www.Chadalaem.com // Welcome to my Beauti-land
Group Blog
 
<<
กันยายน 2555
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
22 กันยายน 2555
 
All Blogs
 
ประสบการณ์วิกฤติ วินาที ชีวิต

เป็นเหตุการณ์หนึ่งที่สำคัญมากในชีวิต ที่เราคิดว่าเราอาจจะตายเสียแล้ว จึงขอเขียนเอาไว้ เตือนใจ เตือนสติตัวเอง ที่วันนี้เรายังมีชีวิต ไม่สูญเสียร่างกาย ต้องทำให้ครอบครัวเสียใจ และ เข้าใจมากยิ่งขึ้นว่า ทุกเวลายังมีคุณค่า


ต่อจากนี้ไป ทุกวันอยากจะขอปรับปรุง สิ่งต่างๆ ที่เราอาจจะมองข้าม ทำไม่ดี หรือ ยังไม่ได้ทำอะไรเสียใหม่ ให้ดีขึ้น ให้เหมือนกับการได้ โอกาสเหมือนเราได้เกิดใหม่ จากเหตุการณ์เลวร้ายนี้ และ จะไม่มีอีกแล้วที่จะเกิดเหตุการณ์เสี่ยงแบบนี้โดยปราศจากการคิดไตร่ตรอง และความรอบคอบ ส่วนที่นอกเหนือจากนี้ คงเป็นเพราะโชคชะตาก็สุดแต่ที่เราจะควบคุมได้


เมือวันที่ 20 กันยายน 2555/2012 ที่ผ่านมา เราขับรถจากบางแสนมุ่งหน้าไปดูคอนเสริ์ต noel gallagher's high flying birds ที่ bitec บางนา พอจบคอนเสิร์ตราว 23 นาฬิกา เราก็ขับรถกลับบางแสน โดยใช้ทางด่วน บูรพาวิถี คืนนั้นฝนตกพรำๆ ตลอด พอลงทางด่วนก็เข้าสู่เขตชลบุรี ขับมาถึงทางแยก ก็จะมีเส้นทางที่แยกไป ทางหนึ่ง คือ ทางซ้าย ไป พัทยา-บางแสน คือ ทางเลี่ยงเมืองชลบุรี อีกทางหนึ่ง คือ ทางตรง เข้าชลบุรี


ปกติ กลับดึกแบบนี้ เรามักจะขับเลยเส้นทางซ้ายเสมอ ก็จะเข้าตัวเมืองชลบุรี ตลอด แต่คืนนั้น เราเลือกที่จะไปทางเลี่ยงชลบุรี เพื่อจะได้ไม่ต้องเข้าตัวเมือง ไปติดไฟแดงหลายทอดกว่าจะเข้าบางแสน ขับมาเรือยๆ ตามปกติ เข้าเส้นทางเลี่ยงเมือง จนมาถึงตรงบายพาสแยกพนัสนิคม ขับมาเลยบริษัทปูนซีเมนต์ไทยได้ระยะหนึ่ง ก็จะมีช่วงโค้งของถนน ถนนเส้นนี้เป็นเส้นหลักใหญ่ มีสามเลนใหญ่ แล้วก็ มีรถพ่วงวิ่งประจำ ทั้งในเวลากลางวัน และกลางคืน ปกติเราจะวิ่งเส้นนี้เวลาที่เรากลับจากจันทบุรี แล้วกลับมาบางแสน โดยจะกลับมาเวลา กลางวันบ้าง เย็นบ้าง ค่ำบ้าง แต่ไม่ใช่วันฝนตก และดึกขนาดนี้


เราขับมาถึงถนนช่วงนี้เวลาประมาณราวๆ เกือบจะเทียงคืน เราขับเข้าเลนขวา ความเร็วน่าจะอยู่ที่ 80-100 ไม่น่าเกินนี้ พอถึงช่วงโค้งถนน ก็พบว่า มีแอ่งน้ำอยู่ที่เลนขวาสุดที่เรากำลังวิ่งอยู่ ซึ่งเราเปลี่ยนเลนไม่ทันแล้ว สิ่งสุดท้ายจากภาพแอ่งน้ำข้างหน้าคือ เราร้อง เฮ๊ย ตกใจ แล้วก็จำอะไรไม่ได้ เหมือนภาพการมองเห็น ดับ มืดไปหมด คาิดว่าเราอาจจะหลับตา หรือวูบ หรือ อะไรก็ไม่รู้ -- บอกตรงๆ จำไม่ได้ว่า ช่วงขา เหยียบเบรค เหยียบคันเร่ง หรือ ปล่อยไปเลย


