หอมกลิ่นหวาน...และขมของชีวิต
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2553
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
9 มีนาคม 2553
 
All Blogs
 

เดียร์ มายลอร์ด...02


เดียร์ มายลอร์ด

เฟรยาจรดปากกาขนนกลงบนกระดาษแล้วก็ต้องชะงัก มือบางวางปากกาลง
หล่อนชักไม่อยากเขียนจดหมายถึงเขาเสียแล้วสิ ผู้ชายไร้มารยาทที่ไม่ยอมตอบจดหมายมาแม้สักฉบับ

เสียงเคาะประตูดังขึ้น หล่อนเปิดมันออกไปก็พบกับคนที่คุ้นเคย
“ว่ายังไงจ๊ะสาวน้อย วันนี้อ่านหนังสือเรื่องอะไรอยู่เอ่ย”
ผู้เข้ามาใหม่อยู่ในชุดแม่ชีเคร่งขรึมแต่ใบหน้าใจดียิ้มละไม
“วันนี้หนูอ่าน *อีเลียดอยู่ค่ะกำลังจะถึงตอนที่ **อคิลลิสถูกยิง”
แม่ชีโคลงศีรษะอย่างเอ็นดู


“แม่ชีช่วยอธิบายคำศัพท์ให้หนูฟังหน่อยนะคะ คำนี้หนูไม่เข้าใจค่ะ”
นิ้วผอมบางชี้ไปที่บรรทัดตัวอักษรในหนังสือ อากาศของเดือนมกราคมยังหนาวอยู่ อีกนานกว่าจะถึงฤดูใบไม้ผลิ เฟรยาอยากอ่านหนังสือที่มากมายเหล่านี้ให้หมดแม้สักแถวหนึ่งในชั้นหนังสือก็ยังดี หล่อนกระหายใคร่รู้เต็มไปหมดกับสิ่งใหม่ๆ ที่หลั่งไหลเข้ามาในชีวิต โดยเฉพาะการได้เรียนหนังสือ


‘ถ้าฉันแต่งงานกับท่านฉันจะได้เรียนหนังสือไหม’
เฟรยาถามทั้งน้ำตากับชายผู้ซึ่งพรากความสาวของหล่อนไป ยามเขาพูดถึงเรื่องแต่งงาน
‘ได้สิถ้าเจ้าต้องการ’


เสียงเขาครางกระเส่าขณะที่ร่างกายสูงใหญ่ลุกล้ำหล่อนเข้ามาอีกครา
‘ท่านจะทำร้ายข้าไหม ข้าจะกินอิ่มนอนหลับหรือเปล่า’
เขาหัวเราะหึๆ จุมพิตที่หน้าผากหล่อนเบาๆ
‘เจ้าคิดว่าข้าเป็นใครน่ะฮึ ข้าคือ เดวิส โบฟอร์ต ดยุคแห่งซอมเมอร์เซ็ทที่สาม
มีอำนาจในประเทศนี้รองจากกษัตริย์ มีอะไรที่ข้าให้เจ้าไม่ได้’


เฟรยารู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นใคร บ่อยครั้งที่หล่อนเห็นเขาไกลๆจากหน้าต่างคฤหาสถ์ ท่วงท่าอันสง่างามยามอยู่บนหลังม้า หลายคนซุบซิบกันว่าแม้แต่กษัตริย์ยังเกรงเขา ที่เฟรยาไม่เข้าใจก็คือเขาทำไมจึงมายุ่งกับหล่อน


‘อา...’
เฟรยาครางอย่างสุขใจยามเขาเข้ามาใกล้ อำนาจแห่งเพศรสให้ความสุขเช่นนี้เอง เฟรยาไม่ใช่คนสวยมีเสน่ห์ดึงดูดทางเพศ หล่อนหน้าตกกระ ผมสีดำแห้งเหมือนกิ่งสนเก่าๆ รูปร่างก็ผอมบาง คงมีแต่ดวงตาเท่านั้นที่ยังสุกใสสกาวเหมือนดาวในฟากฟ้า เฟรยาทำงานแลกเงินมาหลายที่ หล่อนผ่านงานมาหลายแบบ


โชคดีของเฟรยา ที่หล่อนขี้ริ้วและมอซอเสียจนไม่มีใครนึกพิศวาสจนถูกนายจ้างจับไปขายให้ซ่องนางโลม ในยุคสมัยนี้ผู้หญิงจนๆ มีทางเลือกไม่มากนัก ยิ่งขาดการศึกษาอย่างหล่อนแล้วด้วยล่ะก็...

