Lonely is Friend, not Pain.
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2550
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
9 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 

รุ้งลายน้ำ ตอนที่ 4

ตอนที่ 4

สาวน้อยในชุดกีฬารัดรูปเปิดเผยส่วนสัดที่สมส่วนวิ่งตัวปลิวผ่านซุ้มเฟื่องฟ้าสีชมพูเข้มลอดใต้ระเบียงขาวไปยังที่จอดรถ หางม้ายาวสะบัดปลิวไปมาตามจังหวะที่ฝ่าเท้ากระทบพื้นหญ้าอ่อนนุ่ม เมื่อถึงเป้าหมายที่ต้องการร่างนั้นก็โถมตัวใส่อย่างดีใจ

“คุณปู่”

ชายร่างสูงใหญ่จับมือที่รัดเอวไว้ในอุ้งมือ ดึงร่างหลานสาวแสนรักมาพินิจดู

“ไม่เห็นสูงขึ้นเลยนี่เรา” การุณมองเด็กสาว ไม่สิ...ตมิสาเป็นสาวน้อยแล้วต่างหาก เป็นความภาคภูมิใจของเขานัก
“แหม..คุณปู่ก็ คุณปู่ไปแค่เดือนเดียวเอง น้ำก็โตไม่ทันสิคะ” หลานสาวทำหน้าง้ำ ตาโตค้อนผู้เป็นปู่ให้วงใหญ่
“เอ้า...ทำหน้ายังงั้น เดี๋ยวมันกลับไม่ได้ ปู่จะเอาเราไปออกงานวัดนะ” แค่นั้นตมิสาก็หัวเราะออกมา รู้หรอกว่าคุณปู่ชอบใช้มุขนี้มาหลอกเธอ แต่เธอก็ยังพอใจที่จะได้ยินมันเสมอๆ

ผละจากคุณปู่ ตมิสาเยี่ยมหน้าไปมองในกระโปรงท้ายที่คุณปู่เปิดทิ้งไว้

“ต้นอะไรหน่ะคะคุณปู่” ตมิสามองต้นกล้าเล็กๆหลายต้นที่เบียดในกล่องกระดาษอย่างสนใจ
“ต้นโมก ปู่จะเอาลงตรงนี้ ใต้ระเบียงขาวของน้ำไงลูก พอมันโตดอกขาวของมันก็จะออกเต็มต้น กลิ่นหอมอ่อนๆไว้ให้น้ำดมตอนนั่งเล่นที่ระเบียงไง” คุณปู่ว่าพลางชี้ตรงพื้นสนามหญ้าข้างๆที่จอดรถใต้ระเบียงขาว

หลานสาวยิ้มอย่างถูกใจเข้าไปกอดชายสูงวัยอย่างรักใคร่ ก็คุณปู่รู้ใจเอาใจเธอขนาดนี้ แล้วตมิสาจะมองหาใครที่รักเธอได้เท่านี้อีกเล่า

“แกมันเป็นโรคติดปู่” เมษา...เพื่อนสนิทที่รู้จักกันมาตั้งแต่มอปลายจนเอ็นติดมหา’ลัยที่เดียวกันสรุปถึงอาการของตมิสา หลังจากที่ผ่านชีวิตสาววัยรุ่นจนสาวเต็มตัวอย่างไม่ยอมแยแสผู้ชายคนไหน ทั้งๆที่ก็มีมาทอดสะพานสร้างแพถ่อเรือจะข้ามแม่น้ำไปถึงดวงจันทร์ให้ได้มากมาย ตมิสาปฏิเสธคนเหล่านั้นอย่างนุ่มนวลแต่เด็ดขาด จนโดนเอาไปนินทาว่า

“สงสัยจะเบี้ยนหว่ะ” คนนึงพูดขึ้น
อีกคนก็ต่อทันที “กับยัยเมษารึเปล่าวะ จบมาด้วยกัน”

