Group Blog All Blog
|
โรคซึมเศร้า...อย่าคิดว่าไม่สำคัญ โรคซึมเศร้าพูดถึงโรคซึมเศร้าเชื่อว่ายังมีคนอีกจำนวนมากยังไม่ค่อยเข้าใจ และไม่คิดว่ามันจะมีความสำคัญอะไรนักหนา ยิ่งสาเหตุของการเกิดโรคนี้แล้วแทบจะไม่มีใครใส่ใจที่จะศึกษาหาความรู้ กว่าจะรู้ว่าตัวเองหรือคนใกล้ชิดเป็นโรคนี้ ก็ถึงขั้นต้องส่งตัวให้แพทย์ดูแลรักษาแล้ว วันนี้เรามาศึกษาเรียนรู้เรื่อง...โรคซึมเศร้า...เชิญครับท่าน วันนี้จำเป็นจะต้องเร่งแสดงเรื่องโรคซึมเศร้าซึ่งกำลังเป็นโรคน้องใหม่ที่วิ่งแรงแซงโค้ง โรคร้ายแรงรุ่นพี่อย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มว่าอีกไม่นานเกินรอโรคซึมเศร้าก็จะก้าวเข้าไป อยู่ในแถวหน้าและจะเป็นหนึ่งในสามโรคภัยร้ายแรงที่คุกคามชีวิตของมวลมนุษย์โรคภัย ร้ายแรงที่คร่าชีวิตมนุษย์ทั่วโลกเป็นจำนวนมากในแต่ละปีมีอยู่สองโรคกับหนึ่งภัย คือโรคมะเร็งอย่างหนึ่ง โรคหัวใจอย่างหนึ่งและภัยจากอุบัติเหตุอย่างหนึ่งโรคภัยทั้งสามอย่างนี้ ต่างผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนชิงลำดับหนึ่งกันมาเป็นเวลานานแล้ว ความจริงโรคภัยทั้งสามอย่างนี้เป็นผลิตผลของสังคมแบบอุตสาหกรรมใหม่ทั้งสิ้น คือโรคมะเร็งเป็นผลิตผลของความเป็นพิษทั้งอากาศ น้ำ และสภาพแวดล้อม ตลอดจนอาหารที่มนุษย์ดื่มกินและยังบวกเข้ากับอารมณ์เครียดที่เกาะกุมมวลมนุษย์หนาแน่นขึ้นทุกที และทำให้เกิดอนุมูลที่ทำให้เป็นโรคมะเร็ง ผู้คนจึงเป็นโรคมะเร็งกันมากขึ้น ส่วนโรคหัวใจก็เป็นผลิตผลใหม่ที่มนุษย์ดื่มกินโดยไม่บันยะบันยัง ในขณะที่ไม่ใส่ใจ ต่อการออกกำลังกาย ทำให้บังเกิดต้นเหตุหรือปัจจัยที่จะทำให้เป็นโรคหัวใจสำหรับภัยจากอุบัติเหตุก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าอุบัติเหตุรถยนต์ มอเตอร์ไซด์ เป็นอุบัติเหตุที่ทำให้คนตายเป็นจำนวนมาก คนเราเพิ่งจะคุ้นเคยกับคำว่าโรคซึมเศร้าเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง เพราะเมื่อก่อนหน้านี้ คนไม่รู้จักคำว่าโรคซึมเศร้าทั้งๆ ที่สิ่งที่เรียกว่าโรคซึมเศร้านั้นมีอยู่คู่กับชีวิตทุกชีวิต มาตั้งแต่เริ่มมีมนุษยชาติแล้ว อาการของโรคซึมเศร้าก็คือทั้งซึมทั้งเศร้าทั้งเหงาทั้งหงอยหน้าก็แห้ง ตาก็ลอย ถึงแม้อยู่ต่อหน้าผู้คนจำนวนมากก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียว แม้หูจะได้ยินเสียง ตาจะเห็นรูปปากจะได้ลิ้มรส จมูกจะได้กลิ่น กายจะได้สัมผัสสิ่งใดๆ ก็ตาม ก็เหมือนกับสัมผัสความว่างเปล่า ไม่รู้สึกรู้สา นานๆ เข้าก็คล้ายกับตอไม้เข้าไปทุกที พอซึมเศร้าแบบนี้นานเข้าก็เข้าใจเอาเองว่าตัวเองไร้คุณค่า ไม่มีใครต้องการคบหา ขืนมีชีวิตอยู่ต่อไปก็ไร้ประโยชน์เปล่าจึงเป็นเหตุให้เกิดความคิดตัดรอนชีวิตตัวเอง ด้วยวิธีการต่างๆ และเป็นเหตุที่บังเกิดกับคนญี่ปุ่นมากที่สุด และล่าสุดก็มีผู้ประมาณว่า