จากนั้นมารู้สึกตัวเห็นแค่ตัวเราเอง จับพวงมาลัยเหมือนหักไปซ้ายสุด ตัวเราเอนไปทางซ้าย รอบตัวมืด ไม่สามารถโฟกัสอะไรได้ จำได้แม่นว่า เราพูดประมาณว่า ตายแน่กู จากนั้น ทุกอย่างก็ดับไปอีก มารู้สึกตัวอีกที ภาพสว่างเรานั่งอยุ่ในรถ และน้ำเข้ามาที่ขาแล้ว เราหันไปมองรอบตัวอย่างเร็ว พบว่า ในรถมีแต่น้ำ สติคิดอย่างรวดเร็ว ว่ารถเราคงตกน้ำ และรถอาจจะกำลังจมลงๆ เราพยายามง้าเปิดประตูด้านขวามือด้านคนขับ แต่เปิดไม่ออก (ไม่แน่ใจว่าเราได้เปิดตัวล็อคหรือเปล่า จำได้แค่ว่า ง้างที่เปิดแต่ประตูเปิดไม่ออก) จึงหันไปข้างคนขับ น้ำท่วมเบาะแล้วเหมือนกัน กระเป๋ากระจัดกระจาย ข้าวของในรถ ซีดีอะไร อยู่ในน้ำหมดแล้ว จากนั้น เปิดล็อคประตูข้างคนขับแล้วปีนเปิดประตูรถ ออกมา

พบว่าข้างหน้า เป็นหญ้าที่ขึ้นข้างทางต้นหนาๆ สูงๆ เราขึ้นไม่ได้ ต้องก้าวยาวๆ ปีนขึ้น เราออกมาจากรถ แบบไม่มีรองเท้า เราใส่เสื้อขาวแขนยาว กางเกงยีนส์ขาสั้น พอเงยหน้าขึ้นบนถนน พบว่า มีรถพ่วง จอดกระพริบไฟ ฉุกเฉิน เราตะโกนร้อง ช่วยด้วย ช่วยด้วย หลายครั้ง จากนั้นมีพี่ผู้ชายวิ่งอ้อมมาทางด้านหลังของรถ วิ่งมาแล้วก็พูดไปด้วย - น้องเป็นอะไรไหม


เราร้องช่วยด้วยๆ พี่ช่วยดึงเราขึ้นไปที เขาดึงแขนเราปีนขึ้นไปขอบถนน แล้วถามเราว่าเป็นอะไรไหม มีใครบาดเจ็บไหม ใครมาด้วย อะไรทำนองนี้ จำได้ไม่หมด ขอบอกว่า วูบแรกหลังจากเราขึ้นไปบนถนนได้แล้ว เราคิดทันทีว่า คนๆ นี้ เป็นคนดีหรือเปล่า เขาจะทำอันตรายเราหรือเปล่า แต่เราก็ยกมือ ไหว้เขา ขอบคุณเขามากที่ช่วยเรา เราไหว้ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พี่คนขับรถพ่วงบอกเราว่า เขาเห็นตั้งรถเราตกในน้ำแล้ว เขาขับตามมา เขาก็รีบมาจอด ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรเราทันไหม จากนั้นเขาก็บอกว่า เขาจะเรียก หน่วยกู้ภัีย แล้วเขาก็วิ่งกลับไปที่หน้ารถ จุดที่รถตกน้ำ อยู่ตรงข้ามกับวัดจีนเลย


เรามองตามไป แล้วเราก็มองรถ เห็นว่า ตกอยู่ในน้ำ ลักษณะ หันหน้ารถเหมือนย้อนสวนทางกับเส้นทางเดินรถ รถทั้งคันอยู่ในน้ำ แต่ฝั่งคนขับตะแคงเอียงไปในน้ำมากกว่าทางซ้าย ซึ่งมีกอหญ้าดันให้สูงกว่า ขณะนั้น เครืองยนต์ยังติดอยู่  ( เราใช้รถ mazda 2 sedan รุ่นรองทอป โชคสปอร์ต เพิ่มไฟตัดหมอก ที่เหลือคือ ไม่ได้เพิ่มอะไร เพิ่งเช็คระยะไปสัปดาห์ก่อนเกิดเหตุ ใช้งานมาครบ 2 ปีแล้ว ยังไม่ได้เปลียนยางใหม่ แต่ได้ทำการสลับยางหนัาหลัง สลับข้างยางไปด้วย) โชคดีที่ไม่มีรถตามเรามา

พอพี่คนขับรถพ่วงกลับมาบอกว่า เขาเรียกกู้ภัยแล้ว เขายืนเป็นเพือนเรา ฝนตกพรำๆ เวลาเกิดเหตุน่าจะเที่ยงคืน เข้าวันที่ 21 กันยายน 2555/2012 แล้ว ระหว่างรอกู้ภัย พี่เขาบอกว่า มีไรในรถไหมให้ลงไปเอา เขาจะลงไปเอาให้ เราบอกว่าเราลงไปเอง เราตัวเบากว่าเขา เราวานให้เขาจับมือ หย่อนลงไป สำรวจว่ามีอะไรทีเ่ราต้องการ เราควานหาโทรศัพท์ หาไม่เจอ คิดว่าตกน้ำที่ไหนสักแห่งในรถ เอากระเป๋าสะพายที่วางบนเบาะข้างคนขับ ในกระเป๋า มีกระเป๋าเงิน กุญแจคอนโด


