Group Blog
 
 
ตุลาคม 2556
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
9 ตุลาคม 2556
 
All Blogs
 

Gravity (2013) : ลงตัว และสมบูรณ์แบบ...

Gravity(9/10)




....เมื่อกระสวยอวกาศถูกปล่อยตัวขึ้นจากพื้นโลก


ถ้าจะพูดถึงภาพยนตร์ที่มีกระแสแรงที่สุดในช่วงนี้ไม่ว่าจะเป็นทั้งด้านรายได้ และคำวิจารณ์ก็คงจะไม่มีเรื่องไหนแรงเท่าภาพยนตร์อวกาศสุดระทึกเรื่อง “Gravity” แน่นอน การันตีฝีมือกำกับ, ผู้สร้าง,เขียนบท และตัดต่อโดย Alfonso Cuarónผู้ที่เคยเข้าชิงออสการ์มาแล้ว บวกกับการแสดงของนักแสดงชั้นนำระดับโลกอย่าง Sandra Bullock และ George Clooney ยิ่งการันตีคุณภาพ

มาดูรายละเอียดในแต่ละด้านกันก่อนด้านรายได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้เหล่ากูรูด้านภาพยนตร์ได้คาดการณ์รายได้ของภาพยนตร์เรื่องนี้จะเปิดตัวที่ 45ล้านเหรียญแต่.... ในความเป็นจริง ปรากฏว่ารายได้เปิดตัวกลับขึ้นไปสูงถึง 55.7 ล้านเหรียญ สร้างประวัติศาสตร์เป็นภาพยนตร์ที่เปิดตัวสูงที่สุดในเดือนตุลาคมไปเป็นที่เรียบร้อยสร้างความตกตะลึงให้กับเหล่ากูรูกันเลยทีเดียวโดยรายได้ส่วนใหญ่ก็มาจากระบบสามมิติตามแนวทางที่รูปแบบภาพยนตร์ได้วางไว้

ส่วนด้านคำวิจารณ์ก็ถือว่าได้รับคำวิจารณ์ในด้านบวกมากในลำดับต้นๆของปี 2013 เลยทีเดียวโดยจากเว็บมะเขือเน่า (RottenTomatoes) มีนักวิจารณ์ชอบมากถึง 97% (220คน จากทั้งหมด 226คน ชอบเรื่องนี้ อัพเดท 9/10/2013 20:30) และคะแนนเฉลี่ยยังสูงถึง 9.1/10 อีกด้วยซึ่งถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่มีคะแนนเฉลี่ยสูงอันดับต้นๆในประวิติศาสตร์เลยทีเดียวในขณะที่อีกฝั่ง คือ Metacrictics ที่รวบรวมคำวิจารณ์จากหลายๆแหล่งปรากฏว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้คะแนนวิจารณ์ไป 96% จากคำวิจารณ์ทั้งหมด48 รีวิว โดยมีรีวิวที่ให้คะแนนภาพยนตร์เรื่องนี้ 100%สูงถึง 27 รีวิวกันเลยทีเดียว

ดังนั้นด้านคุณภาพเรื่องนี้การันตีอยู่แล้ว และแน่นอนในสายตาของนักวิจารณ์ ส่วนในสายตาของจขกท เอง ก็ขอมองในหลายๆมุมในหลายๆรูปแบบ ดังที่จะเขียนวิจารณ์ดังต่อไปนี้


.....เมื่อยานอวกาศเข้าสู่การปฏิบัติภารกิจ


ภาพยนตร์เรื่อง Gravity ถือเป็นภาพยนตร์ที่มีความโดดเด่นในหลายๆด้าน ซึ่งเมื่อผสมผสานกัน จึงทำให้กลายเป็นภาพยนตร์ที่เรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์อีกเรื่องนึงของประวัติศาสตร์โลกเลยทีเดียว ดังนั้น จขกทเองจึงขอวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องนี้ในหลายๆรูปแบบเพื่อง่ายต่อการอ่านนะครับ


- เรื่องนี้บทอ่อนไปนะ?

