|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
Knowledge Management (การจัดการกับองค์ความรู้)
เคยได้ยินเรื่องของการจัดการกับองค์ความรู้ (Knowledge Management) แล้วก็มีโอกาสได้อ่านหนังสือที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้ แต่คราวนี้ได้รับมอบหมายให้เข้าไปร่วมสัมมนาเรื่องของการจัดการกับองค์ความรู้
บรรยากาศการสัมมนาคราวนี้แตกต่างไปจากการเข้าร่วมสัมมนาทั่วๆไป เป็นบรรยากาศสบายๆ ผ่อนคลาย กระตุ้นให้ผู้ร่วมสัมมนาแสดงความคิดเห็น แชร์ความรู้และประสบการณ์
ผู้เข้าร่วมสัมมนาอายุเฉลี่ยน่าจะอยู่ที่ ๓๐ ต้นๆ แต่ผมและผู้เข้าร่วมสัมมนาบางคนช่วยกันดึงค่าเฉลี่ยมัธยฐานเบ้ออกไปได้นิดหน่อย ประสบการณ์ในวัยที่แตกต่างกัน มุมมองที่มีต่อหัวข้อที่พูดคุยกัน มันทำให้เรามองเห็นเรื่องนั้นๆได้หลากมุมและมีสีสันขึ้น
น้องๆหลายคนเป็นเพื่อนในฝ่ายเก่า....เราจึงมีความคุ้นเคยกันดี ล้อเล่นกันได้โดยไม่ถือสามากนัก แต่เรื่องอายุกลายเป็นหัวข้อที่น้องๆหยิบขึ้นมาใช้แซวผมได้บ่อยๆ
การที่วิทยากรสร้างบรรยากาศความคุ้นเคยระหว่างผู้เข้าสัมมนาให้รู้สึกเป็นกันเองและสนิทสนมกัน มีส่วนช่วยทำให้การทำ Workshop Knowledge Management ครั้งนี้สนุกสนาน ทุกคนเต็มใจจะแสดงความคิดเห็น มีส่วนร่วม
มีการนำเสนอวิดีทัศน์ตัวอย่างของการจัดการกับองค์ความรู้ของเกษตรกร ที่เขาพยายามคิดค้นวิธีการปลูกข้าวแบบอินทรีย์ มันทำให้เราเห็นภาพของความร่วมมือและภูมิปัญญาชาวบ้านที่บางครั้งเรามองข้ามไป แต่การจะเปลี่ยนแปลงให้ชาวนาหันมาปลูกข้าวแบบอินทรีย์...ต้องพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าประโยชน์ภายหลังเขาเปลี่ยนมาใช้การปลูกอินทรีย์มันเกิดประโยชน์จริง การที่เขาได้ทำกับมือเห็นข้อเท็จจริง เขาจะเริ่มเปลี่ยนความคิดและหันมาใช้ภูมิปัญญาในการทำเกษตรกรรม
บ่อยครั้งเรื่องราวดีๆ ความรู้ดีๆ ภูมิปัญญาชาวบ้าน หายไปเพียงเพราะไม่มีผู้สืบทอดความคิดดีๆแบบนั้น หายไปเพราะคนรับเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่โดยละทิ้งภูมิปัญญาชาวบ้านที่ความจริงแล้วมันเหมาะกับสภาพชีวิตแบบไทยๆมากกว่าเทคโนโลยีสมัยใหม่
บ่อยครั้งที่ความรู้แบบภูมิปัญญาชาวบ้านที่เขาทำกับมือมาเป็นเวลานานก็ขาดการถ่ายทอดออกมาเป็นภาษาวิชาการ ขาดการถ่ายทอดออกมาเป็นหลักการปฏิบัติสากล เวลาคนที่มีความรู้แบบนี้เขาถ่ายทอดออกมา...เขาถ่ายทอดออกมาเป็นภาษาชาวบ้านๆที่เข้าใจง่าย แต่นักวิชาการบางคนก็ยังคิดว่าความเชื่อแบบนี้ยังขาดการทดลองตามหลักวิชาการด้วยตัวอย่างที่มากพอจนเป็นที่ยอมรับได้
ถ้าเพียงแต่ความคิดดีๆแบบนี้ ภูมิปัญญาแบบนี้มีการถ่ายทอดออกมาเป็นความรู้ที่แจ้งชัด...ความรู้ก็จะเกิดประโยชน์มากมายต่อสังคม ความรู้แบบนี้ไม่สูญหายไปไหน
เคยดูหนังญี่ปุ่นเรื่อง "Udon (อุด้ง)" พ่อของพระเอกเรื่องนี้เป็นคนทำอุด้งที่อร่อยและรสชาติเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครทำได้เหมือน แต่ความรู้นี้ไม่เคยถ่ายทอดให้ใคร เขาทดลองทำอุด้งด้วยวิธีต่างๆจนได้รสชาติอุด้งที่อร่อยคงที่ จนเมื่อเขาตายไป...พระเอกของเรื่องที่ตระหนักถึงคุณค่าของอุด้งรสชาติอร่อยที่หาใครในจังหวัดจะทำได้เหมือน พระเอกของเรื่องพยายามหาวิธีทำอุด้งให้รสชาติเหมือนที่พ่อตนเองทำ....ไม่ให้อุด้งรสชาติพิเศษนี้หายไป พระเอกของเรื่องต้องลองถูกลองผิดและสอบถามคนทำอุด้งที่รสชาติใกล้เคียงว่าทำอุด้งอย่างไร ในที่สุดรสชาติอุด้งแสนอร่อยแบบเดียวกับที่พ่อเขาเคยทำไว้ก็คืนชีพกลับมาทำให้ลูกค้าได้มีความสุขทุกครั้งที่ได้ลิ้มรสอุด้งของร้านเขา
