|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
|
|
|
|
|
|
|
ตึกกรอสที่ศิริราช
ผมเคยไปศิริราชครั้งแรกเมื่อตอนอายุ ๑๓ ปี ตอนนั้นทำให้เข้าใจมากขึ้นว่าชีวิตแพทย์เป็นอย่างไร...
หลังจากไปศิริราชวันนั้นแล้วมุมมองต่ออาชีพแพทย์เปลี่ยนไป เพื่อนในรุ่นเดียวกันวัยเด็กหลายคนยังใฝ่ฝันที่จะเป็นหมอ...แต่สำหรับผมชีวิตแพทย์ไม่ใช่อาชีพที่เราคิดว่ามันเหมาะกับตัวเรา ถ้าเราต้องอยู่กับคนไข้ที่เจ็บป่วยตลอดเวลา เห็นสภาพคนไข้ที่มาโรงพยาบาลในสภาพโชกเลือดจากอุบัติเหตุ หน้าที่ของหมอคือช่วยชีวิตเขาเอาไว้ มันไม่ใชชีวิตที่เราชอบ
อาจารย์แนะแนวบอกว่า...ถ้าเราได้ทำงานในสิ่งที่เราชอบ เราจะมีความสุขกับมัน หลายคนเป็นหมอเพราะพ่อแม่อยากให้เป็น...แต่พอเขาเป็นแล้ว เขาไม่มีความสุขเลยเพราะตลอดชีวิตเขาอยู่กับสิ่งที่เขาไม่ชอบ
โชคดีที่เราค้นพบตัวเองเจอตั้งแต่เด็กและไม่ได้เลือกตามกระแสสังคม ไม่อย่างนั้น...ทุกวันนี้เราอาจจะคับข้องใจกับสิ่งที่ทำอยู่...ทุกๆวันมีแต่เสียงบ่น...และไม่สามารถกลับไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขอดีตได้
ผมรู้จักคำว่า "ตึกกรอส" เป็นครั้งแรกสมัยตอนเรียนม.ปลาย อาจารย์วิชาภาษาไทยให้พวกเราอ่านหนังสืออ่านนอกเวลาของ อ.อุดากรณ์ (ผมไม่แน่ใจว่าสะกดชื่อถูกต้องไหม? ถ้าท่านใดทราบชื่อนักเขียนที่ถูกต้องรบกวนช่วยแก้ไขให้ด้วยครับ) เรื่อง "ตึกกรอส"
ตึกกรอสเป็นที่เก็บศพที่เจ้าตัวบริจาคร่างกายภายหลังเสียชีวิตให้แก่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลเพื่อให้เป็นวิทยาทานแก่นักศึกษาแพทย์ในการศึกษาวิชากายวิภาคศาสตร์
อ่านเรื่องสั้นเรื่อง "ตึกกรอส" แล้วจินตนาการว่า...นักเรียนแพทย์ต้องผ่าศพ เรียนรู้กายวิภาคจากศพที่อยู่ต่อหน้า บางครั้งต้องอยู่ที่ตึกกรอสดึกๆช่วงใกล้สอบ นึกแล้วหวาดเสียวดีสำหรับคนที่ขี้กลัวผี
มีโอกาสได้แวะไปพิพิธภัณฑ์ของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลครั้งแรกตอนที่เข้ามาสอบเข้ามหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ เพื่อนอีกคนที่มาด้วยกันกลัวมากจนหนีกลับบ้าน ปล่อยให้เราเดินดูสิ่งต่างๆภายในพิพิธภัณฑ์ตามลำพัง
จำได้ว่า...ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่า "นวลฉวี" คือใคร แต่เห็นเสื้อผ้าของเธอ และบันทึกในไดอารี่ที่เธอเขียนก่อนโดนฆาตกรรมถูกเก็บเอาไว้ในพิพิธภัณฑ์ มีศพซีอุย แซ่อึ๊ง ที่เขาดองเอาไว้ มีสภาพอวัยวะต่างๆที่ศิริราชดองเอาไว้เพื่อการศึกษา
หลังจากเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯแล้ว...ผมไม่มีโอกาสเดินทางไปเยือนพิพิธภัณฑ์ศิริราชอีกแม้ว่าจะมีโอกาสเดินทางไปศิริราชระยะหลังหลายครั้งก็ตาม ผ่านตึกพิพิธภัณฑ์ของศิริราชหลายครั้งแต่ไม่เคยนึกจะแวะเข้าไปอีกเลย ช่วงนี้มีโอกาสไปศิริราชบ่อย วันนี้ภายหลังจากเสร็จธุระแล้ว...ก็ลองแวะเข้าไปที่พิพิธภัณฑ์
