Ahh, home crap home!... (ชีวิตหลังโดนขโมยขึ้นบ้าน และการพยายามให้กำลังใจตัวเอง)





ใครเคยดูหนังเรื่อง The Money Pit จะได้ยินประโยคนี้ "Ahh, home crap home!" ซึ่งเป็นตอนที่ตัวละครของทอม แฮงค์ส (สมัยยังหนุ่มเอ๊าะๆ) พูดขึ้นมาขณะขับรถกลับจากทำงานแล้วเห็นบ้านตัวเองในสภาพยับเยิน

เวลาดูเรื่องนี้ทีไรจะรอดูฉากนี้ทุกที ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม อาจจะเป็นเพราะว่ามันตลกดี และอีกอย่างฉันว่าฉันเข้าใจอารมณ์ตอนที่ตัวละครพูดประโยคนี้ด้วยมั้ง คือมันออกแนวอารมณ์เสียดสีตัวเองมากกว่าที่จะหมายความอย่างนั้นจริงๆ ถึงปากจะพูด home crap home ไปแบบนั้น แต่ลึกๆก็คงรู้สึกว่าถึงบ้านจะแย่หรือยับเยินยังไงมันก็ยังเป็นบ้านของเราอยู่ดี...ใช่ไหม ตัวฉันเองตอนนี้ก็ยังพูดเองบ่อยๆเวลาออกไปไหนแล้วกลับเข้าบ้านมา "Ahh, home crap home!" แต่ที่ฉันพูดไปแบบนั้นไม่ใช่เพราะว่าบ้านของฉันอยู่ในสภาพแบบบ้านของทอม แฮงค์ส ในหนังหรอก บ้านในหนังน่ะมันพังยับเยินเพราะอยู่ในช่วงระหว่างปรับปรุง ปรับปรุงเสร็จก็กลับมาสวยอีกครั้ง ส่วนบ้านที่ฉันอยู่นี่น่ะมัน"พัง"เพราะโดนคนใจร้ายใจดำงัดเข้ามาขโมยข้าวของในบ้าน ซึ่งจะว่าไปมันไม่ใช่แค่"พัง"ที่ตัวบ้านหรือข้าวของ แต่มัน"พัง"ที่สภาพจิตใจคนอยู่ด้วย...

แม้เหตุการณ์จะผ่านมาสองสามเดือนแล้ว แต่ความรู้สึกแย่ๆมันก็ยังอยู่และไม่รู้เหมือนกันว่าจะใช้เวลาอีกนานแค่ไหนถึงจะกลับมารู้สึกปกติอีก จริงๆจะว่าแย่อย่างเดียวมันไม่พอ แต่ทั้งแย่ทั้งรู้สึกซวยซ้ำซ้อน จนไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดยังไงดี ที่ว่าซวยซ้ำซ้อนเพราะว่าก่อนหน้าที่ขโมยจะขึ้นบ้านเราที่นี่ บ้านพ่อแม่ที่ไทยก็พึ่งจะโดนไปเหมือนกัน และโดนแบบเดียวกันคือโดนงัดบ้านพังและข้าวของถูกขโมยไป พูดง่ายๆคือยังปลอบใจให้แม่หายขวัญเสียไม่ทันเสร็จดี เหตุการณ์เดียวกันก็มาเกิดกับเราที่นี่อีก ทีนี้ล่ะจะปลอบใจกันยังไงล่ะเนี่ยเพราะแต่ละคนโดนกันไปเต็มๆ ทำตัวกันไม่ถูกเลยทั้งครอบครัวที่ไทยทั้งครอบครัวที่นี่ คนละฟากโลกเลยนะเนี่ย ดวงคนเรานี่หนอ ไม่รู้ว่ามันเป็นความบังเอิญหรือเป็นเวรกรรมอะไร...

เรื่องแบบนี้(ขโมยขึ้นบ้าน)ใครไม่เจอกับตัวไม่เข้าใจจริงๆนะ เมื่อก่อนเวลาได้ยินข่าวขโมยขึ้นบ้านก็จะรู้สึกเฉยๆ หรือแม้แต่ตอนวันที่แม่โทรมาบอกว่าขโมยขึ้นบ้านแม่ ทองและของมีค่าโดนเอาไปหมดเลย ตอนนั้นก็ยังทำตัวชิลล์ๆได้ ก็ปลอบๆแม่ไป บอกแม่ว่าก็แค่ของหาย ของหายก็หาใหม่ได้ ตอนนั้นจะคิดแบบนั้น พอตอนนี้มันเจอกับตัวจังๆถึงได้เข้าใจ มันไม่ใช่เรื่องของหายที่ทำให้เรารู้สึกแย่ แต่เป็นภาพของสภาพประตูหน้าต่างที่ถูกงัดจนพังและความรู้สึกชั่วขณะนั้นต่างหากที่ทำให้แย่ มันติดตาจนถึงทุกวันนี้ คิดทีไรก็ขนลุกทุกที หรือเวลาเปิดประตูเข้าบ้านมาก็มักจะนึกก่อนอยู่เสมอว่าจะเห็นประตูหน้าต่างในสภาพนั้นอีก คือสภาพจิตใจมันแย่มากๆ แย่มากถึงขนาดที่ว่าคืนนั้นทันทีที่ตำรวจกลับไปแล้ว เราสองคนตัดสินใจอย่างไม่ลังเลเลยว่าเราอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว เราจะหาที่อยู่ใหม่กันและย้ายออกทันที

และนับตั้งแต่ตัดสินใจแบบนั้น ภารกิจหาบ้านใหม่ก็เริ่มต้นขึ้นและดำเนินไปอย่างไม่ลืมหูลืมตา ตอนนั้นคิดกันอย่างเดียวคือที่ไหนยังไงก็ได้ขอให้ไม่ต้องอยู่ที่นี่ต่อไป อารมณ์มันอยู่เหนือเหตุผลจริงๆเวลาคนเรารู้สึกแย่ๆ เราสองคนลืมแม้กระทั่งความตั้งใจ ลืมแผนการที่เราเคยคิดอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะกันไว้ก่อนหน้านี้ที่ว่าเราไม่ได้อยากอยู่ที่ประเทศฮอลแลนด์กันตลอดไป ซักวันนึงเมื่อพร้อมเราจะไปตั้งต้นชีวิตกันใหม่ที่ไหนซักที่ในโลกใบนี้ แต่ชั่วขณะนั้นมันลืมไปหมดจริงๆ...

