สิงหาคม 2553
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
9 สิงหาคม 2553

เพื่อนร่วมห้อง

“กลับมาแล้ว” หญิงสาวกล่าวทักขึ้นอย่างเคยปากเมื่อประตูห้องปิดสนิท เธอหย่อนกุญแจบ้านลงในตะกร้าใส่กุญแจเล็กๆที่วางอยู่บนตู้ใส่รองเท้าข้างประตู พร้อมกับเหวี่ยงกระเป๋าถือสีเขียวลงบนที่ว่างถัดไป เธอถอดรองเท้าส้นสูงราคาแพงออก ก้มลงดึงลิ้นชักด้านล่างของตู้รองเท้าเพื่อหาผ้าเช็ดรองเท้าผืนเก่า บรรจงเช็ดทำความสะอาดรองเท้าคู่งามและเก็บเข้ากล่องอย่างระมัดระวัง ไม่ลืมที่จะเอาแท่งพลาสติกอ่อนๆคู่นั้นดามทรงรองเท้าไว้เช่นเคย

ตู้เย็นขนาด 5 คิวตั้งอยู่ด้านซ้ายถัดจากประตูห้อง เธอเปิดตู้ก้มลงหยิบขวดน้ำเย็นขึ้นมาเปิดรินใส่แก้วน้ำที่วางประจำไว้บนหลังตู้ แล้วรีบปิดฝาขวดก้มลงวางในช่องขวดน้ำตามเดิม นึกหงุดหงิดใจทุกครั้งกับตู้เย็นขนาดเล็กที่ทำให้เธอต้องก้มตัวต่ำๆทุกครั้งเวลาจะเปิดหยิบของ แต่เธอก็ไม่เคยคิดจะซื้อตู้ใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมเนื่องจากมีเธออยู่คนเดียวที่กินดื่มจากตู้เย็นตู้นี้

เธอเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนเพื่อปลดเปลื้องเสื้อผ้าสาวทำงานที่ทั้งหนาและอึดอัด เธอไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมที่ทำงานต้องบังคับให้ใส่สูทมิดชิดกับกระโปรงฟิตๆ พร้อมถุงน่องที่รัดถึงเอวแบบนี้ทั้งๆที่อากาศเมืองไทยร้อนแทบคลั่ง

“แช่น้ำซักหน่อยดีกว่า มีอ่างอยู่กับบ้านทั้งทีแต่ไม่ค่อยได้ใช้” หญิงสาวคิดในใจ พรางหมุนตัวกลับไปที่ตู้เก็บของเพื่อจะหาเอาเทียนหอมกลิ่นโปรด “...จะแช่น้ำนานๆ ต้องมีไอ้นี่ด้วย” คว้าหมับเข้าที่เทียนหอมต้นใหญ่สีฟ้าอ่อน มันคือกลิ่นสดชื่นของทะเลที่เธอคลั่งไคล้นักหนา

ระหว่างแก้ผ้าสำรวจเรือนร่างตัวเองอยู่หน้ากระจก เหลือบไปเห็นความเลี่ยมเล้เรไรของโต๊ะเครื่องแป้ง เธอส่ายหัวขณะอมยิ้ม หญิงสาวจำได้ว่าเมื่อเช้าเธอตื่นสาย รีบอาบน้ำแต่งตัวแต่งหน้าและเผ่นออกจากห้องไปทำงานโดยไม่ได้เก็บอุปกรณ์แต่งหน้าให้เข้าที่เข้าทางของมัน ทั้งแปรงปัดแก้ม กระปุกแป้งฝุ่น เศษผงแป้งที่โปรยเกลื่อนเนื่องจากเธอทำหล่นด้วยความรีบร้อน รวมถึงลิปสติก 3 แท่งที่งัดออกมาจากลิ้นชัก “เก็บซะเกลี้ยงเลยนะ”

