|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ความทรงจำสีชมพู
แดดสีทองของวันจันทร์ที่29พค ช่างเป็นแดดที่อบอุ่น เป็นวันที่เฝ้ารอมาตลอด3เดือน ในที่สุดก็ถึงวันที่รอคอย เสื้อผ้าไม่กี่ชุด ของฝากคนที่รู้จัก เงิน ก็ถูกจับยัดเข้าไปในกระเป๋าใบโต ไม่นานนักก็ต้องรีบไปสถานีรถไฟใกล้บ้าน ประมาณเที่ยงวันผู้คนที่สถานีรถไฟนั้นช่างบางตา แต่อีกไม่นานรถไฟทุกขบวนก็จะถูกอัดแน่นด้วยผู้คน บ่ายสามสิบคือขบวนที่จะพาผมไปยังนาริตะ พอรถไฟมาถึง ก็หาที่นั่ง แล้วมองวิวสองข้างทาง ตลอดระยะทางที่รถวิ่งไป 2 ชมนั้น สิ่งที่ได้เห็น ก็จะเป็นตึกสูงๆ ไร่สวน รถและผู้คน รถไฟสายนี้ผมชอบมาก เพราะมันจะทำให้เราได้เห็น เมืองที่เจริญสุดๆกับสภาพชนบทของญี่ปุ่น ยิ่งเมื่อตอนใกล้ๆนาริตะ ผมจะหลงใหลวิวแถวนี้มาก เมื่อรถไฟขบวนนี้พาผมมาถึงยังTerminal 1 ซึ่งเป็น Terminal เปิดใช้ใหม่ ทุกอย่างเนี๊ยบมาก สมราคาคุยจริงๆ ผมก็โชคดีที่ได้ใช้terminal นี้ เพราะว่าเพิ่งเปิดมาเมื่อไม่นานนี้เอง
เมื่อมาถึงผมก็กุลีกุจอไปยังเคาท์เตอร์เช็คอินของ นอร์ตเวสท์ ระบบเช็คอินและตรวจกระเป๋าของที่นี่ ผมว่าดีกว่าเมืองไทยเยอะ เวลาที่ใช้ไปไม่เกิน 15 นาที ก็เสร็จแล้ว<เมืองไทยกว่า30นาทีครับ>
พอได้ที่นั่งก็หาอะไรกินก่อน เพราะกว่าเครื่องบินจะออก ก็6โมงเย็น ผมแนะนำให้กิน Onigiri พวกข้าวปั้นที่ร้าน สะดวกซื้อ เพราะราคาถูก อร่อยเช่นกัน พอได้อาหารก็เอาขึ้นไปกินที่ observation desk ก็ได้ กินไป ดูเครื่องบินขึ้น-ลง ทุกๆครั้งที่มานาริตะตอนเย็นๆ ผมมักจะมีความสุข เพราะอาจจะเป็นความรู้สึกดีที่ได้กลับเมืองไทย ได้ไปเจอหน้าคนที่คุ้นเคย คนที่รัก เพื่อนๆ
ประมาณ6โมงเย็นเครื่องบินก็ออกเดินทาง ผมนั่งข้างๆวัยรุ่นไทยซึ่งบินมาจากอเมริกา แกคงคิดว่าผมเป็นญี่ปุ่น เราก็เลยไม่ได้คุยกัน เวลาที่ใช้บินเฉลี่ยก็อยู่ราวๆ 6-7 ชั่วโมง ไปถึงก็เกือบๆเที่ยงคืนครับ... ก้าวเเรกที่เดินออกมาจากเครื่อง ลมร้อนของกรุงเทพ มันช่างรู้สึกดีเหลือเกิน อีกไม่นานผมก็จะได้เจอ คนที่อยากจะเจอที่สุด กลับมาคราวนี้ก็เพื่อเธอเท่านั้น ตลอด9 วันนี้ ก็จะเป็นของเธอ ผมตั้งใจไว้อย่างนั้น
เธอสัญญาว่าจะมารับผมที่สนามบิน พอผมออกมาจากสนามบิน เธอยังมาไม่ถึงเลย