เฟรยาชอบอ่านหนังสือ ถ้าจะพูดให้ถูกหล่อนชอบดูหนังสือต่างหากเพราะอ่านไม่ออก หล่อนมีสมองปราดเปรื่องช่างจดช่างจำ


คุณหนูลูกเจ้าของร้านขายขนมปัง นายจ้างคนล่าสุดของหล่อนก็ชอบอ่านหนังสือ
เฟรยาจึงได้ฟังคุณหนูเล่าเรื่องย่อของหนังสือต่างๆ แต่ก็โชคร้ายที่ร้านขายขนมปังโดนไฟไหม้ไปเสียก่อน

เฟรยาจึงต้องหางานใหม่มาจนถึงคฤหาสถ์แห่งนี้
หล่อนโกหกคำโตกับคุณแม่บ้านใหญ่ ว่าอ่านหนังสือออกจึงได้งานเป็นคนดูแลห้องสมุด


‘อือ...’
เขาครางเมื่อทาบทับร่างนั้นบนตัวหล่อน เฟรยาไม่ขัดขืนแล้ว หล่อนขัดขืนมาจนเหนื่อยในคราวแรก กลิ่นเหล้าคลุ้งปนกับเหงื่อของเขา

จู่ๆ คืนนั้นท่านดยุคก็กลับมาบ้านในสภาพที่เมามาย เฟรยานั่งดูหนังสือภาพเกี่ยวกับพืชในเทพปกรณัมอยู่ ทั้ง ***แมนดราโกรา ****อิคดาซิล หรือแม้แต่*****นาซิสซัส


หล่อนเห็นว่าคืนนั้นเป็นการเลี้ยงฉลอง เพื่อเป็นเกียรติแก่เหล่าทหารกล้าก่อนออกไปรบ ผู้คนเมามายส่งเสียงดัง

คืนที่นอนไม่หลับอย่างนี้เหมาะกับการอ่านหนังสือ คราแรกเฟรยาแค่จะเลือกหนังสือสักเล่มไปอ่าน แต่มัวดูหนังสือเพลิน รู้ตัวอีกทีเขาก็เข้ามาใกล้ และกระทำรุนแรงกับหล่อนเสียแล้ว


‘นังแมวขโมย โจรขโมยหนังสือ’
เขาบริภาษพลางจับตัวหล่อนไว้
‘ข้าเปล่า ข้าทำงานที่นี่’
หล่อนปฏิเสธเสียงสั่น

‘โกหก เจ้ามันหญิงคนชั่วที่ชอบโกหก ผู้หญิงคนชั่วต้องโดนลงโทษ’
พอได้ยินคำว่าลงโทษเฟรยาก็เข่าอ่อนลงในทันใด
‘นายท่านได้โปรดเมตตาข้าด้วย ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ข้าแค่มาอ่านหนังสือเท่านั้น’


‘ทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านหลังนี้ หินทุกก้อน ฝุ่นละอองแม้สักนิด ทุกอย่างเป็นของข้า หากข้าไม่อนุญาตใครก็แตะต้องไม่ได้ เจ้าทำผิดให้ข้าเคืองใจ โทษของเจ้าคือจะได้ร่วมเตียงกับข้าคืนนี้อย่างไรล่ะ’

