ระเบียงแห่งรักยินดีต้อนรับค่ะ
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2552
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
18 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 
เศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ

จริยา สมประสงค์
มหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น จตุจักร วิภาวดีรังสิต ๑๐๙๐๐
โทร ๐๒-๕๑๓-๘๕๘๕

เศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ

คำกล่าวที่ว่า “บุญของคนไทยที่มีในหลวง”นั้น เป็นคำกล่าวที่เสมือนหนึ่งถอดใจคนไทยทั้งปวงมากล่าว ทั้งนี้ด้วยความซาบซึ้งและตระหนักในพระมหากรุณาธิคุณ พระเมตตาคุณที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยทั้งชาติอย่างสม่ำเสมอมิได้ขาด นับแต่วันที่ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการไว้ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณว่า
“..เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม..”
จวบจน ณ กาลบัดนี้เป็นเวลาเนิ่นนานกว่าครึ่งศตวรรษมาแล้ว

หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช กล่าวไว้ในหนังสือกฤษฎาภินิหารอันบดบังมิได้
ว่า ”ประชาชนคนไทยนับได้ว่าเป็นผู้โชคดีที่มีพระมหากษัตริยาธิราชผู้ทรงไว้ซึ่งทศพิธราชธรรม ทรงมีพระปรีชาสามารถ ทรงมีพระราชอัจฉริยภาพสูงส่ง และทรงมีพระมหากรุณาธิคุณแก่พวกเราเหลือคณานับ…

พระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปกแผ่แก่คนไทยในทุก
ท้องที่ ทั่วทุกภูมิภาคไทย รวมตลอดตั้งแต่กรุงเทพมหานคร จังหวัดต่างๆทุกจังหวัด ไม่เลือกชาติพันธุ์วรรณะ ทั้งชาวไทยพื้นราบและชาวไทยภูเขา ชาวเขาเหนื่อยยากปลูกฝิ่น ไม่พอกินพอใช้ ผู้ซื้อกำหนดราคาต่ำ ไม่มีทางเลือก การตัดไม้ทำลายป่าเพื่อทำไร่เลื่อนลอย เมื่อดินจืดหมดคุณภาพ ก็ต้องเลี่ยนที่ หาทำเลใหม่ ทำให้อยู่อาศัยไม่เป็นหลักแหล่ง เร่ร่อนไร้ถิ่นฐานแน่นอน ไม่มีวิถีชีวิตที่สุขสมบูรณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระเมตตาจัดหาพืชพันธุ์ผักผลไม้เมืองหนาว ให้เจ้าหน้าที่การเกษตรแนะนำส่งเสริมวิธีการเพาะปลูก สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิต นำมาซึ่งความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีเศรษฐกิจพอเพียงพอเลี้ยงตนเองและครอบครัว ชุมชนเข้มแข็ง มีถิ่นที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ลดการทำลายสิ่งแวดล้อม มีความกินดีอยู่ดีเลี้ยงตนเองได้ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณที่ไม่มีสิ่งขีดคั่น ทรงเป็น”พ่อหลวง”ของชาวเขา และทรงเป็น”ในหลวง”ของชาวเราอย่างเสมอหน้ากัน

