Group Blog
  •  
  •  
  •  
  •  
  •   photo TRAVEL_1.jpg
  •   
  •  
  •  
  •  
มีนาคม 2556

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
Healthy : อาหารเสริม ช่วยเสริม แต่แทนกันไม่ได้


เนื่องจากดี้เป็นพวกป่วยง่าย และไม่ชอบออกกำลังกาย เลยหาตัวช่วยที่จะทำให้โรคต่างๆมาเยี่ยมเยือนได้ยากขึ้น

ตัวช่วยที่ดี้หมายถึงก็คือ "อาหารเสริม" นั่นเองค่ะ


แต่ยังไงอาหารเสริมก็คืออาหารเสริม ไม่ใช่ยาที่กินแล้วจะหายจากโรค ซึ่งเราก็ไม่สามารถกินอาหารเสริมแทนอาหารปกติที่เรากินกันได้ แค่ไปช่วยเติมเต็มสารอาหารบางชนิดเท่านั้นเอง


ดี้เองก็ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมายเกี่ยวกับสารหรือส่วนประกอบในอาหารเสริมเหล่านี้ ก็เลยขอรวบรวมข้อมูลมาให้อ่านกันดูนะคะ ว่าทำไมต้องกิน ไม่กินก็ได้ หรือกินแล้วดียังไงค่ะ





คุณและโทษของอาหารเสริม


               อาหารเสริม คือ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้รับประทานเพื่อเสริมการรับประทานจากอาหารหลัก อยู่ในรูปของเม็ด เกล็ด ผง แคปซูล ของเหลว หรือในรูปลักษณ์อื่นๆ ที่ใช้รับประทานโดยตรงเสริมการรับประทานอาหารหลักตามปกติทุกวันของคนปกติ และเพื่อเป็นการป้องกันการเกิดโรคต่างๆ



ประโยชน์ของอาหารเสริมมีอยู่ 3 ประการ 


1. ช่วยให้ร่างกายได้รับโภชนาการที่เหมาะสม เนื่องจากทุกคนมีความต้องการที่เหมือนกัน คือ สุขภาพสมบูรณ์ปราศจากโรคภัย จึงมีการคิดค้นอาหารเสริมเพื่อช่วยเพิ่มในส่วนที่ร่างกายขาดไป

2. จะมีประโยชน์มากสำหรับผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพ เพราะอาหารเสริมจะเข้าไปเสริมในส่วนที่ร่างกายขาดได้ครบถ้วนเต็มที่

3. สามารถช่วยบรรเทาหรือรักษาโรคบางชนิดแทนยาแผนปัจจุบันได้ เช่น น้ำว่านหางจระเข้รักษาอาการโรคกระเพาะ น้ำมันตับปลาค็อด (cod liver oil) ช่วยบรรเทาอาการโรคไขข้ออักเสบ เป็นต้น นากจากนี้ยังพบว่ามีผลข้างเคียงน้อยกว่ายาแผนปัจจุบัน


การกินอาหารเสริมมากเกินไป บางครั้งพบว่าทำให้เกิดโทษแก่ร่างกายและสูญเสียเงินโดยไม่จำเป็น ซึ่งมีรายงานการวิจัยพบว่า การรับประทานอาหารเสริมมากเกินไป อาจมีผลข้างเคียงต่อสุขภาพได้ เช่น วิงเวียน ปวดศรีษะ อุจจาระเป็นสีดำ ท้องผูก ท้องเสีย มีกลิ่นตัว และเหงื่อออกมาก




ตัวอย่างของผลข้างเคียงของอาหารเสริม

- อาหารเสริมประเภทซุปไก่สกัด มีคุณค่าเท่ากับไข่ไก่ฟองเดียว

- สาหร่ายสไปรูไลน่า จะมีปริมาณกรดนิวคลิกสูง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเกาต์

- รังนกที่ยังไม่เคยมีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เลยว่ากินแล้วผิวพรรณอ่อนกว่าวัย แต่มีผลข้างเคียงต่อผู้ที่เป็นลมชัก

