|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ตอนที่ 11 ผู้ชายของฉัน
ผู้ชายของฉัน
ช่วงนี้งานการเต็มไปหมด สมองใช้งานเยอะจัง (ก็ดีแล้วจะได้ไม่ฟ่อตามวัย) เขียนสองตอนค้างไว้เพราะสมาธิไม่มี เลยามจั่วหัวให้คิดกันไปงั้นๆแหละ เพราะถ้าเขียนถึงเรื่องนี้มันคงพร่างพรูออกมาได้ง่ายดาย วินาทีนี้ตอนนี้...ผู้ชายของฉันที่มี (มาตลอด) ก็คือผู้ชายที่ฉันเรียกว่า...พ่อ...ง่ายๆ ไม่มีคำนำหน้า ไม่มีศัพท์แสงแปลกๆ (เออ...ไม่ได้ประชดใครจริงๆเลยนะ) เป็นคำที่เรียกมาตลอด ไม่ใช่คุ้นเคย แต่เป็นคำเรียกคนคนนึงที่มีอิทธิพลในชีวิตกว่าสามสิบห้าปี เป็นคำเรียกผู้ชายที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน
ดูเหมือนว่า...ความผูกพันของเราจะแนบแน่นใช่ไหม ฉันตอบไม่ได้จริงๆ จำความได้ฉันก็เติบโตในบ้านกับคุณปู่คุณย่าและคุณอา ตอนอยู่อนุบาลพ่อตัวโตของฉันจะแวะมาหาที่โรงเรียนซะส่วนใหญ่ (ให้เพื่อนๆอิจฉาเล่นและรอคอยนิดๆ เพราะมีขนมมาฝากทุกครั้ง) ฉันจำไม่ค่อยได้ว่าเราคุยอะไรกันบ้าง มันเป็นช่วงสั้นๆ นานๆครั้ง บางทีพ่อก็แวะมาที่บ้าน ฉันก็ไม่ค่อยกล้าคุยด้วย พ่อคงไม่ชอบเด็กปอดแหกอย่างฉัน (น่าจะได้ความกล้าตอนแก่ไปก่อนบ้างเนอะ) พอพ่อทำท่ารำคาญเวลาฉันเงียบ ฉันก็เลยยิ่งถอยห่าง พ่อชอบเด็กฉลาด บางทีพ่อมาแล้วสอนการบ้าน พอเห็นฉันตอบไม่ได้ก็บ่น ทำไงได้ล่ะคะ ฉันไม่ฉลาดนี่นา พ่อจะหันไปชื่นชมลูกสาวป้าที่เรียนเก่ง แปลกที่ฉันไม่อิจฉาเลย ฉันก็เอาการบ้านหลบออกมานั่งทำคนเดียว (ให้มันเสร็จๆ จะได้ไปเล่นงไ)
มองย้อนไป...ฉันไม่โกรธพ่อหรอก ใครๆก็อยากให้ลูกตัวเองฉลาด เป็นคนเก่ง แต่นี่พอโรงเรียนมีสัปดาห์ศิษย์-ลูกเมื่อไหร่ (ไม่รู้เดี๋ยวนี้สาธิตเกษตรฯ จะยังมีแบบนี้อยู่ไหม) อาจารย์ก็จะมารายงานพ่อฉันว่าลูกสาวค่อนข้างเกเรนะคะ ชอบไปต่อยกับเพื่อนผู้ชาย (แล้วจะให้ไปต่อยกับผู้หญิงหรือไงคะ) แล้วลูกสาวก็จ้างเพื่อนทำเวรด้วยค่ะ ได้เรื่องสิ...นั่งรถไปโรงเรียนตอนเช้าพ่อก็ถามว่า...เอาเงินไปจ้างเพื่อนทำเวรรึเปล่า ฉันส่ายหัวดิกๆ (ไม่ใช่หมานะ) ปากแข็งทำหน้าตายตอบไปว่า...เปล่าพ่อ...ใครจะเอาเงินไปจ้างเสียดายตังค์ พ่อพยักหน้าหงึกๆ (ไม่รู้เชื่อรึเปล่า) พอไปถึงโรงเรียนฉันก็ไปเล่นงานเพื่อนผู้ชายว่าเอาไปบอกแม่เหรอ มันบอกว่าแม่ถามว่าเอาตังค์ที่ไหนไปซื้อขนม ฉันเลยบอกว่า...คราวหน้าไม่จ้างแล้ว ไปจ้างคนอื่นก็ได้ (ไม่ได้สำนึกเลยนะนั่น) อันที่จริงก็ขอแก้ตัวหน่อยนะว่าไม่ได้ขี้เกียจหรอก แต่ไม่ชอบถูพื้นเพราะต้องเอามือบิดผ้า มันเหม็น แต่ถ้าได้หน้าที่อื่นๆอย่างกวาดพื้น ยกเก้าอี้ หรือเช็ดกระดานดำนี่ไม่ปฏิเสธเลยนะ (อันหลังนี้ยิ่งชอบเพราะได้เขียนวันที่ด้วย)