วันนี้เป็นครั้งแรกที่ผมมีโอกาสได้เข้าไปที่ตึกกรอส ผมเดินผ่านชั้นสองที่เขาห้ามบุคคลภายนอกเข้าไป บนโต๊ะเห็นมีผ้าคลุมร่างไร้วิญญาณของ "อาจารย์ใหญ่" ( "อาจารย์ใหญ่" เป็นชื่อเรียกที่นักศึกษาแพทย์เรียกศพที่บริจาคร่างของตนเองให้นักศึกษาแพทย์เพื่อศึกษาเรื่องของกายวิภาค นักศึกษาแพทย์จึงยกย่องท่านเหล่านั้นว่า "อาจารย์ใหญ่") เคยอ่านหนังสือรุ่นของนักเรียนแพทย์ที่มีบางคนเขียนเอาไว้เกี่ยวกับตึกกรอสว่า นักเรียนแพทย์บางคนตอนใกล้สอบ..แอบขอให้อาจารย์ใหญ่ช่วยเข้าฝันว่าข้อสอบกายวิภาคจะออกเกี่ยวกับอะไรบ้าง
ภายหลังจากที่นักศึกษาแพทย์เรียนคอร์สกายวิภาคเสร็จสิ้นลงก็จะทำบุญร่วมกับญาติของอาจารย์ใหญ่อุทิศให้กับอาจารย์ใหญ่ของตน หลังจากนั้นก็จะมีการนำอัฐิของอาจารย์ใหญ่ไปลอยอังคาร
วันนี้มีโอกาสได้อ่านรายละเอียดของโครงกระดูกที่บริจาคให้ศิริราช หนึ่งในนั้นเป็นโครงกระดูกของพระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) ผู้แต่งตำราภาษาไทยให้นักเรียนไทยได้อ่านกัน มีอาจารย์แพทย์หลายท่านที่บริจาคอวัยวะและโครงกระดูกภายหลังเสียชีวิตเป็นวิทยาทานให้แก่นักศึกษาแพทย์
เคยดูรายการ "ปัญหาชีวิตและสุขภาพ" นานมากแล้ว อาจารย์หมอสุรพงษ์ อำพันวงศ์และแพทย์ที่มาร่วมรายการเชิญชวนให้คนไทยมาบริจาคอวัยวะกันมากขึ้น เพราะมีผู้รอรับบริจาคอวัยวะจำนวนมากแต่ผู้บริจาคอวัยวะมีน้อยมาก ผมมาเข้าใจความสำคัญของการบริจาคอวัยวะมากขึ้นก็ตอนที่ไปเรียนหนังสือในญี่ปุ่น มีคนป่วยด้วยโรคร้ายที่รอรับบริจาคอวัยวะจำนวนมาก...บางคนต้องเข้าคิวรอเกือบปี เพราะต้องรอให้คนบริจาคอวัยวะตายลงและอวัยวะของผู้บริจาคนั้นต้องไม่เกิดการต่อต้านกับอวัยวะของผู้รับบริจาค วัยต้องใกล้เคียงกัน การผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะจึงถือเป็นงานใหญ่มาก....และโอกาสที่จะสำเร็จและล้มเหลวมีได้เสมอ
มีผู้ป่วยหลายคนในญี่ปุ่นรอรับบริจาคเงินจากคนที่สงสารทั่วญี่ปุ่นผ่านรายการทีวีเพื่อเอาเงินจำนวนมากไปเป็นค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดอวัยวะในอเมริกา ผู้ป่วยเหล่านั้นบินไปอเมริกาเพื่อรอรับการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะโดยญาติบินไปอยู่ด้วยเพื่อดูแล และหลายคนประสบความสำเร็จในการผ่าตัด บางคนผ่าตัดได้ไม่กี่เดือนต่อมาก็เสียชีวิตเพราะอวัยวะติดเชื้อ
ได้เห็นภาพเด็กน้อยร้องขอชีวิตผ่านสื่อต่างๆ อยากขอให้ทุกคนช่วยเหลือเขา ช่วยกันบริจาคเงินเพื่อพวกเขาจะได้เอาไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะที่อเมริกา พวกเด็กน้อยเหล่านั้นอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ชีวิตจึงมีคุณค่าที่จะอยู่ต่อแม้ว่าจะเผชิญโรคร้าย แม้ว่าโอกาสจะริบหรี่ แต่พวกเขาก็ยังมีความหวังที่จะอยู่ต่อไป
วันนี้มองที่โครงกระดูกที่เหล่าอาจารย์แพทย์และหลายๆท่านที่บริจาคให้แก่ศิริราชแล้วชื่นชม
มนุษย์เราตอนเกิดมา...ก็มาแต่ตัวเปล่าแต่ก่อนตายได้ทำความดีทิ้งเอาไว้เป็นประโยชน์แก่คนรุ่นหลัง การเกิดมาเป็นมนุษย์จึงไม่สูญเปล่า คุณค่าของมนุษย์คงอยู่ตรงนี้ เพราะทรัพย์สินทั้งหลายที่หามาได้ตลอดชีวิตภายหลังเสียชีวิตแล้วก็เอาไปได้แม้แต่หยดน้ำ (การที่คนยังมีชีวิตอยู่ไปรดน้ำศพ...ก็เป็นการเตือนสติคนที่ยังมีชีวิตอยู่ว่า...คนเราตอนตายแล้วแม้แต่น้ำหยดเดียวก็ยังเอาไปไม่ได้)
