พฤษภาคม 2550

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
ผ้ายันต์ ศาสตร์และศิลป์แห่งเวทมนต์


วันนี้เป็นวันวิสาขบูชา ผมเปิดห้องพระเข้ามาเพื่อกราบไหว้พระพุทธรูป เพื่อความเป็นศิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัวครับ

ขอเชิญเข้ามากราบไหว้พระด้วยกันสิครับ แล้วผมจะมีเรื่องที่น่าสนใจมาคุยให้ฟัง พร้อมแล้วนะครับ เชิญฟังครับท่าน

ผ้ายันต์


ศาสตร์และศิลป์แห่งเวทมนต์






"ผ้ายันต์" อาจจะฟังแปลกหูสำหรับคนรุ่นใหม่สักนิด เพราะอาจจะไม่รู้ว่าคืออะไร
ผ้ายันต์คือวัตถุมงคลประเภทหนึ่ง ในกลุ่มของเครื่องรางของขลังของไทย ผ้ายันต์มีขนาดเล็กๆเท่ากับผ้าเช็ดหน้าหรืออาจจะใหญ่กว่าเล็กน้อย ทำด้วยผ้าฝ้าย ผ้าลินิน มีสีเท่าที่เคยเห็นคือ สีขาว สีแดง และสีเหลือง
ผ้ายันต์เป็นวัตถุมงคลที่มาแต่สมัยโบราณ มักสร้างขึ้นโดยพระเกจิอาจารย์ผู้มีอาคมเข้มขลัง คุณสมบัติของผ้ายันต์มีหลายประการ เช่น ด้านคงกะพัน เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ การจัดทำผ้ายันต์ไม่ต้องมีพิธีการใหญ่โตอะไร พระเกจิอาจารย์ผู้จัดทำอาจจะเป็นผู้ทำการปลุกเสกด้วยตัวเอง

บนผ้ายันต์จะมีลวดลายและเขียนเป็นอักษรคาถาตามแบบของพระเกจิอาจารย์แต่ละท่าน ไม่ซ้ำแบบกัน ต่อมาผ้ายันต์มีการพัฒนามาเป็นการพิมพ์ลวดลายแทนการเขียนด้วยมือ เพราะอาจจะต้องการจำนวนมาก ยันต์พัฒนามาเป็นเสื้อกั๊ก(คล้ายสำหรับเสื้อวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง)

ปัจจุบันนี้ผ้ายันต์ไม่ค่อยเห็นกันบ่อยนัก อาจจะเนื่องด้วยไม่ค่อยมีการจัดทำ

เมื่อเช้านี้ผมอ่านเรื่องของบุคคลท่านหนึ่งที่มีความสนใจเกี่ยวกับผ้ายันต์ ถึงกับศึกษาและสะสมไว้จำนวนถึง 3000 ผืน น่าสนใจมากครับ เชิญอ่านครับผม


ความเชื่อทางไสยศาสตร์ของผู้คนแห่งอาณาจักรสุวรรณภูมิ ถูกถ่ายทอดจากบรรพบุรุษของเราเนิ่นนานนับพันปี ผืนผ้าเขียนอักขระโบราณ และภาพสัญลักษณ์ต่างๆ กำกับลงคาถาอาคม ความเชื่อความศรัทธาอันเต็มเปี่ยมในผ้าผืนเล็กๆ เหล่านี้ คือสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้คนไว้ในด้านอิทธิฤทธิ์นานาประการ

และเมื่อเร็วๆ นี้ หอศิลป์ บ้านจิม ทอมป์สัน จัดบรรยายขึ้นในหัวข้อ "ผ้ายันต์ ผ้าทรงเวทมนตร์แห่งสุวรรณภูมิ" โดย อัครเดช นาคบังลังก์ เจ้าของพิพิธภัณฑ์ผ้าโบราณสบันงา พิพิธภัณฑ์ผ้าโบราณใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเจ้าของผลงานสะสม 'ผ้ายันต์ลายมือลายเท้าครูบาศรีวิชัย' ซึ่งเป็น 1 ในผืนผ้าที่กำลังจัดแสดงในนิทรรศการ เมติซาจส์ (METISSAGE) : สานศาสตร์ ผสานสื่อสิ่งทอกับศิลปะร่วมสมัย ณ หอศิลป์บ้านจิมฯ อยู่ในขณะนี้

อัครเดช บอกที่มาที่ไปของการบรรยายและนิทรรศการย่อยครั้งนี้ว่า เริ่มจากผ้าผืนหนึ่งไปเตะตา อีฟส์ ซาบูแรง ภัณฑารักษ์ชาวฝรั่งเศสผู้คัดสรรผ้า 69 ชิ้นเพื่อแสดงในนิทรรศการเมติซาจส์ครั้งนี้เข้าอย่างจัง "ซาบูแรงบอกว่ามีผ้าผืนหนึ่งที่เขารู้สึกถึงความ 'มีพลัง' คือ ผ้ายันต์ลายมือลายเท้าครูบาศรีวิชัย ถามหาเจ้าของก็ คือผมแล้วเขาก็ขอให้นำผ้าในหมวดนี้มาจัดเป็นนิทรรศการย่อยที่ผมนำผ้ายันต์มาแสดง 100 กว่าผืน"