เอาแล้วนั่น...พอเข้าถึงหูเมษา เจ้าพวกนั้นก็โดนด่าเปิงไปเลย แล้วเธอก็เลยต้องมานั่งวิเคราะห์เพื่อนสนิทที่นั่งทำหน้าเฉยไม่แสดงความรู้สึกอะไร
เมษาพูดถูกที่เธอติดคุณปู่ คุณปู่เป็นผู้ชายที่แสนดี หากพบใครสักคนที่เหมือนคุณปู่ได้ เธอก็คงจะเปิดใจได้บ้าง แต่...เขาคนนั้นจะเหมือนคุณปู่ทุกอย่างรึเปล่า จะมีผู้หญิงอยู่ข้างกายได้หลายๆคนในเวลาเดียวกันไหม เพราะเป็นคุณปู่...ที่เธอเทิดทูนรักอย่างที่สุด เธอจึงมองข้ามมันไปได้อย่างไม่ยากเย็น แต่ถ้าเป็นคนอื่น ตมิสาไม่แน่ใจว่าตัวเองจะทนได้


นงพงาเอื้อมมือไปกดสวิทซ์ไฟหัวเตียง เสียงที่ดังขึ้นกลางดึกทำให้เธอสะดุ้งตื่น นางเปิดประตูห้องเดินผ่านความมืดสลัวไปยังที่มาของเสียงที่เธอได้ยิน แล้วบานประตูห้องน้ำก็เปิดออกมา ใบหน้าซีดขาวที่ซ่อนอยู่ในความมืดตกใจที่เห็นอีกฝ่าย

“ภนต์เป็นอะไรรึเปล่าลูก” นงพงาถามพลางเดินเข้าไปลูบหน้าบุตรชายอย่างห่วงใย ฝ่ามือสัมผัสได้ถึงใบหน้าที่พ่ายผอมซูบลงไป
นภนต์รีบเอามือจับมือของมารดาปลดลงอย่างนุ่มนวล ไม่อยากให้อีกสัมผัสถึงอะไรมากกว่าที่เป็นอยู่
“ผมไม่เป็นไร คงกินอะไรไม่ย่อยหน่ะครับ แม่ไปนอนเถอะ”
“แม่ชงอะไรอุ่นๆให้ก่อนนะ” นางยังไม่ยอมทำตามคำบอกของนภนต์

ชายหนุ่มเฝ้ามองร่างผอมแต่ก็ดูแข็งแรงของมารดาหยิบจับขวดโอวัลตินออกมาเตรียมชงให้เขา น้ำร้อนยังไม่เดือด

“รอต้มจากกระติกดีกว่านะลูก แม่ไม่ค่อยจะชอบไอ้ไมโครเวฟนี่เลย อุ่นที่รู้สึกมันแปลกๆ” เมื่อเห็นนภนต์ไม่ว่าอะไร นางก็มานั่งลงตรงข้ามเขา เอ่ยถามในเรื่องที่อยากจะถามมานาน

“ภนต์ไปอยู่ไหนมาหน่ะลูก เกือบสามปี”

นภนต์สบตามารดานานกว่าจะก้มหน้าแล้วบอกสั้นๆเพียงแต่ว่า
“ผมไปอยู่มาเลย์แล้วก็ต่อไปสิงคโปร์ครับ”
เมื่อเห็นว่าลูกชายคงจะไม่ยอมอธิบายอะไรมากไปกว่านั้น เธอจึงถามต่อด้วยความรักของแม่
“ลำบากมั้ยลูก” เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้ารับ นงพงาก็น้ำตาไหลลุกจากเก้าอี้เข้ามากอดลูกชายอย่างสงสารนัก
“โกรธแม่เถอะภนต์ แม่ทำให้ภนต์ต้องไปลำบาก”

ชายหนุ่มผลักตัวเองออกจากก้อมกอดของมารดา เขาจับมือของนางมากุมไว้ มองอย่างที่ไม่เคยได้มอง พูดอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