เมื่อรองน้ำอุ่นได้ถึงครึ่งอ่าง เธอก็ค่อยๆก้าวเข้าไปและหย่อนตัวลงนอน กลิ่นเทียนหอมที่จุดไว้ทำให้เธอนึกถึงบรรยากาศของการพักผ่อนที่หัวหิน เธอไม่รู้ว่าเริ่มชอบการนอนแช่น้ำในอ่างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ อาจจะเป็นตั้งแต่ครั้งแรกที่ลอง “มันชั่งมีความสุขอะไรขนาดนี้หนอ” แต่ยังไม่ทันจะนึกถึงอะไรต่อ มีเสียงอะไรซักอย่างดังเป็นจังหวะอยู่ภายนอก เสียงนั้นไม่ได้ดังมากนัก แต่ก็พอจะทำลายความเงียบสงบของสปาขนาดย่อมที่หญิงสาวสร้างสรรค์ขึ้นเองนี้ได้

“เสียงก่อสร้างไอ้ตึกข้างๆนี่เอง...เย็นป่านนี้แล้วยังไม่เลิกงานกันอีกเรอะ เมื่อไหร่จะสร้างกันให้เสร็จๆไปซักทีก็ไม่รู้” เธอหัวเสีย ยันตัวเองขึ้นมาจากอ่างน้ำ เอื้อมแขนไปผลักประตูห้องน้ำปิดดังปัง เสียงตอกปั้นจั่นของตึกข้างนอกนั้นเงียบลงทันใด

หญิงสาวหย่อนกายลงให้น้ำอุ่นและฟองจากโฟมบาธกลืนทุกอณูของร่างกาย จะโผล่ขึ้นมาก็แค่หน้าและคอเท่านั้น ในช่วงเวลาที่มีความสุข เธอมักจะนึกไปถึงสิ่งดีๆต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต นึกถึงเพื่อนร่วมงานที่มีเรื่องมาเม้าท์ให้ฟังกันทุกวัน นึกถึงการไปเดินช้อปปิ้งในห้างหรูๆ นึกเลยไปถึงเรื่องราวในสมัยเรียนอยู่เมืองนอกเมืองนาที่ทำให้เธอได้มีโอกาสได้กลับเข้ามาทำงานในสถานที่ดีๆ รับเงินเดือนสูงๆ นึกไปจนถึงพ่อแม่ของเธอที่ต่างจังหวัดที่หยิบยื่นโอกาสทั้งหมดทั้งมวลที่ทำให้เธอมีวันนี้ได้ รวมถึงอ่างน้ำกับห้องหรูในคอนโดใจกลางเมืองที่แสนจะอยู่สบาย จะไปจะมารึก็สะดวก ก็ด้วยความที่เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัว พ่อแม่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เลี้ยงเธอให้เหมือนไข่ในหินเพราะความที่เธอเป็นคนที่มีความมั่นใจสูงและรักอิสระ แต่ทั้งสองได้เตรียมชีวิตที่พร้อมสรรพ์ให้เธอไว้หลังจากที่เธอเรียนจบปริญญาโทกลับมา ทั้งรถ ทั้งที่อยู่อาศัย ทั้งชีวิตนี้ที่เหลือ ก็อยู่แค่การที่เธอจะตั้งมั่นทำงานที่ดี ไม่ออกนอกลู่นอกทาง เพียงเท่านี้ก็ถือว่าเธอเป็นหญิงสาวที่มีชีวิตอันน่าอภิรมย์ที่สุดแล้ว

เสียงเพลงจากเรื่องเล่นซีดีในห้องรับแขกดังแว่วๆเข้ามา เป็นเพลงบรรเลงของใครนะ จำชื่อไม่ได้ แต่ก็ชั่งเถอะ ยังไงมันก็ทำให้บรรยากาศของการแก้ผ้าแช่น้ำดูเข้าท่ามากขึ้นไปอีก เธอชอบเพลงบรรเลงแบบนี้ ฟังคลอๆไปเรื่อยๆ มันเหมือนกับทำให้วิญญาณของเธอหลุดออกจากร่างและล่องลอยออกไปยังที่ๆเป็นต้นเสียงแห่งบทเพลง คนที่อยู่ในห้องหรูนี้ชอบฟังเพลงสไตล์เดียวกัน สังเกตได้จากการที่เธอเปิดบ่อยๆ ซ้ำไปซ้ำมา บางครั้งแม้ช่วงกลางดึก ถ้าเพื่อนบ้านเอาหูแนบกำแพงอาจจะได้ยินเสียงจากซีดีแผ่นนี้ด้วยก็ได้ หญิงสาวเยียดกายลุกขึ้นเล็กน้อย เพื่อเอื้อมไปเปิดก๊อกน้ำอุ่นเพิ่มด้วยเธอเริ่มรู้สึกเย็น เสียงสายน้ำเอื่อยประสานกับเพลงบรรเลงและกลิ่นเทียนหอมช่างทำให้จิตใจสงบ เธอเผลอหลับไป