ตลอดสองเดือนที่ผ่านมานับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ เวลาส่วนใหญ่ของเราหมดไปกับการหาที่อยู่ใหม่ (วันคริสต์มาสหรือปีใหม่ เราแทบจะไม่รู้สึกอะไรกับมันเลย เจอเหตุการณ์แบบนี้ ใครจะไปมีอารมณ์ฉลอง) เสาร์อาทิตย์ไม่มีวันหยุดเพราะต้องตระเวณดูบ้าน วันธรรมดาก็นัดคนที่แบงค์ นัดโบรคเกอร์ดูบ้าน วนเวียนกันแบบนี้ไปมา แพททริคแทบไม่เป็นอันทำงานเพราะต้องนัดนู่นนัดนี่ อ้อ...อีกอย่างเศรษฐกิจขาลงแบบนี้ ตลาดบ้านย่ำแย่ ราคาบ้านจึงถูกมากกกเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ใครคิดจะซื้อบ้านช่วงนี้ถือว่าได้เปรียบ ซึ่งก็เป็นผลดีกับเราด้วยเพราะแม้จะมีงบอันน้อยนิด แต่แค่นี้ก็สามารถซื้อบ้านเดี่ยวสวยๆ ทีดินเยอะๆได้สบาย อีกอย่างเราไม่มีภาระต้องขายบ้านก่อนถึงจะซื้อใหม่ได้เหมือนคนอื่น (บ้านที่เราอยู่ตอนนี้เป็นแค่บ้านเช่า) เลยยิ่งมีแรงจูงใจมากขึ้นไปอีก

เวลาผ่านไปก็ตระเวณดูบ้านไป หลังแล้วหลังเล่า เบ็ดเสร็จดูกันไปหลายสิบหลังเลยทีเดียว ทั้งในจังหวัดที่เราอยู่และจังหวัดใกล้เคียง ถึงจะมีหลายหลังที่ถูกใจและเกือบจะตัดสินใจเอาแล้ว แต่สุดท้ายมันก็มีบางอย่างที่ทำให้ยังรู้สึกลังเล ซึ่งตอนนั้นก็อธิบายไม่ถูกว่าคืออะไร

จนกระทั่งมีวันหนึ่งตอนบ่ายๆ ขณะที่นั่งอยู่ในบ้านคนเดียวคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย(ยังอยู่ในสภาวะซึมเศร้าไม่หาย) ตาก็เหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างโดยไม่ตั้งใจ จากนั้นก็มองไปเรื่อยๆที่บ้านตรงข้าม บ้านรอบๆ มองท้องฟ้า มองต้นเมเปิลหัวโกร๋นหน้าบ้านที่กิ่งของมันเริ่มมีปุ่มเล็กๆแตกออกมา พลางคิดในใจว่าอากาศช่วงนี้เริ่มอุ่นขึ้นมานิดหน่อย อีกไม่กี่วันก็ฤดูใบไม้ผลิแล้ว เวลาออกไปข้างนอกตามข้างทางจะเริ่มสังเกตเห็นดอกแดฟโฟดิลสีเหลืองกับไฮยาซินธ์สีน้ำเงินอมม่วงโผล่ขึ้นมาจากดินแล้วและใกล้จะบาน.....

...พอคิดมาถึงตรงนี้ โดยไม่มีปี่มีขลุ่ยจู่ๆก็รู้สึกอยากออกไปด้อมๆมองๆสวนหลังบ้านของตัวเองขึ้นมาทันที นานแล้วที่ไม่ได้ออกไปที่นั่นเลย คือนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ขโมยวันนั้น ฉันแทบจะไม่ได้ย่างกรายออกไปที่สวนหลังบ้านอีกเพราะไปแล้วมันจะเริ่มคิดมาก (ขโมยมันเข้ามาทางสวนหลังบ้านน่ะ)

ถึงแม้ว่าเราจะอยู่บ้านหลังนี้มาสองปีแล้ว แต่หน้าร้อนปีที่แล้วนี่เองที่เราเริ่มหาต้นไม้ดอกไม้มาลงปลูกในสวนกัน(ก่อนหน้านี้หลังบ้านเป็นแค่สนามหญ้าโทรมๆโล่งๆ) นั่นล่ะ...ทันทีที่ตัดสินใจออกไป ก็ลองเดินสำรวจดูว่ามีต้นไม้ดอกไม้อะไรที่มีชีวิตรอดผ่านพ้นอากาศอันหนาวเหน็บบ้าง คิดในใจว่าคงตายกันไปหลายต้นเพราะหลังๆมาเราไม่ค่อยได้ดูแลมันเท่าไหร่ แต่ปรากฏว่าหนึ่งหนาวผ่านไป ต้นไม้ที่เราปลูกไว้ยังอยู่กันดีแฮะ บางต้นลำต้นเก่าที่ออกดอกแตกช่อและแห้งเหี่ยวหรือเน่าไปเมื่อฤดูกาลที่แล้วก็เริ่มเห็นมีงอกใหม่ขึ้นมากันแล้ว




ที่เห็นนี่คือต้น Hortensia กับ Sedum


นั่งลงมองต้นไม้ตัวเองซักพัก ก็เริ่มคิดบางอย่างได้... จะว่าไปต้นไม้ดอกไม้นั้นมีวงจรชีวิตที่ไม่ต่างจากคนใช่ไหม ต้นไม้มีฤดูกาลที่แห้งเหี่ยวอับเฉา แต่พอถึงเวลาอย่างฤดูใบไม้ผลิแบบนี้ก็เริ่มผลิดอกออกผลกลับมาสดใสงดงามอีกครั้ง เหมือนชีวิตคนเราที่มีขึ้นมีลง บางช่วงก็แย่ บางช่วงก็ดี ไม่ได้แย่ไปตลอดเวลา และไม่ได้ดีไปตลอดเวลา ตราบใดที่ยังมีความหวัง เมื่อมีวันที่มืดมน ก็ต้องมีวันที่สดใสเช่นกัน ใช่ไหม...