“ไม่ครับแม่ ไม่ใช่เพราะแม่ แม่ทำทุกอย่างเพื่อผมมาตลอด ผมเองที่ดิ้นรนค้นหามันจนที่สุดก็ต้องกลับมาตายกับแม่”
“พูดอะไรอย่างนั้นล่ะลูก แม่รอภนต์อยู่ทุกวัน แม่ขอโทษที่ทำให้ลูกต้องกลับมาแล้วมาพบกับความล้มเหลวของแม่” นงพงาพูดพลางเอามือลูบเนื้อตัวของนภนต์อย่างรักใคร่ นานแค่ไหนที่ไม่ได้สัมผัสกันอย่างนี้
“ต้องให้ลูกมาเป็นคนอาศัยเขา”

เสียงสวิทซ์น้ำร้อนเดือดดังขึ้น นงพงาปาดน้ำตารีบลุกไปชงเครื่องดื่มมาให้บุตรชาย นภนต์รับแก้วร้อนๆจากมือมารดามา หากที่เขารู้สึกคือความอบอุ่นที่แผ่ซ่าน เขาน่าจะได้พูด ได้กอดผู้ให้กำเนิดอย่างนี้นานแล้ว อะไรปล่อยให้เขาทิ้งวันเวลาไปอย่างเสียเปล่า อะไรที่ทำให้เขาหมางเมิน หัวใจเขายิ้ม...โชคดีที่วันนี้เขาได้ทำมันซะที

“ที่ร้านคุณน้ำเป็นยังไงบ้างลูก” นงพงาเอ่ยถาม นึกถึงวันที่ทั้งสองรีบออกกันไปในวันที่ทำบุญให้คุณท่าน แล้วไม่ถึงสองชั่วโมงก็กลับกันมา ด้วยสภาพที่จ้อยต้องไปประคองตมิสาจากรถขึ้นบ้านไปทีเดียว นางมองตามอย่างห่วงใย และยิ่งเพิ่มความกังวลเมื่อหันมาทางบุตรชาย สายตาของเขาไม่พ้นสายตาของนาง

“ถ้าเรื่องโปรแกรม ผมก็เร่งอยู่ครับ อีกอาทิตย์ก็คงเสร็จ ส่วนร้านข้างๆก็ยังฮึมฮัมๆกันอยู่ ผมก็ห่วงอยู่เหมือนกัน ร้านก็มีแต่ผู้หญิง” นภนต์ไม่ได้ลืมป้อง แต่พอได้รู้จักกันมากขึ้นเขาก็ถือว่าฝ่ายนั้นก็เป็นหญิงสาวคนหนึ่งเหมือนกัน
“ภนต์ไปช่วยคุณเขาก็ดีแล้วลูก” นางเว้นมองหน้าลูกชายที่ดูดีกว่าเมื่อสักครู่ขึ้นมาหน่อยก่อนจะพูดต่อ
“เราต้องไม่ลืมว่าเขาเป็นหลานคุณท่าน ท่านเมตตาเรา มาถึงหลานท่านก็ยังเอื้อเฟื้อต่ออีก”

นภนต์เหลือบมองนงพงา เข้าใจได้อย่างไม่ยากว่านางต้องการสื่ออะไร สายตาเขาเลื่อนลงมาจับจ้องที่เครื่องดื่มในแก้ว มันคลายความร้อนไปเยอะแล้ว แต่ทำไมใจเขายังรู้สึกร้อนวูบเหมือนถูกใครใช้แสงส่องมาล้วงความในใจของเขาอย่างนั้น นงพงาเห็นอะไรในความสัมพันธ์ของเขากับตมิสาอย่างนั้นหรือ

“ภนต์ไปนอนเถอะลูก อย่าทำงานต่อเลยนะ หน้าซีดอย่างนี้” นางลุกขึ้นรับแก้วจากบุตรชาย มองตามจนอีกฝ่ายเข้าห้องปิดไฟไปแล้วนางจึงจัดการล้างแก้วแล้วเข้านอนด้วยความรู้สึกสุขใจกับการได้พูดคุยกับบุตรชายในคืนนี้

นงพงาไม่รู้ว่า ชายหนุ่มที่นางคิดถึงอย่างมีความสุขนั้นยังคงลืมตาในความมืด และเพียงอึดใจเขาก็ลุกคว้าถังขยะข้างเตียงอาเจียนเอาสิ่งที่ดื่มไปเมื่อครู่ออกมาจนหมด