กู้ภัยมาถึงแล้ว ถามเราว่า เป็นอะไรไหม คนเจ็บมีไหม ฯลฯ  แล้วเขาบอกเราอีกว่าลืมอะไรไหมในรถให้ลงไปเอา เราเข้าไปอีก เอาเอกสารสำคัญและของทั้งหมดในช่องเก็บของข้างคนขับที่ไม่เปียกน้ำ ออกมา มีเอกสารเกียวกับรถ ประกันชีวิตเรา ประกันรถ ซึ่ง ทั้งสองอย่าง เราเพิ่งต่ออายุไป ไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ และพบกล้องถ่ายรูปที่โชคดีไม่ตกน้ำ แต่กลับอยู่ตรงช่องใส่เหรียญข้างทีเ่ปิดประตูด้านคนขับ บอกตรงๆ จำไม่ได้เลยว่า กล้องไปอยู่ตรงนั้นได้ไง คิดว่าอยู่ในกระเป๋าสะพายหรือ วางที่เบาะข้างคนขับ (นึกขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยให้กล้องไม่พัง เพราะงานเราอยู่ในนี้หมดเลย) เราไม่ลืมที่จะลงไปเอาพระทั้งหมดที่อยู่ด้านหน้าคอนโซลมาด้วย มี  4 องค์ จริงๆ มีพระอีกองค์อยู่ในพวกกุญแจรถยนต์ แต่เราไม่ได้เอามาด้วยตอนนั้น รถเราเจิมมาจากเซียนซือที่จันท์


พี่คนขับรถพ่วง และกู้ภัยคนแรก ถามว่า เกิดอะไรขึ้น เราบอกว่า รถแฉลบน้ำที่เจิ่งนองตรงช่วงโค้ง พวกเขาบอกเราว่า จุดที่เรารถแฉลบน้ำนั้น สัปดาห์นี้ เกิดเหตุแล้ว 7 ราย มีคนแจ้งให้ ส่วนราชการที่ต้องดูแลแก้ไขการระบายน้ำ และช่วงถนน แต่ไม่มีการแก้ไข ทำให้เกิดเหตุเรือยมา โอยฟังแล้ว มันโมโหมาก เหี้ยเอ๊ยยยยยย แต่ส่วนหนึ่งก็ความผิดเราด้วยที่เราไม่ระวังเอง (ในภายหลังพี่ประกันก็บอกอีกเช่นเดียวกันนี้ ) รวมถึง ทั้ง 3 คนยังบอกเหมือนกันว่า ถนนเส้นนี้ ถ้าฝนตก ไม่ควรมา เพราะคนที่ไม่ชินทาง มักไม่รู้ว่า จะมีแอ่งน้ำตรงนี้ ส่วนใหญ่เขาจะขับเลนกลางและซ้ายกัน ทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยมาก บางทีไม่แฉลบก็โดนรถอีกคันขับแล้วน้ำสาดใส่หน้ากระจก พอคนขับมองไม่เห็นก็เบรค รถตามก็ชน เป็นต้น


สักพักนึง ทีมกู้ภัยมากันใหญ่ ต่างก็มาดูว่าเกิดอะไรขึ้น มีคนหนึ่งบอกว่า เีรียกรถยกหรือยัง เราบอกว่าเราจะโทรหาประกัน เรายืมโทรศัพท์น้องกู้ภัยโทรหาประกัน กู้ภัยบางคนบอกว่า รอตั้งนานกว่าจะมา เราใช้ประกันวิริยะ เขาบอกว่า ให้เรียกรถยกเลยเหอะ รถแช่น้ำนานยัง เดี๋ยวเครืองน้ำเข้าแล้ว ตอนนี้รถดับไปแล้ว แต่ไฟเลี้ยวซ้ายติดอยู่ ที่ปัดน้ำฝนก็ยังปัิดอยู่ เราก็เลยตัดสินใจคุยกะรถยก ที่กู้ภัยคนหนึ่งเสนอให้และโทรไปให้ อย่างแรกเราถามเรืองค่าใช้จ่าย เขาบอกว่า 4,500 บาท จ่ายไปก่อน ค่อยไปเบิกกะประกันก็ได้ รถยกเขามีเครนอย่างดี รถประกันไม่มีนะ รถเขายกแล้วรถไม่ช้ำ ฟังแล้วตกใจเลย ไอ้ห่า เมิงจะเอาเงินสดจากกู ตอนนี้เลย ใครจะพกเงิน สี่ซ้า ห้าพัน แล้วเมิงจะให้กุไปกดเงินที่ไหน โอ๊ย ปิ๊ดด แต่ทำไรไม่ได้ คิดอย่างเร็ว บอกว่า ให้มาเลย


**เพิ่มเติมนึกขึ้นมาได้ รถยกนี้เป็นรถที่มีเครนอย่างดี แต่เห็นประกันเล่าว่า เมือก่อนเคยอยู่ในทีมดีลงานกับประกัน เวลามีเหตุ ตกลงราคากันไว้ 2000-2500 บาท แต่ รถยกนี้ ไปชาร์คลูกค้าประกันเพิ่มอีก ทำให้ประกันเสียความน่าเชื่อถือ จึงตัดออกจากการดีลงาน


