|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ลูกป่วย แม่ก็เปื่อย T_T
Bismillahir Rahmanir Raheem (บิสมิลลาฮิร์ ราฮฺมานิร์ ราฮีม)
ห่างหายไปไม่ได้มาอัพเดทบล็อกซะนาน เนื่องจากเจ้าตัวเล็กไม่สบาย เลยต้องใช้มาตรการปิดคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ตัวเองใส่ใจดูแลลูกให้เต็มที่
เริ่มจากเมื่อวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมาเจ้าตัวเล็กก็มีอาการจามถี่ๆ เป็นสัญญาณเตือนว่าเริ่มไม่ปกติ ต้องเฝ้าระวังให้ดี แล้วก็เป็นไปตามคาด พอวันที่ 14 ก็เริ่มไอ เลยรีบพาไปหาหมอใกล้บ้าน (ซึ่งจะคล้ายๆ กับสถานีอนามัยบ้านเรา แต่ที่นี่จะไม่ใช่เจ้าหน้าที่สาธารณสุข แต่จะเป็นคุณหมอจริงๆ ที่ผ่านการสอบพิเศษเพื่อให้ได้ทำงานนี้ เพราะเงินเดือนสูงพอดู และที่นี่มีการจัดระบบให้เป็นแบบคุณหมอประจำครอบครัว โดยมีการบันทึกเข้าระบบว่าคุณหมอคนนี้ทำหน้าที่รับผิดชอบดูแลเรื่องปัญหาสุขภาพให้กับครอบครัวเรา) คุณหมอตรวจแล้วบอกว่าเจ้าตัวเล็กคออักเสบ (เป็นครั้งที่สองแล้ว) เลยสั่งยาแก้หวัดกับยาแก้อักเสบให้มา (ไม่อยากให้ลูกใช้ยาแก้อักเสบเลย แต่มันจำเป็นเพราะหากปล่อยไว้มันจะไม่ดีต่อปอดน้อยๆ) กลับมาบ้านก็ให้ยาและระวังรักษาลูกอย่างดี (ให้ยาทานทีไรร้องลั่นบ้านทุกที ทั้งๆ ที่ยาหอมหวานเหมือนสตรอเบอรี่เลย ใช้สารพัดเทคนิคหลอกล่อก็ไม่สำเร็จ จนเป็นที่รู้กันว่าถ้าร้องลั่นบ้านเมื่อไหร่ นั่นคือเวลาให้ยา)
เย็นวันที่ 16 ต้องเดินทางไกล พาลูกไปเยี่ยมคุณปู่คุณย่าที่ต่างเมือง ต้องนั่งรถไปประมาณ 6 ชั่วโมง แล้ววันที่ 19 ตอนบ่ายก็ต้องเดินทางกลับมา เป็นทริปที่หนักหนาเอาการทีเดียว ตัวเล็กก็ยังไม่หายป่วย แต่จะเลื่อนโปรแกรมก็ไม่ได้เพราะวางแผนกันไว้นานแล้ว คุณพ่อบ้านลางานไว้เรียบร้อย จึงพยายามดูแลลูกเป็นพิเศษ เพราะกลัวจะป่วยหนักกว่าเดิม อาการลูกดีขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย ไม่ไอถี่มากนัก และยังคงต้องใช้ยาต่อให้ครบ 7 วัน
วันที่ 20 ตอนเช้า ไอ้ตัวเล็กเริ่มตัวอุ่นๆ เป็นอีกสัญญาณที่ไม่ปกติ วัดไข้ด้วยปรอทก็ยังไม่ปรากฏว่ามีไข้ อุณหภูมิประมาณ 37 องศา แต่เราก็รู้สึกได้ว่าตัวอุ่นๆ จึงคอยเช็คอุณหภูมิลูกทุกชั่วโมง พอตกเย็นปรากฏว่าลูกเป็นไข้เลย ตัวร้อนอุณหภูมิเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างรวดเร็วไปถึง 39 องศา ต้องคอยเช็คตัวและวัดอุณภูมิให้ลูกตลอดเวลา ให้ยาพาราเซตามอลเพื่อลดไข้ แต่ที่น่าสังเกตุคือลูกร้องหนักมาก ร้องราวกับว่าเจ็บปวดมาก ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่านึกว่าร้องเพราะพิษไข้ คืนนั้นทั้งคืนไม่ได้นอนเลย รุ่งขึ้นจึงพาไปหาหมอใกล้บ้านอีก แต่วันนี้คุณหมอประจำครอบครัวเราไม่อยู่ เลยต้องให้คุณหมออีกคนตรวจ หมอบอกว่าคอลูกยังไม่หายอักเสบ ซึ่งอาจทำให้ลูกมีไข้ได้ และสั่งยาไอบูโพรเฟ่นให้มา บอกว่าให้ลูกตอนที่ไข้ขึ้น ถ้าอาการยังไม่ดีพรุ่งนี้ให้กลับมาอีกจะสั่งยาแก้อักเสบให้ (อันเก่าเพิ่งทานครบกำหนดไปเมื่อวาน) บ่ายวันนั้นไข้ลูกก็ขึ้นสูงอีก ร้องลั่นบ้าน ไม่ได้นอนทั้งคืนอีกตามเคย ให้ยา เช็ดตัว ไข้ลดลงซักพักก็กลับมาสูงอีกอย่างรวดเร็ว จึงตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะพาลูกไปหาหมอเด็ก เพราะไม่อยากให้ลูกใช้ยาแก้อักเสบโดยไม่จำเป็น