สิ่งหนึ่งที่ขอบอกอย่างภูมิใจมากๆเลยคือ..พ่อเราหล่อ (มาก) เวลามีงานอะไรจะรู้สึกเท่ พ่อตัวสูงร้อยแปดสิบได้ หุ่นดี (ไม่อ้วน ตอนนี้ก็ยังดีอยู่นะ) พ่อเล่นฟุตบอลเก่ง (เห็นรูปสมัยหนุ่มๆ) ที่สำคัญพ่อร้องเพลงเพราะมั่กๆ (เออ...แต่ขอรุ่นครูเอื้อเท่านั้นนะคะ) จำได้ว่าตอนเล็กๆ นานๆทีพ่อจะมาขับรถไปส่งที่โรงเรียนเอง พ่อจะร้องเพลงไปด้วย เพลงที่ฉันจำได้เพลงแรกเลยคือเพลงนี้...เพียงคำเดียวที่ปรารถนา....อยากฟังให้ชื่นอุราใจพะว้าพะวัง (สะกดถูกมั้ยเนี่ย) พ่อร้องเพราะจับใจ พอโตๆมา บางทีก็เห็นพ่อไปร้องเพลงออกทีวี (ช่วงดึกๆ เพลงโบราณๆไง)
มีคนว่าฉันคงได้เชื้อพ่อ (คาดว่าน่าจะเป็นส่วนดีนะ) เพราะร้องเพลงได้โอเค ฉันเลยกลายเป็นคนหลายยุค ร้องเพลงได้ตั้งแต่สุนทราภรณ์ยันฟาเรนไฮต์ แต่พ่อบอกเพลงสมัยนี้เหมือนเมาเหล้าร้องเพลง โธ่พ่อขา...ไม่เมาก็ร้องได้ค่า เพราะฉันก็ไม่มาววววว
เห็นพ่อทำงานหนักมาตั้งแต่เด็กๆ จนฉันเริ่มแก่ (พ่อก็ต้องแก่กว่าอีกใช่ม้า) แต่พ่อก็ยังทำงานหนักเหมือนเดิม พ่อเคยบอกฉันตอนฉันอยู่มอต้นว่า งานสำคัญกว่าครอบครัว เพราะฉะนั้นเมื่อบางทีพ่อบอกจะพาไปทานข้าวตอนหกโมงเย็น แล้วทุ่มนึงพ่อโทรมาว่ามาไม่ได้มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ฉันก็จะไปต้มมาม่าทาน บางคนอาจจะบอกว่าเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง แต่ฉันเข้าใจ พ่อทุ่มเทให้กับงานมาก ยิ่งเมื่อพ่อมาถึงวันนี้ที่ตรงนี้ ฉันก็รู้อีกแหละว่าพ่อไม่ไดัมันมาด้วยเส้นทางกลีบกุหลาบ พ่อเป็นนักสู้ (ซึ่งตรงนี้ฉันกลับไม่ค่อยได้มาเท่าไหร่) ตัวจริงโดยไม่ต้องพึ่งกระทิงแดงสักขวด
พอโตเป็นสาว เอ่อ...ฉันก็เคยผ่านการเป็นสาวสะพรั่งนะคะ (อาจจะจินตนาการยากสักนิดส์) เราก็ยิ่งไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกันเท่าไหร่ เรื่องราวระหว่างพ่อกับฉันเหมือนนิยายน้ำเน่าสิบเรื่องยำรวมกัน จึงไม่ขอเล่าดีกว่าเดี๋ยวยุงมาพาลจะเป็นไข้เลือดออกกันหมด ความห่างเหิน..บางทีก็เศร้า บ่อยครั้งที่อยากรู้ว่าพ่อเป็นยังไงก็ต้องถามเอาจากเลขาฯ ฉันเลยชอบเขียนการ์ดให้พ่อแทน แต่สักพักมีคำขอว่า...ช่วยเขียนให้ใหญ่ๆหน่อย พ่อ (และคนอื่นๆ) อ่านไม่ออก ตัวแค่สองมิลฯ ต้องใช้แว่นขยายช่วย ตัวก็โต (ฉันเอง) เขียนหนังสือตัวเท่า (ลูก) มด