รถยนต์ขนาดใหญ่โฟร์วีลขับแซงปาดรถสองแถวที่แล่นเอื่อยเฉื่อยรอผู้โดยสารเข้าซอยเล็ก ไม่สนใจถ้อยคำที่คนขับหน้าเหลี่ยมตะโกนไล่หลังมา ไม่ได้ยินซะอย่างเมษายักไหล่อย่างไม่แคร์ เห็นแก่ตัวไม่ได้สนใจว่ารถเขาติดอยู่ข้างหลังกันเป็นแพ หญิงสาวร่างสูงโปร่งเดินตัวปลิวผ่านซุ้มต้นโมกหน้าร้านแล้วก็เอะใจ....มันหักไปแล้วไม่ใช่หรือ เธอก้าวถอยหลังออกมายืนพินิจมอง มีคนเอาต้นใหม่มาลงนี่เอง เธอมองไปที่โค่นต้น ยังเห็นร่องรอยของดินใหม่ๆแม้จะมีก้อนหินเล็กๆปิดอยู่ด้านบน สงสัยยัยน้ำไปหาช่างมาทำ

“พี่เม...ยืนทำอะไรฮะ ไม่เข้าไปสักที”

เมษาหันไปหาเจ้าของเสียง พบป้องเดินยิ้มหวานมาจากในร้าน เธอให้เสียดายที่อีกฝ่ายไม่ได้เป็นหญิง ไม่งั้นเธอจะดันไปประกวดนางงาม เอ...หรือจะส่งประกวดมิสทิฟฟานี่ดี

“พี่กำลังดูหน้าร้านอยู่ ต้นใหม่ก็โอนะ จ้างใครมาทำให้ล่ะ” ถามพลางก้าวสวนทางอีกฝ่ายเข้าไปในร้าน จนป้องต้องรีบหมุนตัวตามแทบไม่ทัน
“จะใครพี่ โน่น” ป้องบุ้ยใบ้ไปทางด้านใน “ฮีโร่ของร้านเรา น้องภนต์ไงฮะ”

ชื่อนั้นทำให้เมษารีบมองตามพร้อมกับเดินเข้าไปให้เห็นหน้าชัดๆ หูก็ฟังการบรรยายสรรพคุณของฮีโร่ของป้องไปด้วย

“วันนั้นนะพี่ ทุกคนสติแตกหมด ขนาดพี่น้ำยังวีนแตก พวกเราไม่รู้หรอกว่าเป็นต้นไม้ของคุณปู่ เห็นแต่ท่านเอามาลงให้ ใครจะคิดว่าขุดมาจากบ้าน”

เมษายังไม่ก้าวผ่านม่านไปด้านใน ขอรับฟังข้อมูลให้มากกว่านี้หน่อยก่อน

“พี่น้ำนะเดินเข้าไปจะลุย แต่ไอ้หัวหน้าคนงานมันก็โคตรกวนตีน จะขอโทษสักคำไม่มีนะพี่ ป้องก็อยากจะเข้าไปตบมันให้” แล้วคนพูดก็หัวเราะแหะๆ “แต่พวกมันตัวใหญ่ ให้ทำอย่างอื่นง่ายกว่า”
พูดไปแล้วก็โดนเมษาหยิกเข้าที่ต้นแขน “เข้าเรื่องหน่อย เดี๋ยวยัยน้ำโผล่มา”
“อ๋อ..พี่น้ำไม่อยู่หรอกฮะ ออกไปสำนักพิมพ์ เดี๋ยวคงเข้ามาตอนเที่ยงๆเพราะบอกจะซื้อของกินมาให้”
“เห็นแก่กิน” คราวนี้เป็นอีกเสียงที่มาพร้อมมะเหงกลงบนหัว ป้องร้องลั่น หันไปจะส่งมะเหงกกลับให้นิดหน่อยบ้าง