เฟรยาจำได้ดีว่าตัวเองกรีดร้องเสียงดัง แต่ร่างสูงใหญ่นั้นก็อุ้มหล่อนไปยังเตียงนุ่ม เสียงพร่ำพรอดดังระงมไปทั่ว ก่อนที่แขนบางของหล่อนจะโอบรอบร่างแกร่งของเขาเพราะรสเสน่หา


‘ดีมาก นางทาส จงเชื่อฟังข้า เรียกข้าว่ามายลอร์ดสิ’
‘ค่ะ มายลอร์ด’
เฟรยาทำตามเขาสั่งด้วยความหวาดกลัว

‘ดีแล้ว ข้าชอบคนเชื่อฟัง ข้าชอบคนซื่อสัตย์ สาบานสิว่าเจ้าจะไม่ทรยศข้า’
เขาถามทั้งๆ ที่กายยังทาบทับอยู่บนตัวหล่อน
‘ข้า...’
หล่อนครางเหมือนตกอยู่ในความฝัน บางสิ่งแล่นจากส่วนล่างขึ้นสู่สมอง ความรู้สึกที่เหมือนมีพายุใหญ่แล่นผ่านร่างกาย


‘สาบาน!’
เขาเร่งเร้าพร้อมกับสัมผัสที่หนักหน่วงขึ้น
‘ข้าสาบาน’
หลังจากนั้นงานแต่งงานก็ถูกจัดขึ้นอย่างฉุกละหุก ส่งตัวเข้าหอ เมื่อยามตื่นเช้ามาเขาก็ไปรบเสียแล้ว หล่อนกลายเป็นคุณผู้หญิงของคฤหาสถ์นี้ในชั่วข้ามคืน พร้อมกับความจริงที่ขมขื่น


‘ท่านดยุคผิดหวังจากเลดี้เจเนเวียเลยมาคว้านางทาสแต่งงานประชด’
นี่สินะความจริงในท่าทีดุดันของเขา ท่านดยุคเพียงต้องการประชดเท่านั้น
เฟรยาร้องไห้จนตาบวมก่อนที่จะถูกคุณแม่บ้านใหญ่เรียกตัวไปพบ


‘เจ้าต้องฝึกมารยาทให้เป็นผู้ดี’
สายตาที่มองมานั้นช่างเย็นชาและดูถูก
‘ไม่ว่าท่านดยุคจะได้เจ้ามาเพราะเหตุผลใดก็ตาม แต่เจ้าก็ถือว่าเป็นเมียของท่าน’
เฟรยาจึงได้รับการฝึกสอนมารยาทและได้เรียนหนังสือ


ช่วงเวลาของการเรียนหนังสือเป็นเวลาที่หล่อนชอบที่สุด เพราะแม่ชีผู้สอนหนังสือใจดีมาก
‘การมีวิชาความรู้จะทำให้เรารู้เท่าทันคนอื่น ถ้าตกยากก็ยังพอหาเลี้ยงตัวได้’
แม่ชีพูดเหมือนคาดการณ์อนาคตหล่อนออก เฟรยาก็คิดเหมือนกันว่าอนาคตไม่แน่ไม่นอน ยิ่งการตกเป็นของชายอื่นโดยไม่ตั้งใจ

การจะทิ้งผู้หญิงต่ำศักดิ์สักคนนั้น ช่างง่ายเหลือเกินในสังคมที่ยึดถือความสำคัญของสายเลือดขุนนางเป็นใหญ่


เรื่องความรักใคร่ไม่ต้องพูดถึง หล่อนจำสามีเพียงคืนเดียวแทบไม่ได้ เพราะอาการตกใจและมึนงง รู้แต่ว่าเขาตัวสูง ผมสีทอง ตาสีเขียว ภาพวาดเหมือนของเขาที่ติดไว้ที่ห้องโถงช่างดูอบอุ่นเยือกเย็น แต่หล่อนรู้...เขาร้อนแรงกว่าที่เห็น