และอีกอย่าง การได้มองแปลงดอกที่ลงมือขุดและขึ้นแปลงเองกับมือ นั่งถอนหญ้า เคลียร์พื้นที่เองจนหลังขดหลังแข็ง ต้นไม้พวกนี้ก็ขุดหลุมปลูกเองกับมือเช่นกัน ทุกต้นก็ยังอยู่ดี แล้วจู่ๆเราจะจากมันไปซะดื้อๆแบบนี้ไม่รอดูเวลาที่มันโตเต็มที่แผ่กิื่งก้านสาขาก่อนเหรอ หรือถ้าเราย้าย ถึงต้นไม้บางต้นเราจะขนย้ายมันไปกับเราได้ แต่ย้ายที่ใหม่ก็หมายถึงเริ่มต้นใหม่อีก...

ตอนอยู่ในสวนก็พยายามคิดพยายามชั่งใจในหลายๆเรื่อง พอกลับเข้าบ้านมาก็เดินไปห้องนั้นห้องนี้คิดพิจารณาต่อ จริงๆแล้วมันไม่ใช่แค่สวนหลังบ้านอย่างเดียวที่ทำให้คิดมากแบบนี้ ตัวบ้านที่เราอยู่ก็ทำให้คิดด้วยเหมือนกัน จริงอยู่ที่บ้านหลังนี้เราเช่าเค้าอยู่ แต่เพราะว่าการที่เรามีอิสระจะทำอะไรกับบ้านก็ได้ จะตกแต่งต่อเติม ทาสีแบบไหนก็ได้ตามใจเรา มันเลยทำให้เรารู้สึกว่าบ้านหลังนี้ก็เป็นเหมือนบ้านของเราเอง

ถึงบ้านไม่ได้หลังใหญ่โตหรูหรา แต่การอยู่เอง ตกแต่งเอง ดูแลเองแบบนี้มันก็มีความผูกพันธ์กับบ้านค่อนข้างมาก ซึ่งคิดไปคิดมาแล้วถ้าบ้านเค้ามีชีวิตและพูดได้ เค้าคงไม่อยากให้เราย้ายไปไหนหรือคงขอร้องให้เราอยู่ต่อ เพราะเราเองก็ดูแลเค้าดี และกับเรื่องขโมยขึ้นบ้านฉันเองอาจจะรู้สึก emotional มากกว่าแพททริคเยอะเพราะเวลาส่วนใหญ่ของแพททริคอยู่ที่ทำงาน ไม่ได้ใช้เวลากับบ้านมากเท่ากับฉัน ดังนั้นผลกระทบทางจิตใจฉันจึงโดนมากกว่าเพราะต้องอยู่ต้องเห็นสภาพเดิมๆคนเดียวทั้งวันทุกวัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเมื่อคิดดูดีๆแล้วแค่เรื่องขโมยถึงกับทำให้เรายอมแพ้ง่ายๆแบบนั้นเลยเหรอ สงสารบ้านด้วยนะ อยู่กันมาแค่สองปีเอง ยังไม่ทันได้รู้สึกว่า"เต็มอิ่ม"กับการอยู่เลยก็คิดจะย้ายอีกแล้วเหรอ แล้วไอ้ที่ลงทุนลงแรงไปทั้งกับบ้านกับสวนก็คงสูญเปล่าไปน่ะสิ

อีกอย่างช่วงนี้เศรษฐกิจทั่วโลกก็ไม่ดี วันนี้แพททริคอาจจะมีงานทำ แต่พรุ่งนี้ หรือเดือนหน้า หรือปีหน้าล่ะ จะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ ถ้าซื้อบ้านไปก็อาจจะหาเรื่องให้ตัวเองคิดมากอีก หรือถ้าสมมติตัดสินใจย้ายไปประเทศอื่นขึ้นมาแล้วบ้านที่ซื้อก็ต้องหาทางขายกันอีก ตลาดบ้านย่ำแย่แบบนี้โอกาสที่จะหาคนซื้อก็ยาก ก็สร้างภาระให้ตัวเองอีก อนาคตเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอนจริงๆ

เฮ้อ...คิดหลายตลบ คิดหน้าคิดหลัง คิดทบทวนไปมา สุดท้ายเย็นวันนั้นนั่งคุยกับแพททริค ถกกันไปมาถึงผลดีผลเสียต่างๆ จนในที่สุดก็ตกลงกันว่าเราขอเลือกทางที่สบายใจด้วยการอยู่ที่บ้านนี้ต่อไปดีกว่า และทำบ้านหลังนี้"ของเรา"ให้ดีที่สุด ใครๆอาจจะพูดให้ได้ยินว่าเช่าเค้าทำไมถ้าซื้อเองได้ คือเราไม่ได้มองตรงนั้น ชีวิตคนเราไม่เหมือนกัน บางคนสิบปีก่อนใช้ชีวิตยังไง สิบปีต่อมาก็ยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยน ซึ่งต่างจากเราที่แต่ละปีที่ผ่านไปไม่ซ้ำกันซักปี ปีนี้มีเรื่องนี้ ปีนั้นมีเรื่องนั้น พอชีวิตมีแต่การเปลี่ยนแปลง มันเลยทำให้เรากลัวการมีภาระ ขนาดเรื่องมีลูกเรายังไม่คิดเลยทั้งๆที่แต่งงานกันมาหลายปีแล้ว ชีวิตของคนอื่นอาจจะดำเนินไปแบบเส้นตรงตามลำดับขั้นตอนอย่างการแต่งงาน มีบ้านของตัวเอง มีลูก แต่ชีวิตของเราสองคนมันไม่รู้ว่าเป็นเส้นอะไร เพราะฉะนั้นเราเลือกอะไรที่มันเหมาะกับเราดีกว่านะ...

