Korea Trip (17-20 Jul 08) - [4]

วันสุดท้าย

วันนี้ก็เตรียมกระเป๋าออกห้องไปเลย เพราะจะเชคเอ้าท์ออกโรงแรม

มีมอร์นิ่งคอลล์มาเวลาเดิม 6.30 น. อาหารก็ที่โรงแรมเหมือนเดิม Full Course เหมือนเดิม แต่เราก็กินของเราแบบเดิมกับเมื่อวันก่อนอยู่ดี

และที่เหมือนเดิมอีกอย่าง คือ วันนี้ฝนก็ยังคงตกเรื่อยๆ (ตามพยากรณ์)

ที่ที่แรกที่ไปก็คือ คลอง อะไรซักอย่างที่อยู่ในเมือง เค้าเล่าประวัติให้ฟัง แต่ก็ลืมแล้ว ที่นี่ไม่มีอะไรมาก เพราะมันไม่มีอะไรจริงๆ คลองก็กำลังทำความสะอาดอยู่ด้วย ฝนก็ตก ก็เลยไปดูแล้วก็กลับ (มีให้แวะถ่ายรูปส่งเข้าเมลล์ของตัวเองด้วย ไฮเทคดี แต่รูปออกมาแล้วอุบาทว์มากมาย)



ก็ไม่มีอะไรมาก ถ่ายรูปตัวเมืองโซลมาเล่นๆ
ตึกรามบ้านช่องของเค้าเป็นแบบนี้





บ้านส่วนใหญ่ในเมืองก็จะอยู่บนเขา แบบต้องเดินขึ้นไป จอดรถก็เป็นทางลาดชัน เพราะบ้านเมืองเค้าเป็นภูเขาหมดเลย มองไปทางไหนก็เลยดูลาดชันไปหมด

ออกจากคลองนี่ ก็ไป ศูนย์โสมฯ ฟังเค้าเล่าความเป็นมาของโสม แนะนำผลิตภัณฑ์ แต่ไม่ได้ซื้อ เพราะไม่มีเงิน ก็มันแพงอ่ะ เป็นหลายหมื่นเลย ฮ่าๆ

ที่ต่อไป ไปถึงฝนก็หยุดตกแล้วว เย่
เป็นหมู่บ้าน หมู่บ้านที่ยกเอาบ้านในประวัติศาสตร์มาตั้งไว้รวมกัน ชื่อว่าหมู่บ้านนัมซาน บ้านของขุนนาง บ้านของสนม อะไรแบบนี้

ไม่ค่อยมีอะไรเหมือนกัน แต่ที่นี่ เจอหม้อหมักอะไรซักอย่างที่เหมือนกับใช้แข่งในรายการ The Amazing Race Asia2 เลยที่พอลล่ากับนาตาชาไปเปิดหา Clue แล้วนาตาชาบ่นว่าปวดหลัง 55

ก็เรื่อยๆ เดินไปถ่ายรูปไป ฟังประวัติไป เข้าหูซ้ายก็ทะลุหูขวา แหะๆ



แล้วก็มาถึงอาหารมือกลางวันค่ะ เป็น ชาบูชาบู หมูเน้นๆ อร่อยจนโต๊ะข้างๆมาถามอีกแล้วว่า ตรงนี้เหลือ แบ่งไปกินก็ได้ แต่แบบ อันที่จริงก็ยังยัดได้อีก แต่ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวไปเดินขึ้นเขา จะลำบาก



ดูซิ ว่ามันน่าอร่อยแค่ไหนน

ต่อไป เค้าบอกว่า ที่นี่น่ะ ที่จริงจะต้องไปเมื่อวาน แต่ว่าฝนตก ฟ้าก็ไม่เปิด มองลงมาก็จะไม่เห็นอะไรเลย ไปก็เสียเวลาเปล่า เลยไปเดนเล่น เมียงดง แทน

แต่ว่า วันนี้ฟ้าเปิด ฝนตกก็หยุดแล้ว อากาศก็เริ่มดีขึ้น เลยได้มีโอกาสขึ้นไป N Seoul Tower หรือ Namsan Tower ในที่สุด (ไม่ได้ไปก็เสียดายแย่ ก็ที่นี่มันเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโซลเลยนี่นา)

