สาระ // สบายอารมณ์ รู้เรื่องการนอนกันดีกว่า

เกริ่นกันสักเล็กน้อย...

จากที่อิชั้นได้เขียนเรื่องราวต่างๆ เกียวกับความงามมาก็พักใหญ่ ก็เริ่มมาสำรวจตรวจสอบว่า บล๊อกเล็กๆ แห่งนี้ ยังขาดอะไรบ้าง คิดไปคิดมา น่าจะดีถ้าอิชั้นจะมีสาระกับเค้ามั่ง อิอิ ก็เลยว่าจะสรรหาสาระเรื่องราวน่าสนใจ มาแบ่งบันกับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ (ส๊าธุ เอิ๊กๆ)

วันนี้นำเสนอเรื่องของการนอน zzzzz...คร่อกๆๆๆ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ มาแชร์ประสบการณ์การนอนกันได้นะจ๊ะ

การนอนหลับ ถือว่าเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุดแล้วจริงๆ นอกจากจะช่วยให้เราๆ ท่านๆ ได้ผ่อนคลาย ได้ลืมเรื่องราวต่างๆ ชั่วครู่ ไม่ว่าจะจากความเครียด ความเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้าจากการทำงาน การใช้แรงงาน หรือ ทำกิจกรรมใดๆ

การนอนใช่สักแต่ว่า นอนมันทั้งวันทั้งคืนนะคะ นอนมากๆ ก็เบลอได้เช่นกัน ไม่ว่าอะไรมากเกินไปก็ไม่ดี น้อยเกินไปก็ไม่ดี เดินทางสายกลางดีที่สุดเน้อ อย่างที่ทราบว่าการนอนเป็นการพักผ่อนทีดีที่สุด และยิ่งถ้านอนได้ถูกเวลา ยังช่วยให้ร่างกายของเรานั้นได้ทำการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอต่างๆ ให้กลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ระหว่างหลับอีกด้วย

อิชั้นเลิฟๆ การนอนที่ซู๊ดดดดดดดดดดดดด.....

ZZZZZZZZZZZZZZZZZZZ ZZZZZZZZZZZ


รู้เรื่องการนอน...Beauty Factors (Sleep)

การนอน
การนอนหลับพักผ่อน เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่เราจำเป็นต้องใช้เวลานี้ในการฟื้นฟูสุขภาพร่างกาย และเติมพลังให้สดชื่นสำหรับวันใหม่ เรามารู้จักถึงผลดี ผลเสียของการนอนกันนะคะ


นอนไม่หลับ

คนยุคนี้มีปัญหาเรื่องการนอนไม่น้อยเลย คุณเป็นคนหนึ่งด้วยไหมที่ก่อนนอนจะต้องอ่านหนังสือสักนิด เขียนไดอารี่ ฟังเพลงสักหน่อย ดูทีวีจนง่วง หรือกินไม่หยุดจนกว่าเข้านอน ที่พูดเช่นนี้เพราะเราจะบอกว่านี่คือส่วนหนึ่งของปัญหาที่ว่า นอกจากนี้ความเครียดก็เป็นสาเหตุสำคัญ เพราะทำให้เราหลั่งสารอะดรีนาลีนที่ทำให้ร่างกายตื่นตัวเสียจนนอนไม่หลับ การนอนไม่หลับเลยฟังดูเป็นเรื่องใหญ่ เพราะแปลได้ว่าเราต้องดูแลตัวเองแบบครบวงจรเลยทีเดียว ตั้งแต่การกินอยู่ และความคิดต่างๆ เพื่อให้นอนหลับของคืนนี้มีแต่ความสุข

(ค่อนข้างดีที่อิชั้น หัวถึงหมอน ก็ไปเฝ้าพระอินทร์เลย เรียกว่าไม่มีปัญหากับการนอนไม่หลับเลยค่ะ นับได้ตั้งแต่เกิดมาคงไม่เกิน 10 หน ที่กว่าจะหลับต้องดิ้นกระสับกระส่าย ก็ถือว่า โชคดีไปนะเนี่ย อิอิ)

นอนดี มีคุณภาพ

คนไทยโบราณบอกต่อมาว่า ให้ตื่นก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ความรู้ที่แฝงอยู่ก็คือว่า เป็นเวลาที่ดีที่สุดในการตื่น คือนอนระหว่างเวลา 21.00 – 22.00 น.และตื่นระหว่าง 03.30 – 04.00 น. หรือก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ไม่จำเป็นเลยว่าเราจะต้องนอนครบ 8 ชั่วโมงตามที่ได้ยินกันมา บางคนอาจต้องการ 6 – 7 ชั่วโมง บางคนอาจแค่ 4 – 5 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับธาตุและวัยของเรา แต่ 8 ชั่วโมงอาจเป็นตัวเลขเฉลี่ยที่เหมาะสมเท่านั้น รู้อย่างนี้แล้ว ลองมาสังเกตตัวเองอีกที ว่านอนกี่ชั่วโมงถึงจะรู้สึกสดชื่นเต็มที่ และกี่ชั่วโมงจะรู้สึกปวดศีรษะ หรืออ่อนแรงทุกที

(ส่วนตัวนะคะ อิชั้นนอนเยอะเข้าไว้จะรู้สีกดี คือ 8 ชั่วโมง และถ้ายิ่งได้นอนตั้งแต่ 22 น. แล้วไปตื่นซัก 6-7 โมงเช้าจะรู้สึกสดชื่นมากๆ ถ้าเมื่อไหร่นอนดึก ตื่นเช้า ช่วงนั้นจะป่วยไข้ ร่างกาย ผิวหน้าอิดโรยห่อเหี่ยว เรียกว่า เสียศูนย์ไปเลยเชียวค่ะ แล้วเพื่อนๆ ละเคยสังเกตุกันไหมว่าการนอนของเราเป็นยังไง...)

