Koh Tao - Koh Nang Yuan Trip (2-4 April 09) - [2]

ต่อๆ...


วันที่สอง บนเกาะเต่า

เรากับเพื่อนก็ตื่นแต่เช้า เพื่อไปรอรถรับขึ้นเรือ ตอน 8.30 น.

จริงๆแล้ว เค้ามาเรียกถึงหน้าห้องตะหาก เพราะเรายังทำอะไรไม่เสร็จเลย ผลก็คือ ลืมทุกอย่างค่า แม้แต่ผ้าเช็ดตัวก็ลืม สรุปไม่ได้พกอะไรไปเลย นอกจากตัวก่ะกล้อง และเงินอีกนิดหน่อย

ที่พักของเราที่หาดทรายรี ดันอยู่ไกลที่สุด เค้าเลยต้องมารับเราก่อน มาก่อน 8.30 น. อีก แล้วพอรับเราเสร็จ เค้าก็ไปรับฝรั่งคนอื่นๆต่อ สรุปว่า รถกระบะที่มารับเรา มีฝรั่งแก่ๆ 2 คน มีฝรั่งสาวๆ 4 คน มีหนุ่มเมกัน 2 คน (อันนี้ยังรู้ชาติได้นะเนี่ย 55) แล้วก็มีเรากับเพื่อนหัวดำ 2 คน

รับไปจนถึงออฟฟิซของบริษัท เค้าก็ให้ลงชื่อ+ชาติ (เป็นสาเหตุให้เรารู้ว่าหนุ่มสองคนนั้นเป็นคนเมกัน เพราะเค้าเขียนชื่อก่อนเราน่ะเอง)

แล้วก็ส่งอุปกรณ์ให้ เราเอาแต่ Mask เพราะว่า Fin เราไม่เคยใช้ แต่จริงๆแล้วเราก็อยากลองเหมือนกัน ไว้คราวหน้าเราจะขอมาลองด้วย ไม่น่าจะยากขนาดนั้น


..


จากนั้นก็ได้ขึ้นเรือกันซะที

เราได้ขึ้นไปเกือบสุดท้าย เลยต้องนั่งข้างบน เพราะข้างล่างไม่มีที่นั่ง (หรือเราไม่ได้หาก็ไม่รู้ แค่กวาดตาไปรอบๆ)

.

วันนั้นคลื่นลมค่อนข้างแรง ตอนออกจากท่าเรือไปถึงจุดดำน้ำจุดแรก ยังไม่ค่อยรู้สึกอะไร ดำน้ำได้อย่างสบายเลย


จุดแรกเป็นที่ Shark Bay

ถ้าจำไม่ผิดนะ เราก็ไม่ค่อยได้ฟังอ่ะ เค้าพูดเป็นภาษาอังกฤษอยู่ข้างล่าง เราอยู่ข้างบนได้ยินไม่ค่อยชัด แล้วยังไม่ตั้งใจฟังอีกตะหาก

***จุดแรกนี่ไม่มีรูปแฮะ เราคงตื่นเต้นเกินไปจนลืมถ่ายซะได้ ฮ่าๆ***

พอตอนจะลงน้ำ พี่เค้าก็มาบอกว่า วันนี้คลื่นแรง ถ้าไม่ไหวไม่ต้องลงก็ได้นะ
เราก็เห็นแล้วล่ะ คลื่นตรงนั้นมันแรงจริงๆ แต่ก็อยากลงอยู่ดี

เรือจอดไว้ไกลจากจุดที่จะไปดำน้ำค่อนข้างมากเหมือนกัน แต่เราก็ดำน้ำไปเรื่อยๆ ใต้น้ำที่จุดนี้มันไม่มีอะไรเลย คือ เค้าให้มาดูฉลาม ซึ่งพวกฝรั่งเห็นกันเป็นส่วนใหญ่ เพราะเค้าว่ายไปไกลมาก

เราว่าตัวชูชีพเนี่ยล่ะ หนัก ถ้าเราว่ายโดยไม่ใช้ชูชีพคงไปถึงที่พวกเค้าอยู่ได้ง่ายกว่านี้ แต่เราก็ไม่กล้าถอดอยู่ดี เพราะคลื่นแรงจริงๆ ก็เลยได้แต่ดำน้ำอยู่แถวๆนั้น

