Lonely is Friend, not Pain.
Group Blog
 
 
มกราคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
30 มกราคม 2550
 
All Blogs
 
ตอนที่ 1 วันที่ฟ้าเงียบ หัวใจเหงา

วันที่ฟ้าเงียบ...หัวใจเหงา

อะไรบางอย่างบอกให้ต้องลืมตาขึ้น จะอะไรซะอีกเล่าถ้าไม่ใช่เจ้ากระเพาะน้อยๆของตัวเอง มันส่งเสียงร้องบอก ความต้องการไม่หยุด ฉันมองไปรอบๆห้องที่แทบจะมืดสนิทเพราะม่านสองชั้นที่เป็นปราการต้านแสงแดดอันแรงกล้าที่ พยายามจะสาดส่องเข้ามาให้ได้ และอีกสิ่งหนึ่งที่ฉันสัมผัสได้....ความเงียบ มันเงียบซะจนได้ยินเสียงหายใจสลับกับ เสียงท้องร้อง

นี่มันกี่โมงแล้วนะ ฉันเอื้อมมือไปคว้านาฬิกาหัวเตียงมาเพ่งดู ตายละจะบ่ายโมงนี่เอง มิน่าเล่าถึงได้รู้สึกหิว อย่างนี้ ข้าวเย็นเมื่อวานก็ทานตั้งแต่หกโมง นี่มันสิบแปดชั่วโมงได้แล้ว โอ๊ะ..โอ๋ ฉันลูบท้องตัวเอง พลางบอกขอโทษ เอานะเดี๋ยวจะหาอะไรใส่ลงไปให้เต็มๆเลย

ว่าแต่ฉันไม่ได้หลับนานๆอย่างนี้มานานแล้ว คิดพลางก็ค่อยๆกระดื๊บๆลงจากเตียง ก็แหม..ถ้าท้องไม่ร้องก็คง ต่อได้อีกหน่อยแหละนา รูดม่านเปิดดูโลกภายนอก แดดข้ามไปอีกฝั่งแล้วนี่นา มิน่าห้องมืดจัง มองลงไปรถราก็น้อยนัก ต้นไม้ไหวไปมาเล็กน้อย ไม่ต้องจินตนาการก็รู้เลยล่ะว่า ภายนอกอากาศจะอบอ้าวแค่ไหน ใครนะบอกว่าจะหนาวอีก ระลอก เฮอ...กอทอมอมีหน้าหนาวด้วยเหรอ จำไม่ได้แล้วว่าได้ใส่เสื้อหนาวในกรุงเทพฯ นอกจากในออฟฟิศเนี่ยมัน เมื่อไหร่

ฉันมองทอดสายตาออกไปไกลๆ จากชั้นเก้าของห้องที่ฉันพักอยู่ ภาพที่เคยคุ้นตาตอนนี้มันเปลี่ยนไป อันที่จริง มันก็ผ่านมาสองสามเดือนแล้ว แต่ความคุ้นเคยนับตั้งแต่ย้ายมาอยู่แถวนี้ ภาพเก่าๆที่ฉันมักจะใช้เวลามองอย่างยาวนาน ยามเหงา..ยามอ้างว้าง ตอนนี้มันมีแต่หมอกบางๆคลุมอยู่

สองมือแบทาบกับหน้าต่างอย่างหนาสองชั้น อาคารบริเวณนี้มักจะติดกระจกอย่างหนาเพื่อป้องกันไม่ให้เสียงดัง จากเครื่องยนต์ของนกยักษ์ดังเล็ดลอดเข้ามาได้ หรืออย่างน้อยก็ให้ได้ยินน้อยที่สุด นี่คงเป็นอีกสาเหตุนึงที่ทำให้ฉันหลับ สบายได้ยาวนาน เสียงที่ขาดหาย...