หมดกันเมษาคิดเมื่อเห็นฮีโร่ของเจ้าป้องเงยหน้าขึ้นมามอง สายตามีแววสงสัยเมื่อเห็นเธอ แต่ก็เพียงแวบเดียวเท่านั้นเขาก็หันกลับไปสนใจจอสี่เหลี่ยมดังเดิม นิดหน่อยเป็นคนเดินเข้าหาไปฝ่ายนั้นแล้วดึงแขนพามาหาเธอ
“นี่ภนต์น้องที่มาช่วยร้านเราค่ะพี่เม” ฝ่ายอ่อนกว่ายกมือไหว้
“สวัสดีครับ”
“ได้ข่าวว่ามาช่วยที่ร้านไว้ ขอบใจมากนะ” หญิงสาวใช้สายตาจับผิดมองอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา สิ่งที่เธอคิดคือเขาคงจะหลบตาเธอ แต่เปล่านภนต์มองตาเธอกลับ เหมือนจะบอกว่าทุกสิ่งที่เขาทำไม่ได้มีอะไรแอบแฝง เธอเองซะอีกต้องตัดบทเอง
“ทำงานอยู่ไม่ใช่เหรอ ฉันไม่กวนล่ะนะ” แล้วก็คว้ามือนิดหน่อยเดินไปนั่งตรงบริเวณหย่อนใจ ตอนนี้ขอถามข้อมูลเอามาตุนไว้ก่อนจะไปซักไซ้เพื่อนรักอีกที

แม้ว่าจากตรงโต๊ะที่ตั้งคอมพิวเตอร์จะอยู่คนละฝั่งกันกับบริเวณหย่อนใจ ซ้ำยังมีผนังห้องที่กั้นบริเวณขวางอยู่ แต่นภนต์ก็มั่นใจว่าสิ่งที่สองสาวกำลังพูดคุยกันอยู่นั้นก็มีเขาเป็นหัวข้อหลัก อดขำกับสายตาที่มองมาสำรวจเขาของเมษาไม่ได้ สายตาที่บอกอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการจะมองทะลุไปให้ถึงใจเขา ไม่ใช้ในเชิงพิศวาสอะไร แต่เป็นการล้วงให้ถึงความจริงใจมากกว่า เท่าที่เคยคุยกับจ้อย เมษาดูท่าจะเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของตมิสา ชายหนุ่มเข้าใจ เมษาคงจะคอยระแวดระวังความปลอดภัยของตมิสาให้ซะจนชิน ดูจากท่าทางคงจะซ่าส์ไม่เบาเลย

เสียงนกร้องคุ้นหูดังขึ้นตามมาด้วยเสียงของป้อง “หูย...พี่น้ำซื้อแต่ของโปรดป้องทั้งนั้น”
แล้วก็มีเสียงจากสองสาวดังขึ้นสมทบ เขาเงี่ยหูรอฟังอีกเสียงหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ยินสักที มีแต่ใบหน้ามันๆแหวกม่านโผล่มา
“ไงภนต์ มาทานข้าวกันก่อน เร้ว” ตมิสาบอกยิ้มๆ ยิ้มที่เขาเริ่มเห็นมันมากขึ้นกว่าวันแรกๆที่ได้รู้จักกัน ยิ้มที่ทำให้ใบหน้าเฉยชานั้นดูหวานขึ้นมาตั้งเยอะ...เขาคิด วางมือจากงานบนโต๊ะ เขาไม่ได้รู้สึกหิวเลยสักนิด แต่ใจเขาอยากจะอยู่ใกล้ๆคนที่มาเรียกเขาต่างหาก