เธอไม่เคยขับรถมาที่สนามบิน ก็เลยหาที่จอดรถไม่ได้ แถมยังหลงไปจอดผิดอาคารอีก กว่าจะเจอกันก็ปาเข้าไป ตีหนึ่ง พอเจอเธอผมกลับหายเหนื่อย เธอแต่งตัวสวยมากในวันนั้น ผมดีใจที่เธอมา พวกเรากลับไปที่ห้องพักแถวพระราม9 หาอะไรทานก่อนนอน คุยกัน... เวลาผ่านไปเร็วมากๆ เกือบๆ 6โมงเช้า พวกเราก็เข้านอนกัน
ทุกๆเช้าวันใหม่เวลาผมเปิดตาดูเช้าวันใหม่ ผมก็จะเห็นผมดำยาวสลวยของเธอ ตรงหน้าผมเสมอ ช่างเป็นภาพที่ผมไม่เคยลืมเลย พอผมสัมผัสผมของเธอ เธอก็จะตื่นแล้ว บอกว่าสวัสดีจ๊ะ หลังจากนั้นพวกเราก็มักจะ ออกไปข้างนอก จูงมือกันเดินในห้าง ซื้อของ ดูหนัง กินข้าว ช่างมีความสุขจริงๆ ชีวิตในช่วงนี้ ยิ่งตอนที่เราอยู่กันสองต่อสองนั้นช่างเป็นช่วง เวลาที่ดีที่สุด อยากจะขอบคุณเธอที่ทำให้ ผมเลิกคิดถึงเวลาแย่ๆในช่วงทำงาน เธอช่วยเติมเเรงใจให้ผมจริงๆ
พอถึงวันเสาร์ผมก็พาเธอกลับไปบ้านที่ต่างจังหวัด คราวนี้เป็นครั้งเเรกที่ผมขับรถลุยภาคอีสาน ถนนหนทางดีกว่าทางเหนือเสียอีก พวกเราออกจากบ้านแต่เช้า กว่าจะไปถึง อ.วานรนิวาสก็ปาเข้าไปสามโมงเย็น เธอเป็นเด็กต่างจังหวัด เด็กบ้านนอกเช่นเดียวกับผม แต่ผมโชคดีกว่าตรงที่ครอบครัวผมพร้อมกว่า บ้านเธอนั้นอยู่ในที่ที่กันดารจริงๆ ถนนเข้าบ้านนั้นยังเป็นดินลูกรัง เป็นหลุมเป็นบ่อ บ้านก็ตั้งอยู่ในป่าในเขา หากนึกไม่ออก ก็ลองนึกถึงบ้านชาวเขาดูนะครับ ประมาณว่าผมเหมือนกับได้กลับไปใช้ชีวิตเดิมๆ เหมือนเมื่อตอนเป็นเด็ก ผมไม่รังเกียจที่ต้องมาอาศัยบ้านของเธอที่อยู่ไกล ความเจริญของเมือง แม้ว่าจะลำบาก แต่หากได้อยู่ใกล้ๆเธอ ผมก็พร้อมที่จะอยู่เช่นกัน กลางคืนของชีวิตชนบทนั้น ช่างเงียบสงบดีนัก ทุกๆคืนเราจะคุยกันก่อนนอน จะแกล้งกันทุกคืน สาม-สี่ทุ่มพวกเราก็นอนแล้ว ช่างต่างจากชีวิตในเมือง มากนัก เธอมักจะตื่นตีสาม ส่วนผมก็จะตื่นหกโมงเช้า ทุกๆเช้าเธอจะมานอนข้างๆ แล้วปลุกผมให้ลงไปกิน ปาท่องโก๋กับไมโล อากาศยามเช้าที่บ้านนอกนั้น ทำให้ผมหวนคิดถึงวันเวลาที่ผมเป็นเด็กๆ
อะไรก็ตามที่ทำให้เราทั้งคู่สบายใจ เราก็ทำ เช่นพวกเราขับรถไปเกือบๆ200กิโล เพื่อไปไหว้พระธาตุพนม หวังว่าเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันจะนานขึ้น