สิ่งสำคัญที่ได้เรียนรู้จากการป่วยในครั้งนี้ของลูกคือ เวลาที่ลูกป่วย เราเองต้องตั้งสติให้มั่น เพราะความกังวลจนเกินเหตุ จิตตกจะทำให้สถานการณ์แย่ลง เรื่องง่ายๆ กลับกลายเป็นยาก ทำอะไรเก้ๆ กังๆ ไปหมด ต้องให้กำลังใจตัวเองและลูก โดยเชื่อมั่นว่าลูกจะต้องหายในเร็ววันนี้ เราเองก็ต้องดูแลสุขภาพตัวเองให้แข็งแรงพร้อมรับมือกับการที่ต้องดูแลใส่ใจลูกอย่างดีกว่ายามปกติตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อร่างกายและจิตใจเราพร้อมก็จะทำให้เราคอยดูแลปลอบโยนลูกได้ดี
พยายามศึกษาทบทวนถึงวิธีการปฐมพยาบาลขึ้นพึ้นฐานอยู่เสมอ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือลูกได้ถูกต้องทันท่วงที เพราะเรื่องบางเรื่องเป็นเรื่องง่ายๆ ที่เราเองรู้อยู่แล้วแต่พอถึงเวลาต้องทำจริงกลับเลือนลางในความทรงจำ ทำผิดๆ ถูกๆ ซะงั้น
เช่น การวิธีปฏิบัติเมื่อลูกไข้ขึ้นสูง ควรถอดเสื้อผ้าลูกออกให้เหลือน้อยชิ้นที่สุด หากไข้สูงมากอาจถอดออกหมดหรือเหลือแต่เสื้อกล้ามบางๆ (ยกเว้นถุงเท้าไม่ควรถอดออก ไม่ว่าในสถานการณ์ใดก็ควรรักษาเท้าลูกให้อุ่นเสมอ) จากนั้นเช็ดตัวลูกด้วยผ้าชุบน้ำ ซึ่งควรใช้น้ำอุณภูมิปกติจากก๊อกน้ำ ไม่ควรใช้น้ำอุ่นหรือน้ำเย็นจัด (คุณหมอที่นี่บอกเคล็ดลับมาว่าให้เอาน้ำส้มสายชูผสมลงในน้ำที่ใช้เช็ดตัวลูกนิดหน่อยจะช่วยให้ไข้ลดเร็วขึ้น ซึ่งน้ำส้มสายชูของที่นี่ทำมาจากองุ่น เลยไม่รู้ว่าน้ำส้มสายชูของบ้านเราจะใช้ได้เหมือนกันมั้ย) เพื่อให้อุณภูมิร่างกายลูกลดลงเร็วที่สุดควรเช็ดแบบเปิดรูขุมขน ตามบริเวณซอกคอ รักแร้ ง่ามขา ข้อพับต่างๆ ไม่ใช่เอาผ้าแปะไว้ที่หน้าผากเหมือนที่เคยเห็นในละคร การปฐมพยาบาลขึ้นพึ้นฐานที่ถูกวิธีจะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ก่อนที่จะนำลูกไปตรวจรักษาโดยแพทย์ในขั้นต่อไป
(วันต่อไปจะมาเล่าถึงสาเหตุที่ควรพาลูกไปตรวจรักษาด้วยแพทย์จากบทเรียนที่เจอมากับตัวเองในครั้งนี้)
Create Date : 29 เมษายน 2553 |
Last Update : 13 สิงหาคม 2553 16:46:10 น. |
|
9 comments
|
Counter : 708 Pageviews. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 เมษายน 2553 เวลา:16:12:48 น. |
|
|
|
โดย: Noo Maew IP: 118.173.117.88 วันที่: 29 เมษายน 2553 เวลา:17:34:04 น. |
|
|
|
โดย: อิ ส ร ะ ช น ตั ว โ ต เ ต็ ม วั ย . . ไม่ ใ ช่ ใ ค ร . . . มัน คื อ . . (เป็ดสวรรค์ ) วันที่: 29 เมษายน 2553 เวลา:18:10:56 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 เมษายน 2553 เวลา:21:05:06 น. |
|
|
|
โดย: แม่โอ๋เรนจอร์ (NooPeeYa ) วันที่: 29 เมษายน 2553 เวลา:21:07:37 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 เมษายน 2553 เวลา:7:57:45 น. |
|
|
|
โดย: ปันฝัน วันที่: 1 พฤษภาคม 2553 เวลา:14:10:08 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
Elazig Turkey
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]
|
เพียงแต่อยากบอกเล่าเรื่องราวชีวิตหลังจากเปลี่ยนมาเป็นมุสลิม และชีวิตความเป็นอยู่ในตุรกีให้คนในแผ่นดินแม่ได้รับรู้ ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านใดๆ เป็นเพียงผู้มีใจรักและอยากศึกษา จึงเอาสิ่งที่ได้เรียนรู้และประสบมามาแบ่งปันและแลกเปลี่ยนกันเพื่อให้เกิดความรู้เพิ่มพูน
|
|
|
|
|
|
|
เป็นวันที่พ่อกับแม่เหนื่อยใจมากที่สุดเลยครับ