ต้องเดินจากกลางเขาขึ้นไปตรงทางเข้า Seoul Tower ดีนะไม่ปล่อยลงตั้งแต่ตีนเขา เพราะมันสูงมาก แต่ไกด์เค้าบอกว่า ที่นี่เป็นสถานที่ออกกำลังกายของชาวเมืองกัน พวกผู้สูงอายุก็ชอบมาเดินกัน จากตีนเขาขึ้นไปถึงยอดเขาเลย

ที่จริงมันก็ไม่ได้สูงมาก แต่มันก็สูงระดับนึงละน๊า ภูเขานี่ชื่อว่าNamsan ถ้าจำไม่ผิดนะ เป็นภูเขาลูกสำคัญของเมืองโซลเลย ก็คงเหมือนกันกับ ดอยสุเทพละนะ



รูปซ้ายเป็นยอดหอคอย ถ่ายยากมากๆ เพราะว่า มันสูงแต่ที่ให้ถ่ายมันไม่มี แทบจะนอนถ่ายกันเลยทีเดียว ถ่ายยังไงก็ได้ไม่ครบทั้งลำตัว ส่วนด้านขวา เป็นรูปอะไรซักอย่างที่อยู่ข้างๆ อันนี้ไม่รู้ว่าคืออะไรเหมือนกัน

หลังจากถ่ายรูปกันจนพอใจ (ซึ่งเราก็ไม่พอใจเท่าไหร่ เพราะมันย้อนแสง ถ่ายยังไงก็ติดไม่ครบด้วย) แล้วเราก็ขึ้นลิฟต์ไปยอดกัน เพื่อชมวิวเมืองโซล



วิวจากด้านบน สวยมากเลย บนยอดหอคอยสามารถเดินเล่นได้รอบๆ ก็จะมีวิวแบบ 360 องศาให้ได้เห็นกัน จะถ่ายกันตรงไหนก็ได้ สวยหมด

เค้าบอกว่าเรื่อง My Name is Kim Sam Soon ก็มีฉากถ่ายทำที่นี่ด้วย แต่เรานึกไม่ออกแหะว่าตอนไหน ฉากไหน?

เค้าให้เวลาแปปเดียว เพราะฝนทำท่าจะตก ฟ้ามืดเชียว เลยเดินเล่นเสร็จก็รีบลงมาดูของฝาก ที่นี่แอบแพง แต่ได้สมุดใส่การ์ด (เค้าเรียกว่าอะไรเนี่ย?) มา 1 เล่ม นอกนั้นก็ไม่ได้อะไร พ่อกับแม่ซื้อกันมากกว่า

ข้างนอกมีร้านตุ๊กตาหมีด้วย น่าจะเป็นเหมือนในเรื่อง Goong นะ ที่นางเอกไปพิพิธภัณฑ์ตุ๊กตาหมี อันนี้ก็คงเป็น shop ของเค้า


พอขึ้นรถกันปุ๊ป ฝนก็ตกหนักขึ้นมาทันที
แต่ยังเหลือที่สุดท้ายที่ต้องไป ก็คือ อีแทวอน ตลาดขายส่งของเกาหลีค่ะ แต่แบบ ไปถึงฝนนี่ยังกับพายุ แรงก็แรง ลมก็ลม เดินไปแปปเดียวก็เปียกทั้งตัวแล้ว

แต่ว่า ก็ยังไปเดินกัน น้องได้กระเป๋า Outdoor มาใบนึง แต่ไม่รู้ว่าของจริงของของปลอมนะ ส่วนเราก็เดินไปซื้อ Etude อีกชิ้นนึง เนื่องจากตอนไปเมียงดงลืมเอาโพยไปด้วย ซื้อมาไม่ครบ ก็เลยต้องหาอีกรอบ ซึ่ง Etude ที่นี่ก็ไกลมาก แทบจะอยู่สุดทางเลย



แล้วไกด์ก็ให้เวลาแค่แปปเดียว เนื่องจากต้องทำเวลาไปสนามบิน ซึ่งห่างจากโซลประมาณ ชั่วโมงครึ่ง และต้องแวะร้านของฝากอีก เลยไม่ได้ทันดูอะไรซักอย่าง