เฟรยาตั้งใจเรียนและฝึกฝนตัวเองเต็มที่ หล่อนตั้งใจจะกอบโกยความรู้ในบ้านผู้ดีแห่งนี้ให้หมด บางทีถ้าท่านดยุคเบื่อหล่อนและแต่งงานกับเลดี้เจเนเวียที่ว่า
หล่อนอาจจะหางานได้เป็นครูสอนหนังสือในโรงเรียนสักแห่ง



“วันนี้เขียนบันทึกหรือเขียนจดหมายแล้วหรือยัง”
แม่ชีถามหลังจากบทเรียนเรื่องอีเลียดจบลง
“เขียนแล้วค่ะแม่ชี แต่ก็เหมือนเดิมที่ไม่มีอะไรตอบกลับมา”
เฟรยาย่นจมูกโด่งที่เกลี้ยงเกลาไร้รอยกระ เพราะได้รับการบำรุงอย่างดีจากคุณแม่บ้านใหญ่

ผิวพรรณหล่อนผุดผาด เส้นผมดำขลับเป็นมันระยับเพราะได้กินอิ่มนอนหลับ
แม่ชีหัวเราะน้อยๆอย่างเข้าใจอารมณ์คนรอคอยจดหมาย


“เขียนไปเถอะเขียนไป อย่างดีก็ถือว่าเป็นการฝึกเขียน
หน้าที่ของภรรยาที่สามีไปออกรบน่ะ คือการปลอบประโลมให้เขามีกำลังใจนะ”
แม่ชีแนะนำให้หล่อนเขียนจดหมายหาใครสักคนหนึ่ง เพื่อเป็นการฝึกมือให้ชินกับตัวอักษร และเป็นแรงจูงใจในการเล่าเรื่องสื่อสารกับผู้คน


แม่ชีบอกว่าคำพูดเป็นวาจาสื่อสารกันเข้าใจง่าย
แต่การเขียนลงบนกระดาษ เป็นการฝึกเรื่องการเรียบเรียงความคิดได้ดีกว่า
เฟรยาไม่มีญาติหรือคนคุ้นเคยที่ไหนเลย หล่อนจึงเลือกที่จะเขียนจดหมายถึงท่านดยุค เพราะถึงอย่างไรเสียเขาก็ได้ชื่อว่าเป็นสามี


เฟรยาเล่าเรื่องความเป็นไปในคฤหาสถ์ให้เขาฟัง จากตัวหนังสือโย้เย้เรียบเรียงประโยคไม่ถูก จนตัวหนังสือสวยขึ้นและเริ่มพูดถึงสภาพชีวิตผู้คนในเมืองหลวง



เอาล่ะ...วันนี้เฟรยาจะเขียนเรื่อง******ข้อเท้าอคิลลิสดีกว่า
ท่านดยุคเป็นทหารคงจะสนุกกับเรื่องนี้มากกว่าเรื่องอากาศ
หรือเรื่องต้นแอปเปิ้ลข้างกำแพงเฉาตายเพราะอากาศหนาว
ว่าแล้วเฟรยาก็เริ่มจรดปากกาด้วยคำขึ้นต้นที่คุ้นเคย

เดียร์ มายลอร์ด
.......


เดียร์ เฟรยา

ขอบคุณสำหรับจดหมายและเสื้อกันหนาว ข้าสบายดี

ขอให้ความสุขสงบมาเยือนประเทศเราโดยเร็ว

เดวิส


เฟรยาอ่านจดหมายตอบฉบับแรกจากท่านดยุคแล้วก็นิ่วหน้า พลิกหน้าพลิกหลัง
เขย่าซองจดหมายก็แล้ว ไม่มีอะไรเพิ่มขึ้นมาเลย เนื้อหาในจดหมายช่างสั้นเสียจนน่าแปลกใจ


“ก็อย่างนี้แหละ ผู้ชายบางคนไม่ชอบเขียนจดหมาย”
แม่ชีบอกยามหล่อนเอาจดหมายจากเขาไปอวด
แม้จดหมายตอบกลับจะสั้นแต่แปลก...ที่เฟรยาจำได้ทุกตัวอักษร
วิธีการเขียนที่ลากหวัด เว้นช่องไฟเป็นระเบียบเป๊ะ