- น้ำมันตับปลา ทำให้เกิดเลือดกำเดาไหลไม่หยุด อาจทำให้เกิดสภาวะขาดวิตามินอี และเสี่ยงต่อสารพิษด้วย

- ผลิตภัณฑ์ลดความอ้วน ซึ่งขณะนี้นักวิชาการพบว่ามีผลข้างเคียงต่อการเป็นมะเร็ง


ถ้าจำเป็นต้องทานอาหารเสริมและให้คุณค่าต่อสุขภาพอย่างแท้จริง ควรศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนบริโภค ควรเลือกให้เหมาะสมกับอายุและสภาพร่างกาย สภาพการดำเนินชีวิต สำหรับผู้ที่กินยาเป็นประจำควรปรึกษาแพทย์ก่อน ส่วนสตรีที่มีครรภ์ก็ควรทานอาหารเสริมจำพวกวิตามินหรือกรดโฟลิกเท่านั้น แต่ขอแนะนำว่าถ้าท่านรับประทานอาหารให้ถูกต้องและครบ 5 หมู่แล้ว อาหารเสริมก็คงไม่จำเป็นสำหรับท่านอีกต่อไป แถมยังประหยัดค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็นอีกด้วย แต่สำหรับผู้ที่ทำงานหนักหรือสุขภาพไม่แข็งแรงต้องการทานอาหารเสริมเพื่อบำรุงร่างกายก็ไม่ว่ากันค่ะ



ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทานอาหารเสริม


อาหารเสริมประเภท time-release formulations และวิตามินรวมควรรับประทานตอนเช้าจะดีที่สุด แต่ก็มีอาหารเสริมบางชนิดจำเป็นต้องทานวันละ 2-3 ครั้ง หากคุณรับประทานวิตามินรวมเป็นประจำในตอนเช้า ต้องอย่าลืมทิ้งช่วงระหว่างดื่มกาแฟ หรือชากับอาหารเสริมให้ห่างกันอย่างน้อย 2 ชั่วโมง เหตุที่ต้องทำเช่นนี้ เพราะคาเฟอีนจะขัดขวางไม่ให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารบางชนิด



ช่วงเวลาดีที่สุดในการทานอาหารเสริมคือทานพร้อมอาหาร เนื่องจากจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างเช่น วิตามินประเภท time-release ต้องทานตอนที่มีอาหารอยู่ในกระเพาะ เพื่อป้องกันไม่ให้อาหารเสริมไหลผ่านไปยังลำไส้ ซึ่งไม่สามารถดูดซึมสารอาหารได้ อย่างไรก็ตาม อาหารเสริมบางชนิด เช่น สังกะสีควรรับประทานก่อนอาหาร ดังนั้นก่อนทานควรอ่านฉลากให้แน่ชัด



มีข้อมูลเกี่ยวกับอาหารเสริมกันไปพอสมควรแล้วนะคะ

ส่วนตัวดี้เองไม่ได้กินอาหารเสริมมากมายล้านแปด มีอยู่ไม่กี่อย่าง แล้วก็ไม่ได้กินทุกอย่างทุกวันด้วย

มาดูกันเลยดีกว่าค่ะว่ามีอะไรบ้าง




1. เดอร์มารีน ( Dermarine ) เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโปรตีนสกัดจากถั่วเหลือง ไฟโตสเตอรอล และกระดูกอ่อนปลาฉลาม ฟังส่วนประกอบแล้วอลังการน่าดูค่ะ สรรพคุณมากมายหลายประการเน้นไปทางเช่น ส่งเสริมระบบผิวหนัง ระบบกระดูก เอ็น และข้อต่างๆ ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบฮอร์โมน เป็นต้น 