“แกไม่ต้องห่วงเรื่องไอ้ร้านข้างๆแล้วนะน้ำ ฉันจัดการให้แล้ว” เมษาพูดพลางเอาตะเกียบจิ้มลงไปขนมจีบหมูในกล่อง มีนิดหน่อยหัวเราะรุ่นพี่เบา เป็นที่รู้ว่าเมษาหน่ะใช้ตะเกียบได้แย่ถึงแย่ที่สุด เวลาไปทานอาหารจีนเมษาก็จะใช้วิธีเอาตะเกียบปักลงในสิ่งที่ต้องการเพราะไม่งั้นฉันก็อด...นั่นคือเหตุผลของเธอ
“หมายความว่าแกเอาระเบิดไปวางในร้านมันแล้วใช่มั้ย” ตมิสาถามกลับไปกวน ซึ่งนั่นก็ทำให้เมษาต้องเหลือบมองเพื่อนสลับกับชายหนุ่มที่นั่งเงียบๆไม่พูดไม่จาแล้วยังไม่เห็นจะกินอะไรเลย
“ร้านแกจะได้พังไปด้วยสิ เออ...ดูมันพูดเข้า” แล้วเมษาก็ขยับตัวยืดหลังตรงขึ้นเล็กน้อย เป็นสัญญาณให้รู้ว่าฉันจริงจังแล้วนะ ซึ่งที่ทุกคนควรจะทำก็คือ ตั้งใจฟังและห้ามขัดคอ
“พี่ตุลย์ให้ลูกน้องไปตักเตือนให้แล้ว” เมษาหมายถึงพี่ชายของเธอที่เป็นผู้กำกับของสน.ในพื้นที่ “พอพวกมันเห็นตำรวจก็ฟ่อไปเลย”
“เย้” เสียงป้องกับนิดหน่อยดังขึ้นพร้อมๆกัน
“แล้วมันจะรู้มั้ยว่าเพราะเรา” ตมิสาเอ่ยขึ้นอย่างกังวล
“เฮ้ย จะไปรู้ได้ไง” เมษาตอบอย่างไม่รู้สึกว่ามันจะน่าห่วงตรงไหน นี่ยังดีไม่แจ้งความทำร้ายข้าวของ
ตมิสากับนภนต์สบตากัน ทั้งคู่ยังจำหน้าตาท่าทางของหัวหน้าคนงานคนนั้นได้ พวกนั้นมันจะไม่คิดว่าเป็นเพราะพวกเธอจริงเหรอ ทั้งคู่มองกันอย่างกังวล ในขณะที่เมษาเองก็มองปฏิกิริยาของทั้งคู่อยู่เช่นกัน


หญิงสาวเอนร่างลงบนเก้าอี้ยาว เหยียดขาเหยียดแขนอย่างสบายอารมณ์แต่ก็ต้องรีบกระตุกขากลับอย่างเร็วเมื่อเห็นเพื่อนเตรียมฝ่ามือจะฟาดเข้าให้
“อะไรๆ เจ็บนะ” เมษาโวยวาย
อีกฝ่ายเลยฟาดเผียะเข้าให้จริงๆ “เอาไปสักที ร้องทำไม ยังไม่ได้โดน เป็นผู้หญิงนอนฉีกแข้งฉีกขาอย่างนี้ได้ไง” น้ำเสียงไม่ได้ตำหนิอะไร แต่เกิดจากความเคยชินที่ถูกอบรมมา
“อ้าว” เมษากระเด้งตัวลุกมานั่งทันที “แล้วที่คุณน้ำไปเล่นโยคะเนี่ย คุณน้ำพับเพียบเล่นหรือคะ”
“นั่นมันออกกำลังกาย”
“ฉันก็ออกกำลังกาย ยืดเหยียดหน่ะแก ให้มันสบายๆบ้างได้ไหม ดูสิฝนตกน่านอนอย่างงี้ ยังมานั่งตัวตรงอ่านหนังสืออยู่นั่น”