หญิงสาวได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังมาจากในห้องนอน เธอละจากงานแปลบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาด 10 นิ้ว เดินช้าๆไปหน้าประตูห้องนอน ชั่งใจเล็กน้อยก่อนเปิดเข้าไป หญิงชรามากคนหนึ่งใบหน้าขาวเหมือนทาแป้งทาปากสีแดงแจ๊ด บนหัวมีโรลม้วนผมขนาดกลางสีต่างๆพันผมสีดอกเลาที่มีเหลือให้เห็นไม่มากนัก โรลเหล่านั้นดึงรั้งเส้นผมหญิงแก่จนเห็นหนังหัว แกนั่งยิ้มเผล่อยู่บนหัวเตียงขนาด 5 ฟุต

“ป้า..เอ่อ..ยายดีกว่า ยายเข้ามาในนี้ได้ยังไงเนี่ย” หญิงสาวถามออกไปทันที แปลกที่ไม่มีความรู้สึกหวาดกลัวหญิงชราแปลกหน้าที่หาที่นั่งได้ประหลาดมากแต่อย่างใด

เงียบ...หญิงแก่ไม่ตอบ ก้มหน้าลงจีบหมากพลูแล้วยัดใส่ปากก่อนเคี้ยวเอื้องช้าๆ ไม่รู้แกไปหอบเชื่อนหมากพวกนั้นมาจากส่วนไหนของบ้านนี้ เฮ้อ..จะเรียกว่าบ้านรึก็ดูจะใหญ่ไปมั้งท่า เพราะจริงๆที่อยู่ของเธอตอนนี้คือห้องชุดบนคอนโด

ยายชราเงยหน้ามองก่อนจะก้มหน้าจีบหมากพลูคำเบ่อเร้อแล้วยื่นให้หญิงสาว

“ฮื่อ...ไม่เอาด้วยอ่ะยาย เคี้ยวไม่เป็น เชิญยายตามสบายเหอะ” เธอส่ายหน้าหงึกๆ

สายตายายเฒ่ามีท่าทีวิงวอน แต่แกก็เปลี่ยนเป็นไม่ถือสา จับหมากคำนั้นใส่ปากแล้วพยายามเคี้ยวอย่างยากลำบาก หญิงสาวมองดูแล้วรู้สึกสงสาร หมากคำนั้นดูมันชั่งใหญ่โตกว่าตอนที่ถืออยู่ข้างนอกซะอีก ยิ่งยายพยายามเคี้ยว ของในปากเหี่ยวๆของยายก็ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ หญิงสาวบอกไม่ถูกว่าทำไมถึงไม่ละสายตาไปจากภาพหมากในปากยายที่บัดนี้เป็นสีแดงส้มเพราะน้ำปูนกลบไปทั่ว ซ้ำน้ำลายเหนียวยังไหลยืดออกมาเป็นทางสร้างความรู้สึกพะอึดพะอมยิ่งนัก ทันใดนั้น เหมือนจะสุดกลั้น หมากคงคำใหญ่เกินไปจริงๆ ยายชราขย้อนเศษหมากในปากออกมาอย่างแรง เท่านั้นยังไม่พอ ยายยังสำรอกเอาอะไรต่อมิอะไรที่ยายเพิ่งกินเข้าไปแต่ผ่านระบบย่อยอาหารแล้วออกมากองเบ่อเร้อ