ตลอดระยะเวลากว่า ๕๐ ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนทุกข์สุขราษฎรทั่วทุกท้องถิ่นไทย แม้ในแดนทุรกันดารแสนลำบาก และได้ทรงรวบรวมข้อมูลต่างๆทั้งในมุมกว้างและในมุมลึกซึ่งผ่านสายพระเนตรพระกรรณ ด้วยความวิริยะอุตสาหะ ทำให้ทรงเข้าพระทัยวิถีชีวิตความเป็นไทย แนวคิดไทย และความเป็น”คนไทย” ในทุกแง่ทุกมุมอย่างลึกซึ้ง และทรงนำมาประกอบพระราชวินิจฉัยในพระราชดำริต่างๆ ทั้งนี้รวมทั้งแนวพระราชดำริ “เศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งมีจุดมุ่งหมายโดยรวมในการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร
ด้วยระบบการจัดการและพัฒนาอย่างพอเหมาะพอสม ให้เกิดความพออยู่พอกิน ซึ่งนับเป็นพื้นฐานของการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ดังพระบรมราโชวาทซึ่งพระราชทานในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พุทธศักราช ๒๕๑๗ ว่า
“การพัฒนาประเทศจำเป็นต้องทำตามลำดับขั้น ต้องสร้างพื้นฐาน
คือความพอมีพอกินพอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบื้องต้นเสีย
ก่อน โดยวิธีการและอุปกรณ์ที่ประหยัด แต่ถูกต้องตามหลักวิชา
การ เมื่อได้พื้นฐานมั่นคงพร้อมพอสมควรและปฏิบัติได้แล้ว จึง
ค่อยสร้างเสริมความเจริญ และฐานะทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้นตาม
ลำดับ การช่วยเหลือสนับสนุนประชาชนในการประกอบอาชีพ
และตั้งตัวให้มีความพอกินพอใช้ก่อนอื่นเป็นสิ่งสำคัญยิ่งยวด
เพราะผู้ที่มีอาชีพและฐานะเพียงพอที่จะพึ่งพาตนเองได้ ย่อม
สามารถสร้างความเจริญในระดับสูงขึ้นต่อไป”

พระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน ล้วนดำเนินไปในวิถีทางแห่งการแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากเดือดร้อนของพสกนิกร ด้วยแนวคิดหลัก “เศรษฐกิจพอเพียง”เป็นปฐม ทั้งนี้ด้วยพระราชปณิธานที่มุ่งมั่นกอปรด้วยพระราชวิริยะอุตสาหะอันแรงกล้า ในอันที่จะทำให้ราษฎรอยู่ดีกินดี มีความสุข นับเป็นการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจซึ่งพัฒนาตามลำดับขั้นจากพื้นฐานแห่งความพอมี พอกิน พอใช้ สู่ความเจริญยิ่งขึ้นเป็นลำดับ หลายวาระ หลายโอกาส ทรงก่อให้เกิดวิธีการใหม่ ทฤษฎีใหม่ ความคิดและความหวังใหม่ขึ้นในใจคนไทยทั้งมวล

ทฤษฎีใหม่คือหลักสำคัญมุ่งให้ราษฎรสามารถพึ่งพาตนเองได้ในระดับหนึ่ง หลักการสำคัญของทฤษฎีใหม่ก็คือ การที่เกษตรกรซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศมีความเป็นอยู่อย่างพอเพียงเลี้ยงตนเองได้ในระดับชีวิตที่ประหยัด มีการบริหารจัดการอย่างมีความสามัคคีในท้องถิ่น ทฤษฎีใหม่เป็นแนวคิดพระราชทานสำหรับเกษตรกรซึ่งมีพื้นที่ดินจำกัด ให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้แม้ในยุควิกฤตเศรษฐกิจ สามารถเพาะปลูกได้ เกิดผลผลิตพอกินพอใช้ ทฤษฎีใหม่ทดลองจัดสรรที่ดินเพื่อการจำเป็นต่างๆ โดยใช้สูตร ๓๐–๖๐–๑๐ หมายถึงใช้ที่ดินส่วนหนึ่ง(๓๐)สำหรับขุดสระเก็บน้ำเพื่อใช้ในการเพาะปลูก เลี้ยงปลา เป็นรายได้เสริม อีกส่วนหนึ่ง(๖๐) สำหรับทำการเกษตร แบ่งเป็นทำนา ๓๐ สามารถผลิตข้าวบริโภคพอเพียงประจำปี เพราะหากชาวนาต้องซื้อข้าวกิน ก็หมดสิ้นความเป็นเกษตรกรไทย ปลูกพืชไร่พืชสวน อาทิ ไม้สร้างบ้าน สมุนไพร ไม้ใช้สอย ไม้ไผ่ เป็นต้นอีก ๓๐ เพื่อส่งขายตลาดเป็นรายได้ตลอดปี ส่วนสุดท้าย (๑๐) สำหรับสร้างที่อยู่อาศัย ปลูกพืชสวนครัว ไม้ดอก เลี้ยงสัตว์ เป็นการใช้ที่ดินอย่างครบถ้วนตามความต้องการ เพื่อการพออยู่ พอกิน เลี้ยงตัวได้อย่างแท้จริง

