่ไม่เน้นงานศิลป์มากมายอะไร ส่วนกล้องโปรแฟสชั่นแนลที่จะแสวงหาต่อไป...ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเมื่อไหร่จะซื้อ เอาไว้เติมในส่วนที่กล้องคอมแพ็คไม่สามารถทำได้

ถ้ามีโอกาสได้ไปสัมผัสญี่ปุ่นจริงๆ...ผมเชื่อว่าคุณแป๋วคงปลื้มกับธรรมชาติที่สวยงามในญี่ปุ่นที่ผลัดกันมาให้ผู้คนได้ชื่นชม สำหรับคนที่รักการถ่ายภาพธรรมชาติ...ญี่ปุ่นเป็นสถานที่ซึ่งตอบโจทย์ตรงนี้ทางเลือกหนึ่ง

ยินดีครับที่คุณแป๋วจะร่วมเดินทางไปพร้อมกับทริปคราวนี้ผ่านเรื่องราวและภาพประกอบเรื่องในบล็อกนี้

โดย: ชีวประภา วันที่: 25 กรกฎาคม 2552 เวลา:9:27:05 น.  

 
Great blog, Chatree-sensei! Although I could only read the English bits, I was impressed by your insight about the stolen camera. Yuko and I know how much you like photography and cameras, and how hard you work to allow you to pursue your hobby, so I'm sure it was hard to enjoy your trip after that...
Thanks also for the Russian lesson! I agree - one of my favorite things about Japan are the NHK radio and tv language courses. I just wish they had a daily Thai course...
またお会いできるのを楽しみにしています。
ブログを読んでまたそのうちタイ語の勉強を再開しなければならないと痛感しました。
それではスロバキアよりご挨拶を!
リチャード&友子


โดย: リチャード Richard IP: 82.119.107.213 วันที่: 25 กรกฎาคม 2552 เวลา:18:54:02 น.  

 
Thank you for comments from Richard and Yuko. Richard...I think that you are hurry to draw a conclusion that I might not be happy with my first Europe Trip after my camera was stolen.

Please continue to read contents in this blog, you will find what I discovered from my Europe trip. Finally, I believe that you will understand my real feeling at the end of my trip.

Yuko san...it's time to brush up your Thai language which you had ever learnt from my class at Waseda University.


โดย: ชีวประภา IP: 118.172.182.41 วันที่: 25 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:15:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชีวประภา
Location :
พิษณุโลก Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ชีวประภา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.