ตัวนี้ดี้เพิ่งเริ่มกินค่ะ ราคาค่อนข้างสูง 960 บาท 30 เม็ด เม็ดละ 32 บาทเลยทีเดียว ปาดเหงื่อหนึ่งทีก่อนซื้อ มีความหวังลึกๆว่าทานแล้วจะทำให้รูขุมขนบนใบหน้ากระชับขึ้น (จากการบอกต่อจากเพื่อน) และช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งขึ้น ลุ้นกันต่อไปค่ะว่าผลจะเป็นยังไง








2.น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส ตัวนี้ดี้กินเพราะดี้เป็นคนที่เวลาเป็นประจำเดือนวันแรกจะปวดท้องหนักมากกกกก ถึงขั้นที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย พอกินตัวนี้ไปได้เกือบเดือน หายค่ะ!!! ตกใจอยู่เหมือนกัน ไม่คิดว่าจะหาย แต่ข้อเสียคือ พอหยุดกินไปแล้วก็จะปวดท้องประจำเดือนอีก ดี้ไม่ทราบว่าคนอื่นที่เคยกินแล้วหยุดจะปวดแบบดี้อีกหรือเปล่านะคะ แต่สำหรับดี้เองใช้วิธีกินวันละ 2 เม็ดก่อนนอน (ขี้ลืมค่ะ เลยกินทุกอย่างพร้อมกันก่อนนอน) แล้วพอหายเป็นประจำเดือนก็หยุดกินไป 1 สัปดาห์ แล้วก็ค่อยกลับมากินต่อ 


สำหรับประโยชน์ของน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสก็มีดังนี้ค่ะ


-ช่วยต้านการอักเสบ

-ช่วยบรรเทาภาวะไม่อยู่นิ่ง และภาวะเสียความสามารถในการเรียนรู้ในเด็ก

-ช่วยป้องกัน และยับยั้งการลุกลามของภาวะประสาทเสื่อมจากโรคเบาหวาน และอาจฟื้นฟูระบบประสาท

-ช่วยบำรุงผิวพรรณ รักษาผิวหนังอักเสบ

-รักษาภาวะประจำเดือนผิดปกติ เช่น อาการปวดประจำเดือน ความหงุดหงิดที่เกิดก่อนมีประจำเดือน อาการจากเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ (endometriosis) คลายการเจ็บเต้านมช่วงก่อนมีประจำเดือน

-ช่วยบรรเทาอาการปวดบวมของข้ออักเสบรูมาตอยด์

-บรรเทาอาการจากโรคที่เกี่ยวกับการอักเสบ เช่น สิว ผื่นโรเซเชีย ผิวแห้ง และการปวดกล้ามเนื้อ

-เป็นองค์ประกอบสำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์









3.น้ำมันปลา ประเด็นหลักเลยคือต้องการบำรุงสมองค่ะ วัยเรียนหนักหนาในช่วงมหาลัยอะไรที่ช่วยได้ก็เสริมเข้าไปค่ะ แต่ใช่ว่ากินปุ๊บ! จำแม่น เป๊ะ! ก็ไม่ใช่ แค่ไปช่วยเสริมสร้างเซลล์สมองเท่านั้นเองค่ะ ตัวนี้ดี้จะกินเฉพาะช่วงเตรียมสอบ ช่วงอ่านหนังสือหนักๆแค่นั้นค่ะ



ประโยชน์ของน้ำมันปลา


- ช่วยโรคหัวใจขาดเลือด ( Coronary Heart Disease )

- ลดไขมันในเลือดชนิดไตรกลีเซอร์ไรด์ ( Triglyceride )

- ลดความรุนแรงของโรคปวดข้อ รูมาตอยด์ ( Rhematoid Arthritis )

- บำรุงสมอง เพราะเซลล์สมองมีกรดไขมันชนิดนี้มาก จึงช่วยเสริมสร้างเซลล์สมอง


ขนาด รับประทาน สำหรับบุคคลทั่วไปทาน 1,000 มก./วัน เพื่อป้องกันไขมันในเลือดสูง และสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ หลอดเลือด หรือผู้ที่ต้องการลดระดับไขมันในเลือด ลดความดันโลหิต ลดระดับไตรกลีเซอไรด์ หรือผู้ที่มีปัญหาไขข้ออักเสบ ควรทาน 2,000-3,000 มก. ต่อวัน