จริงอย่างเพื่อนว่า ตมิสามองม่านสายฝนที่พร่างพรายอยู่รอบระเบียงขาว บรรยากาศตอนบ่ายที่เคยแสนจะอบอ้าวในช่วงหน้าร้อน แต่พอเข้าหน้าฝน ฤดูที่ตมิสาชอบที่สุด ก็จะกลายเป็นสวรรค์น้อยๆที่ถ้าไม่ออกไปไหน เธอก็จะคลุกอยู่ตรงนี้ทั้งวัน ตอนเด็กๆตมิสาเคยขอคุณปู่มากางมุ้งนอนที่ระเบียงขาว แต่ก็ถูกเบรกไว้จากป้าจิตที่ไม่ยอมให้อะไรมาโดนตัวคุณน้ำของแก
“เดี๋ยวยุงก็หามหรอกค่ะ คุณท่านอย่าให้นะคะ” แล้วคุณปู่ที่ก็ห่วงหลานไม่แพ้กันก็รวมพลังระงับคำขอของเธอไปอย่างเอกฉันท์ ที่จริงถ้าไปถามจ้อย เธอต้องได้พวกแน่นอน แต่ตอนนั้นจ้อยเพิ่งขวบเดียวพูดไม่ได้ ตมิสาก็เลยต้องพับความฝันลงอย่างยอมจำนน

เมื่อเห็นเพื่อนเริ่มดูผ่อนคลายเมษาจึงเริ่มเลียบๆเคียงๆถามถึงชายหนุ่มที่อยู่เรือนหลังเล็กๆ
“ดูแกสนิทกับนภนต์ดีนะ” และนี่คือเมษาที่พูดอ้อมๆไม่ค่อยจะเป็น
“แกว่างั้นเหรอ” ตมิสาหันหน้ามาถาม สีหน้านั้นเรียบเฉยอย่างเคย ไม่ได้มีพิรุธอะไรอย่างที่เมษาคาดว่าจะได้เห็น
“ไม่รู้ ฉันไม่ค่อยเห็นแกคุยกับผู้ชายคนไหนใกล้ชิดง่ายๆอย่างนี้นี่”
“มันรู้สึกสบายใจมั้ง” ตมิสาพูดแล้วก็นึกถึงคนที่พูดถึง “ฉันก็ยังงงๆ แค่ไม่ถึงเดือนแต่ก็รู้สึกคุ้นเคย”
“หรือว่า...แกจะชอบเขา” เมษายื่นหน้าเขาไปพูดใกล้ๆให้ได้ยินกันแค่สองคน
ตมิสาตาโตได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นแรงขึ้นจนกลัวว่าเพื่อนจะได้ยิน เมษาที่รอสังเกตเพื่อนอยู่แล้วอาจจะไม่ได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงของตมิสา แต่เธอเห็นเต็มสองตาของเธอว่าใบหน้าของอีกฝ่ายแดงระเรื่อขึ้นชัดเจน
“ซะแล้วมั้ยเล่ายัยน้ำ” เมษาว่าพลางส่ายหัวไปมา “ฉันมองไม่เคยผิด ไม่เคยผิด”
“เดี๋ยวๆ ฉันยังไม่ได้บอกเลยว่า...” เมื่อตั้งสติได้ตมิสาก็รีบแก้คำพูดเพื่อน
“ว่าอะไร แกดูนี่” เมษายกมือห้ามแล้วก็รีบหยิบตลับแป้งในกระเป๋าสะพายใบโตข้างกายยื่นให้เพื่อน
“ดูหน้าตัวเองซะก่อน แดงแป๊ดขนาดนี้ยังจะมาปากแข็ง”

ตมิสารับตลับแป้งมา แล้วก็ตกใจที่พบว่าใบหน้าของเธอเป็นดังที่เพื่อนว่าจริงๆ เธอคืนตลับแป้งคืนพูดเสียงอ่อยๆ
“คงไม่หรอก ก็แกไม่อยู่ฉันก็ไม่มีเพื่อนคุย แล้วเขามาช่วยอะไรตั้งหลายอย่าง แกจะให้ฉันใช้เขาอย่างเดียวเหรอ” คำแก้ตัวพร่างพรูออกมาจนคนฟังหัวเราะก๊ากพร้อมกับยกมือห้าม
“พอๆ อย่ามาโทษฉันเลย ฉันเดินทางอย่างนี้ปีละห้ารอบได้มั้ง เพิ่งไม่มีเพื่อนคุยเหรอ แล้วไอ้บิลค่าโทรศัพท์ต่างประเทศนี่มันพิมพ์ผิดงั้นสิ” มองเพื่อนที่นิ่งไม่มีคำพูดแก้ตัวแล้วก็ถอนใจ
“แกจะรู้สึกยังไง มันไม่ใช่ความผิดหรอกนะน้ำ ฉันเคยหวังให้แกได้เจอใครสักคนมาตลอดนะ เราก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว” ประโยคสุดท้ายนั่นกระทบใจตมิสาเข้าอย่างจัง
“ใช่ ไม่ใช่เด็กๆ แต่เขาเด็กกว่าฉันตั้งหลายปี” สุดท้ายตมิสาก็รู้แล้วว่าระยะเวลาที่เรียนรู้กันนั้นแม้น้อยแต่ไม่ใช่อุปสรรคในใจของเธอเท่าเรื่องอายุ