นักสะสมผ้าตัวยงอธิบายว่า ผ้ายันต์ผืนนี้อยู่ในประเภทของ "ยันต์ฝ่าต๊ะ" หรือยันต์ประทับรอยมือ รอยเท้า ถือเป็นยันต์ชนิดพิเศษที่พบยาก สำหรับนำติดตัว หรือบูชาคนที่มีบารมี เป็นที่เคารพรักเพื่อเป็นเสมือนสิ่งมงคลป้องกันภัย ยันต์ผืนนี้เชื่อว่านำโชคมาแก่เจ้าของ แล้วมักพบเป็นรอยทาบของฝ่ามือฝ่าเท้าของบิดามารดา หรือพระสงฆ์ผู้มีชื่อเสียง ดังเช่นผ้ายันต์ฝ่าต๊ะของครูบาเจ้า 'ศรีวิชัย' อริยสงฆ์แห่งภาคเหนือ "ผ้าผืนนี้ถือเป็นสิ่งล้ำค่าสูงสุดชนิดหนึ่งของผ้ายันต์ในอาณาจักรล้านนาไทย ผ้ายันต์ที่ผมสะสมอยู่ตอนนี้ราว 3,000 กว่าผืน ชิ้นนี้รักที่สุด ซื้อมาไม่แพงมากแต่ความที่เป็นของหายากในตอนนี้ ราคาก็สูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังมีคนมาขอซื้อบ่อยๆ" อัครเดช ว่า

การบรรยายคราวนี้ อัครเดชบรรยายให้ความรู้ว่า ประเภทของยันต์ที่พบจัดแบ่งได้เป็น 9 ประเภท คือ 1.ยันต์เมตตามหานิยม 2. ยันต์มหาอำนาจ 3. ยันต์ค้าขาย 4. ยันต์มหาเสน่ห์ 5. ยันต์โชคชะตา 6.ยันต์อยู่ยงคงกระพัน 7.ยันต์ป้องกันภัย 8. ยันต์สารพัดนึก 9.ยันต์ฝ่าต๊ะ

"ยันต์โบราณที่ผมรู้สึก 'ทึ่ง' มากที่สุดคือ ยันต์มหาเสน่ห์ ถือเป็นคุณไสยให้คนหลงรักหลงเสน่ห์ มักทำเป็นรูปหญิงสาวสัมพันธ์กับสัตว์ เช่น ช้าง ม้า วัว ฯลฯ แล้วแน่นอนว่าเมื่อเก็บสะสม ก็ต้องเคารพบูชาผ้ายันต์เหล่านี้ อัครเดชเล่า ว่าครั้งหนึ่งตึกแถวใกล้ๆ ห้องเก็บผ้ายันต์ไฟไหม้ ไฟลามจนเกือบถึงห้องที่เก็บผ้าเขาจึงอธิษฐานขอให้ผ้าคุณค่ามหาศาลพวกนี้อย่าโดนไฟไหม้เลย ปรากฏว่าจู่ๆ ไฟก็ดับมอด ความศรัทธาที่มีต่อการสะสมจึงเข้มข้นยิ่งขึ้น

"ผมก็เชื่อตามวิสัยคนไทยที่เคารพพระครูบาอาจารย์ แต่ไม่ลึกซึ้งไปกว่าความสวยงามทางศิลปะที่เราเห็นว่า ผ้าพวกนี้น่าเก็บ แล้วการศึกษาประวัติผ้ายันต์แต่ละผืนก็รู้ว่า ระหว่างเส้นตัดกันนับหมื่นๆ พันๆ เส้น 'ผู้ลงยันต์' ต้องทำสมาธิท่องคาถาประกอบตามอานุภาพของยันต์นั้นๆ แล้วต้องเป็นผู้มีพลังจิตที่จะถ่ายทอดความเข้มแข็ง เมตตา และความอิ่มเอิบใจลงในผ้า ผู้รับก็ต้องน้อมด้วยความศรัทธาจัดไว้ในที่อันเหมาะสม ท่องคาถาเคร่งครัด ต้องอยู่ในกฎ เช่น ห้ามผิดศีล 5 ห้ามลอดใต้ถุนบ้านหรือราวตากผ้า หรือห้ามบริโภคเนื้อสัตว์ แล้วที่สำคัญยันต์โบราณเขียนเป็นมาสเตอร์พีซไม่ได้พิมพ์กันเป็นพันผืนอย่างในปัจจุบัน"

อัครเดชเป็นเจ้าของผ้ายันต์ กว่า 3,000 ผืน แล้วเขายังเป็นเจ้าของ พิพิธภัณฑ์ผ้าโบราณ "สบันงา" ตั้งอยู่ที่ถนนวัวลาย ประตูหายยา (ซ้ายมือ ก่อนถึงสี่แยกไป อ.หางดง จ.เชียงใหม่) เก็บสะสมผ้าโบราณอายุนับพันปี กว่า 1,000 ชิ้น เป็นฝีมือถักทออันล้ำเลิศของบรรพบุรุษกลุ่มต่างๆ ในอุษาคเนย์ทั้งชนพื้นบ้านและจากราชสำนักในอดีต และเครื่องประดับโบราณอีกนับหมื่นชิ้น ซึ่งหาชมได้ยากยิ่งในปัจจุบัน