จากนั้น กู้ภัยคนที่เรายืมโทรศัพท์แจ้งประกันบอกว่าประกันโทรกลับมา เราโทรกลับคุยประกันบอกว่า เขามาพร้อมรถยกเลยไหม เขามาถึงไหนแล้ว ปกติรู้กันว่า ประกันมักจะช้า แต่โชคดีมาก เขาอยู่แถวๆ ระยะที่เราเกิดเหตุแล้ว สักพักก็มาถึง โดยที่ถึงก่อน รถยกพร้อมเครน พอรถเครนมา เจ้าหน้าทีประกันเลยสกัดคนขับรถเครนนั้นไม่ให้ยกรถเรา บอกว่า รถยกของประกันกำลังมาแล้ว (เราทำประกันชั้น 1 ไม่ต้องเสียค่าอะไรทั้งนั้น ค่าซ่อมด้วย ยกเว้น พวกสารเหลว น้ำมันเบรค น้ำมั้นเครือง เราต้องเสียเอง และ ถ้าแบตเสีย ประกันออกให้ครึ่งหนึ่ง) * ต้องขอบคุณที่เขามาทันก่อนเราจะต้องเสียเงิน ถ้ารถเครนมาก่อนแล้วยกรถแล้ว เราคงต้องเสียเงินแน่ๆ ตอนนั้นมีตังค์ 1,000 เดียว


ระกว่างรอรถยกประกัน เจ้าหน้าที่สอบถามเราเอกสารต่างๆ เราเอาออกมาหมดแล้ว ให้ข้อมูลกับประกัน สักพักรถยกประกันก็มา ลงไปเกียวลากน้อง shape บ๊ะ กว่าจะขึ้นนานพอดี ลากกันยาวเลย ยังไม่เห็นสภาพรถด้านขวา แต่ข้างซ้ายทุกอย่างโอเค นอกจากระดับน้ำสูงกว่าเดิมตอนที่เราออกมาทีแรกแล้ว ตอนนี้ ข้างที่ตะแคงสูงกว่า น้ำท่วมเบาะแล้ว แปลว่าด้านคนขับก็ต่ำกว่าท่วมสูงกว่า

ลุงขับรถยก และเจ้าหน้าที่ประกับบอกว่า ให้เราสำรวจข้าวของในรถอีกครั้งว่ามีของมีค่าอะไรไหม ก็เลยสำรวจอีกครั้งเจอแว่นกันแดด และโทรศัพท์เน่าๆ เพราะจะลากไปอู่ซ่อมรถตกน้ำโดยเฉพาะ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ พระเจ้า ฟังแล้วรู้สึกว่า เฮ๊ย ทำไมประจวบเหมาะ อู่รถตกน้ำมาอยู่แถวนี้ * ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งที่รถจะได้ไปถึงจุดซ่อมแซมได้ง่ายขึ้น


เชื่อไหมเรานึกถึงอยากจะโทรบอกเพือนที่ออฟฟิตที่ อยู่ใกล้สุด แต่เราจำเบอร์ใครไม่ได้ เพราะเราเมมไว้ ไม่รู้จักจำเอง จำได้แต่เบอร์บ้านที่จันท์ ซึ่งตอนนั้นโทรไปคงไม่ช่วยอะไรกับสถานการณ์ได้ เราต้องแก้ไขทุกอย่างด้วยตัวเองให้เสร็จก่อน เบอร์เดียวที่มีคือ เบอร์ประกัน วิริยะ 1557 ภายหลังประกันก็บอกเราว่า อย่างกรณีเรา อยู่คนเดียว ไปไหนคนเดียว ถ้าหากเกิดอะไรขึ้น โดยที่เราไม่มีสติอยู่ให้ข้อมูลแล้วนั้น เราควรเตรียมเอกสารทุกอย่างที่สำคัญไว้ในรถให้พร้อม ถ่ายเอกสารให้เป็นชุดๆ พร้อมเขียนเบอร์โทรญาติ หรือ คนที่สามารถติดต่อได้ * ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ประกันภัยมากอีกครั้ง ถึงตอนนี้แล้ว พี่ขับรถพ่วงหายไปแล้ว เรายังไม่ทันถามชื่อ เบอร์โทรเขาเลยที่เขาช่วยเราคนแรก ได้แค่ไหว้ขอบคุณ ขอบคุณพี่มาก ขอโทษที่แวบแรกเรานึกแคลงใจว่าพี่เป็นคนดีหรือเปล่า จะทำร้ายเราหรือเปล่า