ข้อควรระวัง


ผู้ป่วยที่เป็นโรคเลือดออกได้ง่ายห้ามทาน เช่น ผู้ป่วยที่ได้รับยาต้านเกร็ดเลือด หรือ แอสไพริน ผู้ที่มีเกร็ดเลือดต่ำ มีจุดเลือดออกตามตัว มีเส้นเลือดแตกในสมอง เส้นเลือดแตกในจอตา จากโรคจอตาเสื่อมระยะสุดท้ายในเบาหวาน เป็นต้น ส่วนคนที่แพ้อาหารทะเล สามารถทานน้ำมันปลาได้และมีความปลอดภัย ผู้ที่แพ้ปลาทะเลและผู้ที่กำลังได้รับยาแอสไพรินไม่ควรทานน้ำมันปลานะคะ









4.วิตามินซี เชื่อว่าสาวๆหลายคนกินตัวนี้อย่างแน่นอน ใช่ไหมละคะ ^.^ ดี้กินตัวนี้ตลอดเลยค่ะ (ยกเว้นลืม 5555) เพระาดี้เป็นภูมิแพ้ค่ะ กินแล้วรู้สึกดีขึ้นนะ ก็เลยกินมาตลอด แล้ววิตามินซีเนี๊ยก็ประโยนช์มากมาย รวมถึงข้อจำกัดมากมายอีกด้วย มีข้อมูลมาให้อ่านค่ะ แล้วจะรู้ว่า คุณวิตามินซี นี่เยอะ! จริงๆ



ประโยชน์ของวิตามินซี


- วิตามินซี ช่วยบรรเทาความรุนแรงและระยะเวลาของการเป็นโรคหวัด

- วิตามินซีช่วยให้แผลหายได้เร็วขึ้นเนื่องจากวิตามินซีช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมและรักษาตัวเองโดยการไปเสริมสร้างผนังเซล ทำให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรงและต่อต้านอาการอักเสบจึงทำให้แผลหายได้เร็วขึ้น ในทางกลับกันการขาดวิตามินซีก็สงผลให้แผลให้ได้ช้าลงเช่นกัน

- หากรับประทานวิตามินซีเป็นประจำทุกวัน มันจะช่วยให้เหงือกมีสุขภาพแข็งแรง

- เพิ่มความต้านทานต่อโรคหัวใจ โดยการไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมระดับคลอเรสเตอรอลในร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรับประทานร่วมกับวิตามินอี โดยมันจะไปลดการเกาะตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือด

- เนื่องจากวิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีมันจึงอาจจะช่วยในการป้องกันและต่อสู้กับโรคมะเร็งได้

- ช่วยในการป้องกันโรคต้อกระจก

- บรรเทาอาการแพ้ หอบหืด ไซนัส

- ช่วยป้องกันอาการไมเกรนเมื่อรับประทานร่วมกับ pantothenic acid โดยวิตามินซีจะไปช่วยร่างกายในการต่อสู้กับความเครียดได้ดีขึ้น

- ช่วยเรื่องความจำ โดยวิตามินซีจะไปช่วยรักษาสภาพของเซลประสาทและจะได้ผลดียิ่งขึ้นหากรับประทานร่วมกับอาหารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ เช่น วิตามินอี แคโรทีน กิงโกะไบโลบ้า และโคเอนไซม์ Q10