เมื่อแรกที่ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ ฉันให้นึกรำคาญเสียงฮึมๆ ที่ดังเป็นระยะ ตอนกลางวันหน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ช่วงเที่ยง คืนถึงตีสามนี่สิ มันจะดังจนรู้สึกได้ มานึกอีกที สายการบินที่บินไปยุโรปเนี่ยชอบออกกันเวลานี้ แล้วแต่ละเครื่องก็ มโหฬารกันทั้งนั้น บางทีหลับไปแล้วยังต้องรู้สึกตัวเวลาเจ้านกยักษ์บินผ่าน แต่วันเวลาผ่านไป ความชาชินทำให้คุ้นเคย

ยังให้นึกขำเมื่อนึกถึงแต่ก่อนที่ฉันเคยคบกับผู้ชายคนหนึ่ง บ้านเขาก็อยู่แถวๆนี้ เวลาคุยโทรศัพท์กัน เขาจะต้อง คอยบอกว่าเครื่องบินจะมานะ อย่าเพิ่งพูดเขาจะไม่ได้ยิน พอมาอยู่เองก็เข้าใจ เพียงแต่ฉันอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่ได้รับ การป้องกันแน่นหนา (จนฉันคิดว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น ฉันก็คงตายคาห้องนี้แหละ)

ฉันยังจำได้ ในยามที่ไม่รู้จะทำอะไร ฉันจะยืนมองดูเครื่องบินที่รอลงจอด บางทีฉันเห็นไฟของเครื่องไม่ต่ำกว่า ห้าลำ (ด้วยสายตาที่พอจะมองเห็น) รอที่จะลง (ไกลกว่านี้ก็ไม่รู้ว่าจะรออยู่อีกเท่าไหร่) ให้ลุ้นและหวาดเสียว เหมือนตอนที่ เราอยู่ในเครื่องบินที่มันนิ่งมากๆ เหมือนจะไม่เคลื่อนไหวยังไงยังงั้น บางทีก็แอบคิดร้ายว่า มันจะมีเครื่องไหนหล่นตุบลง มาบ้างไหมนะ แหม..ฉันก็จะเป็นพยานปากเอก ผู้เห็นเหตุการณ์ไง เหอๆ...คิดได้ไงเนี่ยเรา

ห้องของฉันยังเป็นที่โปรดปรานของหลานๆ ลูกของเพื่อนที่ชอบมาดูเครื่องบินขึ้น บางลำก็ใกล้เสียจนเราเห็น ท้องเครื่องชัดเจน แอบคิดอีกแล้วว่าถ้ามันเกิดมาร่วงตรงห้องฉันคงมันส์ มันส์ในนรกหน่ะสิ

เมื่อตอนรู้ว่าสนามบินใหม่เร่งสร้างอยู่ ฉันยังไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่ แต่เมื่อทางโน้นเปิด ซึ่งเป็นช่วงที่ฉันไม่อยู่ กรุงเทพฯ พอดี พอกลับมาฉันก็มัวแต่ยุ่งๆ จนวันหนึ่งฉันยืนอยู่ริมหน้าต่างที่เดิม มองไปยังรันเวย์ที่เคยมีเครื่องบินมาก มายรอขึ้นและลง วันนั้นแหละฉันถึงรู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิม

ท้องฟ้าจากหน้าต่างบานใหญ่ในห้องฉัน มันกว้างใหญ่เหมือนเดิม เมฆมากบ้างน้อยบ้าง นกอะไรก็ไม่รู้ (แต่ชอบ บินมาเกาะเป็นคู่ริมหน้าต่าง เย้ยเจ้าของห้องยังไงยังงั้น) ก็ยังแวะมาเยี่ยมเหมือนทุกวัน ต้นไม้เดิมๆ วิวเดิมๆ แต่ท้องฟ้า จากหน้าต่างบานนี้ไม่เห็นนกเหล็กบินไปมาเหมือนเดิม จะมีก็นานๆทีที่มีเครื่องบินจากกองทัพอากาศผ่านมาบ้าง แต่เป็น ลำเล็กๆ บางทีแทบจะไม่สังเกตุเห็นเลยด้วยซ้ำ