เจ้าหน้าที่ประกันไปส่งเราหลังจากเคลียร์ทุกอย่างเสร็จ ราวๆ 2.30 น. วันที่ 21 กันยา พอถึงคอนโด น้ายามเดินมาดูรถ เราบอกน้าว่า รถเราประสบอุบัติเหตุ เจ้าหน้าที่มาส่ง น้ายามบอกว่า เขารอเราทำไมยังไม่กลับมา ก็เป็นห่วง แล้วก็ตกใจมากตอนเราบอก เจ้าหน้าที่บอกว่าเขาจะมารับเราก็ได้เพราะเราไม่มีรถไปทำเรืองวันพรุ่งนี้กับเขา ก็เลยวานเขามารับตอน 10 โมงเช้าของวันที่ 21 กันยา จากนั้นเราก็เล่าให้น้ายามฟัง แล้วขึ้นไปห้อง กะโทรหาแม่จากโทรศัพท์คอนโด ปรากฎว่า โทรออกไม่ได้ สุดท้ายลงมายืมโทรศัพท์น้ายามโทรหาแม่ เล่าให้แม่ฟัง


ที่บ้านตกใจกันมากเพราะการที่มีโทรศัพท์โทรเข้าเบอร์บ้านในเวลาตีสองกว่า คงไม่ใช่เรืองดีแน่ พอรู้เรืองแม่คงตกใจมาก แต่เราบอกว่าเราไม่เป็นไร แม่และน้องชาย ไม่อยากให้เราไปไหนกลางคืนคนเดียว แล้วก็ฝนตกต้องระวัง รวมถึงการขับรถเร็วของเราด้วย เราเข้าใจแล้ว เราขอโทษ เราเกือบทำให้ทุกคนเสียใจแล้ว ถ้าเราตายไป หรือ ถ้าเราเจ็บหนัก หรือ ไม่สมประกอบคงทำให้ทุกคนแย่มาก

กว่าจะคุยกะที่บ้านเสร็จ ลองเทสโทรเข้าหาเบอร์ห้องเราที่คอนโด เพือให้แน่ใจว่า เรายังติดต่อได้ในระหว่างที่โทรศัพท์เราไม่มี เราเหนือยมาก หอบถุงพลาสติกใบใหญ่ที่ใส่เอกสารและข้าวของทั้งหมดที่พอจะเอากลับมาได้ขึ้นห้อง โชคดีมากที่ กุญแจห้องไม่กระเด็นหายไปไหน ไม่งั้นเข้าห้องไม่ได้อีก กลับมาห้อง เราล้างเท้าสำรวจขาแข้ง พบกว่า ช้ำ และเป็นรอย นั่งล้างเครืองสำอาง ล้างหน้า เขียนเล่าเหตุการณ์ย่อๆ ทั้งหมด ให้คนที่จำเป็นต้องทราบเรืองให้รู้ จากนั้นก็พยายามหลับตานอน


ปกติหัวถึงหมอนหลับยาวถึงเช้าแต่คืนนั้นกว่าจะได้นอน ปาไปตีสี่กว่าๆ แล้ว นอนไปเหมือนไม่หลับ นึกถึงแต่ภาพ น้ำเจิ่งนองข้างหน้า ภาพเราหักพวกมาลัยตัวเอน แล้วก็ภาพเรานั่งในรถที่มีน้ำ อย่างนี้ เหมือนหลับไปวูบเดียว มาตื่นตอนเจ็ดโมงกว่า สรุปหลับไปประมาณ 3 ชั่วโมง นอนไม่หลับแล้ว แม่โทรมาถามสองรอบ เราตื่นมาเก็บของ และเตรียมกระเป๋าและเอกสาร จะได้พร้อมเวลาเจ้าหน้าที่มา

เราแจ้งน้ายามกะดึก ให้แ้จ้งลุงยามกะเช้าว่า ถ้ามีเจ้าหน้าที่จากวิริยะให้ตามเราด้วย ก็เลยโทรไปเตือนลุงกะเช้าอีกรอบ เขาก็บอกว่า เขาได้รับแ้จ้งแล้วจะไปตามให้ เรารีบอาบน้ำอาบท่า เจ้าหน้าที่มาถึงพอดีเวลา เขาแจ้งเราว่า ทางอู่ลองตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว ค่าเสียหายการซ่อมคงประมาณ แสนแปด และบอกว่า เดี๋ยวจะแวะไปจุดเกิดเหตุเพือนถ่ายภาพตอนเช้าอีกรอบ


พอไปถึงจุดเกิดเหตุแล้ว เราพบกว่า ช่วงโค้งตรงที่มีน้ำเจิ่งนองก็ยังคงมีน้ำอยู่ ทั้งๆ ที่มันก็สายแล้ว แดดก็แรง แปลว่าเมือคืนมันขังอยู่เยอะมาก และจุดที่รถตกน้ำมีหญ้าต้นสูงหนา ที่ล้มระเนระนาด รองใต้รถเราอยู่ เป็นดงเลย แต่ถัดจากจุดรถตก ไปอีกประมาณเมตรเดียว มีแต่น้ำล้วนๆ ไม่มีหญ้า ไม่อยากคิดว่า ถ้ารถเราไม่ได้ตกตรงนั้น position รถหันอย่างที่มันเป็นอยู่ (สวนกับเลน) รถจะเสียหายขนาดไหนถ้ารถหน้าทิ่มในน้ำ และที่สำคัญเราจะเป็นอย่างไร เราคงจมน้ำแน่