เมื่อเวลาที่จะต้องจากลาเธอใกล้เข้ามา มันช่างทำให้เราทั้งสองหดหู่ แต่มันก็ทำให้เรารักกันมากขึ้น พวกเราให้สัญญากันว่าจะกลับมาเจอกันใหม่ หลังจากผมเสร็จงานที่ญี่ปุ่น ทุกๆครั้งที่คิดว่าจะต้องจากกัน มันทำให้ผมใจหวิวๆ เศร้าอย่างบอกไม่ถูก สงสัยผมคงรักเธอมาก คืนสุดท้ายของเราทั้งสองนั้น ผมเเอบใช้เวลาช่วงหนึ่ง เขียนจดหมาย ถึงเธอ ผมก็เล่าความรู้สึกต่างๆที่มีอยู่ในใจ ให้เธอได้รับรู้ผ่านตัวอักษร แต่จดหมายฉบับนี้ผมแอบเก็บไว้ในรถเธอ ในยามที่เธอมาส่งที่สนามบินอุดรธานี เธอดูเศร้ามาก ผมก็เศร้าพอๆกัน พอเวลาที่เราต้องพรากจากกันนั้น มันทำให้เธอน้ำตาไหล ผมมองเธอ เดินลงบันไดเลื่อนไปอย่างช้าๆ จนเธอหายลับตาผมไป เวลาตอนนั้นก็เหมือนจะหยุดไปชั่วขณะหนึ่ง พอใกล้จะขึ้นเครื่อง ผมก็โทรไปลาเธอ แล้วบอกที่ซ่อนจดหมาย เธอก็ร้องไห้โฮ ขึ้นมาอีกครั้ง เธออ่านไปน้ำตาตกไป ส่วนผมก็นั่งคิดถึงเวลาสีชมพูที่ได้อยู่กับเธอ จนเครื่องนกเเอร์พาผมมาถึงกรุงเทพ คืนนั้นผมโทรหาเธอตลอด ตีสี่ผมก็กลับไปสนามบินอีกครั้ง เพื่อรอขึ้นเครื่องกลับญี่ปุ่น แต่ก็อดโทรไปขอบคุณเธอไม่ได้ 8 คืน 9 วัน ที่เธอทำให้เวลาในเมืองไทย ของผมเป็นสีชมพู....
ตอนนี้ผมอยู่ญี่ปุ่น เมืองที่เจริญสุดๆ เมื่อเช้าวันวานผมยังอยู่ในหมู่บ้านที่ ต้องสูบน้ำจากดิน นอนให้ยุงกัด หาอาหารจากเเหล่งธรรมชาติ ห่างไกลความเจริญ แต่ผมนั่งนับรอวันที่จะกลับไปหาเธออีก 4 สิงหา คือวันที่เฝ้ารอตอนนี้
Create Date : 08 มิถุนายน 2549 |
|
12 comments |
Last Update : 8 มิถุนายน 2549 16:44:13 น. |
Counter : 471 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: รักนะจุ๊บๆ (สะลึมสะลือ ) 8 มิถุนายน 2549 17:26:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: prosiam IP: 202.183.129.164 19 มิถุนายน 2549 17:10:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: duritz97 25 มิถุนายน 2549 12:38:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: prosiam IP: 58.9.92.179 22 กันยายน 2549 12:25:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: アダルト IP: 124.25.160.59 17 พฤษภาคม 2551 22:18:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: DENA EYEWEAR IP: 58.64.80.154 6 กุมภาพันธ์ 2552 15:20:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: ว่าวหวาน IP: 125.25.127.107 7 กุมภาพันธ์ 2553 17:27:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: ว่าวปลาดุก IP: 125.24.135.140 22 กรกฎาคม 2554 20:19:16 น. |
|
|
|
|
|
|
|