ทฤษฎีใหม่ให้ความสำคัญกับแหล่งน้ำ ดังพระราชดำรัสว่า
“หลักสำคัญต้องมีน้ำ น้ำบริโภคและน้ำใช้ น้ำเพื่อการเพาะปลูก
เพราะชีวิตอยู่ที่นั่น ถ้ามีน้ำคนอยู่ได้ ถ้าไม่มีน้ำคนอยู่ไม่ได้ “
ทฤษฎีใหม่คือวิถีชีวิตจากภูมิปัญญาไทยโดยแท้ การพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวทางทฤษฎีใหม่สามารถประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสมกับทุกสภาพภูมิประเทศ และสิ่งแวดล้อม พัฒนาตามลำดับขั้นวิธีการ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เกิดประโยชน์สูงสุด

ทฤษฎีใหม่แสดงให้เห็นแนวคิดของความ”พอดี” ในการดำเนินชีวิต เป็นการดำรงอยู่ด้วยแนวคิดหลัก ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางสายกลาง ตามหลักการแห่งพระพุทธศาสนา ไม่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยด้วยเปลือกกระพี้ อันไม่เป็นแก่นสาร ตรงกันข้ามกลับเป็น”ความพอดี” กอปรด้วยแก่นและสาระซึ่งเป็นศิลปและศาสตร์แห่งการครองชีพอย่างแท้จริง ชีวิตเรียบๆที่สวยงามตามอัตภาพ รู้รักสามัคคี เปี่ยมด้วยสำนึกหนักแน่นในแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง อันเป็นแนวคิดไทย บริบูรณ์ด้วยปัจจัย ๔จากวิถีธรรมชาติ คือ ที่อยู่อาศัย อาหาร เครื่องนุ่งห่ม และสมุนไพรยารักษาโรค ทั้งสิ้นล้วนสรรและจัดการได้จากการผสมผสานในสัดส่วนซึ่งพอเหมาะแห่งธรรมชาติรอบกาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักและเข้าถึงเศรษฐกิจแห่งชีวิตไทยโดยแท้จริง นับเป็นบุญของคนไทย ของชาติไทยในอันที่จะธำรงรักษาไว้ซึ่งแนวคิดและวิถีไทยแบบเบ็ดเสร็จพร้อมมูล
ทฤษฎีใหม่คืนหวังสร้างเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมสัมฤทธิ์ผลเหลือหลายเศรษฐกิจพอเพียงเผดียงกาย โอบอุ้มสายชีวิตด้วยทฤษฎี


พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติพระองค์ซึ่งสามารถมองเห็นได้เด่นชัดว่า ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจใดๆ โดยมิได้คำนึงถึงประโยชน์สุขส่วนพระองค์แม้แต่น้อย โครงการต่างๆอันเนื่องมาจากพระราชดำริมีมากกว่า ๒,๐๐๐ โครงการ ยังประโยชน์สุขเป็นคุณาณุคุณแก่ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินและประเทศชาตินานับเอนกประการ

ด้านการเกษตร จะเห็นได้ว่าทรงเน้นหนักในเรื่องของการทำการเกษตรแบบยั่งยืนใน ๓ ด้าน ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ สังคม และสภาพแวดล้อม ส่งเสริมให้ราษฎรสามารถดำรงชีพอยู่ได้อย่างพอมีพอกินตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยพระราชดำริและความสามารถในการถ่ายทอดวิธีการดำเนินการให้แก่ประชาชนและเกษตรกรที่มีความสนใจ มีความขยันหมั่นเพียร เมื่อรับรู้และเข้าใจก็จะสามารถดำเนินชีวิตอย่างสมดุลกับธรรมชาติ ใช้วิธีการแก้ปัญหาด้วยวิธีธรรมชาติ เป็นหลักการพื้นฐานง่ายๆ ซึ่งสามารถใช้แก้ไขปัญหาได้ในแทบทุกประเด็น ทั้งนี้โดยทรงปฏิบัติสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่าง ว่าได้ผลจริง ที่ใดเป็นพื้นที่เสื่อมโทรม ก็จะทรงปรับปรุงด้วยระบบวิธีธรรมชาติพึ่งพาธรรมชาติ ทรงศึกษาภูมิประเทศและธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมอย่างถ่องแท้ และเหมาะสม นำไปสู่วิถีทางแห่งการพึ่งตนเองได้

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปราบแมลงศัตรูพืชโดยแนวพระราชดำริปลูกพืชบางชนิดล้อมแปลงผัก ได้แก่ ต้นดาวเรือง ขึ้นฉ่าย หอมใหญ่ สะเดา เป็นต้น พืชเหล่านี้เป็นพืชที่มีคุณสมบัติเสมือนยาปราบศัตรูพืช ทำให้ได้ผลผลิตเพิ่มโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและทำลายสิ่งแวดล้อม เป็นความเลิศล้ำตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งเป็นภูมิปัญญาไทยอีกประการหนึ่งของพระองค์ท่าน

พระราโชบายในการพัฒนาที่ดินนั้น ทรงมุ่งไปในทางพัฒนาที่ดินแบบประหยัด สามารถพัฒนาที่ดินซึ่งเป็นดินที่ไม่ดี มีปัญหาต่างๆให้กลับคืนเป็นดินดี สามารถปลูกพืชได้ ทรงแก้ไขและพัฒนาด้วยวิธีการอันแยบคายตามธรรมชาติ ดังพระราชดำรัส
“ลองเอาหญ้าแฝกมาปลูกบ้างนะ ได้ผลนะ ที่ชะอำ ดินดาน
แข็งๆมันยังทะลุได้เลย ดินก็จะร่วนซุยขึ้น”

จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า วิธีคิดใช้ธรรมชาติพึ่งพาธรรมชาติ เป็นหลักการบริบูรณ์พร้อมด้วยภูมิปัญญาอย่างไทย เป็นการประนีประนอมรอมชอมกันระหว่างสมดุลธรรมชาติ ไม่มีการใช้ อำนาจแห่งพิษหักหาญ เพื่อให้ได้ประโยชน์ โดยไม่คำนึงถึงผลเสียที่จะเกิดตามมา ไม่มีการใช้ปุ๋ยซึ่งประกอบขึ้นจากสารเคมีใดๆ เป็นการฆ่าตัวตายแบบผ่อนส่ง เสมือนยาพิษเคลือบน้ำตาล ให้ประโยชน์เพียงชั่วครู่ชั่วยาม แต่พิษภัยตกค้างกลับเป็นสิ่งทำร้ายชีวิต ทำลายธรรมชาติอย่างน่าเสียดายเป็นที่สุด พระราชดำริในแนวทางแห่งการประนีประนอมระหว่างธรรมชาติ เป็นแนวคิดเชิงอนุรักษ์ ไม่ต้องสูญเสียเงินตราต่างประเทศ ไม่เสียดุลการค้า เป็นวิถีทางซึ่งสร้างเศรษฐกิจพอเพียงอย่างแท้จริงในอีกลักษณะหนึ่ง ก่อให้เกิดบ้านเมืองที่น่าอยู่ ดุจดังบทเพลงพระราชนิพนธ์
“แผ่นดินของเรา” มีความตอนหนึ่งว่า..
“ถึงอยู่แคว้นใด ไม่สุขสำราญ
เหมือนอยู่บ้านเรา ชื่นฉ่ำค่ำเช้าสุขทวี
ทรัพย์จากผืนดิน สินจากนที
มีสิทธิ์เสรี สันติครองเมือง
เรามีป่าไม้อยู่สมบูรณ์ ไร่นาสดใสใต้ฟ้าเรือง..”