ขนาดวิตามินซีที่รับประทาน


ในสภาวะปกติปริมาณที่แนะนำให้รับประทานคือ 60 มิลลิกรัมต่อวัน (แต่ในคนที่สูบบุหรี่ 200 มิลลิกรัมต่อวัน) อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารเสริมสุขภาพได้แนะนำว่าเพื่อประสิทธิภาพที่ดีต่อสุขภาพควรจะต้องรับประทานอย่างน้อย 100-200 มิลลิกรัมต่อวัน คนที่มีความเครียดควรรับประทานวันละ 500 มิลลิกรัมต่อวัน แต่หากต้องการผลในด้านการป้งกันโรคต่างๆ เช่น มะเร็ง ความชรา ควรจะรับประทาน 250 – 1,000 มิลลิกรัม หากเราได้รับวิตามินซีน้อยกว่าที่ร่างกายควรจะได้รับก็จะเกิดลักปิดลักเปิดซึ่งจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นหากขาดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานและไม่ต้องกังวัลว่าจะได้รับมากเกินไป เนื่องจากวิตามินซีสามารถละลายน้ำได้ดี หากร่างกายไม่ได้ใช้ก็จะมีการขับออกมาได้ทางปัสสาวะอีกทั้งยังไม่เคยมีรายงานเกี่ยวกับพิษที่เกิดจากการรับประทานวิตามินซีแม้จะรับประทานในปริมาณที่สูงกว่า 6,000 - 18,000 มิลลิกรัม



ข้อปฏิบัติในการรับประทานวิตามินซีเพื่อประโยชน์สูงสุด


- เพื่อให้ได้ผลดีที่สุดควรพิจารณารับประทานร่วมกับสารต้านอนุมูลอิสระตัว อื่นๆ เช่น วิตามินอี ฟลาโวนอย จะไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของวิตามินซี

- เพื่อสุขภาพทั่วไปควรรับประทานอย่างน้อย 500 มิลลิกรัมต่อวัน

- สำหรับการรับประทานเพื่อการรักษาหรือการป้องกันควรรับประทาน 1,000 – 6,000 มิลลิกรัม ขึ้นกับโรคแต่ละชนิด

- การรับประทานไม่จำเป็นต้องรับประทานในครั้งเดียวต่อวันสามารถแบ่งรับประทานเป็นหลายๆ ครั้งต่อวัน

- การรับประทานวิตามินซีไม่จำเป็นต้องรับประทานพร้อมอาหารหรือทานอาหารก่อนการรับประทาน

- ยังไม่มีรายงานว่า วิตามินซีชนิดพิเศษพวก Esterifies วิตามินซี จะให้ผลดีกว่าวิตามินซีแบบธรรมดา



โทษของวิตามินซี 


- การรับประทานในปริมาณสูงๆ อาจจะมีผลต่อการดูดซึมแร่ธาตุอื่นๆ เช่น Copper Selenium

- การรับประทานในปริมาณสูงๆ อาจจะมีผลต่อการผิดพลาดของผลตรวจระดับน้ำตาลในปัสสาวะได้

- วิตามินซีทำให้การดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีจึงอาจจะเกิดภาวะได้รับธาตุเหล็กเกิน



เยอะเนาะ ว่าไหมค่ะ 55555 ยังไงก็กินให้ได้ประโยนช์มากที่สุดนะคะ ^.^







ราคาของข้อ 2-4 นี่แล้วแต่ร้านนะคะ บางทีก็มีโปรโมชัน 1 แถม 1 ด้วย แล้วก็ขึ้นอยู่กับยี่ห้อด้วย สำหรับดี้ยี่ห้อไหนลดก็ซื้ออันนั้นแหละค่ะ ดูคุณภาพใช้ได้เป็นพอ ^.^ 




ขอบคุณข้อมูลจาก :

  • //health.kapook.com/view10770.html
  • //www.lady2boy.com/j2.html
  • //health-health.exteen.com/20080713/entry
  • //www.megawecare.co.th/thai/brochure.asp?id=6
  • //www.n3k.in.th/
  • //info.muslimthaipost.com/main/index.php?page=sub&category=18&id=17338
  • ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศการประชาสัมพันธ์ 





....."""ด้วยรัก จาก Birdy""".....


 





Create Date : 10 มีนาคม 2556
Last Update : 10 มีนาคม 2556 20:41:10 น.
Counter : 1479 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

chalidy
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



 photo fb_me.jpg


 photo youtube_me.jpg


 photo ig_me.jpg

Instagram
New Comments