ระหว่างวันก็สำคัญ

ลองถามตัวเองดูสิว่า แต่ละวันได้ดูแลตัวเองตามนี้บ้างหรือเปล่า เช่น ได้ออกกำลังกายมากน้อยแค่ไหน กินอาหารที่ดี ดื่มน้ำประมาณ 1.5 ลิตรต่อวันหรือยัง และได้พักผ่อนรูปแบบอื่นๆ อย่างการนวด การฟังดนตรีสบายๆ ฯลฯ บ้างด้วยไหม คำตอบเหล่านี้ส่งผลกับการนอนไม่น้อยเลย เพราะถ้าเราหักโหมกับตัวเองมากๆ ร่างกายเราอาจตื่นตัวตลอดคืนแทนที่ถึงเวลานอนแล้วจะอยากหลับ หรือบางที ก็รู้สึกง่วงไปทั้งวัน แต่กลางคืนกลับตาสว่าง

จริงๆ แล้วถ้าเราได้งีบระหว่างวันด้วยก็จะดีไม่น้อย เพราะแค่ 10 – 15 นาทีในช่วงบ่าย จะทำให้เรารู้สึกสดชื่นจนถึงช่วงเย็นเลยทีเดียว

(อันนี้จริงแท้ อิชั้นจะงีบตอนกลางวันบ้าง ก่อนหน้านี้จะทำสม่ำเสมอเลยตอนพักเที่ยง แม้ว่าจะแค่ 15 นาที แต่ว่าตื่นมาจะรู้สึกสดชื่นเป็นที่สุด คือ หลับมันที่โต๊ะทำงานนั่นแหละจ้า (น้ำตาลเยิ้มไม่นับ อิอิ) ถือว่าพักสายตา พักสมองให้กระปรี้ประเปร่า ลองทำดูซิจ๊ะ วิธีง่ายๆ แบบนี้)


หลังตื่นก็ด้วย

หากรู้จักเคล็ดลับก่อนนอนแล้ว เวลาตื่นก็ควรให้ความสำคัญด้วย เพราะเป็นช่วงขณะที่บอกอารมณ์ของวันนั้นๆ ได้เลย ลองเปลี่ยนการตื่นใหม่ ที่ไม่ต้องรีบลุกจากเตียง แต่ลุกขึ้นนั่งช้าๆ นั่งนิ่งๆ สักครู่ เพื่อเรียกความรู้สึกให้ตื่นตัวเต็มที่ก่อน และเมื่อร่างกายตื่นดีแล้วก็ค่อยๆ นวดตัวเบาๆ อย่างนวดใบหน้า นวดใบหู คอ และมือทั้งสองข้าง จากนั้นค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียงไปทำธุระต่างๆ

สิ่งสำคัญที่ทำให้การตื่นสมบูรณ์ที่สุด นั่นก็คือการหายใจให้เต็มปอดกับอากาศยามเช้าได้ดื่มน้ำสะอาดในอุณหภูมิปกติ สักแก้ว (ล้างพิษไปในตัว) จากนั้นค่อยทำความสะอาดร่างกาย ก่อนเริ่มวันใหม่ที่สดใส

(ประมาณ 2 ปีว่าที่ผ่านมา พยายามหาวิธีปรับชีวิตประจำวันที่ผลิกผัน เปลี่ยนไปจากตะก่อนมากๆ หลายปีหลัง เรียกว่าทำงานหนักมาก ทั้งงานหลวง งานราษฎร์ งานจ๊อบเล็กจ๊อบน้อย งานบ้าน การเดินทางชีพจรลงเท้า เรียกว่าอ่อนเพลียมาก ร่างกายจะรับไม่ไหว ป่วยบ่อยๆ ต้องนอนดึกเสมอ การปรับชีวิตประจำวันหลังการตื่นนอน จึงเป็นอีกส่วนที่เพิ่งได้เริ่มทำ 2 ปีที่ผ่านมานี่เองค่ะ เพราะเคยไปสัมมนา แล้วท่านอาจารย์พูดเรื่องการตื่นนอนมาให้ดื่มน้ำเปล่าซัก 1 แก้ว หลังๆ มานี่ ดื่มนมเปรี้ยวหลังตื่นนอนด้วย เพราะเป็นคนธาตุหนัก ก็ช่วยได้ให้อิชั้นขับถ่ายปกติหน่อย หรือ การค่อยๆ ลุกจากที่นอน ให้ร่างกายปรับตัวหน่อยไม่ใช่ ตกใจสะดุ้งเพราะเสียงนาฬิกาปลุก เด้งขึ้นอย่างเร็ว)

เป็นยังไงคะ ไม่ยากใช่ไหม ค่อยๆ ปรับพฤติกรรมการนอน การตื่นทีละนิด เพื่อร่างกายที่มีสมดุลมากขึ้นค่ะ

แล้วจะแวะมาหาสาระดีๆ + ฮาเฮ ขำๆ มาให้อ่านกันอีก เด้อค่ะเด้อ

credit ขอขอบคุณบทความสาระดีๆ จาก Sabai-arom ค่ะ

Create Date : 04 พฤษภาคม 2552		0 comments
Last Update : 28 มกราคม 2560 13:53:21 น.
Counter : 570 Pageviews.
Share Tweet