ถึงสนามบินอินชอนประมาณหกโมงครึ่งมั้ง จำไม่ได้ เครื่องออกประมาณกี่โมงเนี่ย รู้แต่ถึงไทยประมาณ ตีหนึ่งกว่าๆ เครื่องดีเลย์ชั่วโมงนึง



รูปนี้กำลังมอบเงินให้ไกด์ท้องถิ่น ซึ่งดูแลดีมาก ยังไม่พอ หน้าตาดีด้วย เห็นไกด์เค้าบอกว่า ไปได้งานถ่ายแบบอยู่พักนึง แต่เค้าไม่ชอบก็เลยเลิก

คนในกรุ๊ปถึงกับบอกว่า อยากได้กลับบ้านด้วย เราก็บอก เนอะ อยากได้เนอะ คือแบบเค้าน่ารัก และดูแลเทคแคร์ดีทุกอย่างเลย พอถึงช่วงเวลาที่เค้าต้องให้ซื้อรูปที่เค้าถ่าย รู้สึกเกือบทุกครอบครัวก็ซื้อของเค้าหมดเลยนะ คือ ก็พยายามช่วยเค้าเต็มที่

ในสนามบิน Duty Free ของ อินชอน ก็ยาวมาก แต่มีเวลาเดินได้ไม่ครบ เพราะว่า เกทที่เราจะขึ้นดันอยู่ตรงแรกๆเลย แต่มันยาวไปตลอดทาง มีร้อยกว่าเกท เราเลยได้ดูแค่ไม่กี่ shop เอง เวลาก็ไม่พอด้วยล่ะนะ ทุกอย่างกระชั้นชิดไปหมด

ได้โซจูมา 2 ขวด (มาเปิดดูทีหลัง ที่บ้าน โซจูแตกไปขวดนึง ขวดแพงซะด้วย น่าเศร้าจริงๆ) กับ ช็อคโกแลตมาเยอะเลย และก็ไปด้อมๆมองๆดูกระเป๋า LeSportsac มา เพราะเห็นเหมือนถูก แต่ไม่ถูกใจเรา เลยไม่ได้ซื้อ

พอขึ้นเครื่องก็แทบจะไม่ได้หลับเลย เพราะว่า นอนไม่สะดวก นั่งกลางอีกแล้ว แล้วแบบแอร์ก็เดินเข้าเดินออก (ที่นั่งอยู่ท้ายเครื่องเลย)

จะเข้าห้องน้ำก็ไม่ได้เข้า โดนแอร์ไล่กลับที่นั่ง เพราะ พอเราเดินไปถึงห้องน้ำ ดันมีสัญญาณเตือนดังให้รัดเข็มขัด แล้วแอร์ก็ยืนอยู่ข้างหลังท้ายเครื่องพอดี เลยโดนส่งตัวกลับที่นั่ง คือจริงๆแล้วเกรงใจพี่ที่นั่งข้างๆอ่ะ เค้าหลับอยู่ไม่อยากเดินเข้าเดินออกไปกระทบเค้า

ถึงสุวรรณภูมิ รอเอากระเป๋า แล้วก็นั่งแท็กซี่ไปโรงแรมที่จองไว้ ถึงโรงแรมก็ตีสองกว่า ได้หลับก็ตีสามกว่า

จากนั้น เช้ามาเจ็ดโมงครึ่ง ก้ต้องตื่น ไปสนามบินอีกรอบ (น่าจะนอนในนั้นเลยนะเนี่ย) ขึ้นเครื่องกลับเชียงใหม่ ถึงเชียงใหม่โดยสวัสดิภาพค่า


จบทริป



::เก็บตก::

สรุป
ทัวร์นี้ เราประทับใจการบริการของไกด์และไกด์ท้องถิ่นมากถึงมากที่สุด ถ้าทัวร์เปิดไปประเทศอื่นอีก เราก็คงจะใช้บริการอีก