ความเสียหายของคนญี่ปุ่นที่ฆ่าตัวตายแบบนี้ทำให้เกิดความเสียหายปีละหลายแสนล้านบาท ผลการสำรวจล่าสุดปรากฏว่ามีคนเป็นโรคซึมเศร้ามากขึ้นเฉพาะตัวเลขที่สำรวจได้ ปรากฏว่าจำนวนคนเป็นโรคซึมเศร้าอยู่ในลำดับสี่ของโรคภัยทั้งสามที่ได้แสดงมาข้างต้นนั้น ซึ่งน่าจะไม่ค่อยถูกต้องเท่าใดนักเพราะตัวเลขที่สำรวจได้เป็นผลสำรวจจากพวกที่ป่วย ด้วยโรคที่เรียกว่าซึมเศร้าจนอาการร่อแร่ใกล้จะฆ่าตัวตายแล้ว คงจะไม่ได้รวมถึง พวกที่อาการยังไม่หนักหนาสาหัสหรือที่เพิ่งเริ่มเป็นหรือเป็นมาระยะหนึ่ง แต่ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต และถ้านับคนจำพวกนี้เข้าไปด้วยแล้วจำนวนของผู้ป่วย ด้วยสิ่งที่เรียกว่าโรคซึมเศร้าก็คงจะมีจำนวนอยู่ในแถวหน้าสุดของโรคภัย ที่คุกคามมนุษยชาติอยู่ในปัจจุบันนี้ก็เป็นได้ แพทย์แผนตะวันตกไม่รู้ภูมิปัญญาตะวันออก และไม่เข้าใจเรื่องของจิตดังนั้นจึงได้ คิดหาแต่วิธีการตามแบบแผนตะวันตก คือแบบวัตถุล้วนๆแล้ววินิจฉัยว่าการที่คน เป็นโรคซึมเศร้าก็เพราะขาดฮอร์โมนบางชนิดเริ่มต้นด้วยการขาดฮอร์โมน ที่เกี่ยวข้องกับการสืบเผ่าพันธุ์ แล้วเป็นผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นในร่างกาย ที่ผิดปกติไปจากวัยหนุ่มวัยสาวหนักเข้าก็เรียกอาการผิดปกตินั้นว่าวัยทอง ความจริงมนุษย์เมื่อสองพันกว่าปีก่อนก็ผ่านวันเวลาและเหตุการณ์เช่นเดียวกันนี้ มาแล้วทั้งสิ้น แต่ไม่เห็นเป็นปัญหา เพราะถือว่าเป็นเรื่องปกติของชีวิต และไม่เห็นว่าเป็นโรค แต่พอพวกฝรั่งเห็นว่าเป็นโรคชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นตามวัย ก็คิดหาฮอร์โมนหรืออาหารเสริมซึ่งย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ในทางการค้า แอบแฝงอยู่เป็นส่วนมากเพราะในที่สุดไม่ว่าจะกินฮอร์โมนหรืออาหารเสริมอย่างใด ในที่สุดก็ไม่อาจล่วงพ้นความแก่หรือฟื้นความสามารถในการสืบเผ่าพันธุ์ขึ้นมาได้ กระทั่งต้องถึงแก่ความตายในที่สุด พอมาถึงโรคซึมเศร้าก็บอกว่าเป็นเพราะขาดฮอร์โมนอีก หลายคนหลงเชื่อ ไปรักษาแบบแผนตะวันตกที่ว่านี้ สิ้นเปลืองเงินทองไปนับไม่ถ้วนก็ไม่หาย และในที่สุดก็กลายเป็นคนอมโรคเพราะหลงเชื่อว่าตัวเองเป็นโรค และเป็นโรคที่หมอบอกว่ารักษาไม่หาย จึงทำให้สิ่งที่เรียกว่าโรคซึมเศร้านั้น หนักหนาขึ้นไปอีกเพราะสิ้นหวังในชีวิต เนื่องจากเชื่อหมอว่ารักษาไม่หาย มันจะรักษาให้หายได้อย่างไรเพราะเป็นการวินิจฉัยที่ผิดสิ่งที่แบบแผน ตะวันตกเรียกว่าโรคซึมเศร้านั้นมันไม่ใช่โรคและไม่ใช่ภัย แต่เป็นทุกข์ชนิดหนึ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสอนมาสองพันกว่าปีแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสสอนเรื่องทุกข์ไว้หลายประการ ประการแรก ความทุกข์ที่เกิดแต่ชีวิตโดยตรงคือความเกิด ความแก่ ่ความเจ็บและความตาย เป็นความทุกข์ ประการที่สอง ความทุกข์ที่เกิดกับการยึดถือคือความพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ความประสบกับสิ่งที่ไม่รัก ความปรารถนาแล้วไม่ได้สมดังปรารถนา เป็นความทุกข์ ประการที่สาม ความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับจิตใจ ไม่ว่าเพราะขาดอาหารทางจิต หรือเพราะขาดสติที่รู้เท่าทัน หรือขาดปัญญาที่เห็นสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง ความทุกข์ประเภทนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่าได้แก่ โสกะปริเทวะ ทุกขะโทมนัสสุ ปายาสาปิทุกขา ซึ่งแปลว่าความโศก ความร่ำไรรำพัน ความทุกข์โทมนัส และความคับแค้นใจนั้นเป็นทุกข์ในประการที่สามนี่แหละเป็นตัวทุกข ์ที่เป็นโรคซึมเศร้าโดยตรง และเมื่อสิ่งที่เรียกว่าโรคซึมเศร้าเป็นตัวทุกข์ การรักษาจึงต้องดับเหตุปัจจัยที่เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ชนิดนี้ หากไม่ดับเหตุปัจจัยที่เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ชนิดนี้หรือมัวแต่กินฮอร์โมน กินอาหารเสริม หรือรักษาแผนใหม่โดยถือว่าเป็นโรคแล้ว ก็จะไม่มีวันรักษาให้หายได้ เพราะเหตุที่โรคซึมเศร้าเป็นสิ่งที่เกิดกับจิต และเป็นผลให้เกิดความหดหู่เหี่ยวแห้ง ในหัวใจ เกิดความรู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดายไร้ค่าจนเบื่อทุกสิ่งทุกอย่างทั้งใกล้และไกลตัว แม้ในที่สุดก็เบื่อกระทั่งตัวเอง ดังนั้นการบำบัดรักษาจึงต้องบำบัดรักษาที่จิต ไม่มีทางที่จะบำบัดรักษาได้ด้วยการเพิ่มฮอร์โมนหรืออาหารเสริม ซึ่งมีแต่ จะเป็นการทำให้อาการของโรคที่ว่านี้มากขึ้น กระทั่งอาจนำไปสู่การสิ้นเนื้อประดาตัวด้วย การพูดถึงเหตุปัจจัยที่จะบำบัดรักษาโรคซึมเศร้า ถ้าจะกล่าวกันตรงๆ ก็ต้องกล่าวแสดงอริยสัจ คือทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ การดับทุกข์ และทางสู่การดับทุกข์ แต่เพื่อให้สอดคล้องกับยุคสมัยที่ต้องพูดอะไรให้เข้าใจง่ายๆ ฟังง่ายๆ ก็อาจกล่าวได้ว่าโรคซึมเศร้าที่ว่านี้คือโรคขาดอาหารทางจิต ดังนั้นการบำบัดรักษา จึงต้องให้อาหารทางจิต ให้จิตมีความอิ่มไม่กระวนกระวายร้อนใจอีกต่อไป โรคร้ายที่ว่านี้ก็จะหายไป ร่างกายต้องการอาหารไปหล่อเลี้ยงเพื่อให้ชีวิตคงอยู่เติบโตฉันใดจิตใจนั้น ก็ต้องการอาหารไปหล่อเลี้ยงเพื่อไม่ให้ซึมเศร้าเหงาหงอย เพื่อให้มีความอิ่มเอมอิ่มเอิบเบิกบานและเมื่อใดที่จิตได้อาหารจนมีความอิ่มเอมอิ่มเอิบเบิกบานแล้วเมื่อนั้นสิ่งที่เรียกว่า โรคซึมเศร้าก็จะหายไปดังปลิดทิ้ง ตั้งความสังเกตให้ดีเถิดก็จะรู้ และจะพบได้ด้วยตนเองว่าก่อนที่จะมีอาการที่เรียกว่าเป็นโรคซึมเศร้านั้น ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก มูลนิธิสุขภาพไทย //www.thaihof.com/ โดย: หน่อยอิง วันที่: 22 เมษายน 2550 เวลา:11:03:53 น.