พอจะกลับเรือ เราถึงรู้ตัวว่าเราก็มาไกลใช่เล่นเหมือนกัน (แต่ฝรั่งส่วนมากไปไกลกว่าเยอะเลย) เราก็ต้องว่ายกลับเรา ซึ่งก็ยากเอาเรื่องเหมือนกัน เพราะคลื่นมันคอยซัดกลับไปจุดที่เราอยู่ตลอด

คือ เราต้องว่ายยาวจนถึงเลย แบบนี้จะง่ายกว่าแบบหยุดๆว่าย แต่ว่าเรามากับเพื่อน เพื่อนเราว่ายน้ำไม่แข็ง เราเลยต้องหยุดรอเป็นพักๆ สุดท้ายเราก็คิดได้ว่า ถ้าเรารอเพื่อนในน้ำเราคงปลิวกลับไปหาเพื่อน (เพื่อนก็ว่ายห่างเราอยู่ระยะนึงได้) เราเลยขึ้นมารอที่เรือตรงบันได รอเพื่อนว่ายมา

แล้วแบบฝรั่งแทบจะทุกคนที่ขึ้นมาจะมาอวดว่า ชั้นเห็นฉลามล่ะ 3-4 ตัว ตัวใหญ่มากด้วย แถวๆนั้นน่ะ แล้วก็ชี้ให้ดู (เป็นตรงที่เราไปไม่ถึงน่ะเอง ฮา)

เออ ฟังละอิจฉาจริ๊ง ... อยากเห็นมั่งอ้ะ เสียใจเหมือนกันที่ไม่ได้เห็น


แล้วเรือก้ออกไปต่อ

.

จุดดำน้ำจุดสอง คือที่ หินวง



จุดนี้เราก็ไม่ชัวร์เหมือนกัน เพราะว่าเพื่อนเราเมาเรือ คือ อ้วกเลย แล้วเราก็ต้องเดินขึ้นลงไปเอายาและน้ำให้มัน ดังนั้น พอถึงที่ เราก็เมาเรือไปด้วย ถึงขั้นอ้วกกันเลยทีเดียว ฮ่า คือ คลื่นมันแรงแล้วเรือมันเอียงไปเอียงมา แถมเรานั่งข้างบนอีกอ่ะ ยิ่งเมาเรือไปใหญ่

สุดท้ายก็ลงมาตายกันสองคนข้างล่าง กินยา เสร็จ เราก็อ้วกเลย (สรุป จะกินไปทำไม ยาเนี่ย?) อ้วกเป็นอาหารปลาค่า ปลารุมตอดกินกันใหญ่

พอเอาออกมา มันก็โล่งและรู้สึกดีขึ้น เราเลย ลงไปดำน้ำเล่น ที่นี่สวยดี ปะการังแถวโขดหินเยอะมากๆ คือ แถมอยู่ไม่ลึกมากด้วยล่ะ

ที่นี่คลื่นไม่แรง แถมเรือจอดไม่ไกล เราเลย ลันล๊า อยู่ซักพักใหญ่

แต่พอขึ้นมาเนี่ยสิ อาการเดิมกลับมาอีกแล้ว ตอนเรือออกเราก็เฝ้าข้างเรือให้อาหารปลาไปตลอดทางเลยทีเดียว

.

จุดดำน้ำจุดสาม คือ อ่าวม่วง

ถึงเราจะไม่ได้ยินที่เค้าพูด เพราะมัวแต่เปื่อยอยู่ก็เหอะ แต่เราค่อนข้างมั่นใจว่าใช่อ่าวม่วงล่ะนะ สวยสมคำร่ำลือจริงๆ ขนาดเราอยุ่บนเรือยังมองเห็นเลย ว่ามันสวยจริงๆ






แต่ที่นี่เราไม่มีโอกาสได้ลงน้ำ เสียใจมากๆ คือเราไปยืนอยู่ที่บันไดประมาณ 4 รอบ แต่ก็ทำใจลงไม่ได้ เพราะอาการเรายังไม่ดีขึ้น แย่ลงด้วยซ้ำ

พอกลับมาถึงฝั่ง ก็รู้สึกเสียใจจริงๆที่ไม่ยอมลงไป ที่จริงถ้าจะอ้วกก็อ้วกลงทะเลไปเลยก็ได้นี่นา (แต่กลับขึ้นมาก็คงเปื่อยหนักกว่าเดิมกันเลยทีเดียว)

ที่นี่เค้าให้เวลานานสุดเลยมั้ง เพราะขึ้นมาแล้วก็นั่งทานอาหารกลางวันกันที่นี่ด้วย อาหารที่เค้าแจกเป็นข้าวกระเพราะหมู ซึ่งเรากินไม่ลงอย่างแรง เลยพกกลับมากินที่โรงแรม ฮาๆ

.