ฉันค้นพบว่าการเขียนสามารถบรรยายความรู้สึกที่มีกับพ่อได้ง่ายกว่าการบอกด้วยปาก ฉันไม่ได้อายที่จะพูดด้วยปาก แต่ไม่รู้เพราะอะไร เรามักจะคุยกันได้ไม่ถึงห้านาทีก็จะพบว่าไม่รู้จะคุยอะไรกันแล้ว ฉันเลยเลือกที่จะบอกพ่อผ่านการ์ดที่ฉันไปเดินเลือกกว่าชั่วโมง หรือบางทีก็กระดาษสวยๆกับถ้อยคำของฉันเอง ฉันไม่รู้หรอกว่าพ่อจะเข้าใจความรู้สึกที่ฉันถ่ายทอดได้แค่ไหน แต่อยากน้อย..ฉันก็ได้บอกออกไป
แม้เราจะไม่ได้พบหรือคุยกันมากนัก แต่เมื่อฉันต้องการความช่วยเหลือ เมื่อฉันโทรไปหา...พ่อไม่เคยปฏิเสธฉัน แม้เมื่อฉันทำอะไรไม่ประสบความสำเร็จดังฝัน พ่อไม่เคยพูดสักคำที่ซ้ำเติม พ่อถามว่าจะให้ช่วยเท่าไหร่ (เออ...ก็ตังค์นั่นแหละ) พ่อเข้าใจความตั้งใจดีที่ฉันอยากทำ แม้แต่คนรอบข้างพ่อก็จะยกย่องพ่อ ฉันภูมิใจที่พ่อเป็นที่รักของคนอื่นๆ
พ่อเป็นทุกสิ่งในชีวิต...พ่อทำให้ฉันร้องไห้น้อยใจจะเป็นจะตายได้ แต่พ่อก็สามารถทำให้ฉันยิ้มสุขใจได้เหลือเกินเช่นกัน หลายครั้งที่ฉันคิด ฉันคงไม่ใช่อภิชาตบุตรของพ่อ แต่ฉันแหละโชคดีที่มีพ่อเป็นพระของฉัน ตอนนี้ฉันอายุมากขึ้น ฉันเปิดความรู้สึกกับพ่อมากกว่าแต่ก่อน ล่าสุด..เมื่อใจทุกข์เพราะรัก ฉันขอกอดพ่อเป็นครั้งแรก ดูพ่อจะงงๆและแปลกใจ เพราะลูกคนนี้ไม่เคยแสดงความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมาอย่างนี้มาก่อน (แต่มีถามต่อว่ามีตังค์ใช้รึเปล่า สงสัยนึกว่ากอดขอตังค์) วันนั้นทำให้ฉันรู้ว่าผู้ชายคนไหนฉันก็ไม่ต้องการแล้ว จะไปทุกข์กับคนอื่นทำไม ในเมื่อฉันมีผู้ชายที่ล้ำค่าอยู่ตรงนี้แล้ว
มันก็ดูเหมือนการบอกรักการแสดงความรู้สึกของคนอื่นๆทั่วๆไป มันอาจจะดูไม่ได้น่าประทับใจหรือลึกซึ้งสำหรับใคร แต่สำหรับฉันและพ่อ กำแพงที่เคยกั้นระหว่างเราบางลงไปเยอะมากแล้ว เพราะฉันไม่อยากจะต้องมาเสียใจถ้าวันหนึ่งไม่มีพ่อหรือไม่มีฉัน พ่อฉันอาจไม่ใช่พ่อตัวอย่าง แต่พ่อเป็นที่สุดของฉัน...เป็นผู้ชายของฉัน (ที่อาจต้องแบ่งกะคนอื่นด้วย) และ...รักพ่อค่ะ
*********************
ชาราบูน
Create Date : 13 พฤษภาคม 2550 |
Last Update : 14 พฤษภาคม 2550 10:57:02 น. |
|
1 comments
|
Counter : 462 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
แวะมาทักทายวันหยุด
ขอให้มีความสุขกับวันหยุดค่ะ