ยามค่ำคืนรันเวย์ที่เคยมีไฟกระพริบพร่างพราย เงียบเหงาจนน่าใจหาย มองผ่านความมืดไป เห็นเพียงดวงไฟ เพียงน้อยนิด ความมืดกระจายอยู่รอบ ค่ำคืนที่เหงาๆของฉัน มันยิ่งเหงาเศร้าขึ้นมาอย่างบรรยายไม่ถูก ฉันเคยมีเครื่องบิน ที่บินผ่านไปทุกๆวันเป็นเพื่อน ฉันเคยคิดฝันไปว่าอาจจะมีใครสักคนบนเครื่องเหล่านั้นสักคน จะมองเห็นฉันบ้าง หรือ เวลาฉันอยู่บนเครื่อง เมื่อเครื่องทะยานขึ้นท้องฟ้าฉันก็จะมองหาตึกที่ตัวเองอยู่ ก็เหมือนกับตอนเด็กๆที่บ้านฉันอยู่ใกล้ สวนสนุกแดนเนรมิต (ที่เด็กๆรุ่นนี้ไม่รู้จักกันแล้ว) เวลาเราขึ้นชิงช้าสวรรค์ เราก็จะมองหาบ้านของเราว่าอยู่ตรงไหน

วันนี้...ดอนเมืองก็ดูเงียบเหงาเหมือนเคย แหนะเจ้านกคู่รักสองตัวเนี่ยมาอีกแล้ว บางทีฉันยังไม่ตื่นก็ยังมาเคาะ กระจกห้อง ฉันยิ้ม (แม้จะอิจฉามันเล็กๆก็ตาม) อย่างน้อยวันที่ฉันไม่มีนกเหล็กเป็นเพื่อนให้เฝ้ามองยามเหงา ก็มีเจ้า สองตัวมาเยี่ยมมาทักทาย (หรือมันจะแวะมาเกาะพักเหนื่อยก็ไม่รู้ได้)

มองดูฟ้าที่ก็ยังเป็นฟ้าแผ่นเดิม แต่ฟ้าเงียบจน...ท้องร้องดังมากเลยนะคราวนี้ ฉันได้ข่าวว่าบางสายการบินภายใน ประเทศจะกลับมาใช้ดอนเมือง ฉันดีใจ การมองเห็นสิ่งที่เคยรุ่งเรืองมาโรยราต่อหน้า อารมณ์เหงาของฉันมันยิ่งทวีคูณ วันนี้แม้ฟ้าจะเงียบและฉันก็ยังคงอยู่เหงาๆอย่างนี้ แต่อีกไม่นาน ฟ้าคงไม่ทำให้ฉันต้องเหงามากมายเช่นนี้อีกนะ ฮืม...หาข้าวกินดีกว่าเรา


**************************

ชาราบูน





Create Date : 30 มกราคม 2550
Last Update : 30 มกราคม 2550 11:37:01 น. 2 comments
Counter : 352 Pageviews.

 
แปะไว้ก่องนะคะ เดี๋ยวมาอ่าน


โดย: ปาล์ม (palmpada ) วันที่: 31 มกราคม 2550 เวลา:18:38:06 น.  

 
แต่งนิยายหรอคุงน้อง
คิดถึงนะจ๊า
จุ๊บๆ
พี่หนูเองแหละ


โดย: พี่หนูจ้า IP: 58.8.133.58 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:15:24:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลั่นทมขาว
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




ถ้าจะแพ้อย่าอ่อนแอให้ใครเห็น
ถ้าอยากเป็นคนเข้มแข็งต้องแกร่งไว้
ถ้าอยากร้องก็ร้องให้หนำใจ
แต่ขอให้ได้อะไรจากน้ำตา
New Comments
Friends' blogs
[Add ลั่นทมขาว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.