นอกจากนโยบายหญ้าแฝก แก้ไขปรับปรุงดินดานแล้ว ในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พุทธศักราช ๒๕๓๗ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังทรงพระราชทานแนวคิดการปลูกป่าไว้อย่างแยบยล เป็นความคิดในเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งเปรียบเสมือนเส้นผมบังภูเขาอย่างแท้จริง
“คือว่าการปลูกต้นไม้นี้ สำคัญอยู่ที่การปล่อยให้เค้าขึ้นได้
คืออย่าไปตอแยต้นไม้ เพียงแต่ว่าคุ้มครองเค้าหน่อย เค้า
ขึ้นเอง อีกแห่งหนึ่งที่ชะอำ ดินเสียไปจนเป็นดินแข็ง ไปปลูก
ต้นแฝกเพียง ๒ ปี ดินร่วนแล้ว ต้นไม้ที่หงิกงอของเดิมนั้น
เดี๋ยวนี้ต้นไม้เค้าโตขึ้นแล้ว เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ และ
ต่อไป ป่าที่อุดมสมบูรณ์นั้น ก็จะทำให้ดูดความชื้นจาก
อากาศ แล้วก็นำให้อากาศที่อยู่ นำให้เมฆที่อยู่ในอากาศ
ลงมาเป็นฝนได้ ฉะนั้นเมืองไทย ต่อไปก็จะเป็นเมืองอุดม
สมบูรณ์ไม่แร้นแค้น ไม่เป็นทะเลทรายอย่างที่ในระยะ ๒๐ ปี
ที่ผ่านมานี้”

เมื่อผืนดินอุดมสมบูรณ์ น้ำท่าบริสุทธิ์บริบูรณ์ ชีวิตทุกชีวิตย่อมดำรงอยู่ได้ เกิดเป็นวัฏจักรการพึ่งพาอย่างครบวงจร เป็นพื้นฐานแห่งเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งหนักแน่นมั่นคง สมดังพระราชดำริทุกประการ แสดงให้เห็นได้อย่างเด่นชัดถึงพระปรีชาญาณด้านเศรษฐศาสตร์พื้นฐานที่มั่นคงและจริงแท้แน่นอน สมควรที่จักได้ดำเนินตามแบบอย่างแห่งพระราชดำริทุกประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคเศรษฐกิจถดถอยเช่นในปัจจุบัน การถอยหนึ่งก้าวเพื่อตั้งหลักอย่างมั่นคงด้วยแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง เป็นพระราชดำริซึ่งกอปรด้วยวิสัยทัศน์ทันสมัยอย่างแท้จริง

พระราโชบายในการใช้ประโยชน์จากที่ดินซึ่งเป็นดินไม่ดี มีปัญหาต่างๆให้กลับคืนเป็นดินดีนั้น ทรงคำนึงถึงผลประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นส่วนใหญ่ ดังพระราชดำรัส
“ที่ดินไม่ดีนั้นมีเยอะแยะในประเทศไทย ถ้าหากบอกว่าที่นี่ดินไม่ดี ไม่ช่วยไม่ทำ ลงท้ายกลายเป็นว่า ประเทศไทยทั้งประเทศกลายเป็นทะเลทราย เพราะว่าไม่ช่วยกัน เจ้าหน้าที่ก็คงเข้าใจ ก็เลยพยายามหาวิธีที่จะฟื้นฟูดินให้เป็นดินที่จะใช้การได้ จนมาบัดนี้ปลูกข้าวได้ “
และ…
“ที่ดินที่ถวายนี้ ถ้าไม่สร้างพระตำหนักจะว่าอะไรหรือเปล่า อยากให้ที่ดินตรงนี้เป็นที่ศึกษาค้นคว้าทดลองปลูกพืช ปลูกผัก ทำไร่ทำนาอะไรนี่แหละ แล้วใช้เป็นที่ที่พวกเราจะได้เข้าไปดูงานว่า การปลูกที่ถูกวิธีเขาทำยังไงกัน และถ้าเกิดมีปัญหา เช่น โรคพืชระบาด หรือเลี้ยงสัตว์ป่วย ก็จะได้เข้าไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ที่ศูนย์ค้นคว้านี้ด้วย “ (ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน พนมสารคาม)
การแก้ไขดินเปรี้ยวให้กลับดี โครงการ”แกล้งดิน” ที่ศูนย์ศึกษาพิกุลทอง จังหวัด
นราธิวาส เป็นอีกโครงการหนึ่งในหลายร้อยโครงการ อาทิ โครงการฝายแบบโปเก โครงการน้ำดีไล่น้ำเสีย โครงการปลูกป่าแบบไม่ปลูก โครงการขาดทุนเป็นกำไร โครงการป่า ๓ อย่างประโยชน์ ๔อย่าง โครงการ ๔ น้ำ ๓ รส โครงการเส้นทางเกลือ หรือโครงการแก้มลิง ล้วนเป็นโครงการซึ่งทรงแก้ไขด้วยวิธีลงทุนต่ำแต่ได้ผลผลิตสูง ใช้วิธีธรรมชาติล้อมธรรมชาติดังกล่าวมาแล้ว

โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลุ่มน้ำบางนรา เป็นโครงการป้องกันน้ำเค็มจากทะเล น้ำเปรี้ยวจากพรุ เปลี่ยนแปลงปรับปรุงเป็นพื้นที่เก็บกักน้ำจืด แม่น้ำบางนรามีความยาวถึง ๖๐ กิโลเมตร ทั้งยังมีสาขาอีกมากมาย เมื่อปรับปรุงสำเร็จ สามารถพัฒนาพื้นที่ราบลุ่มกว่า ๑๐๕,๐๐๐ ไร่ ให้สามารถทำการเกษตรได้ผลดีจนเกินจุดคุ้มทุน ทรงสร้างแหล่งประมงขนาดใหญ่ เพิ่มรายได้ของเกษตรกร ส่งผลให้ราษฎรมีกินมีใช้ เศรษฐกิจดีขึ้นเป็นลำดับ

โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมผักเบี้ย จังหวัดกำแพงเพชร อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นการพัฒนาสิ่งแวดล้อม กำจัดขยะมูลฝอย น้ำเสีย รักษาสภาพป่าชายเลนโดยวิธีธรรมชาติ กล่าวคือ ใช้วิธีฝังกลบขยะมูลฝอยในพื้นที่ร้างซึ่งเคยเป็นบ่อเลี้ยงกุ้ง หมักมูลฝอย สร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย นำน้ำที่ได้รับการบำบัดแล้วนี้ไปใช้ทำการเกษตร ที่ใดมีแหล่งน้ำสะอาด ที่นั้นย่อมมีปลาทั้งจากธรรมชาติและปลาหมอเทศปล่อย ซึ่งในที่สุดก็พัฒนาโดยวิถีทางแห่งธรรมชาติ กลายเป็นแหล่งดูนกที่สำคัญ เป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อน เปลี่ยนแปลงสภาพชีวิตของราษฎรไปในทางที่ดีขึ้นนานัปการ เป็นยิ่งกว่าจุดคุ้มทุนที่เกินคุ้ม พระองค์ทรงเป็นนักเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ บนพื้นฐานของแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงอย่างแท้จริง
โครงการแกล้งดินถิ่นดินเปรี้ยว ทรงแก้ไขให้เกี่ยวเก็บผลส่ง
โครงการลุ่มน้ำบางนราคง เปลี่ยนเปรี้ยวลงปรับดินเป็นถิ่นดี
กว่าสองพันโครงการประทานไว้ สานต่อได้อนุรักษ์เป็นศักดิ์ศรี
สิ่งแวดล้อมป่าชายเลนสู่เกณฑ์ดี น้ำใสมีปลาเพื่อเอื้อประมง