ตัวบทของภาพยนตร์เรื่องนี้ค่อยข้างที่จะน้อย ไม่โดดเด่นเท่าด้านอื่นๆ ซึ่งถ้ามองดูเผินๆ บทก็แทบจะไม่มีอะไรแต่ถ้ามองในอีกแง่ บทที่มีในเรื่องแต่ละบท บางครั้งอาจจะฝังแนวคิดที่ลึกซึ้งเพื่อบ่งบอกถึงตัวละครในเรื่องก็เป็นได้อยากเช่น บทตอนนางเอกลอยในอวกาศกับ Mattแล้วพูดถึงชีวิตเก่าๆที่ผ่านมา ตรงนี้ส่วนตัวมองว่าบทธรรมดามาก แต่มันกลับทำให้ความรู้สึกตอนนั้นมันเคว้งคว้างโดดเดี่ยวใจ และดูใจหาย ซึ่งหนังแทรกความรู้สึกด้วยการบอกปริมาณออกซิเจนมันยิ่งทำให้ความรู้สึกดาวน์ลงไปเรื่อยๆ ตรงนี้แหละที่มองว่าทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมาก เพราะถ้ายัดบทที่หนักเข้าไปความรู้สึกของคนดูจะมุ่งไปที่บททันที แต่เรื่องนี้เน้นบทเบาแต่ใช้เทคนิคการถ่ายทำและมุมกล้องจนทำให้เรารู้สึกว่าเราเข้าไปและมีความรู้สึกที่เกิดขึ้นณ ตอนนั้นจริงๆ นี่น่าจะเป็นความต้องการของ ผกก ที่จะทำให้เราเข้าไปอยู่ในโลกของอวกาศจริงๆไม่ใช่มานั่งเพ้อเจ้อเรื่องดราม่าให้หนักจนเกินไป เอาจริงๆนะครับ ณเวลาที่คุณกำลังจะหมดชีวิต หมดกำลังใจคงไม่มีใครมานั่งคิดถึงเรื่องที่มันซับซ้อนซ่อนเงื่อนหรอกครับ (คุณว่าไหม?? ฮ่าๆๆ)

ในอีกหลายๆฉากที่ส่วนตัวเองรู้สึกว่ามันน้อย แต่มีประเด็น เช่น ฉากที่นางเอกหลอน ว่า Matt มาช่วยใจจริงอยากให้หลอนหนักกว่านี้ แต่ตัวบทให้มาแค่นี้...ฉากนี้จับจุดได้ตรงที่นางเอกถามว่า “คุณกลับมาได้อย่างไง?”เหมือนนางเอกพยายามเน้นถาม(ประมาณ)อย่างนี้สองถึงสามครั้ง นั่นแสดงให้เห็นว่านางเอกเองก็เป็นคนที่ค่อยข้างที่เชื่อมั่น ยึดมั่นในความคิดของตนเองอย่างฉากที่สั่งยกเลิกภารกิจ แต่นางเอกก็ยังยืนยัดที่จะทำต่อ จนในสุดท้าย ก็หมุนหมุน และหมุน.....