ส่วนเรื่องขโมยก็คิดแบบนี้ละกันว่าไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็มีขโมย ย้ายที่ไปก็ใช่ว่าที่ใหม่จะปลอดขโมย เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องที่คาดเดาล่วงหน้ากันไม่ได้ ก็ดูอย่างเหตุการณ์ที่เกิดกับบ้านแม่ แล้วต่อมาก็มาเกิดที่บ้านของเราที่นี่ นั่นเป็นข้อพิสูจน์เพียงพอแล้วใช่ไหม...


เอาล่ะ...ไหนๆก็พูดถึงบ้านที่ลงมือลงแรงทำเอง เลยคิดว่าเอารูปมาให้ดูกันนิดนึงดีกว่า คน(หลง)เข้ามาอ่านจะได้เข้าใจมากขึ้นว่าทำไมฉันถึงรู้สึกห่วงหาอาทรอาลัยถ้าต้องจากบ้านหลังนี้ไป...




สภาพภายในบ้านวันแรกที่เห็น


ถ่ายจากห้องครัวที่มีทางเดินแคบๆไปยังห้องรับแขก คือบ้านที่เราเช่าอยู่นี่เป็นบ้านโล่งๆ ซึ่งเค้าจะมีสิ่งจำเป็นพื้นฐานให้อย่างระบบฮีทติ้ง boiler น้ำร้อน ไฟ ฯลฯ ให้พร้อม คือถ้ามีอะไรเสียเราก็แค่โทรบอกให้เค้ามาซ่อมให้ ส่วนการตกแต่งภายในและสวนหลังบ้าน เค้าปล่อยอิสระตามใจเราโลด ดีเนอะ ถึงบอกไงว่าถึงไม่ใช่บ้านตัวเองก็เหมือนใช่ อีกอย่างฉันไม่ชอบบ้านที่ทำอะไรกะมันไม่ได้แบบบ้านเช่าที่อื่นที่เจ้าของเค้าให้เรามายังไงเราก็ต้องอยู่กับมันไปแบบนั้นและเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ไม่มีอิสระเลยแบบนั้น




สภาพห้องรับแขกตอนเริ่มปรับปรุงไปได้ครึ่งทาง ปูพื้นลามิเนตและทาสีใหม่


เริ่มแรก เราทำชั้นบนกันก่อน เพื่อให้มีที่พออยู่อาศัยได้ ตอนเริ่มทำบ้านใหม่ๆเราสองคนยังอาศัยอยู่กับพ่อแม่แพททริคอยู่เลย และเพราะแพททริคต้องทำงาน ฉันเลยเป็นตัวหลักที่ต้องลงมือทำบ้านเอง (อยู่ไทยไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน พอมาอยู่ที่นี่ก็ต้องช่วยเหลือตัวเองหมด อะไรนิดอะไรหน่อยจะไปจ้างเค้าเหมือนตอนอยู่ไทยไม่ได้แล้ว เพราะแพงงง) โดยที่ตอนเช้าแพททริคจะขับรถเอาฉันมาทิ้งไว้ที่บ้านนี้ ฉันก็มีหน้าทีทาสี ทำไรไปจุกจิกคนเดียว(เหงานะ แต่ก็มีวิทยุเป็นเพื่อน) เย็นมาหลังเลิกงานแพททริคก็ขับรถมารับกลับบ้านพ่อแม่กัน หรือถ้ามีเวลาก็ช่วยฉันทำนั่นนี่ต่อจนดึก พอชั้นบนพออยู่อาศัยได้เราก็ตัดสินใจย้ายเข้ามาอยู่ จากนั้นค่อยมาทำชั้นล่างกันต่อ รูปข้างบนถ่ายตอนย้ายเข้ามาอยู่แล้วระยะหนึ่ง คือสภาพชั้นล่างยังใช้อยู่อาศัยไม่ได้ เวลากินข้าวทีก็ต้องหอบไปกินกันในห้องนอนชั้นบน ทุลักทุเลน่าดู ในรูปจะเห็นว่าเราจัดการทำลายผนังที่มีทางเดินแคบๆออกไป ทำให้บ้านดูกว้างขึ้นและกลายเป็น open-plan ทาสีใหม่ทั้งหมด ทั้งผนัง เพดาน ขอบหน้าต่างประตู อยู่ไปทาไป (ทาจนข้อมือทั้งสองข้างเจ็บและงอไม่ได้ จนทุกวันนี้ก็ยังไม่หายดีเลย) ใช้เวลาเป็นปีเลยนะกว่าจะปรับปรุงบ้านเสร็จเพราะค่อยๆทำไปน่ะ ออกแนวศิลปินทำตามอารมณ์ซะส่วนใหญ่ คือเหนื่อยก็พัก เบื่อก็ไปทำอย่างอื่น เลยไปอย่างช้าๆ อิอิ

ฟังดูแล้วเหมือนชีวิตรันทดเนอะ แต่จริงๆแล้วก็สนุกดีนะ ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆหลายๆอย่างด้วยตัวเอง ทั้งลองผิดลองถูก ทำมั่วๆก็เยอะ ถึงลำบากแต่มันภูมิใจและชื่นใจตอนเห็นผลงานตัวเองเสร็จสมบูรณ์น่ะ




