มาร์คชอบอวด แต่ทวดชอบแฉ คนกรุงชอบตอแหล แต่รากหญ้าชอบความจริง
Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
24 กุมภาพันธ์ 2554
 
All Blogs
 

ขออนุญาตคุยเรื่องเขาพระวิหารในมุมมองของผมบ้างนะครับ

ผมต้องรอจนกว่าเหตุการณ์ต่างๆเริ่มเป็นปกติ จึงอยากคุยเรื่องเขาพระวิหารบ้าง เพราะช่วงนั้นมีความเห็นว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ถ้าออกมาวิพากษ์วิจารณ์ในช่วงนั้น อาจจะไม่เหมาะ เพราะความคิดเห็นของตัวเองอาจจะไม่ถูก แล้วทำให้คนที่อ่านได้รับข้อมูลที่ผิดๆไป เป็นผลร้ายกับการประเทศมากกว่าเป็นผลดี ผมจึงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลจัดการกันไป แต่ถึงวันนี้ผมก็อยากพูดในมุมมองของผมบ้าง

ก่อนอื่นผมอยากแยกกรณี เขาพระวิหารที่กัมพูชาขอเป็นมรดกโลก ออกมาเป็น 2 ประเด็นครับ

ประเด็นแรก คือ เรื่องของเขาพระวิหาร เราควรยอมรับกันเสียทีว่าเป็นของกัมพูชาจริงๆ เรายอมรับตั้งแต่เรายอมรับการตัดสินของศาลโลก เรายอมรับตั้งแต่เราแบกเสาธงชาติไทยลงมาจากเขา แล้วปล่อยให้กัมพูชาขึ้นไปปักธงแทน และเรายอมรับตั้งแต่ยอมให้ทหารกัมพูชาขึ้นไปรักษาการณ์แล้วครับ ดังนั้นเถียงให้ตาย เขาพระวิหารก็ยังคงเป็นคงกัมพูชาอยู่วันยังค่ำ

และอย่าหลงเชื่อผู้นำบางคนที่บอกว่า ศาลโลกตัดสินแต่ตัวปราสาท แต่พื้นใต้ปราสาทยังเป็นของไทยเป็นอันขาดนะครับ เพราะถ้าจริงอย่างที่ผู้นำพูดล่ะก็ ทำไมป่านนี้ยังไม่ไปคิดค่าเช่าหรือทำกันเซ้งให้กัมพูชาล่ะครับ

ประเด็นที่สอง คือ พื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรที่เป็นพื้นที่ทับซ้อน ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า เป็นพื้นที่ซับซ้อน ดังนั้นใครจะไปอ้างเป็นกรรมสิทธิ์ย่อมไม่ได้

ในความเห็นส่วนตัวจึงคิดว่า การคัดค้านการลงทะเบียนมรดกโลกหรือต้องการลงทะเบียนร่วมจึงไม่ค่อยจะถูกต้องนัก เว้นแต่จะทำให้เราเสียพื้นที่ซับซ้อนดังที่ใครๆพยายามโยงว่าจะเป็นการเสียเอกราช ผมเห็นด้วยกับการลงนามของคุณ นภดลครับ เพราะเป็นการแยกอย่างชัดเจนว่า เป็นการลงทะเบียนแค่ตัวปราสาท ส่วนพื้นที่ซับซ้อนไม่ใช่ของกัมพูชา แต่เป็นพื้นที่ซับซ้อนที่ยังรอการเจรจากันอยู่

แต่เพราะหวังผลทางการเมือง ไม่ว่า รมต.ต่างประเทศไปว่าผู้นำเขาเป็นพวกกุ๊ยข้างถนน หรือ อดีตผู้นำฝ่ายค้านพูดในสภาว่า พื้นที่ใต้ปราสาทยังเป็นของไทยอยู่ หรือ ปลุกกระแสรักชาติด้วยการจะทวงคืนปราสาทเขาพระวิหาร จึงเป็นการสร้งความหวาดระแวงให้กับมิตรประเทศ เป็นการทำให้สัมพันธไมตรีระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชาเลวร้ายลง จนยากจะดำเนินการได้ทางการทูต และกลับเป็นการขว้างงูไม่พ้นคอ เมื่อตัวเองได้เป็นนายกฯ