เมษาลุกมาโอบบ่าเพื่อนอย่างเข้าใจ นี่แหละสังคมไทย กฎเกณฑ์การดำเนินชีวิตมีมากมายจนบางทีจะอยากทำอะไรก็ติดนั่นติดนี่ คำนึงถึงแต่คำพูดของคน สายตาที่มองมา ลืมไปว่าใจก็ของเรา คนเหล่านั้นบ้างก็ไม่รู้จัก บ้างก็แค่เดินผ่านเข้ามาแล้วบอกว่าคุณผิด บ้างก็มองผ่านประสบการณ์ของตัวเองแล้วเอามาตัดสินเรื่องราวของผู้อื่น แม้แต่เธอเอง...ครั้งแรกยังแอบมองด้วยสายตาและสมองที่ถูกสังคมหล่อหลอม แต่พอมาลองมองด้วยหัวใจ เมษาจึงไม่ขอตัดสินอะไรทั้งนั้น เธอขอถอยจากจากกฏเกณฑ์มาทำหน้าที่เพื่อนคนนึงที่พร้อมจะยืนเคียงข้างไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นดีกว่า มือที่จับบ่าเพื่อนบีบลงเหมือนจะย้ำให้ตมิสารู้ว่า เธอพร้อมที่จะเป็นกำลังใจและสนับสนุนในสิ่งที่เพื่อนตัดสินใจ

สายฝนยังคงโปรยสายหากแต่แสงอาทิตย์ก็ยังไม่ยอมแพ้ ฝ่าเมฆหนาส่องลงมากระทบหยาดน้ำ ตมิสาเงยหน้ามองฟ้า แสงแสบตาเหมือนท้าให้มองฝ่าออกไป เธอจะลองดูดีไหม จะทนแสงที่แสบตานี้ได้ไหม จะผ่าม่านแสงไปจนถึงสุดขอบฟ้าได้หรือไม่ ตมิสายังไม่รู้เลยจริงๆ


****************************




 

Create Date : 09 สิงหาคม 2550
3 comments
Last Update : 9 สิงหาคม 2550 15:56:46 น.
Counter : 408 Pageviews.

 

ลุ้นจังเลย
อายุจะเป็นเพียงตัวเลขรึป่าวน้า..
นภนตร์จะป่วยมากไหมคะ
เขียนต่อนะคะ

 

โดย: une playful pizzicato 9 สิงหาคม 2550 19:49:47 น.  

 

i'm waiting for the next one. Sa nook mak ka

 

โดย: NS IP: 151.196.125.108 9 สิงหาคม 2550 23:01:47 น.  

 

ขอบคุณนะคะที่เข้ามาอ่าน

เรื่องเขียนจบแล้วค่ะ เรื่องไม่ยาวเท่าไหร่ทยอยๆลง

 

โดย: ลั่นทมขาว IP: 203.144.145.10 10 สิงหาคม 2550 11:12:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ลั่นทมขาว
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




ถ้าจะแพ้อย่าอ่อนแอให้ใครเห็น
ถ้าอยากเป็นคนเข้มแข็งต้องแกร่งไว้
ถ้าอยากร้องก็ร้องให้หนำใจ
แต่ขอให้ได้อะไรจากน้ำตา
New Comments
Friends' blogs
[Add ลั่นทมขาว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.