นอกจากโครงการเศรษฐกิจพอเพียงในรูปแบบที่หลากหลายอาทิ โครงการเกษตรแบบผสมผสาน โครงการหลวง โครงการหมู่บ้านสหกรณ์การเกษตรแล้ว เพื่อให้ราษฎรที่สร้างผลผลิตทางการเกษตรกรรมสามารถอยู่ได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานแนวพระราชดำริของระบบการบริหารจัดการที่ดี กล่าวคือ การรวมกลุ่มเกษตรกรในรูปแบบ “สหกรณ์” ดังเช่น สหกรณ์หุบกระพง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น เพื่อให้เกษตรกรสามารถแบ่งเฉลี่ยผลประโยชน์ซึ่งกันและกันในกลุ่มอย่างยุติธรรม เป็นการเริ่มการดำเนินวิถีชีวิตไทยไปสู่รูปแบบของ “เศรษฐกิจพอเพียง” ครบวงจรสมดังพระราชดำริที่ว่า
“การเป็นเสือนั้นมันไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่เราพออยู่พอกิน และมีเศรษฐกิจการเป็นอยู่แบบพอมีพอกิน แบบพอมีพอกินหมายความว่า อุ้มชูตัวเองได้ ให้มีพอเพียงกับตัวเอง ความพอเพียงนี้ไม่ได้หมายความว่า ทุกครอบครัวจะต้องผลิตอาหารของตัว จะต้องทอผ้าใส่ให้ตัวเอง สำหรับครอบครัว อย่างนั้นมันเกินไป แต่ว่าในหมู่บ้านหรือในอำเภอ จะต้องมีความพอเพียงพอสมควร บางสิ่งบางอย่างที่ผลิตได้มากกว่าความต้องการ ก็ขายได้ แต่ขายในที่ไม่ห่างไกลเท่าไร ไม่ต้องเสียค่าขนส่งมากนัก อย่างนี้ นักเศรษฐกิจต่างๆก็มาบอกว่า ล้าสมัย จริง…อาจจะล้าสมัย เพราะว่าคนอื่นเขาก็ต้องมีการเศรษฐกิจที่ต้องมีการแลกเปลี่ยน เรียกว่าเป็นเศรษฐกิจการค้า ไมใช่เศรษฐกิจความพอเพียง รู้สึกไม่หรูหรา แต่เมืองไทยเป็นประเทศที่มีบุญอยู่ว่า การผลิตที่พอเพียงทำได้..”

พระบรมราโชบายดังกล่าวนับว่าได้ทรงแสดงให้เข้าใจ ความหมายของคำกล่าว“เศรษฐกิจพอเพียง” อย่างชัดเจน เป็นเศรษฐกิจพอเพียงในลักษณะวิถีไทย แนวคิดไทย และภูมิปัญญาไทยโดยแท้จริง หากนำพระบรมราโชบายนี้เป็นกรอบนำความคิดวิเคราะห์ถึงแนวทางการดำเนินชีวิตในรูปแบบเศรษฐกิจพอเพียง สำหรับ”ชาวเมือง” ซึ่งมิได้เป็นเกษตรกร แต่ประกอบอาชีพในวิถีทางต่างๆ แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงย่อมหมายถึงการดำเนินชีวิตพอสมฐานะ รู้จักคุณค่าและเลือกใช้สินค้าไทย สามารถผสมผสานแนวคิดความเป็นไทยประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสมกลมกลืนกับความเจริญแห่งยุคสมัย ไม่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย รู้จักจับจ่ายใช้สอยอย่าง”พอดี” รู้จักใช้เงินตราต่างประเทศไม่ให้ขาดดุลการค้า รู้จักใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ไฟฟ้า น้ำประปา อย่างประหยัดและรู้คุณค่า ลดการสร้างมลภาวะทำลายสิ่งแวดล้อมในรูปแบบต่างๆ ตลอดจนการปฏิบัติอื่นๆ อันเป็นไปเพื่อการสนองพระราชดำริอย่างเป็นรูปธรรมตามที่เห็นเหมาะเห็นควร ก็จะเป็นการแบ่งเบาพระราชภาระของพระองค์ และร่วมแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของชาติได้ในระดับหนึ่ง