Pop ...ว่า...Pop เป็นโรคนี้อยู่แน่ๆค่ะ
รู้ตัวนะ...เพราะเมื่อ 3 ปีก่อนนี้ก็อาการแบบนี้เลย .... .... อาการของคนมีปัญหา...แต่..ไม่มีปัญญาแก้ค่ะ...ว่า...กัน..ง่ายๆเลย! ... ... ช่วงเดือนนี้...อาการนี้เริ่มมาอีกแล้ว หนักด้วย! อาการเหมือนข้อมูลที่พี่โพสต์ไว้นี่เลยค่ะ ต้นเหตุก็คือใจ...และเป็นคนที่อยู่คนเดียวลำพัง ...แต่ยังดี...ที่มีสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อน และหลังเลิกงาน..ก็พยายามออกกำลังกาย ช่วยได้นิดหน่อยค่ะ แต่พออยู่คนเดียว...อาการจะมาอีก! ใครที่รู้ตัวว่าเป็นก็ควรหาที่ปรึกษานะคะ ...โรคนี้...ทำให้คนฆ่าตัวตายเอาง่ายๆเลย เพราะจะประมาณ...อารมณ์ชั่ววูบจริงๆ! โดย: Pop (Come2Z ) วันที่: 22 เมษายน 2550 เวลา:12:50:57 น.
ขอบคุณมากค่ะ สำหรับเนื้อหาโดยเฉพาะในส่วนของพระพุทธศาสนา อ่านแล้วได้คิดขึ้นมากจริงๆ การทานยาต่อเนื่องมีแต่จะทำให้เรื้อรัง และ หายขาดได้ช้า ทั้งหมดทั้งปวงจึงขึ้นกับ สติ ปัญญา และ การปล่อยวางอย่างถูกต้องจริงๆ ขอบพระคุณมากค่ะ โดย: รอยคำ วันที่: 22 เมษายน 2550 เวลา:16:29:48 น.
ขอบคุณค่ะ สำหรับความรู้ เพื่อเราจะได้มองตัวเอง ให้รอดจากโรคร้ายต่างๆ
โดย: นู๋กิ๊ฟกะนู๋เกมส์ (giftgame ) วันที่: 23 เมษายน 2550 เวลา:16:07:12 น.
สวัสดีครับ เพื่อนๆที่เข้ามาอ่านบล็อกของผมทุกท่าน ขออภัยที่ตอบเป็นการเฉพาะทุกท่านไม่ได้ ผมเองก็กลัวโรคซึมเศร้านี้มากๆ ตอนที่เกษียณงานใหม่ๆคิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะทำอย่างไร
การเข้ามาเล่นเน็ตก็เป็นทางออกที่ดีอย่างหนึ่ง แต่อย่าลุ่มหลงมันมากนัก เดี๋ยวจะเป็นโรคเสพย์ติดเน็ตอีก เฮ้อ...คนเรานี่ปัญหามันมากจังนะ จะบอกให้ ฮิฮิฮิ โดย: หนุ่มร้อยปี (หนุ่มร้อยปี ) วันที่: 24 เมษายน 2550 เวลา:11:09:44 น.
|
หนุ่มร้อยปี
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?] บล็อกนี้สร้างสรรค์ขึ้นเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2549 โดย ชายไทยวัยสูงอายุ มีวัตถุประสงค์ในการบันทึกและนำเสนอเรื่องราวต่างๆแบบครอบจักรวาล อาทิ ภาพยนตร์ ดนตรี รายการทีวี หนังสือน่าอ่าน อาหารน่ากิน ท่องเที่ยว สะสมสิ่งของ ตำนานชีวิตบุคคลน่าสนใจ รู้ไว้ใช่ว่า จิปาถะ ฯลฯ เป็นต้น คำขวัญประจำบล็อก ประสบการณ์ชีวิตที่ดีในอดีต คือทรัพยากรที่ทรงคุณค่าในปัจจุบัน คำขวัญประจำตัวเจ้าของบล็อก "อายุเป็นเพียงตัวเลข" บรรณาธิการบริหารบล็อกคือ หนุ่มร้อยปี บล็อกนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ตามกฏหมาย ท่านใดเห็นว่าข้อเขียนหรือภาพประกอบในบล็อกนี้มีประโยชน์ สามารถนำไปใช้ได้ แต่โปรดอ้างอิงชื่อบล็อกนี้ด้วย จักขอบคุณยิ่ง Friends Blog
|
แวะมาทักทายวันหยุดค่ะ