หล่อนจำได้แม้กระทั่งกลิ่นหมึกจางๆที่ส่งกลิ่นอยู่บนกระดาษ
การมีคนตอบรับความรู้สึกของเราที่เราส่งออกไปมันดีอย่างนี้นี่เอง
เฟรยาจึงมีกำลังใจที่จะเขียนอีก


เดวิสเปิดจดหมายจากหล่อน ท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของเฮนรี่และริชาร์ด กุสตาฟยืนอยู่มุมเต้นท์พักตามเคย


“หล่อนจะว่ายังไงบ้างนะ หล่อนจะว่ายังไง”
ริชาร์ดครางเพราะเขากับเฮนรี่ ช่วยกันบรรจงเขียนจดหมายตอบยาวสามหน้าให้ดยุคแห่งซอมเมอร์เซ็ทที่สาม ทว่าท่านดยุคหนุ่มกลับย่อให้เหลือเพียงสองบรรทัด
“นางตัดพ้ออะไรมาหรือเปล่า โธ่เอ๋ย...เดวิสข้าบอกแล้วให้ท่านเพิ่มถ้อยคำหวานๆกับนางหน่อย
ท่านเขียนจดหมายรักสั้นอย่างกับเขียนจดหมายทางทหาร”
เฮนรี่ตัดพ้อ


เดวิสนิ่วหน้า พอเพื่อนเขารู้เรื่องจดหมายของภรรยาเขาที่ชื่อเฟรยา ทุกคนไม่เป็นอันทำอะไร จ้ำจี้จ้ำไชให้เขาเขียนตอบ แถมยังคอยชะเง้อรอจดหมายแทนเขาเสียอีกแน่ะ ทั้งๆ ที่เขาคิดว่านี่ไม่ใช่จดหมายรักเสียหน่อย เหมือนบันทึกประจำวันรายงานเรื่องทั่วๆ ไปมากกว่า


“หล่อนพูดถึงต้นแอปเปิ้ลข้างกำแพง”
เขาตัดบทพร้อมกับพับจดหมายลงใส่ซองตามเดิม
“แค่นั้น...”
เพื่อนทั้งสองร้องพร้อมกัน
“ก็แค่นั้นน่ะสิ”
“ไม่มีการตัดพ้อต่อว่าที่เจ้าเขียนตอบนางไปสั้นๆอย่างนั้นเหรอ”


“ไม่มี”
เขาว่าพลางเอาจดหมายฉบับนั้นใส่ลงในกล่องเครื่องเขียน
“ขอดูจดหมายหน่อย เจ้าอาจจะลืมอ่านไปบางบรรทัด”

“มาควิสแห่งมองตาคิวที่ห้า เอิร์ลแห่งนอร์ทธัมเบอร์แลนด์ที่สอง พวกเจ้าไม่มีธุระอันใดไปทำแล้วรึถึงได้มาคอยยุ่งเรื่องชาวบ้าน”
เดวิสเสียงต่ำมองเพื่อนทั้งสองด้วยสายตาเย็นเยียบ เป็นอันรู้กันว่าดยุคหนุ่มกำลังฉุนเฉียวเข้าแล้ว
“การฝึกซ้อมแล้วก็การสอดแนมศัตรูไปถึงไหนแล้ว”


“ได้ครับมายลอร์ด”
ทั้งสองโค้งศีรษะต่ำย่อตัวลงแล้วกวาดมือล้อเลียน
“พวกข้าจะไปทำตามที่ท่านบัญชา เชิญท่านดื่มด่ำกับจดหมายรักจากภรรยาของท่านเถิดขอรับ”
แล้วทั้งสองก็เดินหัวเราะลั่นออกไป

นั่นประไร! เดวิสคิด ขนาดเจ้าพวกนั้นยังไม่รู้เนื้อความในจดหมายทั้งหมดยังล้อเลียนเขาถึงเพียงนี้
หากรู้ว่าในจดหมายนั้นมีกลีบสีขาวและเกสรสีเหลืองของ*******ดอกแม็กโนเลียส่งมาด้วยพร้อมกับถ้อยคำลงท้าย