- ดนตรีเรื่องนี้ทำไมแปลกๆ เดี๋ยวเงียบเดี๋ยวระทึก

เรื่องนี้ ดนตรีถือว่าโดดเด่นมากๆถึงแม้บางฉากในเรื่องแทบจะไม่มีดนตรี เพราะดูเหมือน ผกกจะใช้ดนตรีประกอบแบบไล่เสียง คือระดับเสียงของดนตรีจะเพิ่มเรื่อยๆตอนเริ่มต้นของดนตรีจะเป็นเสียงที่จังหวะคล้ายกับการเต้นของหัวใจจากนั้นพอถึงฉากพีคๆ ดนตรีก็จะกระหน่ำใส่เต็มที่ จนบางทีก็ลุ้นก็แทบจะหยุดหายใจจึงไม่แปลกเวลาที่ใครฟัง OriginalScore ของเรื่องนี้ จะบ่นว่า ทำไมบางแทร็คมันเบาเกินไปแต่บางแทร็คที่ลุ้นจนแทบจะต้องลดระดับเสียงลง ในเรื่องนี้ดนตรีและเสียงถือว่าสำคัญมากถึงแม้หนังจะเปรยว่า ในอวกาศจะไม่มีเสียงก็ตาม..


-เทคนิคพิเศษของภาพยนตร์เรื่องนี้ ดีเท่าเรื่องอื่นๆไหม

สำหรับเทคนิคพิเศษของเรื่องนี้ขอบอกเลยว่าสุดยอดมากๆครับ รูปแบบการถ่ายทำมาคล้ายกับภาพยนตร์เรื่อง Avatar คือสามารถใช้ระบบสามมิติได้คุ้ม เพราะมุมกล้อง หรือตัดต่อทุกอย่างมันลงตัว จนทำให้เกิดเป็นระบบสามมิติที่สมบูรณ์แบบ จขกท เองได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ในโรง IMAX 3D ที่พารากอนยอมรับเลยว่าคุ้มทุกบาททุกสตางค์ครับ ฉากสามมิติ เน้นความลึกของภาพก็มีและทำออกมาได้เยี่ยมมาก ในขณะเดียวกัน ฉากสามมิติแบบพุ่งเข้าหน้าก็เยอะจนแทบจะหลับตากันเลยทีเดียว


-ฉากไหนยอดเยี่ยมที่สุด

ถ้าพูดถึงการถ่ายทำมุมกล้องและการตัดต่อ คงเป็นฉากลองเทคที่นางเอกอยู่บนแขนของตัวยาน (ฉากต้นเรื่อง)เพื่อทำการซ่อมเครื่อง ฉากนี้ทั้งมุมกล้องและตัดต่อดีมากๆ เห็นแล้วอึ้งเลยครับยิ่งถ้าดูในโรงยิ่งสุดยอดและอลังกาลมากๆส่วนตัวยกให้เป็นฉากลองเทคที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลยครับ

ฉากที่ยอดเยี่ยมอีกฉากหนึ่งคือฉากที่นางเอกออกจากยาน เพื่อไปปลดร่มชูชีพออกจากตัวยาน แล้วปรากฏว่าเศษของขยะโคจรมาพอดี ฉากนี้สามมิติเยี่ยมมากๆ พุ่งกันกระจาย จนแทบจะหยุดหายใจ เพราะอึ้งมากจนถึงมากที่สุด แบบว่า.. อึ้งและลุ้นสุดๆ.... ซึ่งพอดูฉากนี้เสร็จจะรู้สึกผ่อนคลายและสบายขึ้นมาทันที


-ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ เหนื่อยและเหงื่อออกเลย

อันนี้ จขกท เป็นครับเพราะตอนดูเรื่องนี้ รู้สึกเหมือนกับว่าปริมาณออกซิเจนในโรงหนังจะน้อยลงทุกทีและยิ่งฉากไหนที่มีเสียงนางเอกหายใจ อยากจะบอกว่า ผมก็หายใจตามนางเอกอ่ะครับ คืออินมากๆจนบางทีก็เหนื่อยกันเลยทีเดียว ยิ่งเจอฉากลุ้นๆและดนตรีหนักๆเข้าไป บรรยายไม่ออกเลยจริงๆ...