มุมเดียวกับสองรูปข้างบน แต่ในสภาพที่บ้านเรียบร้อยแล้ว เย้ๆๆๆ


เลือกสีสันสดใสมาก คือฉันชอบบ้านสีสดใสแบบนี้น่ะ ไม่ชอบอะไรหม่นๆหมองๆ แต่อีกไม่นานไอ้ผนังสีเขียวกับสีกาแฟนี่จะไม่เหมือนเดิมแล้ว เพราะพอเราตัดสินใจอยู่บ้านหลังนี้ต่อ ฉันเลยคิดจะเปลี่ยนหน้าตาบ้านใหม่หมด คือเราอยากสร้า่งบรรยากาศใหม่ๆหลังจากผ่านเหตุการณ์แย่ๆในชีวิตมาน่ะ




อีกมุมหนึ่ง มุมมองจากห้องรับแขกมายังห้องครัว ถ่ายตอนเริ่มทาสีใหม่ๆ


ภาพข้างบนดูไม่จืดเลยแฮะ รกมากกกก สภาพเหมือนบ้านโดนระเบิดลง ฮ่าๆๆ และหน้าต่างบานที่อยู่เหนือพลาสติคสีฟ้านี่แหละที่เป็นจุดที่ขโมยมันงัดเข้ามา ส่วนห้องตรงหลังบ้านที่เห็นลางๆผ่านหน้าต่างนั้นเป็นห้องซักรีดที่เราใช้ขังโทบี้ไว้ตอนขโมยมันงัดเข้ามา ลืมบอกไปว่ามันมาตอนเราไม่อยู่บ้าน จริงๆมันพยายามงัดตรงประตูหลังบ้านตรงห้องซักรีดที่ว่าด้วย แต่มันคงได้ยินโทบี้เห่าเลยย้ายมางัดหน้าต่างห้องรับแขกแทน แต่คือก็เสียหายทั้งประตูทั้งหน้าต่างแหละ ก็ต้องเปลี่ยนกันใหม่หมด




มุมเดียวกับรูปข้างบน แต่ในสภาพที่เรียบร้อยแล้ว


ห้องครัวก็เป็นแบบง่ายๆและเราไม่ได้เปลี่ยนอะไรเพราะมันมีอยู่แล้วตอนเราได้บ้านมา เราแค่ทาสีผนังเท่านั้นเอง แต่เร็วๆนี้ฉันว่าจะลองเปลี่ยนบานประตูของตู้ครัวดูเพื่อทำให้ดูดีขึ้น แต่ก่อนอื่นต้องทาสีผนังใหม่ก่อน แล้วค่อยตัดสินใจเรื่องตู้ห้องครัวอีกที





เป็นพวกชอบย้ายข้าวของ






เพราะเป็นคนขี้เบื่อง่ายและไม่ชอบความจำเจ ฉันเลยชอบย้ายนู่นเปลี่ยนนี่เป็นประจำ เฟอร์นิเจอร์ก็ย้ายมันไปเรื่อยๆ มุมนั้นบ้าง มุนนี้บ้าง จริงๆมันเหมือนเป็นความสุขอย่างหนึ่งด้วยนะ คือเวลาได้อยู่บ้านที่น่าอยู่ คนอยู่มันก็มีความสุขน่ะใช่ไหม(ถ้าไม่คิดเรื่องขโมยอ่ะนะ ฮ่าาา) ทีวีสีดำทะมึนที่เห็นในรูปตอนนี้ก็ไม่อยู่แล้ว หายไปกับขโมยคืนนั้นน่ะแหละ เฮ้อออ...เสียดาย พึ่งซื้อใหม่ใช้ได้ไม่นานเองนะเนี่ย




มุมโปรด


ฉันชอบซื้อหนังสือกับนิตยสารที่เกี่ยวกับการแต่งบ้าน ซึ่งไอเดียแต่งบ้านส่วนใหญ่ก็ได้มาจากที่อ่านๆหรือดูๆไป ที่เห็นในรูปข้างบนนี่ก็พยายามแต่งบ้านให้เหมือนรูปที่เค้าโชว์ในนิตยสาร ฮาาา เหมือนไม่เหมือนไม่รู้ล่ะ แต่ว่าชอบอ่ะ อิอิ และอีกอย่างบ้านเรามีหนังสือเยอะ เลยจับหนังสือมาเป็นเครื่องประดับให้บ้านซะเลย ฉันชอบวางหนังสือไว้ตรงมุมนั้นมุมนี้ เห็นคนอื่นทำแล้วมันดูเก๋ไก๋ดี เลยลองมั่ง




มุมมองจากหลังบ้าน ผ่านหน้าต่างบานนี้...บานที่ติดตาในคืนนั้นนั่นเอง


.
.
.





ปิดท้ายด้วยรูปโทบี้ขณะกำลังชะเง้อมองเด็กๆที่วิ่งเล่นกันที่สนามหน้าบ้าน



หมดแล้วจ้าา ต่อไปคิดว่าจะพยายามเข้ามาเขียนเรื่องการแต่งบ้านบ่อยๆ ไม่แน่สิ่งที่เราบอกเล่าหรือลองผิดลองถูกกันไปอาจจะเป็นแรงบันดาลใจหรือเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆก็ได้นะ ใช่ไหม อ้อ...และฉันรู้ตัวว่าเป็นคนที่ชอบเขียนอะไรที่ยาวๆ ถ้าหากมีใครหลงเข้ามาอ่านจนจบ ฉันก็ขอขอบคุณมากๆจากใจจริงๆ

...Home crap home, it's still our home after all...






Create Date : 11 มีนาคม 2552
Last Update : 13 มีนาคม 2552 8:02:14 น. 15 comments
Counter : 2758 Pageviews.