จากนั้นแวะไปที่อู่ซ่อมรถ เขากำลังรื้อถอดชิ้นส่วนออกมาแล้ว ได้ถามช่างบอกว่า ดีที่รถเอามาไว ไม่ได้แช่น้ำนาน อาจจะไม่ได้เสียหายมากมายอย่างที่คิด เจ้าหน้าที่ประกับบอกว่า โชคดีที่ กล่องไฟของมาสด้าสอง อยู่ด้านซ้าย ไม่จมในน้ำ แต่จะซ่อมนานแค่ไหน เราคงต้องโทรเช็คอีกที ทางอู่เอาของเราในรถทั้งหมดออกมาใส่กล่อง แล้วก็บอกว่า เก็บไว้ให้ เราเอาของบางส่วนกลับใส่ตะกร้า ลุงช่างบอกว่ามี พระอีกองค์แน่ะ เราคิดไม่ออก เค้าก็หยิบมาให้ พระจากกระทรวงคมนาคมอยู่ในกุญแจรถ เราก็เลยนำกลับมาด้วย


เจ้าหน้าที่ประกันถามว่าเราจะไปไหนต่อ เราบอกว่าคงไปทำเรือง ขอซิมใหม่ เพราะพังไปกับโทรศัพท์จมน้ำแล้ว เขาเลยบอกว่าเขาผ่านไปทางนั้นพอดี เลยส่งเราที่ศุนย์ เอไอเอส ศรีราชา เราฝากตะกร้าของไว้กะเขา เขาก็บอกว่า เดี๋ยวเขาเอาไว้ฝากไว้ให้ที่คอนโด โอ๊ยย ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่มาก ขอบคุณจริงๆ จากเหตุการณ์ทั้งหมด ซึ้งใจที่สุด พอเราได้ซิมเบอร์เดิมมาแล้ว ก็ไป ตรวจร่างกาย ที่พญาไท ทำแผล ที่ขา ขอใบรับรองแพทย์ แล้วก็นั่งรถเมล์ รถแมงกะไซด์กลับมาคอนโด เก็บของ กลับจันท์ด้วยรถตู้


วันนี้เราไปวัดที่ระยองมา แม่กะเจ๊ พาไปวัดศรีมโนภาส ท่านอาจารย์ดูวันให้เราไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ ต้นเดือนตุลาจะกลับไปอีกครั้ง วันนี้พวกเราเลยได้ไปแวะที่บ้านเพ ขับรถผ่านสวนสน มีวันเวลาดีๆ ด้วยกันอีก ไปตลาดซื้อของทะเล กลับมาำทำกินที่บ้าน ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงดวงวิญญาณ น้องหมา น้องแมว ฯลฯ (เป็นเวลา 2-3 ปีมาแล้วที่เวลาเราเดินทางด้วยรถโดยสาร หรือขับเองก็ตาม เวลาพบเจอ ร่างสัตว์ข้างทาง ที่ตายเราจะบอกเขาว่า ขอให้ดวงวิญญาณของพวกเขาเหล่านั้น ไปสู่สุขคติ และอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน เราคิดว่า คงไม่มีใครบอกพวกเขา เขาอาจจะร่อนเร่อยู่บริเวณนั้น เราคิดว่าพวกเขาทุกดวงมีส่วนช่วยเราให้ยังมีชีวิตรับความสุขเหล่านี้จากครอบครัวและคนที่เรารัก ในวันนี้)


มาคิดดู ตอนที่เกิดเหตุ มันไม่มีเวลาจะกลัว ร้องไห้ หรือ ตกใจอะไรทั้งนั้น เราคิดแค่ว่า ทำัยังไงเราจะออกจากสถานการณ์นั้นได้ ตอนนี้เรารู้ว่าเราไม่เป็นอะไร มันน่ากลัวมากเลย แต่แม้เราจะพบกับเรืองร้าย แต่ในเรืองร้ายนั้น เรายังมีโชคดีอยู่


ไปไหนคนเดียว ให้บอกเพือน ครอบครัว ว่าจะไปไหน

จดเบอร์คนที่ติดต่อได้ ต่างๆ และเอกสารต่างๆ ไว้ในรถ เพราะถ้ามือถือใช้ไม่ได้ หรือ ไม่ได้สติ คนมาช่วยได้ติดต่อคนให้ได้

ฝนตก ให้ขับรถให้ระวังที่สุด ระวังน้ำให้มากที่สุด ไม่ว่าจะขับรถอะไร น้ำสามารถทำให้รถแฉลบ เสียหลักได้ถ้าขับรถเร็วให้เพลาลงหน่อย