บรรยากาศตึกกรอสในเวลากลางวันยังดูทึมๆ ถ้าเป็นกลางคืนจะเป็นอย่างไร คิดแล้ว...หวาดเสียวเหมือนกันนะ
ผมเดินไปตึกอดุยเดชวิกรมซึ่งชั้นสองเป็นพิพิธภัณฑ์ ศิริราชรวบรวมกระโหลกของศพที่ถูกฆ่าด้วยวิธีต่างๆ กระดูก มัมมี่ ศพที่ถูกประหาร ศพของซีอุย และหลักฐานเกี่ยวกับคดีฆาตกรรม "นวลฉวี ราชเดช" จัดแสดงเอาไว้เพื่อการศึกษา
วันนี้ความรู้สึกที่มีต่อเรื่อง "นวลฉวี" ช่างแตกต่างจากเมื่อ ๒๐ ปีที่แล้วมาก ผมมีโอกาสได้ดูหนังเรื่อง "นวลฉวี" ที่คุณสินจัย (หงษ์ไทย) เปล่งพานิชเล่น เลยเข้าใจที่มาที่ไปของคดีฆาตกรรมนี้ ความรัก ความหลง ความอิจฉาริษยา ความโกรธ ของมนุษย์นี่น่ากลัวมากเพราะหลายครั้งเมื่อขาดสติก็นำมาซึ่งโศกนาฏกรรม
เดินออกจากพิพิธภัณฑ์ที่ศิริราชวันนี้ด้วยความรู้สึกแตกต่างจากความรู้สึกสมัย ๒๐ ปีก่อน เห็นคุณค่าของการบริจาคอวัยวะและร่างกายให้แก่วงการแพทย์ไทย ยังมีคนที่ต้องการรับบริจาคอวัยวะอีกจำนวนมากและร่างกายที่ตายไปแล้วยังเป็นประโยชน์ต่อวงการแพทย์ซึ่งนักเรียนแพทย์เหล่านั้นได้เรียนรู้จากร่างกายที่เราบริจาคเอาวิชาการความรู้ไปใช้ประโยชน์ต่อสังคมไทยต่อไปภายหลังจากที่พวกเขาสำเร็จการศึกษาแล้ว
คนเราคงจะไม่เห็นคุณค่าของสิ่งหนึ่งๆเลยถ้าตนเองไม่เคยผ่านประสบการณ์ที่ต้องการสิ่งที่แสวงหาอย่างยากเย็น...และมีคนหยิบยื่นสิ่งนั้นให้ในยามที่ต้องการ
คุณค่าของการเป็นผู้ให้...บางครั้งมันมีความสุขมาก...ให้โดยไม่คาดหวังแม้คำว่า "ขอบคุณ" เป็นสิ่งที่ตอบแทนกลับคืนมา การให้แบบนั้นมันมีความหมายมากกว่าเพราะเป็นการให้โดยไม่มีแม้แต่อัตตา
Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2552 |
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2552 13:43:01 น. |
|
8 comments
|
Counter : 3393 Pageviews. |
|
|
|
โดย: MaZZO วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:23:51:37 น. |
|
|
|
โดย: ชีวประภา วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:13:48:23 น. |
|
|
|
โดย: ปาม IP: 58.9.206.197 วันที่: 11 มีนาคม 2552 เวลา:19:45:24 น. |
|
|
|
โดย: ต้นข้าว IP: 202.12.73.3 วันที่: 17 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:45:21 น. |
|
|
|
โดย: ปลาวาฬ IP: 203.155.231.95 วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:21:42:43 น. |
|
|
|
โดย: jad IP: 110.168.151.89 วันที่: 31 มีนาคม 2554 เวลา:4:30:58 น. |
|
|
|
โดย: โดยตุ๊กตา IP: 27.130.60.217 วันที่: 19 สิงหาคม 2554 เวลา:15:51:51 น. |
|
|
|
โดย: ไอซ์ IP: 49.230.24.118 วันที่: 21 พฤษภาคม 2559 เวลา:17:57:17 น. |
|
|
|
|
|
|
|
คนที่รอคอยการรับบริจาคอีกมากมาย
เคยไปเข้าชมของมหิดลนะคะ
ก้แนวนี้เช่นกันคะ
แต่ว่าอย่างว่าถ้ามีโอกาสจะแวะเข้าไปชมที่ศิริราช
บ้างขอบคุณสำหรับข้อความดีๆนะคะเตือนสิได้เยอะเลยค่ะ