 
ตกแต่งทุกอย่างได้น่ารักมากๆ เลย ทั้งบ้าน /blog
ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ


โดย: แอร์ IP: 203.107.217.194 วันที่: 13 มีนาคม 2552 เวลา:9:51:22 น.  

 
เสียใจด้วยนะคะเรื่องบ้านโดนงัด แย่จังเลยนะคะ แต่ก็ยังดีนะที่ไม่อยู่บ้าน เพราะไม่งั้น??? ไม่อยากจะคิด....

เป็นเหมือนกันเลยค่ะ ประเภทชอบย้าย Furniture ไปมา บางทีนึกอยากย้ายตอนเที่ยงคืนก็ทำเดี๋ยวนั้นเลย จนสามีชินแล้วค่ะ หาว่าบ้า...

บ้านตกแต่งได้น่ารักมากค่ะ ชอบ... มีกันสองคนนี่ดีน๊า บ้านเรียบร้อยดี ที่นี่มีเจ้าตัวเล็กด้วย...ปวดหัวมากกับการเก็บ..ขอบคุณที่แวะมาทักทายค๊า


โดย: อยู่ว่างว่าง วันที่: 13 มีนาคม 2552 เวลา:16:56:25 น.  

 
ขอให้กำลังใจมากๆๆๆๆๆๆ เลยค่ะ สู้ๆๆๆๆๆๆ ค่ะ


โดย: คนไทยด้วยกัน IP: 202.142.200.252 วันที่: 13 มีนาคม 2552 เวลา:17:09:20 น.  

 
ชอบอ่านอะไรยาวเหมือนกันค่ะ
และเสียใจเรื่องขโมยน่ะค่ะ แต่ก็ดีแล้วค่ะที่ไม่อยู่บ้านตอนนั้น อันตรายเหลือเกิน

พยามยามลืมๆ และสร้างความสุขมนบ้านต่อไปดีกว่าค่ะ

เราว่าคุณแต่งบ้านได้น่าอยู่และอบอุ่นดีจัง ยิ่งที่คุณบอกว่ามุมโปรด เราว่าเป็นมุมที่น่ามีความสุขกับหนังสือสักเล่มมากเลยค่ะ





โดย: ปลากัดสีทอง วันที่: 13 มีนาคม 2552 เวลา:17:32:46 น.  

 
เป็นกำลังใจให้นะคะ ตอนนี้ก็เช่าอยู่เหมือนกันค่ะ บ้านของคุณน่ารักน่าอยู่มากค่ะ ตกแต่งได้เก๋ไก๋และดูดีมากเลย

ปุยก็ชอบตกแต่งบ้านเหมือนกัน พยายามหาซื้อบ้านเป็นของตัวเอง รอคำตอบจากแบงค์อยู่ค่ะ แต่ก็ไม่อยากหวังสูงมาก ไม่ได้ก็คิดซะว่ายังไม่ถึงเวลา และคิดอีกอย่างก็ไม่มีภาระดี^^

เอาใจช่วยนะคะเรื่องขโมยก็อย่าคิดมากเลยนะ มันผ่านไปแล้วปล่อยอดีตไปเถอะค่ะ


โดย: Puifai IP: 125.25.48.68 วันที่: 13 มีนาคม 2552 เวลา:20:21:50 น.  

 
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาดูบ้านของเราและขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ และก็คงอย่างที่หลายคนว่า ยังไงก็โชคดีที่ตัวเราเองปลอดภัย แต่บอกตรงๆทุกวันนี้ก็ยังมีกลัวๆอยู่เวลาอยู่บ้านคนเดียว นี่ถ้าไม่มีหมาอยู่เป็นเพื่อนก็คงแย่กว่านี้ ก็หวังว่าโจรมันคงไม่เข้ามาขโมยรอบสอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ไม่ประมาทน่ะ ก็ระมัดระวังตัวกันมากขึ้น


โดย: ~ Cerulean Blue ~ วันที่: 14 มีนาคม 2552 เวลา:0:51:21 น.  

 
บ้านสดใส เรียบร้อย แล้วก็น่าอยู่มากๆเลยค่ะ

เรื่องขโมย เสียใจด้วยนะคะ เป็นเราคงจิตตกเศร้ามากๆเหมือนกัน ไม่กล้าแม้แต่คิดเลย ยิ่งตอนนี้ได้ยินข่าวเข้าหูบ่อยเหมือนกัน ตัวเองก็พาลกลัวด้วย แต่ก่อนไม่เคยปิดประตูเหล็กเลยค่ะ ตอนนี้ไปไหนเริ่มปิด แต่ก่อนเปิดหรา อ้าซ่า ประตูสวนก็ไม่ล็อค ตอนนี้ล็อคแล้ว กลัวเหมือนกัน เพราะข้างบ้านเนี่ยโดนสองสามรอบแล้ว ตอนกลางวันนี่ล่ะ ส่วนมากขโมยมันรู้พฤติกรรมของเจ้าของน่ะค่ะ ข้างบ้านเค้าไม่ค่อยอยู่กัน เพราะว่าเค้ามีเรือขนส่งสินค้า แล้วก็ไปกับเรือนานๆ มันก็ขยันเข้าบ้านเค้าจัง เราล่ะกลัว จนตอนนี้เสียงก็อกแก็ก ต้องคอยเงี่ยหูฟัง คอยเป็นหูเป็นตาให้เค้า

วันก่อนจู่ๆมีเด็กวัยรุ่นชาตินั้นน่ะนะ คงรู้นะคะว่าชาติไหน แห่ะ แห่ะ

ถือถุงผ้าสีดำแล้ววิ่งเข้าสวนเพื่อนบ้าน แฟนเราก็วิ่งตามค่ะ ลากสาลี่ไปด้วย แล้วตอนออกวัยรุ่นคนนั้นติดรั้วค่ะ ยังจะให้แฟนเราช่วยอีก แฟนเราก็ถามว่าเป็นใครวิ่งถือถุงดำมาทำไม เข้าบ้านคนอื่นแบบนี้ใครจะช่วย คนนั้นด่าแฟนเราค่ะ แหมมม มันน่านัก เราล่ะกลัว ถือโทรศัพท์รอเรียกตำรวจแล้วนะ

