Life is too short, enjoy every moment while you're still alive!

ชลันธร
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นลูกสาวคนเล็ก ที่มีแม่และพี่สาวทำอาหารเก่งและอร่อย ตอนเด็กๆ มีหน้าที่คิดเมนู ตำพริกแกง ขูดมะพร้าว แล้วก็ล้างจาน จนโตก็ไม่ค่อยทำกับข้าวเลย

เป็นแม่บ้านเกาหลีที่สามีไม่ชอบทานอาหารสำเร็จรูป จึงต้องเรียนจากตำราและอากู๋ ตอนนี้มีความสุขกับการทำอาหารกินเองทุกวัน

ชอบอ่านหนังสือทุกชนิด หลังๆ สะสมตำราขนมกะนิยายสืบสวนเกี่ยวกับร้านกาแฟ เลยเป็นแรงบันดาลใจให้หัดทำขนม พอทำแล้วมีความสุขจัง
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2550
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
23 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ชลันธร's blog to your web]
Links
 

 
Last train to Pusan: ซิ่งมอไซค์ไปเกียงจู

อันนองฮาเซโย?

วันนี้จะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวเมืองหลวงของราชวงศ์ชิลลาเมื่อ 57 ปี ก่อนคริสตกาล ชื่อเมืองเกียงจู หรือเขียนในภาษาอังกฤษว่า Kyungju/Gyeongju ดูรายละเอียดจากลิงค์นี้นะคะ //en.wikipedia.org/wiki/Gyeongju

เกียงจูเป็นเมืองท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของเกาหลีใต้ค่ะ เป็นเมืองหลวงของราชวงศ์ชิลลานานเกือบตวรรษเลยทีเดียวละ เพราะภูมิประเทศที่อำนวยด้วยละนะเราว่า เพราะตั้งอยู่บนพื้นที่ราบกว้างใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยภูเขา บนชายฝั่งทะเลตะวันออก (East Sea) ซึ่งกั้นระหว่างเกาหลีกับญี่ปุ่นจ้ะ

นอกจากนี้ UNESCO ยังได้บันทึกให้เป็นมรดกโลกเมื่อไป 2000 นี่เองค่ะ เกียงจูเองก็ได้ชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ไร้กำแพงด้วยละจ้ะ

วันนี้พี่ปั๊กพาเราซิ่งด้วยมอไซค์คันใหญ่ของเค้าอะจ้ะ ก็โน้มน้าวเราใหญ่ว่ามันสนุกน้า รถไม่ติดด้วย... เราก็เอ่อ พี่เอาจริงเหรอ แล้วฟ้าฝนก็ครึ้มอยู่ด้วยเนี่ยะนะ แต่มองหน้าแล้วก็เผลอพยักหน้าด้วยนะสิ ก็เลย แฮะ แฮะ เลยตามเลยจ้ะ

พี่ปั๊กพาซิ่งฉิวซักประมาณ 30 นาทีก็ถึงวัดพูลกุกซา (Pulguksa/Bulguksa) ซึ่งเป็นวัดสำคัญซึ่งถือว่าเป็นมรดกชิ้นสำคัญยุคทองของศาสนาพุทธในราชวงศ์ชิลลาเลยละจ้ะ แต่ยังก่อน พี่ปั๊กพาไปซื้อหนังสือไกด์บุคของเมืองเกียงจูก่อนจ้ะ เพราะพี่แกบอกว่าขี้เกียจอธิบาย ซึ่งเราก็เห็นด้วยอะนะ ขืนให้พี่แกอธิบายเป็นภาษาอังกฤษคงไม่ต้องไปไหนกันพอดี

ได้หนังสือแล้วก็เลยถือโอกาสพักกินกาแฟแก้หนาวกันคนละถ้วย ก่อนจะซิ่งขึ้นเขาไปอี่กประมาณ 4 กม. เราจะไปวัย Sokkuram ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาโทฮัมซาน เพื่อชมพระพุทธรูปซึ่งแกะสลักมาจากหินทรายสีชมพูที่งดงามมาก แต่ก่อนจะถึงยอดเขานี่สิ เราอยากจะบอกพี่ปั๊กว่าหนูหนาวจะตายแล้วน้า ฮือ ฮือ แต่ก็เอาวะเดี๋ยวจะหาว่าสาวไทยใจเสาะ เลยสู้ต่อ แต่เวลาที่พี่เค้าแถเข้าโค้งด้วยความเมามันเนี่ยนะ บทสวดมนต์กี่บทเรางัดมาหมดเลยละจ้ะ