เส้นทางไหนไม่คุ้นเคย ให้ยิ่งระวังมาก


อ้อ ประกันวิริยะจุดที่เราเกิดเหตุ คือ ส่วนพื้นที่ทีมของชลบุรี


ตอนนี้เขียนเรืองนี้ ยังอยู่ที่จันท์

21-09-2555/2012




น้อง shape บ๊ะ ของพี่ ตอนลากขึ้นมาแล้ว ขอบคุณมากที่ป้องกันอันตรายไม่ทำให้พี่เจ็บตัว




พอดูใกล้ๆ นอกจากรอยบุบ พบว่า มีรอยครูดตั้งแต่ด้านหน้าไฟหน้ารถ ถึงบริเวณประตูหลัง ด้านขวา --- เจ้า shape บ๊ะ มาสด้าของพี่ พี่รักเจ้ามากๆ ตอนนี้คิดถึงที่สุด ขอบคุณเจ้าอีกครั้งที่เป็นส่วนหนึ่งช่วยพี่รอดมาได้




จุดรถตก ไปถ่ายตอนเช้ากับประกัน - ขอบคุณหญ้าสูง หนา ที่ช่วยรอง shape บ๊ะไว้ทั้งคัน ไม่อย่างนั้น จะจมไปแค่ไหนเรายังไม่รู้เลย เพราะขนาดมีหญ้าก็ครึ่งคันแล้ว เพราะน้ำมาถึงที่นั่งคนขับแล้ว เพราะถ้าตกถัดไปอีกเมตรเดียว น้ำล้วนๆ ไม่มีหญ้า แล้วลึกแค่ไหนไม่รู้ -- ตอนรถตก จะเอียงขวาจมไปกว่าซ้าย


------------------------------------------------

25-09-2012 

วันนี้ นั่งหาข้อมูลต่างๆ เรืองการซ่อมรถ โทรหาประกัน อู่ซ่อม ขอให้กระบวนการซ่อมเจ้า shape บ๊ะ เป็นไปด้วยดี กลับมาสวย แข็งแรง ใช้งานได้ดี เหมือนเดิมไวๆ +  แจ้งเรืองกับกรมทางหลวงชนบท ที่เวปบอร์ดศูนย์ระฆังกรมทางหลวงชนบท ขอให้มีการแก้ไขถนนจุดที่เกิดเหตุน้ำขัง เป็นเหตุทำให้มีอุบัติเหตุ ไม่รู้ว่าการแจ้งไป 1 เสียงนี้ จะช่วยให้มีการซ่อมแซมอะไรถนนช่วงนั้นได้ไหม ช้าเร็ว อย่างไร แต่ดีกว่าไม่ทำอะไร ไม่อยากให้ใครโดนอีก + อีเมล์ไปแจ้ง ที่ ปณ ข่าวช่อง 3 เรืองขอให้มีการแก้ไขถนน

เวลา 16.30 น.  อู่โทรมาแจ้งว่า ตอนนี้รถวิ่งได้แล้ว เครื่องน้ำไม่เข้าทำความเสี่ยหาย สำหรับกล่องไฟ ไม่เป็นอะไร ไม่โดนน้ำเพราะอยู่ด้านบน แต่เบาะต้องรอทำความสะอาด และอบให้แห้งสนิด เพือให้แน่ใจว่าไม่มีกลิ่น // มีทำสีประตูหลังเคาะเอา ทำสี ประตูหน้าเปลี่ยน + กระจก + ไฟเลี้ยว + ไฟตัดหมอก เปลี่ยน // ช่วงล่างจะดำเนินการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ล้อปกติดี ไม่บิดเบี้ยว ล้อกะทะไม่มีรอยอะไร -- น่าจะอาทิตย์ สองอาทิตย์ก็คงเสร็จ แล้วจะโทรแจ้ง --- เราก็ว่าจะเข้าไปดูรถ สัปดาห์หน้าก่อน ต้องวานเพือนให้พาไป เราคงจะหาโอกาสไปไหว้ศาลฝั่งตรงข้ามรถตกด้วย [-/|-]

------------------------------------------------

28-09-2012 

แวะไปดู shape บ๊ะ ที่อู่ ปรากฎว่าช่างทำสีภายนอกเรียบร้อยหมดแล้ว เหมือนขัดตกแต่งอีกหน่อย ก่อนหน้านี้หลายวันฝนตกมากไม่มีแดดเลย เพิ่งโชคดีมีแดดแรงๆ วันที่เราไปนั่นเอง ภายในเขาถอดออกหมด มีแต่โครง ก็ต้องไล่สายไฟใหม่เป็นการเช็คอีกครั้ง ส่วนเบาะพรมต้องอบ 20 กว่าวัน เฮียเจ้าของบอก เขาถอดออกตั้งแต่วันแรกที่เราไปดูรถแล้ว

05-10-2012 

ไปดูรถ ตรวจเช็คระบบต่างๆ ลองขับนิดหน่อย จากนั้นเอาเอกสารทำเรืองให้ประกันวิริยะสาขาชลบุรี ทำเรื่องโอนเงินเข้าให้เรา อู่อริยะธนกุล ไม่ได้อยู่ในโครงการประกันกับวิริยะชลบุรี ผู้รับสินไหมเลยต้องเอาเงินไปให้อู่เองโดยที่ประกันจะโอนให้ จะไม่เหมอืนกะอู่ในโครงการที่เจ้าของไม่ต้องทำไร ประกันทำให้หมด