ตอนนี้บ้านราคาลงจริงๆนะคะ แต่ก็ปล่อยกู้ย้ากยากเหมือนกัน เราคิดจะขยายบ้าน สงสัยรออีกสามชาติเศษ เพราะว่าราคาบ้านไม่ขึ้น ฮีโปเทคก็คงไม่เพิ่มยอดเงินหรอก

ปล.เพิ่งสังเกตว่าผ้าม่านกับโคมไฟเราคล้ายกันเลยค่ะ แล้วรู้อะไรมั้ยคะ เพื่อนมากี่คน ถามเราทุกคนว่า ทำไมไม่มีม่าน (แบบทึบๆ) เราบอกว่าไม่เอา เราไม่ชอบเลยม่านทึบๆ แล้วก็ปล่อยชายม่านเหมือนกันเลย เพราะเราไม่ชอบการผูกม่านเหมือนกัน ฮิๆ


โดย: KOok_k วันที่: 14 มีนาคม 2552 เวลา:5:26:29 น.  

 
ขอเข้ามาเป็นกำลังใจให้ค่ะ..


โดย: กระป๋องแป้งฝุ่น วันที่: 16 มีนาคม 2552 เวลา:22:42:29 น.  

 
ดีจ้า ...


นั่นล่ะ ... เราว่าประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องบ้านนั้น
มันคงไม่ต่างกันเท่าไหร่อ้อ .. เราอยู่เมืองไทยอะไรทำได้ง่ายๆ
ไม่ทำเองก็จ้างคนอื่นทำ ขอแค่มีเงิน เพราะฉะนั้นความรัก
ที่ให้กับบ้านก็มีอยู่ระดับหนึ่ง แต่ว่าพอไปอยู่โน่น ทุกอย่าง
มันทำเองหมด .. เราเองไม่เคยรู้มาก่อนถึงงานบางอย่าง
พอไปอยู่แล้วต้องทำเองด้วยความช้ำใจ ... อ้ะ พอเวลา
มันเสร็จมาแล้ว ภูมิใจดีเหมือนกันนะที่มันทำเสร็จแล้ว
และด้วยฝีมือเราเอง ...



เราย้ายกลับเมืองไทยก็เสียดายเหมือนกัน
เพราะว่าบ้านหลายอย่างเลยที่ลงมือทำ สวนเอย ครัวเอย
ห้องน้ำบนเอย ห้องน้ำล่างเอย เรียกว่าทำกันเอง
หมด พอต้องย้ายเลยใจหายเล็กๆ .. เสียดายว่า
เราอยู่นั่นไม่ครบ 10 ปี เรียกว่าจริงๆ แล้วมันน่าจะ
ทำได้ดีกว่านี้แต่ก็ไม่ได้ทำ นี่ขนาดรู้สึกว่าเราเอง
ยังไม่เต็มที่กับมันนะเรายังเสียดายแบบนี้เลยอ่ะ ...


.........

บ้านสวยมากเลยจ้ะ แต่งให้อบอุ่น เห็นโทนนนี้แล้วคิด
เหมือนกันล่ะว่าเราอยากแต่งบ้านแบบนี้เพราะว่า
เป็นโทนกลางๆ ไม่เบื่อง่ายจ้ะ แค่เปลี่ยนมุมของตกแต่ง
เราว่าก็สวยแล้วล่ะ ...

เรื่องขโมยเราว่ามันก็ยากจะลืมนะ เพราะว่า
อยู่ด้วยความระแวง .. แต่อ่ะนะ มันผ่านแล้วอ่ะจ้ะ
เป็นประสบการณ์ที่ไม่อยากให้เกิดแต่เมื่อเจอแล้ว
ก็ต้องเพิ่มความระวังตัวไปอีก ...


วันนี้ไม่ได้กิ๋นกับข้าวเมืองเด้อ แต่ว่าถ้ากินอีก
จะแอบคิดถึงจ้ะ


โดย: JewNid วันที่: 18 มีนาคม 2552 เวลา:19:38:14 น.  

 
เสียใจด้วยค่ะที่โดนขโมยขึ้นบ้าน

บ้านแต่งสวย เรียบร้อยมากๆเลยค่ะ น่าอยู่
เจ้าโทบี้ใส่เสื้อผ้าน่ารักเชียว แบบนี้รู้เลยเจ้าโทบี้ อารมณ์ดีแน่ๆ :-))


โดย: coldfusionCF วันที่: 28 มีนาคม 2552 เวลา:15:27:33 น.  

 
ดูมันเกือบทุกหน้าเลยค่ะ เสียใจด้วยนะเรื่องบ้านโดนงัด ของเราแค่จักรยานหายยังเซ็งไปเป็นเดือน ก็ใคร ๆ พูดกันว่าย่านบ้านที่เราอยู่ปลอดภัย คนทางใต้น่ารักนะ จักรยานก็หายไปได้ ไปแจ้งความตำรวจยังพูดเล่นอีกว่าพายุพัดไปหรือเปล่า เพราะจักรยานหายหลังจากวันฝนตกพายุหนัก

เราต้องระวังกันมาก ๆ เองแล้วล่ะนะ แม้ว่าใคร ๆ จะบอกว่าย่านที่เราอยู่ปลอดภัย


โดย: นิด (Pink Studio ) วันที่: 31 มีนาคม 2552 เวลา:2:12:09 น.  

 
บ้านน่ารักมากๆ เลยค่ะ ตกแต่งสวยมากๆ เก่งจริงๆ ค่ะ
ชอบจังเลยค่ะ


โดย: เจ้าปิ้ง วันที่: 30 มีนาคม 2553 เวลา:11:07:37 น.  