เฮ้อในที่สุดเราก็มาถึงซะที แต่ยังหรอกครับท่าน เราต้องจอดรถไว้แล้วเดินเท้าขึ้นไปจ้า ตอนนี้เราเลยตู่เอาเสื้อพี่ปั๊กมาใส่อีกตัวหนึ่งกันหนาวตาย แต่พี่แกก็ไม่เดือดร้อนอะไร บอกว่าเฮอะ แค่นี้ ชิวชิว เชอะ

Sokkuram เป็นพระพุทธรูปแกะสลักจากหินทรายตามแบบเซนในปางสมาธิที่งดงามมาก พระเนตรที่ปิดสนิทดูช่างสงบงามเหลือเกินจ้ะ เค้าก็ไม่ได้ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปสักการะใกล้ๆ หรอกนะ เพราะมีกระจกกั้นอยู่ จะเปิดให้เฉพาะคนสำคัญเข้าไปสวดมนต์นะจ้ะ แล้วก็ห้ามถ่ายรูปด้วย



อยู่บนเขาซักพักเราก็ซิ่งลงมาจากเขา แล้วเข้าไปเที่ยวที่วัดพูลกุกซากันจ้ะ //www.gyeongju.go.kr/eng/02/01.asp

วัดพูลกุกซาเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงและร่ำรวยของราชวงศ์ชิลลาในสมัยนั้นเลยละจ้ะ ซึ่งในสมัยโน้นว่ากันว่า ประกอบด้วยอาคารไม้ 80 หลังซึ่งโหญ่โตพอที่จะได้ร้บสมญาว่า Taekaram ซึ่งแปลว่าวัดใหญ่นั่นเอง แต่น่าเสียดายว่าอาคารเหล่านั้นถูกเผาไปเมื่อครั้งญี่ปุ่นเข้ามารุกราน เมื่อปีค.ศ. 1953 จ้ะ

ที่ประตูหน้าของทุกวัดที่นี่ จะมีเทพเจ้าอยู่ 4 องค์เหมือนคล้ายๆ ว่าคอยปกปักรักษาดินแดนของพระพุทธเจ้า อะไรอย่างนั้นนะจ๊ะ เราเดินผ่านครั้งแรกไม่ได้สังเกต พอเงยหน้าขึ้นมาทำเอาตกใจไปเลยละจ้ะ

เทพเจ้าทั้งสี่




พอผ่านประหน้าเข้ามา ก็จะมองเห็นบันไดเรียงรายสามบันไดทอดขึ้นไปยังตัวอาคารที่ขวางอยู่ แต่เค้าเรียกว่า สะพานซึ่งทอดยาวขึ้นไปนั้นคล้ายกับว่าเป็นทางเดินขึ้นไปยังดินแดนของพระพุทธเจ้า หรือสวรรค์นั่นเอง แต่ว่าเนื่องด้วยความเก่าแก่ เราเลยได้แต่ยืนถ่ายรูปอยู่ด้านหน้าเท่านั้นเอง

ด้านหน้าวัด มุมนี้ยอดนิยมจ้ะ


เราอ้อมไปด้านข้างเพื่อที่จะเข้าไปชมความงามในวัด ซึ่งสิ่งแรกเลยก็คือเจดีย์คู่ 3 ชั้นอยู่ด้านหน้า Main Hall

Tabot'ap Pagoda


Main Hall ซึ่งประดิษฐานพระศรีศากยะมุนี


พระศรีศากยะมุนี


ออกจากวัดพี่ปั๊กพาไปต่อที่ World Culture Expo ซึ่งเพิ่งเปิดงานไปเมื่อวานนี้เอง เราซื้อตั๋วดูบัลเลต์สเก็ตน้ำแข็งจากรัสเซียเอาไว้ก่อน ราคาคนละ 5000 วอนหรือประมาณ 170 บาทอะจ้ะ แล้วเดินดูรอบๆ เสียดายไม่มีเวลาอะจ้ะ เราถ้าจะดูทุกอย่างคงต้องใช้เวลาทั้งวันเลยละ พอบ่ายสามครึ่งเราก็เข้าไปดูสเก็ตกันจ้ะ นักแสดงดูเด็กมากเหมือนนักเรียนมัธยมเลย แต่ฝีมือไม่เบาเลยจ้ะ คนดูที่นีก็สนุกสนานทั้งตบมือ เป่าปากเปี้ยวป้าวเลยละ ชั่วโมงหนึ่งผ่านไปไม่รู้ตัวเลยจ้ะ

ขอพักเหนื่อยกันนะคะ แล้วเดี๋ยวมาเล่าต่อ อย่าเพิ่งเบื่ออ่านน้า

ชลันธร




Create Date : 23 ตุลาคม 2550
Last Update : 25 ตุลาคม 2550 20:18:17 น. 0 comments
Counter : 753 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.