บริษัทบางจากปิโตรเลียมจำกัด(มหาชน) เป็นบริษัทตามแบบอย่างที่ดำเนินบทบาทด้านเศรษฐกิจพอเพียงตามรอยพระบาทได้ครบวงจร ชุมชนในท้องถิ่นสามารถสร้างงานอาชีพโดยการบริหารจัดการกันเอง นับเป็นการพัฒนาในแบบบูรณาการ คือ การมีส่วนร่วมกันวางแผนกำหนดชีวิตความเป็นอยู่ของตน เป็นลักษณะของการ”ระเบิดจากข้างใน” ดังที่ทรงมีพระราชดำรัส ซึ่งหมายถึงการที่ชาวบ้านและชุมชนมีความเข้มแข็ง แล้งจึงค่อยขยายความเข้มแข็งนั้นไปสู่สังคมในวงกว้างโดยลำดับ ด้วยการร่วมมือกันจัดการนี้ ชุมชนในท้องถิ่นสามารถยืนหยัดอยู่ได้โดยผ่านเครือข่ายปั๊มน้ำมันในทุกภูมิภาคของประเทศจำนวนกว่า ๖๐๐ แห่ง นอกจากนี้บริษัทมงคลชัยพัฒนา ซึ่งเป็นบริษัทในเครือบางจากฯ ได้ร่วมดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าชุมชน จัดตั้ง”เลมอนฟาร์ม” ขึ้น จำหน่ายสินค้าจากชุมชน อาทิ สินค้าปลอดสารพิษ อาหารชีวภาพ ซึ่งเป็นที่นิยมกันแพร่หลายในปัจจุบัน จัดจำหน่ายแก่ประชาชนทั่วไป การดำเนินบทบาทด้านเศรษฐกิจพอเพียงนี้ สามารถช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจชนบทของประเทศ รองรับแรงงานที่หลั่งไหลกลับคืนสู่บ้านชนบท เป็นการแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจขณะเศรษฐกิจถดถอยได้อย่างเห็นผล ประชาชนในชนบทเกิดความพออยู่พอกินเห็นทันตา ดังพระราชดำรัส
“ถอยหลังหนึ่งก้าว เพื่อที่จะก้าวเดินไป ข้างหน้าได้อย่างมั่นคง”

ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารแห่งล้นเกล้าล้นกระหม่อม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงเป็น เจ้าชีวิต เจ้าแผ่นดิน เป็นนักพัฒนาผู้ยิ่งใหญ่ เป็นพลังของแผ่นดิน เป็นอำนาจที่หาใดเปรียบมิได้ สมดังพระปรมาภิไธย “ภูมิพล” ซึ่งแม้โลกาภิวัตน์ยังประจักษ์แจ้งในพระอัจฉริยภาพ เป็นบุญของคนไทยที่มีในหลวง ผู้ทรงพระปรีชาสามารถ และเข้าพระราชหฤทัยอย่างลึกซึ้ง ถึงการดำรงชีพในแบบอย่างแห่งวิถีไทย ตามแนวคิด เศรษฐกิจพอเพียงอย่างแท้จริง
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน




Create Date : 18 พฤษภาคม 2552
Last Update : 18 พฤษภาคม 2552 14:31:14 น. 4 comments
Counter : 1021 Pageviews.

 
ขอบคุนค่ะ ..


นุ่นำไปตอบคำถามของอาจารย์ได้เยอะเรย


โดย: presza IP: 58.9.25.107 วันที่: 9 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:14:24 น.  

 
ดีมากมายเลยค่ะ


โดย: สายลมนำชีวิต IP: 112.142.129.251 วันที่: 26 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:55:37 น.  

 
ดีจ้า


โดย: 55 IP: 112.142.129.251 วันที่: 26 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:57:35 น.  

 
ดีมากเลยครับ
ขอขอบคุณนะครับ


โดย: ไกรทอง IP: 125.25.75.82 วันที่: 5 กันยายน 2552 เวลา:22:16:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ระเบียงแห่งรัก
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Photobucket
Friends' blogs
[Add ระเบียงแห่งรัก's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.