 
โดนเหมือนกันค่ะ ตอนแรกก็ขำเพราะมันไม่ได้อะไรไป ทยอยย้ายของมาก่อนเพราะย้ายไปอยู่บ้านญาติ ของที่เหลือคือไม่ค่อยสำคัญ แน่ะ ทีหลังมารื้อดูของที่ย้ายบ้านมา กรี๊ดดดดดดด จักรตรูอยู่ไหน ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ โฮๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ยกทีวีหรืออะไรไปจะไม่โกรธและก็เสียใจเท่ากับยกจักรไปเลย มาเชือดคอกันให้ตายซะดีฟ่า ตอนนี้ทำใจได้แล้วแล้วก็ถอยจักรใหม่ (แต่มันไม่เหมือนกัน ยังไงก็ยังรักมันอยู่ดี)
หัวอกเดียวกัน


โดย: โสดลูกสอง (พี่ปายฟ้า ) วันที่: 14 กรกฎาคม 2553 เวลา:18:02:22 น.  

 
แต่งบ้านได้น่ารักจังลองเข้ามาหาแพทตุ๊กตาถักเจอบล๊อคนี้อ่านแล้วความความรู้จูกดีจังคุณเป็นคนน่ารักจัง


โดย: aieb IP: 122.154.9.253 วันที่: 6 สิงหาคม 2553 เวลา:10:17:28 น.  

 
มาทักทายค่ะ บ้านพี่ก็เพิ่งจะโดนขโมยงัดเหมือนกัน
ก็เสียหายเยอะค่ะ ของมีค่าก็เอาไปด้วย
ในฮอลแลนด์เนี่ยขโมยเยอะใช่ย่อยนะคะ
เจ็บใจมันยกโน๊ตบุ๊คสุดหวงไปด้วยสามเครื่อง
แล้วของมีค่าอีกหลายรายการ
น่ากลัว น่าโกรธ น่าสมเพศ คนพวกนี้
ไม่โดนกับใครไม่รู้หรอกจ๊ะ
ตอนนี้เปิดบ้านทีไรก็อดคิดไม่ได้ว่าใครอยู่ในบ้านเราหรือเปล่าน๊า บ้านพี่ยิ่งอยู่เดี่ยวๆไม่มีเพื่อนบ้านเลยน่ากลัวไปใหญ่
ไปไหนมาไหนก็ระวังเอา เรามาอยู่ต่างบ้านไม่รู้ว่า
อะไรมันจะเกิดขึ้นบ้าง ได้แต่ทำใจ จะย้ายบ้านใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ซื้อขายทีภาษีก็แพงจนซื้อบ้านที่เมืองไทยได้เป็นหลังๆ
อีกอย่างบ้านที่นี่แพงมากๆ เราเลยต้องจำใจอยู่ที่นี่กันต่อไป
จนกว่าจะถึงเวลาย้ายกลับเมืองไทยเมื่อเริ่มทำงานไม่ไหว
เข้ามาเป็นกำลังใจและสู้ๆนะคะ
ปล..แต่งบ้านสวยจัง สีสันน่าอยู่เชียว


โดย: be happy (Ramaekers ) วันที่: 16 ตุลาคม 2553 เวลา:5:51:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

~ Cerulean Blue ~
Location :
ลำปาง Netherlands

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 120 คน [?]




:: About Me ::


A girl, her life, and the old little Dutch house. Oh, and possibly a few adventures...

Anyway feel free to drop by and say hi :)

:: decorating ::
:: sewing ::
:: crafting ::
:: painting ::
:: traveling ::
:: and Living! ::

"ผจญภัยในอ้อมแลนด์"













:: PREVIOUS POSTS ::


...My simple kitchen pantry storage and the most frequently asked questions about Cerulean Blue...

...The guest bedroom and how to hang wallpaper...ห้องนอนเล็ก และ how to การติดวอลเปเปอร์แบบง่ายๆ...

...Blog is more than you think... ชีวิตและการเขียนบล็อก...

...The Little Groningse Kitchen...

...My polka-dot room and how to crochet 'Spring Blossom granny square # 2'...

...My 'blue' and 'white' curtain...

...and I am back again, officially... นกน้อย คืนรัง ^^...

...Window seat project #2... มุมริมหน้าต่างเสร็จแล้ว + งานเล็กๆของช่างไม้มือสมัครเล่น ^_^...

...My kitchen, my pride...

...'Cute curtains' and a quick peek into my sewing room...

...My new sofa slipcover!... โปรเจ็คยักษ์ 'ผ้าคลุมโซฟา' ^^...

...One Year already!... ครบหนึ่งปีพอดี + รวมมิตรรูปบ้าน และเรื่องบ้านๆที่อยากแบ่งปันกัน...

...Shabby shabby...เก่านิดๆ ถลอกหน่อยๆ...

...That nice 'ugly' shelf...

...'The white fireplace' and my old glass cabinet...

...A bit of a change in the living room...

...'Spring Blossom' granny squares...แกรนนี่สแควร์ลายใหม่ ^-^...

...'Cerulean' crochet cushion... และคุยเล็กคุยน้อย...

...Café curtains...

...My 'kitsch' kitchen...และชีวิตช่วงนี้...

...Another armchair slipcover!...ผ้าคลุมเก้าอี้ (อีกแล้ว)...

...Armchair slipcover...โปรเจ็คแรกแห่งปี!...

...Santa Wood(s), Christmas tree and a few tips of choosing colours for your home...

...A Little Update...

...Make it 'COZY'...



:: All About My Home ::


...New Home...
































































...Old Home...




























:: งานเขียนและรูปภาพในบล็อกนี้
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพ.ร.บ. พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ทำซ้ำ ส่วนหนึ่งส่วนใด โดยมิได้รับอนุญาต ::


New Comments
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
11 มีนาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ~ Cerulean Blue ~'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.