12-10-2012 

 เย้ อาทิตย์หน้า น้อง shape บ๊ะ จะกลับมาสู่ อ้อมกอด พี่แล้ว --- วันนี้ไปเช็ครถมา เสร็จแล้ว ตรวจแล้วมีแก้นิดเรื่องสัญญาณไม่คาดเบ้วไม่ร้องเตือน กะที่เหลือคือ ใช้งานจริง เฮียเจ้าของเช็คให้ เขาบอกว่าใช้ได้แล้วหล่ะ จริงๆ มันต้องไม่คาดแล้วขับ 50 เมตร มันถึงร้องอ่ะ

------------------------------------------------

17-10-2012

 เย้ๆ น้อง Shape บ๊ะ กลับมาสู่อ้อมกอดของพี่แล้ว >< คิดถึงจุงเบย -- เปลี่ยนพวงกุญแจให้ใหม่ด้วย เป็นพี่เสือโฮก อันเก่าเป็นมือพี่เสือ




- Shape บ๊ะ เกิดเหตุ เที่ยงคืนวันที่ 20 กย 55 (เข้าวันใหม่ 21 กย 55) ลากเข้าตอน 2.30 ของเช้า 21 กย 55 พอเช้า อู่อริยะธนกุล จุ้ยการช่าง ตรงเส้นบายพาส ก็ทำการถอดล้างเลยทันที  ซ่อมเสร็จตังแต่ศุกร์ 12 ตค 55 แต่วันนี้เพิ่งไปรับกลับมา เพราะรอเงินจากประกันวิริยะ สาขาชลบุรีโอนมาให้ =^w^= (พอดีอู่นี้ไม่ได้เข้ากะโครงการประกันเพราะเป็นอู่พิเศษเฉพาะทาง รถเล่นน้ำ) 




Shape บ๊ะ ของพี่ คืนชีพ v.1 หลังจากซ่อมแซม เปลียนประตูขวาด้านคนขับ + ไฟตัดหมอก กระจังหน้า ไฟเลี้ยวข้างตัวรถ กระจก ประตูขวาหลังเคาะ ทำสีทั้งแถบตั้งกะไฟหน้าด้านขวา ถึงบังโคนหลังขวา รื้อสายไฟทั้งคัน เบาะ พรม อบแห้ง หมดเพราะเปียกน้ำ เช็คช่วงล่าง ตั้งศูนย์ - front




right side front




right side back

-- วันนี้เหนือยมากเมือคืนไม่ได้นอน มานอนเช้า 2 ชม เกือบร่วง จะหลับกลางวันแต่ก็ไมได้หลับเพราะต้องไปธนาคารเตรียมเงินไปให้อู่ ระหว่างเพือนขับรถไปส่ง จะร่วงหลายรอบมาก พอไปถึง นั่งรอ ทางอู่เอารถไปเช็คยางให้เพราะว่าขอบซึม ก็เลยไปจัดการมาเสร็จสรรพ พอเห็นรถแล้วก็หายเหนือย ลืมไปเลยว่า ง่วงอยู่ ^ ^




Create Date : 22 กันยายน 2555
Last Update : 17 ตุลาคม 2555 23:28:05 น. 2 comments
Counter : 3658 Pageviews.

 
อยากเขียนเตือนสติตัวเอง และถ้าหากเป็นประโยชน์กับคนอื่นก็ยินดีค่ะ

ไม่อยากให้ทุกคนคิดว่า เหตุการณ์ต่างๆ ไม่เกิดกับเราแน่ อยากให้ระวังกันมากขึ้น บางทีเราอาจเผลอเรอ ตัดสินใจผิดได้ โชคดีไม่ได้อยู่กับเราเสมอไป


โดย: ชฎาแหลม วันที่: 22 กันยายน 2555 เวลา:23:58:19 น.  

 
ถือว่าฟาดเคราะห์เเล้วกันนะคะ
ดีที่เจอพลเมืองดีมาช่วย ุเเต่มันน่าโกรธตรงที่หน่วยงานละเลยไม่ยอมมาเเก้ไขเนี่ยเเหละ อย่างน้อยน่าจะติดไฟเตือนหรืออะไรสักนิด
เป็นประโยชน์มากค่ะ ต่อไปจะได้บอกให้คนอื่นระวังกัน


โดย: R little beat วันที่: 23 กันยายน 2555 เวลา:8:06:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชฎาแหลม
Location :
United Kingdom

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 66 คน [?]




สงวนลิขสิทธิ์ ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าจะเป็นการลอกเลียน หรือ นำส่วนหนึ่งส่วนในของข้อความ รูปภาพ ใน Blog Chadalaem แห่งนี้ไปใช้ โดยเผยแพร่ในทางการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด
Friends' blogs
[Add ชฎาแหลม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.