จากนั้นเรือก็ออกอีกรอบ

คราวนี้ เรือจอด 2 ชั่วโมง ไปจอดที่ เกาะนางยวน

สำหรับเรา เราว่าก็ไม่ค่อยจะทันทำอะไรซักเท่าไหร่ แค่ขึ้นจุดชมวิวก็น่าจะมากกว่า ครึ่งชั่วโมงแล้ว เดินรอบเกาะอีก ถ่ายรูปอีก มาดำน้ำหน้าหาดอีก

ซึ่งเรามาเกาะนางยวนไปเมื่อวานแล้ว ดังนั้น เราเลยไม่ขึ้นจุดชมวิว แต่นั่งอยู่ที่บาร์สั่งเครื่องดื่มมาจิบ ให้หายปั่นป่วน

***น้ำมะนาวปั่นแก้วละ 100 บาท เพื่อนสั่งไหมไท แก้วละ 160 บาท (โอ้ว..ไปกินข้างนอกนี้อิ่มไปเป็นวันเลยนะนั่น)***


วันนี้อากาศแย่ ฝนตกตอนนั่งอยู่บนเรือ มาถึงเกาะก็มืดเชียว เราคิดว่า ขึ้นจุดชมวิวต้องไม่สวยเหมือนเมื่อวานแน่ๆเลย (ถึงยังไงเราก็ไม่มีแรงขึ้นไปอยู่ดี) เลยถ่ายขึ้นไปก็พอ ฮ่าๆ



แล้วก็ไปเดินถ่ายรูปในจุดที่เรายังไม่ได้ไป เพราะเมื่อวานมัวแต่ห่วงเล่นน้ำ







ถ่ายไปถ่ายมาก็ได้เวลากลับล่ะ
ก็เลยไปนั่งรอที่ท่าเรือ ถ่ายรูปรอ ซักพักคนก็ครบ



แล้วออกจากท่าเรือเกาะนางยวนประมาณ 15.30 น. ถึงท่าเรือแม่หาด แล้วก็นั่งกระบะกลับ โรงแรม

ทีนี่เราก็หิวมากๆแล้ว เพราะทั้งวันกินไปแค่น้ำมะนาวปั่น ส่วนนม และสับปะรด ก็กลายเป็นอาหารปลาไปเรียบร้อย เลยกินข้าวกล่อง+ข้าวเย็นไปเยอะทีเดียว

จากนั้นก็ว่างอีกแล้ว ไม่มีอะไรทำ
อยากจะไปหาที่นั่งชิลล์ แต่ก็ มีแต่ฝรั่ง เลยไปเดินเล่นด้านนอก และด้านชายหาด



ถ่ายมาได้แค่นี้ เพราะไม่ได้ใช้แฟลช


จริงๆแล้วชายหาดทรายรี เป็นร้านอาหาร ผับ และ บาร์เยอะแยะมากมาย ซึ่งเรามองเข้าไปก็เห็นแต่ฝรั่ง เห้อ.. แอบเบื่อฝรั่งอ้ะ ยังกะอยู่เมืองนอกเลย ไปทางไหนก็เจอ แถมมีเยอะกว่าคนไทยเป็นสิบๆเท่าเลย

ก็กลับมานับเลขในห้องกันแก้เบื่อ เล่นซักพักก็หลับเป็นตายกันไปเลยทีเดียว ฮ่าๆ


...

พรุ่งนี้ก็ต้องกลับแล้ว
ต่อบล็อกหน้าละกัน....




 

Create Date : 08 เมษายน 2552
1 comments
Last Update : 9 เมษายน 2552 10:49:40 น.
Counter : 598 Pageviews.

 

ชอบมากเลยค่ะ

อยากไปมั่ง อิ อิ

 

โดย: bakaminkchan 9 เมษายน 2552 12:45:26 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Charming Girl
Location :
New York United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Group Blog
 
<<
เมษายน 2552
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
8 เมษายน 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Charming Girl's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.