"ผ้าเก่าๆ พวกนี้ ผมจะมี 'สาย' ไปเสาะหาให้ก็คือพวกพ่อค้าขายผลไม้ ขายหอม ขายกระเทียม ฯลฯ ที่เร่ขายของไปตามหมู่บ้านห่างไกลแถบภาคเหนือ เช่น หมู่บ้านนี้เป็นชาวไทยใหญ่ผมก็บอกโจทย์ว่าต้องมีผ้าทอแบบนี้นะ เขาก็ไปหาให้ ไม่ง่ายนะครับ เป็นปีกว่าได้มาสักผืนแต่ว่าถ้าชาวบ้านขายให้ผืนหนึ่ง ก็จะมีคนขายตามๆ กันเพราะเห็นว่าได้ราคาดี ผมเคยออกไปหาด้วยตัวเองก็ได้คำตอบ 'ไม่มีหรอก!' เพราะผ้าพวกนี้เป็นของตกทอดจากปู่ย่าตายาย ถ้าไม่คุ้นเขาหวง บางผืนอยู่บนหิ้งเราซื้อมายังได้กลิ่นน้ำหอมมีคราบแป้งบูชาติดอยู่เลย" อัครเดช เล่า

อาจกล่าวได้ว่าเป็นครั้งแรกที่มีการจัดแสดงผ้ายันต์โบราณต่างๆ อายุเก่าแก่กว่าร้อยๆ ปีมากกว่าร้อยผืนมาจัดแสดงให้ชมกันแบบนี้ แก้วสิริ เอเวอริ่งแฮม นักสะสมผ้าโบราณชื่อดังอีกรายที่มาชมงานด้วย กล่าวว่าแปลกใจที่อัครเดชสะสมผ้ายันต์ได้มากเป็นพันๆ ชิ้น และสำทับเรื่องการเสาะหาผ้าว่า เรื่องสาย นักสะสมผ้าต้องมีกันทุกคนเราไปหาเองรับรองไม่ได้ ของเก่าก็ย่อมมีค่าทางใจของผู้เป็นเจ้าของ "ดิฉันเชื่อว่าผ้ายันต์มีอยู่เกือบทุกบ้าน เพราะเป็นของสิริมงคล บางบ้านมีของเก่าเอาออกมาขายให้พ่อค้าแม่ค้าเร่ อย่างเช่น ผ้ายันต์ 1 ผืน แลกกระเทียม 1 กก. น่าใจหายนะ แต่ถ้าเขาอยากขายแล้วเราไม่ซื้อสมบัติเหล่านี้ก็สึกกร่อนไปด้วยกาลเวลา หรืออาจโดนพรากไปจากเมืองไทยก็เป็นได้" แก้วสิริ ว่า

ใครสนใจชมนิทรรศการและฟังการบรรยายดีๆ ก็แวะเวียนไปได้ ที่ หอศิลป์ บ้านจิม ทอมป์สัน (ซอยเกษมสันต์ 2 ตรงข้ามสนามกีฬาศุภลาสัย) ซึ่งตอนนี้กำลังจัดแสดง นิทรรศการเมติซาจส์ จนถึงวันที่ 17 มิถุนายนนี้

ข้อมูลจาก นสพ.คม ชัด ลึก
คอลัมน์ ไลฟ์สไตล์
ฉบับประจำวันที่ 30 พฤษภาคม 2550











































Create Date : 31 พฤษภาคม 2550
Last Update : 31 พฤษภาคม 2550 16:23:12 น.
Counter : 8045 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนุ่มร้อยปี
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]



บล็อกนี้สร้างสรรค์ขึ้นเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2549 โดย ชายไทยวัยสูงอายุ มีวัตถุประสงค์ในการบันทึกและนำเสนอเรื่องราวต่างๆแบบครอบจักรวาล อาทิ ภาพยนตร์ ดนตรี รายการทีวี หนังสือน่าอ่าน อาหารน่ากิน ท่องเที่ยว สะสมสิ่งของ ตำนานชีวิตบุคคลน่าสนใจ รู้ไว้ใช่ว่า จิปาถะ
ฯลฯ เป็นต้น คำขวัญประจำบล็อก ประสบการณ์ชีวิตที่ดีในอดีต คือทรัพยากรที่ทรงคุณค่าในปัจจุบัน คำขวัญประจำตัวเจ้าของบล็อก "อายุเป็นเพียงตัวเลข" บรรณาธิการบริหารบล็อกคือ หนุ่มร้อยปี บล็อกนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ตามกฏหมาย ท่านใดเห็นว่าข้อเขียนหรือภาพประกอบในบล็อกนี้มีประโยชน์ สามารถนำไปใช้ได้ แต่โปรดอ้างอิงชื่อบล็อกนี้ด้วย จักขอบคุณยิ่ง