-ฉากจบ

ฉากจบค่อนข้างลุ้นและรู้สึกโล่งใจไปพร้อมๆกับนางเอก จากทั้งเรื่องจะเห็นว่า ผกกจะพยายามเน้นการถ่ายทำเพื่อโชว์รุปแบบการถ่ายทำ ทั้งเทคนิคพิเศษและบรรยากาศต่างๆแต่ตอนจบ ส่วนตัวประทับใจที่หนังจับมาที่นางเอกโดยตรงซึ่งทำให้คนดูยิ่งอินเข้าไปอีกขั้น…


-ขอบ่นๆ

ส่วนตัวขอบ่นนิดหน่อยตรงประเด็นที่ว่านางเอกเหมือนจะป่วย และมีปัญหาด้านสุขภาพ (การหายใจ) ตอนต้นเรื่องตัวหนังพยายามเน้นเรื่องนี้มาก ถามตั้งหลายครั้งแต่ทำไมตอนท้ายๆเรื่องกลับไม่ให้ความสำคัญเรื่องนี้เลย ซึ่งตามความจริงสามารถนำประเด็นนี้มาจุดประกายให้แม่แสงดาวแสดงแอคติ้งได้เลยนะแอบเสียดาย..


-ขำ

ฉากจบ ตอนที่ยานลงสู่แม่น้ำแล้วมีใครคิดต่อไหมว่า อาจจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นอีก ซึ่ง จขกท คิดต่อและลุ้นต่อทั้งๆที่สุดท้ายก็ไม่มีอะไร ฉากลุกขึ้นยืน อันนี้ถือเป็นช๊อตเด็ดที่ส่วนตัวคิดว่าต้องมีซึ่งก็ถือว่าทำออกมาได้โอเคเลย เพราะลุ้นและเกร็งช่วยนางเอกตลอด(ทำให้นึกถึงเรื่อง KillBill 1 ตอนที่ออกจากโรงพยาบาล หลังจากที่นอนเป็นปีแล้วต้องขยับนิ้วเท้า อันนั้นลุ้นกว่าเรื่องนี้อีก ... ถามว่าเกี่ยวกันไหม..ฮ่าๆๆ)

เพื่อน จขกท ก็คิดขำๆกันว่ากบแย่งซีนนางเอก!!นางเอกรอดจากอวกาศมาโดนสาหร่ายรัดคอ!! อะไรประมาณนี้555+


.....เมื่อยานอวกาศกลับเข้าสู่พื้นโลก


Gravity ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่สร้างปรากฏการณ์การชมภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์โลกการใช้เทคนิคเข้ามาช่วยทำให้ผู้ชมเข้ามามีส่วนร่วมหรืออินกับตัวหนังมากขึ้นซึ่งในยุคปัจจุบัน เทคโนโลยีก็เจริญก้าวหน้า จขกท เอง ก็หวังว่าจะได้รับชมภาพยนตร์ที่ทุกอย่างลงตัวและสมบูรณ์แบบได้อย่างนี้ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า...




 

Create Date : 09 ตุลาคม 2556
2 comments
Last Update : 9 ตุลาคม 2556 21:11:50 น.
Counter : 2277 Pageviews.

 

อืมมม... ตอนดูไม่ได้สังเกตเลยว่ามีลองเทคตอนไหน 55+
ส่วนตัวชอบลองเทคในเรื่องเก่าๆของผกก.นี้ อย่าง children of men มากกว่าค่ะ

 

โดย: kunaom 12 ตุลาคม 2556 16:01:06 น.  

 

แทบจะทุกฉากเลยครับ แต่หนังจะใช้มุมกล้อง จนบางทีเราอาจจะอึ้งจนลืมไปว่า หนังไม่ได้ตัดต่อเลย
เพื่อนผมก็เป็นครับ ตอนออกจากโรงหนัง ผมบอกว่าฉากลองเทคเป้ะมากๆ เพื่อนผมก็สงสัยว่า มีด้วยเหรอ? ฮ่าๆๆ

 

โดย: ChaiGimme IP: 203.144.139.140 14 ตุลาคม 2556 16:55:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ChaiGimme
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ChaiGimme's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.