|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
นกแขกเต้า
นกแขกเต้า Psittacula alexandri (Red-beasted Parakeet) อยู่ในวงศ์นกแก้ว ซึ่งมีหัวโต ปากงุ้ม พบในประเทศไทยจำนวน 7 ชนิด 4 ชนิดมีหางยาว คือ นกแก้วโม่ง( Alexandrine Parakeet ) นกแก้วหัวแพร ( Blossom-headed Parakeet ) นกกะลิง (Grey-headed Parakeet ) และนกแขกเต้า (Red-breasted Parakeet) และอีก 3 ชนิดไม่มีหางยาวยื่นออกมา ชอบเกาะห้อยหัวลงจึงเรียกว่านกหก ได้แก่นกหกใหญ่ ( Blue-rumped Parrot ) นกหกเล็กปากแดง ( Vernal Hanging Parrot ) และนกหกเล็กปากดำ (Blue-crowned Hanging Parrot)
(สังเกตว่านกที่มีชื่อภาษาอังกฤษว่าparakeet จะเป็นนกแก้ว ส่วนนกที่เรียกว่าparrot ที่เราแปลว่านกแก้ว กลายเป็นชื่อนกหก หมดเลย)
นกแขกเต้ามีความยาวจากปลายปากจรดปลายหางราว 36 เซนติเมตร มีหัวโต คอสั้น ปากงองุ้ม ปีกยาวและแคบ หางยาว ขนหางคู่กลางยาวมากและเรียวแหลมสีเขียวอมฟ้า ขาสั้นแต่ใหญ่แข็งแรง หัวสีม่วงแกมเทา ที่หน้าผากมีเส้นสีดำลากไปจรดหัวตาทั้งสองข้าง มีแถบสีดำลากจากโคนปากลงไปสองข้างคอคล้ายเครา อกสีออกแดง ขนคลุมลำตัวส่วนที่เหลือเป็นสีเขียว นก 2 เพศแตกต่างกันตรงที่นกตัวผู้มีปากบนสีแดง อกมีสีแกมม่วง นกตัวเมียมีปากสีดำ อกมีสีชมพูอมส้ม
เช่นเดียวกับนกแก้วชนิดอื่น นกแขกเต้าทำรังในโพรงไม้ โดยเมื่อถึงฤดูหนาว นกที่จับคู่แล้วจะแยกตัวออกมาหาที่ทำรังตามโพรงไม้ธรรมชาติ หรือตามโพรงรังของสัตว์อื่น หรือโพรงรังเก่าที่เคยใช้ ทั้งสองจะช่วยกันทำความสะอาดโพรงรังจนเกลี้ยง ไม่มีการนำวัสดุมารองรัง เมื่อเรียบร้อยแล้ว นกจะวางไข่ราว3-4ฟอง เปลือกไข่ค่อนข้างกลม สีขาว ทั้งสองเพศช่วยกันฟักไข่ ใช้เวลาราว 17-19 วันลูกนกก็ออกจากไข่ พ่อแม่นกจะขยอกอาหารออกมาจากกระเพาะพัก ซึ่งเป็นอาหารที่ย่อยแล้วบางส่วน แล้วป้อนลูกนก 3-4 สัปดาห์ต่อมาลูกนกก็จะออกจากรังโดยมีพ่อแม่ตามป้อนอีกระยะหนึ่ง ลูกนกจะอยู่รวมฝูงกับพ่อแม่ หรือรวมอยู่ในฝูงอื่น
นอกฤดูผสมพันธุ์ นกชนิดนี้จะอยู่รวมเป็นฝูง อาจเป็นหลายครอบครัวอยู่รวมกัน หากินบนต้นไม้ ห้อยตัว ใช้ปากช่วยเกาะเกี่ยว ส่งเสียงร้องสั้นๆไม่น่าฟังทั้งขณะบินและพักผ่อน นกชนิดนี้อาศัยตามป่าโปร่ง ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง สวนผลไม้ ส่วนใหญ่มักพบในระดับพื้นราบ แต่ก็สามารถพบได้จนถึงระดับความสูง 1200 เมตรจากระดับน้ำทะเล อาหารของนกชนิดนี้ได้แก่ผลไม้สุก เมล็ดธัญพืช มีวิธีกินโดยบินกระพือปีกอยู่กับที่แล้วใช้ปากเด็ดข้าว หรือเมล็ดหญ้าทั้งรวงแล้วนำไปกินบนต้นไม้ ในการกินผลไม้จะใช้เท้าปลิดแล้วใช้เท้าจับไว้ก้มลงจิกกิน
เราจะพบนกชนิดนี้ในประเทศไทยได้แทบทุกภาค เว้นภาคใต้ โดยสามารถพบได้ทั้งตามป่าเขาและแหล่งชุมชนที่มีต้นไม้สูงใหญ่ เช่น อุทยานแห่งชาติเขาสามหลั่น เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งเป็นต้น สำหรับนกแขกเต้าคู่นี้ ปรกติอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่อยู่ที่วัดเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนนทบุรี ซึ่งมีต้นไม้ใหญ่มีโพรงสำหรับทำรังอยู่หลายรัง โดยเฉพาะโพรงรังที่นกทั้ง2ตัวใช้อยู่นี้เป็นโพรงที่นกชนิดนี้ใช้ทำรังมาแล้วหลายปี
ข้อมูลจาก:
//www.bird-home.com
เครือข่ายพจนานุกรม ราชบัณฑิตยสถาน
Create Date : 09 มกราคม 2550 |
|
7 comments |
Last Update : 9 มกราคม 2550 21:27:36 น. |
Counter : 9903 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: UnEdiTED 24 มกราคม 2550 22:54:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: เขาพนม 25 มกราคม 2550 20:12:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: pichsud (Pichsud ) 26 มกราคม 2550 18:30:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: Noklek (Maeseefai ) 2 กุมภาพันธ์ 2550 10:59:14 น. |
|
|
|
|
|
|
|
สวยจังเลย......
ขอบคุณที่นำเสนอให้ชมน่ะ
แล้วก็ขอบคุณที่แวะไปบอกชื่อนกที่บ้านให้ด้วยค่ะ
นกกินปลี นกหัวจุก แล้วก็นกเขาที่บ้านเยอะมากเลย...
ชอบเสียงนกประกอบเพลงจัง ธรรมชาติดี