สุดจะทนไหว หญิงสาวอาเจียนออกมาอย่างสุดกลั้นเช่นกัน แต่แทนที่จะรู้สึกโล่งท้องเธอกลับสำลักเอาฟองสบู่และน้ำในอ่างแช่ตัวเข้าไปจนจมูกและตาแสบไปหมด ความรู้สึกต่อมาคือเธอรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ทางเดินหายใจขัดเหมือนกับถูกขังอยู่ในห้องแคบ พยายามลืมตาขึ้นด้วยความยากลำบากและสัมผัสถึงกลิ่นไหม้ฉุนกึก เทียนหอมแท่งนั้นถูกไหม้จนถึงฐานและมันยังลามไปที่ขวดพลาสติกที่บรรจุครีมขัดตัวที่วางอยู่ใกล้ๆ หญิงสาวรู้สึกว่าตัวชา อ่อนเพลียและหมดแรงโดยสิ้นเชิง เธอรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังจะหมดสติอีกครั้งด้วยกลิ่นฉุนนั้น แต่แว่บหนึ่งเหมือนมีสายลมแรงๆพัดมาปะทะหน้าทำให้เธอกลับรู้สึกตัว วินาทีนั้นหญิงสาวจึงกัดฟันทะลึ่งตัวพ้นจากอ่างน้ำ เอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตูข้างๆแล้วกระชากออกด้วยแรงเฮือกสุดท้าย

เวลาผ่านไปพักใหญ่ๆ หญิงสาวนอนนิ่งอยู่ระหว่างพื้นห้องน้ำและประตูซึ่งเปิดรับอากาศจากพื้นที่ห้องด้านนอก เธอรู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆ มีลมพัดวูบไปมาอยู่หลายทีสร้างความเย็นเฉียบแก่ผิวกายและได้ปลุกให้เธอกลับคืนสติอีกครั้ง

นั่นเป็นครั้งเดียวที่เธอได้เห็นหน้าหญิงชรา กระทั่งวันนี้เธอก็ไม่รู้ว่า หญิงชราในความฝันของเธอยามที่เธอเกือบถึงวาระสุดท้ายของชีวิตนั้นเป็นใคร เมื่อย้ายเข้ามาอยู่ในห้องนี้ใหม่ๆ หญิงสาวเคยลองเรียบๆเคียงๆถามคนรอบข้างถึงเรื่องภูตผีวิญญาณเมื่อเธอพบว่าแก้วน้ำที่เธอรินน้ำไว้เต็มแก้วกลับเหลือเพียงครึ่งเดียวทั้งๆที่เธอไม่ได้จิบแม้แต่น้อย และหลายครั้งที่เธอหยิบแก้วน้ำบนหลังตู้เย็นไปล้าง เธอสังเกตเห็นคราบลิปสติกสีที่เธอไม่ได้ทา แม้แต่เครื่องสำอางเกะกะที่เธอวางเกลื่อนทิ้งไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งแล้วมันก็กลับเข้าที่เองเมื่อเธอกลับถึงบ้านในตอนเย็น และล่าสุดที่เพื่อนที่มานอนค้างที่โซฟาบ้านเธอได้ยินมากับหูคือเสียงเพลงบรรเลงจากแผ่นซีดีที่เปิดเองโดยที่ไม่มีใครไปกดรีโมท ความสงสัยของเธอถูกตอบด้วยข้อสันนิษฐานที่ว่าอาจเป็นเจ้าที่เจ้าทางมาดูแลบ้านให้ ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกปลอดโปร่งขึ้นอย่างบอกไม่ถูก และน่าแปลกที่หญิงสาวไม่เคยรู้สึกหวาดกลัวทุกครั้งที่ไขกญแจเข้าบ้าน ตรงกันข้ามเธอกลับรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยทุกครั้ง เธอมั่นใจว่าใครก็ตามที่อยู่กับเธอในห้องนี้ไว้ใจได้และไม่เคยทำอันตราย เวลาผ่านไปเนิ่นนานและหญิงสาวก็ยุ่งวุ่นวายกับหน้าที่การงานจนลืมรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่เกิดขึ้นในห้องชุดนี้ไปเสียสนิท