โดยส่วนตัวแล้วเราชอบอาหารแทบจะทุกมื้อ ถึงแม้ว่าเราจะไม่กินกิมจิ โดยเฉพาะมื้อแรก ที่แทบจะขูดกระทะกิน แต่เราเฉยๆกับสถานที่เที่ยวของเค้า มันไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ ที่เราพอใจที่สุดก็คือ ได้เล่นเครื่องเล่น T-Express เครื่องนั้น และ ได้ช็อปปิ้งที่เมียงดง แค่นั้นเอง เพราะส่วนตัวแล้วเฉยๆกับประวัติศาสตร์ของเค้า (แต่ที่สนใจคือ สงครามระหว่างญีปุ่นเกาหลีเนี่ยล่ะ)

คือ ถ้ามันไม่มีเครื่องสำอางค์ สกินแคร์ถูกๆ กับการได้ไปเดินตามรอยละครเกาหลีให้ดึงดูด (ซึ่งเราเห็นว่าเฉยๆ ถึงแม้ว่าจะดูซีรีส์มาก็เยอะ) เราว่าที่เกาหลีก็แทบจะไม่มีอะไรเลย

แสดงว่าเกาหลีเค้าโปรโมท ประเทศเค้าได้เก่งมากจริงๆ เพราะคนไทยนิยมไปเกาหลีกันเยอะมาก


..

จบจริงๆแล้วว

บล็อกหน้านี้ ก็ไว้เจอกันทริปหน้าละกัน


Create Date : 26 สิงหาคม 2551
Last Update : 26 สิงหาคม 2551 17:18:39 น. 6 comments
Counter : 801 Pageviews.

 
อยากกินชาบู ชาบูจังเลย


โดย: chalawanman วันที่: 26 สิงหาคม 2551 เวลา:18:22:04 น.  

 
ว้าว ชาบู ชาบูน่ากินจริงๆด้วยล่ะค่ะ

สำหรับค่าบัตรเข้าชม 450 ก้อไม่ถึงกับว่าแพงมากมายอะไร แต่ก้อไม่ถูกนะคะถ้าเทียบกับปลาอันน้อยนิดที่มีอยู่

เคยไปดูที่บึงฉวากสุพรรณ ค่าเข้าไม่ถึงร้อยนะ ปลาเยอะเชียวค่า แต่ต้องไม่นับรวมค่าน้ำมันนะคะ อิอิ


โดย: nLatte วันที่: 26 สิงหาคม 2551 เวลา:20:27:07 น.  

 
ว้าววว..ไปเที่ยวเกาหลีมาเหมือนกันค่ะ..ตอนที่ไปบ้านเราร้อนมั่กๆ แต่บ้านเค้าเย็นสุดๆๆๆๆ..ชอบจังๆๆๆๆๆ

ขอบคุณที่แวะไปที่ blog นะคะ..โมทนาสาธุในบุญกุศลเหล่านั้นด้วยค่ะ..


โดย: bongboeaw วันที่: 26 สิงหาคม 2551 เวลา:22:24:23 น.  

 
หวัดดีค่ะ

ดูแล้วคิดถึงเกาหลีอ่ะค่ะ

อยากไปอีกง่ะ อาหารอาหร่อยยยย ชอบๆ



โดย: TweetyFly วันที่: 31 สิงหาคม 2551 เวลา:16:25:26 น.  

 


ดูแล้วอยากกินชาบูเลยหง่ะ...ช่วงท้ายพูดเหมือนคนรอบตัวเลยค่ะ
ว่าเกาหลีไม่มีอะไรให้ประทับใจ สู้ญี่ปุ่นไม่ได้ ไอ้เราก็ไม่เคยไป
ทั้งญี่ปุ่น เกาหลี เลยได้แต่เฉย ๆ งง ๆ ไม่รู้จะคุยอะไรกับเค้า...


โดย: ลิตช์ (Litchi ) วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:2:42:58 น.  

 
กำลังสนใจเรื่องอีเกิล อายส์อยู่เลยค่า อ่านเบื้องหลังอยู่เหมือนกัน..


โดย: ลิตช์ (Litchi ) วันที่: 6 กันยายน 2551 เวลา:1:38:24 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Charming Girl
Location :
New York United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
26 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Charming Girl's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.