ปล.ฉันเด็ดกลีบแม็กโนเลียจากโบสถ์มาฝากท่านด้วยค่ะ
ดอกไม้ต้นนี้บานอยู่ใกล้หน้าต่างของโบสถ์ และฟังเสียงสวดภาวนาของบาทหลวงมานาน คงจะได้รับพรจากพระเจ้าเต็มเปี่ยม ท่านเก็บไว้ใต้หมอนนะคะเวลานอนจะได้ช่วยขจัดฝันร้าย



ถ้าเจ้าพวกนั้นมาเห็นล่ะก็เขาจะทำหน้าอย่างไร...แค่คิดเขาก็ทำสีหน้าไม่ถูกแล้ว


+++++++++++++++++++++

*อีเลียด (Iliad) เป็นหนึ่งในสองบทกวีมหากาพย์กรีกโบราณของโฮเมอร์ ซึ่งเล่าเรื่องราวของสงครามเมืองทรอยในช่วงปีที่สิบอันเป็นปีที่สิ้นสุด สงคราม

**อคิลลีส(Achilles) ชาวเมอร์มิดอน บุตรนางอัปสรธีทิส เมื่อเด็กได้จุ่มร่างในแม่น้ำสติกส์อันศักดิ์สิทธิ์ ทำให้กายเป็นอมตะไม่ระคายคมดาบ เว้นแต่ที่ข้อเท้าซึ่งมารดากุมไว้ขณะจุ่มร่างทำให้เขามีจุดอ่อนที่ข้อเท้า

***แมนดราโกรา(Mandragola) เป็นพืชสมุนไพรเวทมนตร์ที่โด่งดังในยุคกลาง จึงเกี่ยวข้องกับมนตร์ดำซึ่งใช้ทำได้ทั้งยาเสน่ห์และยาเสพติด และเชื่อว่ามีผีสิงอยู่ในราก ซึ่งหากถอนขึ้นมาผีที่สิงอยู่ในรากจะกรีดร้อง

****อิคดาซิล(Yggdrasil)พฤกษาแห่งเอกภพตามตำนานสแกนดิเนเวียน เป็นต้นไม้ยักษ์ที่สัมพันธ์กับทุกชีวิตในเอกภพ มีรากแก้ว 3 ราก รากหนึ่งฝังลงไปในสวรรค์ รากหนึ่งฝังลงในดินแดนยักษ์ และอีกรากหนึ่งฝังลงในนรก

*****นาซิสซัส(Narcissus) ดอกจุ๊ยเซียน ดอกไม้ชนิดหนึ่งที่ออกดอกแล้วจะเติบโตบนชายฝั่งแม่น้ำและมองภาพสะท้อนของตัว มันบนสายน้ำ มีที่มาจากปรณัมกรีกเกี่ยวกับชายที่หลงในรูปโฉมของตนเอง

******"Achilles’ heel" เป็นสำนวนในภาษาอังกฤษหมายถึง จุดอ่อน(ดูเชิงอรรถอคิลลิส-ผู้เขียน)

*******แม็กโนเลีย(Magnolia)ดอกไม้ชนิดหนึ่งที่ชอบอากาศหนาวเย็น มีกลีบดอกที่ทั้งหนาและใหญ่ แต่ก็มีกลิ่นหอมชวนดม




 

Create Date : 09 มีนาคม 2553
1 comments
Last Update : 9 มีนาคม 2553 23:16:02 น.
Counter : 456 Pageviews.

 

แหมๆๆ ท่านดยุค แอบอายกับเขาเป็นด้วย ๕๕๕

 

โดย: grazioso IP: 203.144.144.164 19 มีนาคม 2553 8:35:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


จโกระ&ลาชา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Something has come and gone,and that it 's all.


free counters
Friends' blogs
[Add จโกระ&ลาชา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.