จนมาถึงหัวค่ำของคืนนี้ที่เธอเผลอหลับไปและเทียนที่มอดไหม้ในห้องน้ำแคบๆไม่มีอากาศถ่ายเทนั้นทำให้เธอถึงกับหมดสติ หากไม่เป็นเพราะการสำลักน้ำที่นอนแช่อยู่นั้น ป่านนี้เธออาจจะยังนอนค้างเติ่งอยู่ในอ่างนั้นในสภาพที่สิ้นลมหายใจอย่างน่าอเนจอนาจ

ยายไม่เคยปรากฏตัวให้เห็นอีกเลย ทั้งๆที่หญิงสาวเฝ้าอ้อนวอนและพยายามคิดถึงหน้าเหี่ยวย่นของหญิงชรามากๆในช่วงก่อนนอน เผื่อว่าจะเก็บเอาไปฝันบ้าง แต่จนแล้วจนรอด ยายแก่ใจดีผู้นั้นก็ไม่เคยปรากฏตัวให้เห็นแต่อย่างใด แกยังคงอยู่ดูแลความสงบเรียบร้อยของห้องนี้อยู่อย่างเงียบๆ

เวลาผ่านไป หญิงสาวทำงานหนักขึ้นด้วยรับการโปรโมทจากหัวหน้างาน หน้าที่ความรับผิดชอบที่ท่วมท้นทำให้เธอลืมเรื่องราวต่างๆไปเกือบหมด จนกระทั่งวันหนึ่งที่เธอพบว่าเครื่องสำอางบนโต๊ะเครื่องแป้งที่วางเกะกะไว้ตอนเช้าวานนี้ก็ยังคงวางเกะกะอยู่ที่เดิม เธอลองรินน้ำจนเต็มแก้วแล้ววางไว้บนหลังตู้เย็น สองเช้าผ่านไป น้ำแก้วนั้นก็ยังเต็มปรี่ หญิงสาวเริ่มสังเกตสิ่งต่างๆรอบบ้านเพื่อมองหาสิ่งผิดปกติ

แล้วสายตาก็มาหยุดที่พระพุทธรูปองค์เล็กที่วางอยู่ชั้นบนสุดของชั้นวางของ บนสุดจนมองแทบไม่เห็น แล้วเธอก็จำได้ว่าพ่อให้พระองค์นี้มาหลังจากที่ไปทำบุญประจำปีที่ต่างจังหวัดกับที่บ้านเมื่อต้นเดือนนี้เอง

แว่บหนึ่งมีความรู้สึกผิดว่าเธอไม่น่านิมนต์พระเข้ามาปราบวิญญาณในห้องนี้เลยเชียว ถึงแม้ยายชราจะไม่เคยหลอกหลอนให้เธอขนหัวลุก แต่เธอก็ค่อนข้างแน่ใจว่ายายใจดีนั้นดำรงอยู่ในรูปแบบอื่นที่ไม่เหมือนมนุษย์ และจากที่ได้ยินได้ฟังมาตั้งแต่เด็ก รูปแบบของยายคงไม่ถูกกับพระเจ้าแน่ๆ หรือนี่เราใจดำไล่เพื่อนร่วมห้องที่ใจดีของเราออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจหรือนี่

แต่ว่า..ไม่สิ “อาจจะไม่เกี่ยวกันก็ได้” หญิงสาวยิ้ม “ยายแกไม่ใช่ผีซะหน่อย ผีต้องหลอกแล้วนี่นา”

“ไม่แน่...ป่านนี้แกคงหนีไปเกิดแล้ว”




 

Create Date : 09 สิงหาคม 2553
1 comments
Last Update : 9 สิงหาคม 2553 22:22:39 น.
Counter : 493 Pageviews.

 

...แวะมาเจิม อ่านประสบการณ์ตรง

 

โดย: ป๋าดัน (jipwigan ) 9 สิงหาคม 2553 22:43:38 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นิ่นของจี๊ด
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add นิ่นของจี๊ด's blog to your web]