ผลก็คือ การค้าขายกับกัมพูชา ซึ่งเราได้เปรียบดุลการค้ามากมาย เพราะเราส่งออกปีหนึ่งร่วม 70000 ล้าน แต่นำเข้าแค่ 4000 ล้าน ได้ลดหายไปเป็นอันมาก และยังเป็นการผลักไสลูกค้าอย่างกัมพูชาให้หันไปพึ่งเวียดนามและจีน นี่คือผลงานชิ้นโบว์ดำที่รัฐบาลได้กระทำลงไป

ยังมีการค้าระหว่างชายแดน ชาวบ้านเคยค้าขายอย่างปกติสุข ต้องคอยหวาดระแวงตลอดเวลา ว่าจะเกิดพิพาทถึงขั้นทำสงครามหรือไม่ เคยอยู่อย่างสงบสุข ต้องคอยวิตกห่วงใยถึงความปลอดภัย แต่มีบางท่านเคยบอกว่า แค่ความลำบากเล็กๆน้อยๆ ทำไมยังไม่ยอมเสียสละเพื่อเอกราชของประเทศ ผมจึงอยากบอกว่า มันจะเป็นการเสียเอกราชจริงหรือกับการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกจริงหรือ? ข้อสำคัญคนพูดไม่ได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ก็พูดได้สิ จริงมั๊ย
และยังมีอีกอย่างที่คนมองข้าม คือ พวกสินค้าเทคโนโลยี่ตกยุค เรามีการส่งออกไปยังกัมพูชาปีหนึ่งๆไม่ใช่น้อย แต่ถ้าเราส่งออกพวกนี้ไม่ได้ บางทีเราอาจต้องเสียเงินในการกำจัดมันอีกด้วย คุ้มไม่คุ้มก็คิดกันเองนะครับ

ดังนั้นการเลื่อนลงทะเบียนมรดกโลกจึงไม่ใช่การได้รับชัยชนะแต่อย่างไร เพราะยังไงก็ต้องได้ขึ้นทะเบียนแน่ๆเพราะตัวปราสาทเป็นของกัมพูชาอยู่แล้ว สิ่งที่ควรรีบจัดการจึงควรเป็นการจัดการกับพื้นที่ซับซ้อนต่างหากครับ รีบปักหลักเขตให้เรียบร้อย ซึ่งก็คงต้องจบด้วยการเจรจาครับ

เพราะการได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้เร็วเท่าไร คนที่ได้ผลประโยชน์จากการท่องเที่ยว ย่อมตกอยู่ทั้งไทยและกัมพูชา และผมยังคงคิดว่า ไทยได้ประโยชน์มากกว่าด้วยซ้ำไป ซึ่งมองยังไงก็ดีกว่าการได้เพียงชื่อได้ ลงทะเบียนมรดกโลกร่วมกัน ซึ่งนั่นเป็นเพียงนามธรรมนะครับ

แต่การเจรจาเรื่องพื้นที่ซับซ้อนมีการเจรจามาเป็นเวลากว่าห้าสิบปียังไม่สำเร็จ แล้วเวลาเพียงปีเดียว ผมจึงไม่เชื่อหรอกครับว่า รัฐบาลหาเช้ากินค่ำชุดนี้ จะทำสำเร็จ นอกจากการรีบเปลี่ยนรัฐบาลต่างหาก จึงอาจพอจะทำได้

พอบทความนี้ได้ลงเมื่อไหร่ ต้องมีหลายคนมองว่า ทวดเอง เป็นพวกคนไทยหัวใจเขมรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่อยากบอกว่า ทวดเอง ก็เป็นคนไทยคนหนึ่งที่รักชาติไม่น้อยกว่าทุกท่าน ไม่ยอมเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียวเฉกเช่นกับคนไทยทุกคน แต่ความรักชาติก็ต้องอยู่บนเงื่อนไขของความถูกต้องด้วยครับ และความรักชาติของ ทวดเอง ก็คำนึงถึงผลได้ผลเสียของประโยชน์ของชาติพึงได้รับ ไม่ใช่ออกมาเย้วๆว่า รักชาติ รักชาติ อีกทั้งการบิดเบือน เพื่อให้เกิดกรณีพิพาทจนประเทศต้องสูญเสียประโยชน์มหาศาลอย่างนี้ ทวดเอง ไม่ทำครับ

นี่เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว อาจถูกหรือผิดก็ได้ แล้วแต่วิจารณญาณของท่านผู้อ่านเองนะครับ





 

Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2554
0 comments
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2554 20:43:35 น.
Counter : 709 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


ทวดเอง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทวดเอง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.