ลองคิดดูว่าถ้าองค์กรมีคนที่มีความรู้ความสามารถ คนพวกนี้มีภูมิปัญญาดีๆ....แต่พวกเขากลับถูกมองข้ามในความสามารถและศักยภาพ เมื่อคนเหล่านี้ออกจากองค์กร ความรู้ดีๆก็หายไปจากองค์กรพร้อมกับคนเหล่านี้ คนที่อยู่หรือคนที่มาใหม่ก็ต้องมาเริ่มต้นหาความรู้ด้วยตนเอง ลองถูกลองผิดจนกว่าจะได้ความรู้ที่ถูกต้อง
ถ้าเพียงแต่องค์กรคิดจัดการกับองค์ความรู้ จัดเก็บองค์ความรู้โดยให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการแชร์ประสบการณ์ ความรู้ที่มีต่อเรื่องนั้นๆ ความรู้ที่มีการจัดเก็บเป็นคลังความรู้ มีการกระตุ้นให้มีการหยิบเอาความรู้ไปใช้ ไปเผยแพร่เอาไปใช้ประโยชน์ได้จริง เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น คนที่แชร์ข้อมูลและประสบการณ์จะเกิดความภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งขององค์กร มีคุณค่า และความรู้ที่เป็นประโยชน์นั้นก็ไม่สูญเปล่าแต่กลับมีการต่อยอดพัฒนาเป็นความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อไป
ได้เห็นตัวอย่างหลายองค์กรที่ประสบความสำเร็จในการจัดการกับองค์ความรู้ อะไรอยู่เบื้องหลังความสำเร็จตรงนั้น?
สิ่งหนึ่งที่พอจับประเด็นได้คือ..องค์กรเหล่านั้นต่างมีเป้าหมายชัดเจนและทุกคนมีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายนั้น ทุกคนเต็มใจที่มีส่วนร่วมในการแชร์ประสบการณ์ บรรยากาศในการแชร์ความรู้ต่างเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน ทุกคนมีความสุขที่ได้ทำ จนความสุขในการทำงานตรงนี้มันกระตุ้นให้ทุกคนอยากจะแชร์และแบ่งปันความรู้ให้แก่กันต่อไปเรื่อยๆ
ความจริงแล้วการจัดการกับองค์ความรู้เป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน ไม่ใช่เป็นงานชิ้นใหม่ แต่เป็นการทำไปในระหว่างทำงานแล้วมันทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานทำได้ดีขึ้นแล้วความรู้เกิดการเผยแพร่ภายในองค์กรเกิดความร่วมมือในการทำงานระหว่างกันดีขึ้น
การไปเข้าสัมมนาคราวนี้นอกจากจะได้ความรู้ใหม่ๆและความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการจัดการกับองค์ความรู้ (Knowledge Management) ผมได้เพื่อนใหม่ๆที่เราจะช่วยกันสร้างการจัดการองค์ความรู้ที่ดีต่อองค์กรต่อไป เพื่อนหลายๆคนเคยเจอหน้ากันแต่ไม่มีโอกาสได้ทำงานร่วมกันเลย การทำกิจกรรมร่วมกันระหว่างสัมมนาคราวนี้ทำให้พวกเรารู้จักกันมากขึ้น
มารับการเรียนรู้เรื่องการจัดการกับองค์ความรู้แล้วทำให้นึกเปรียบเทียบว่าคนเราเกิดมาเพื่ออะไร? คนเราตอนที่ยังมีชีวิตอยู่...ถ้าเพียงแต่ทิ้งความดี คุณค่า ความรู้ที่เป็นประโยชน์แก่คนที่อยู่ในสังคม แม้ว่าคนๆนั้นอำลาจากโลกนี้ไปแล้ว สิ่งที่เขาทำก็ยังเป็นประโยชน์ต่อคนที่อยู่ในสังคม การจัดการกับองค์ความรู้ก็เช่นเดียวกัน พนักงานคนหนึ่งมีความรู้และถ่ายทอดความรู้ให้แก่องค์กร แม้ว่าพนักงานคนที่มีความรู้ความสามารถคนนั้นจะไม่อยู่ในองค์กรไปแล้ว แต่ความรู้ที่พนักงานคนนั้นได้ทิ้งเอาไว้ให้กับองค์กรยังคงอยู่และเป็นประโยชน์ต่อองค์กรตลอดไป
Create Date : 06 มีนาคม 2552 |
Last Update : 6 มีนาคม 2552 22:36:39 น. |
|
3 comments
|
Counter : 870 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Pip IP: 203.148.162.195 วันที่: 10 มีนาคม 2552 เวลา:17:23:49 น. |
|
|
|
โดย: tanta-wan IP: 202.28.78.171 วันที่: 10 มีนาคม 2552 เวลา:20:13:05 น. |
|
|
|
โดย: ชีวประภา วันที่: 10 มีนาคม 2552 เวลา:21:43:05 น. |
|
|
|
|
|
|
|